เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพเอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม
หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!
เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ
หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา
อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ
1 วันผ่านไปหลังจากที่ผมสมัครเข้าสมาคมทหารรับจ้างฟารุน ในระดับทหารรับจ้างระดับ 3 และในตอนนี้ผมก็อยู่ภายในค่ายพักแรมของกองทัพอาณาจักรอลันเทียร์
ด้วยความที่นี้คือสงครามแรกของผมจริงๆ ทำให้ภายในใจนั่นรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่เพราะเป็นทหารรับจ้างเลยไม่ได้มีปากมีเสียงเหมือนพวกนายทหาร หรือแม่ทัพของกองทัพอลันเทียร์มากมายนัก ในเวลานี้เป็นช่วงเวลาเช้าสายๆ น่าจะราวๆ 9 โมงเช้านั่นแหละ ผมสาดส่องสายตามองไปรอบๆว่าต้องทำอะไรไหม ก่อนจะเดินไปหาทหารรับจ้างที่มาด้วยกัน
"นี้ลุงพวกเราต้องทำอะไรบ้าง?"
"ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ออกไปรบ สร้างผลงานและทำให้งานมันจบไวๆแค่นั่นแหละ"
"งั้นเองหรอครับ... ว่าแต่ทหารรับจ้างฟารุนพวกเรามากันกี่คนหรอครับ?"
"อืม พวกเราถ้านับรวมที่มาก่อนหน้าก็ราวๆ 70 คนได้น่ะ นายเป็นนักเวทย์ระวังตัวให้ดีๆก็แล้วกันหล่ะ"
"เรื่องนั่นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะระวังตัวไว้"
ผมเดินไปถามคุณลุงที่สวมกางเกงขายาวหนังสีดำที่มีสายคาด พร้อมกับเกราะไหล่เพียงเท่านั่น ในมือถือขวานใหญ่ไว้ในมือ ราวกับว่าเขามีอาชีพเป็นนักรบอะไรทำนองนั่น ก่อนจะเอ่ยถามว่าต้องทำอะไรบ้าง เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานในฐานะทหารรับจ้างหล่ะนะ
เมื่อโดนถาม คุณลุงคนนั้นก็เอามือข้างซ้ายค่อยๆลูบเคราของตนเองเบาๆก่อนจะตอบคำถามของผมแบบสั้นๆง่ายๆ และคำตอบมันฟังดูง่ายจริงๆ แต่เนื้องานนั่นมันก็อีกอย่างหนึ่ง เพราะงานมันไม่ใช่ง่ายๆเลยหล่ะนะ
ด้วยความเป็นห่วง คุณลุงก็บอกให้ผมระวังตัวเอาไว้ แต่เพราะความสามารถของผม ทำให้คิดว่าลุงควรจะรักษาชีวิตเอาไว้จะดีกว่าไหม? ผมคิดแบบนั่นก่อนจะตอบรับคำพูดนั่นด้วยรอยยิ้มเล็กๆของตน
หลังจากพูดคุยกันจบแล้ว ผมกับคุณลุงก็พากันเดินไปรวมตัวที่หน้าค่าย รวมกับทหารของอลันเทียร์และกระจายกันไปในแต่ละส่วนของกองทัพ ผมเลือกที่จะไปทางปีกซ้ายของกองทัพอลันเทียร์ ก่อนจะเดินไปเจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่กำลัง... ไม่สิเป็นม้าเลยต่างหาก....
เธอมีส่วนสูงราวๆ 220 ซม. ส่วนคนราวๆ 60 ซม. ส่วนม้าราวๆ 160 ซม. เป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ เธอมีใบหน้าจิ้มลิ้มสวยงาม ไว้ผมยาวสีบลอนด์ทองสวยสดใส เป็นทรงหางม้า บริเวณที่เป็นหูไม่มีใบหู แต่เป็นหูม้าเหนือศรีษะแทน ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าครามสดใส และมีหน้าอกอวบอึ๋ม
ขนาดหน้าอกน่าจะราวๆ คัพ H(Horse) ถึง K(Knight) ผิวพรรณของเธอนั้นมีขาวผ่องสวยงามส่วนช่วงล่างที่เป็นม้ามีผิวสีออกน้ำตาลเล็กน้อย สวมกระโปรงยาวปิดทับไปถึงช่วงหลังและสวมเกราะอกทั้งช่วงม้าและช่วงคน สวมเกราะไหล่และแขนเอาไว้อย่างเรียบร้อย
ตรงบริเวณเอวมีเข็มขัดประกบดาบเอาไว้และในมือของเธอนั้นถือหอกยาวสีเงินเอาไว้อยู่
"หืม...? นายคือฮ็อบก็อบลินที่ทุกคนเขาลือกันหรอ? ชั้นชื่อ วิคตอเรีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
"อึก... สวยจัง... อ... เอ๊ะ... เอ่อ... ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อ เอล จะเรียกฮ็อบเอลก็ได้"
"อุ๊ย ปากหวานจัง ยินดีที่ได้รู้จักนะเอล ขอให้รอดจากสงครามนะ"
"อืม...! หลังรบเสร็จไว้มาคุยกันนะ"
"สัญญาเนอะ"
เซนทอร์สาวที่รู้สึกตัวว่าตนเองกำลังโดนมองอยู่ ก็หันมามองผมด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่เธอหันมามองผม หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างรุนแรงเสียแล้ว ใบหน้าของผมรื่อแดงขึ้นอย่างเขินอาย ในขณะเดียวกันกับที่สาวม้าตรงหน้ายิ้มหวานและเอ่ยแนะนำตัวกับผม
สาวเซนทอร์นามวิคตอเรีย เป็นชื่อที่ฟังดูดีเหมาะกับความสวยงามนั่นอย่างมาก จนผมหลุดปากเอ่ยเชยชมเธอด้วยความเขินอาย จนรู้ตัวว่าตนเองพูดอะไรออกไป ผมก็รีบปรับอารมณ์และกล่าวแนะนำตนเองในทันที จนเธอที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับอวยพรให้ผมโชคดีในสงคราม แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาตายที่นี้หรอก
แทนที่จะอวยพรให้เธอโชคดีเหมือนกัน ผมก็ได้ขอคุยกับเธอหลังจบสงครามในครั้งนี้ ราวกับเป็นคำสัญญาทำนองนั่นก่อนที่จะแยกย้ายไปประจำในจุดที่ตัวเองเหมาะสมที่สุด
"เหล่าทหารอลันเทียร์ นี้คือสงครามเพื่อความรุ่งโรจณ์ หากเราชนะในสงครามนี้ มิดเรย์ก็จะเป็นของพวกเราอลันเทียร์ สู้ตาย!!!"
"เห้!!!! สู้ตาย!!!!"
ในขณะที่ผมกำลังรอเสียงประกาศสงครามอยู่นั่น แม่ทัพคนหนึ่งของอลันเทียร์ก็ขี่ม้านำหน้ากองทัพทหารอลันเทียร์ ใบหน้าอันเข้มขึงและห้าวหาญของเขา ทำให้ดูห้าวหาญเป็นอย่างมาก ก่อนที่แม่ทัพคนนั้นจะกล่าวคำพูดปลุกใจ จนเสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิมของทหารอลันเทียร์ทั้งหลายโห่ร้องดังอย่างสนั่น
การปลุกใจก่อนเริ่มสงครามดังสั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่กองทัพอลันเทียร์ทั้งหมดจะมุ่งหน้าเข้าสู้ในสงครามกับกองทัพทหารมิดเรย์ในเวลาไม่นาน พร้อมกับผมที่ได้เข้าสู่สงครามครั้งนี้ ในฐานะทหารรับจ้างฟารุนด้วยนั่นเอง
ในสมรภูมิรบ ณ ชายแดนอาณาจักรมิดเรย์ กองทัพของอลันเทียร์และมิดเรย์ที่มีจำนวนมากกว่า 30,000 นายได้เข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง สนามรบเต็มไปด้วยศพของทหารมากมาย ปะปนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นทหารของอาณาจักรใด
ขณะเดียวกัน ผมเองที่ได้กระโจนเข้ามาในสงครามครั้งนี้ก็กำลังต่อสู้กับทหารของมิดเรย์ที่เข้ามาจะสังหารผมอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ฉายขึ้นมาในดวงตาคู่นั่นของมัน พร้อมกับดาบ หอก ขวานในมือที่พุ่งเข้ามาฟาดฟัน แทงใส่อย่างไม่หยุดยั้ง จนผมแทบจะจับจังหวะในการตอบโต้ไม่ได้ง่ายๆเลย
"อย่าให้เจ้านั้นร่ายเวทย์ได้ จัดการเร็ว!"
"เหอะๆ!! นักเวทย์มาแนวหน้าไม่ต่างอะไรจากฆ่าตัวตายหรอกวะ!"
"หึ... มันจะแน่หรอ?"
ทหารมิดเรย์ 3 นายเข้ามาโจมตีใช้ดาบและหอกในมือฟันแทงเข้ามาอย่างไม่ลดละด้วยความพยายามที่จะฆ่าผมให้ได้ แต่ด้วยไหวพริบและร่างกายอันเบาหวิว ทำให้หลบการโจมตีเหล่านั่นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เสียงดาบกระทบพื้นดังแกร๊ง ในขณะที่ผมก็ใช้ปลายไม้เท้ากระแทกเข้าหลังคอของทหารนายหนึ่งอย่างรุนแรง จนมันล้มลงไปนอนกับพื้นทันที ถึงจะยังไม่ฆ่าเพราะไม่มีอาวุธอะไรนอกจากเวทยมนต์ก็ตาม แต่ไม้เท้านี้มันก็แข็งเอาเรื่องเลยหล่ะ
"ไอ้นักเวทย์นี้มัน... กินยากจังวะ!!"
"ตายซะ ไอ้นักเวทย์ปีศาจ!!!"
"ตอนนี้น่าจะได้แล้วมั้งนะ... "
ทหารมิดเรย์สบถด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะรีบใช้ดาบตวัดฟันมาใส่ผมด้วยความโมโห ในขณะที่อีกคนก็ด่าผมด้วยถ้อยคำอันดูถูก นักเวทย์ปีศาจ มันฟังให้ผมดูหงุดหงิดเอามากๆ
ถึงแม้ดาบและหอกจะฟันแทงเข้ามาอย่างว่องไว ผมก็สามารถโต้ตอบการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่
ไม้เท้าในมือเรืองแสงสีน้ำเงินขึ้นมารางๆ พร้อมกับอณูเวทย์ที่ปะทุขึ้นมาในฝ่ามือขวาของผม ก่อนที่หอกน้ำแข็งจำนวนมากจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นแทงทะลุร่างของทหาร 2 คนนั้นทันที
ฉึก!!!
เสียงของหนามน้ำแข็งแทงทะลุร่างดังขึ้นแสนะหู พร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่กระเซ็นมาโดนแก้มสีฟ้าอ่อนของผม ให้ตายสิ... ไอ้พวกมนุษย์นี้มันน่ารังเกียจจริงๆ....
หลังจากจัดการกับทหารมิดเรย์ได้ 3 คนผมก็กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงต่อดี แน่นอนว่าจะใช้เวทย์หนักๆฆ่าพวกทหารมิดเรย์ทีเดียวเป็นร้อยคนเลยก็ได้ แต่ก็ระแวงบางอย่างที่อยู่ในสนามรบ ฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งกว่าตัวผมมากๆ....
ตู้ม!!!!!
"ฮะๆ!!! เข้ามาเลยๆ!!! จะฆ่าพวกแกให้หมดเลยไอ้พวกอลันเทียร์!!!"
ในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะใช้เวทย์ทุ่งสังหารน้ำแข็ง Icicle Death Field นั่นเองเสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นมาพร้อมกับเปลวไฟโหมกระหน่ำขึ้นสูงจากพื้นดิน พร้อมกับเสียงหัวเราะของบุคคลๆหนึ่ง
ร่างของปีศาจผิวแดงเข้มผมสีขลับดำสั้น ในชุดบางเข้าต่อสู้กับทหารอลันเทียร์อย่างเก่งกาจ กำปั้นในมือแข็งกร้าว กำหมัดแน่นต่อยทะลวงร่างกายของทหารอลันเทียร์ได้ในหมัดเดียว
ผิวกายสีแดงเข้มนั่น มีลอยสักสีทองอร่ามกลางอก ดวงตาสีแดงฉานและผลึกที่หน้าผากสีทอง นั่นคือก็อบลินอย่างแน่นอน
ให้ตายสิไม่คิดว่าผมจะต้องมาเจอกับเจ้านี้ตอนนี้
"พวกเราถอยเร็ว!! ปีศาจเพลิงการันมาแล้ว!!!"
"ถอยเร็ว!! พวกเราชนะมันไม่ได้แน่ๆ!!!"
พวกทหารอลันเทียร์ต่างหวาดกลัว กรีดร้องด้วยความตกใจ พวกเขาต่างวิ่งหนีปีศาจผิวแดงตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ก่อนที่จะพากันทิ้งอาวุธถอยจากจุดนั้นอย่างจ้าระหวั่น
ความหวาดกลัวเหล่านั้นเป็นของจริง จิตสังหารสีแดงฉานแผ่ออกมาจากกายของเจ้านั่น แต่ทว่าผมต้องทำการแก้สถานการณ์ก่อน
"ข้าแด่เทพีน้ำแข็ง!! ทุ่งน้ำแข็งสังหาร!!!"
"เห้ย!! อะไรกันฟะ!? ทำไมพื้นดินกลายเป็นน้ำแข็งไปได้ โหวย!!"
ทุ่งหญ้าราบเปลี่ยนเป็นทุ่งน้ำแข็งอันเย็นเยือกในทันทีเมื่อเวทย์ถูกร่ายขึ้นมา ปีศาจเพลิงการันอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อผืนดินเป็นน้ำแข็ง ก่อนที่เจ้านั่นจะเบี่ยงตัวหลบในทันที เมื่อหอกน้ำแข็งพุ่งทะลุขึ้นจากพื้นดินอันเยือกแข็งอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเจ้าปีศาจก็อบลินเพลิงตนนั้นจะหลบได้ แต่ทหารมิดเรย์ที่ตามมาด้วย ก็ถูกหอกน้ำแข็งจำนวนมาก แทงทะลุร่างโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จนเกิดเป็นทุ่งสังหารที่เป็นไปด้วยไอเย็นของน้ำแข็งและเลือดสีแดงฉานของเหล่าทหารมิดเรย์
ตัวของผมที่ร่ายเวทย์ทุ่งน้ำแข็งไป ก็ต้องใช้สมาธิอย่างมาก จนปีศาจการันพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
เจ้านี้มันแข็งแกร่ง และยังมีไหวพริบดีไม่ใช่ย่อยเลยจริงๆ
แกร๊ง!!!
เสียงของดาบและไม้เท้าดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่เจ้าปีศาจเพลิงนาม การัน จะเบิกตาโพลงด้วยรอยยิ้มอันแสนดีใจ ฟันเขี้ยวแหลมทั้ง 4 คี่ยิ้มออกมาจนเห็นได้ชัด ด้วยความดีเดือดของเจ้าก็อบลินระดับ Half-Fire Lord ตรงหน้าของผม
"โห~ กันได้หรอวะเนี่ย? มาไอ้ก็อบลินนักเวทย์ มาสู้กัน!!!"
"ชิ... ไม่คิดเลยว่าแกจะไวได้ขนาดนี้... หอกดิน!!!"
"เว้ยๆ!! ไร้ร่ายหรอเนี่ย... แบบนี้ก็คงไม่ต้องออมมือแล้วสินะ ฮ่าๆ!!!! ฮะๆ!!!!"
เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจของการันดังขึ้นมา ก่อนที่เจ้านั่นจะถอยหลังไป 3 ก้าวและยื่นมือซ้ายกวักมือมาทางผม ราวกับว่าอยากจะท้าทายประลองกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
ผมที่ไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว เพราะสายการต่อสู้ที่ต่างกัน แถมความว่องไวของมันยังสูงจนแทบจะประมาทไม่ได้ แต่ในห่วงเวลาที่เจ้านั่นกำลังกวักมือท้าทายผมนั่น หอกดินจำนวนมากก็แทงทะลุขึ้นมาจากผืนดินอย่างรวดเร็ว
ร่างกายเจ้าปีศาจเพลิงการัน ขยับตัวหลบได้อย่างไม่ยากเย็นมากนัก แถมยังตื่นตาตื่นใจกับความสามารถในการไร้ร่ายของผมอีกด้วย
ให้ตายสิ... เจ้านี้มันเก่งกว่าที่ผมคิดไว้อีก อุ๊ก!!!!
"อย่าประมาทสิเจ้านักเวทย์!!!"
"แกเองก็ไม่ควรประมาทเหมือนกันนิ!!!"
ในขณะที่กำลังใช้ความคิด การันพุ่งตัวใช้ดาบในมือแทงใส่กลางอกของผม
แต่ดาบนั่นก็ไม่อาจแทงเข้ามาได้ เมื่อก้อนน้ำจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมากลางอากาศ เกินเป็นแรงต้านตอนเจ้านั่นแทงเข้ามา กำแพงน้ำนั้นช่วยชลอความเร็วของการันได้ในระดับหนึ่ง
ก่อนที่ผมจะใช้เวทย์สายฟ้า ฟาดใส่เหล่าทหารมิดเรย์อย่างรุนแรง
เปรี้ยง!!!!!!!
เมฆดำปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าด้วยเวทยมนต์ของผม ก่อนที่สายฟ้าจำนวนมากจะผ่าลงมาจากท้องฟ้า ฟาดใส่ร่างของทหารมิดเรย์อีกหลายร้อยคนจนร่างของพวกมันไหม้เกรียมด้วยการโดนไฟฟ้าอันรุนแรงของสายฟ้าที่ฟาดลงมา
ถึงแม้ว่าจะจัดการทหารมิดเรย์ได้แล้ว แต่ทว่าการันก็เคลื่อนตัวเข้ามาหาผมอีกแล้ว หมอนี้ฝีเท้าไวเอามากๆ แต่ทว่า ในตอนที่ผมรู้ตัวและใช้ไม้เท้าป้องกันการโจมตีของหมอนั่น ดาบกับไม่ได้อยู่ในมือของการันเสียแล้ว
ตู้ม!!!!!!
"อั่ก!! แรงเยอะชะมัด... นี้หรอพลังของพวก Half Lord...."
"ฮะๆ!!! เป็นไงๆ!! โดนทริคหลอกของฉันเข้าไป ถ้าไม่ตายก็ซี่โครงหักหล่ะนะ~"
"อึก.... แม่งเอ๊ย... ถ้าเป็น Half Lord เหมือนกันหล่ะก็..."
กำปั้นของการันต่อยใส่ท้องของผมอย่างรุนแรง ก่อนที่ร่างกายจะกระเด็นไปกระแทกกับโขดหินใกล้ๆ ด้วยความรุนแรงของมัน เล่นเอากระดูกซี่โครงของผมหักไปหลายซี่เลย ร่างกายเริ่มขยับตัวไม่ได้แล้ว ถึงแม้จะมีพลังเวทย์เหลือเฟือ แต่พลังมันต่างกันเกินไป....
เจ้านั่นหัวเราะออกมาอย่างสะใจเมื่อการโจมตีของมันสำเร็จ ทำเอาผมเจ็บตัวไม่ใช่น้อย ถ้าหากว่าเป็น Half Lord เหมือนกันคงจะสูสีกันแน่ๆ...
ไม่คิดเลยว่าตัวผมจะมั่นใจมากเกินไป...
ถ้าหากยังเป็นแบบนี้อยู่หล่ะก็... ตายแน่ๆ... ผมยังไม่อยากตาย... อึก... ต้องรีบหนีแล้ว....
"อ่อก!! แค่กๆ!! ด้วยนามของเทพมนตรา ได้โปรดมอบพลังให้ข้าด้วย.... รับไปซะ ปืนใหญ่เวทย์!!!"
"อึ๋ย!!! แย่แล้วๆ!!!"
ร่างกายสะบักสะบอมไปทั้งตัว ในตอนที่เจ้าการันค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยความสบายใจ และชักดาบมาถือไว้ในมือ เตรียมจะเผด็จศึก
ผมไม่ยอมให้ชีวิตของตนเองจบลงแบบนี้ง่ายๆหรอก...
เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป ผมพยายามใช้ไม้เท้าในมือพยุงร่างกายเอาไว้ ก่อนที่จะพยายามเค้นพลังเวทย์ภายในกายทั้งหมดออกมาใช้ หากไม่สามารถจัดการมันได้ในทีเดียว ก็ขอให้มีใครสักคนมาช่วยทีเถอะ....
มานาทั้งหมดภายในร่างถูกรีดออกมา ในขณะที่ก้อนพลังงานเวทย์ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของผม และตั้งเป้าไปที่เจ้าการัน ก่อนจะรีบร่ายเวทย์ขึ้นมา พลังเวทย์เพียวๆที่ไม่ได้ผ่านธาตุใดๆ ก่อร่างสร้างเป็นคลื่นพลังงานสีน้ำเงินอมฟ้าครามก่อนที่จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อร่ายเวทย์จบผมก็ยิงปืนใหญ่เวทย์ออกไปในทันที
เจ้าการันที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบหลบการโจมตีนั่นในทันทีก่อนที่จะเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาในชั่วพริบตา
ตู้ม!!!!!!!!!!!
เสียงระเบิดของปืนใหญ่มานาดังสนั่นไปทั่วสนามรบ ก่อนที่คลื่นระเบิดที่เกิดขึ้นจะฆ่าชีวิตทหารมิดเรย์ไปจำนวนมาก แต่ด้วยการเค้นพลังเวทย์จำนวนมากทำให้ร่างกายของผมไร้เรี่ยวแรงไม่เหลือแรงที่จะหนีไปไหนได้แล้ว
"โห~! พลังโคตรเจ๋งเลย แต่นายพลาดเป้าว่ะ~"
"ให้ตายเถอะ... นี้ฉันต้องมาตายแบบนี้งั้นหรอเนี่ย..."
ถึงแม้ว่าจะฆ่าชีวิตพวกทหารมิดเรย์ไปได้หลายพันคนในการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ทว่าการโจมตีกับพลาดเป้าหมายหลักไปเสียได้ พอมาคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย ร่างกายมันก็รู้สึกหนาวเหน็บไปจนหมด ก่อนที่ผมจะค่อยๆสติเลือนรางลงไปอย่างช้าๆ
ในขณะที่การันค่อยๆเดินเข้ามาและเตรียมจะฆ่าผม ก็มีร่างของทหารม้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาปกป้องผมเอาไว้ หอกในมือแทงสวนใส่การันอย่างรวดเร็วจนเจ้านั่นต้องหลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาที่สติกำลังจะดับวูบลง ผมพยายามที่จะเงยหน้ามองคนที่เข้ามาช่วยก่อนที่จะมีมือบางคู่หนึ่งที่ยื่นมือเข้ามาดึงตัวของผม พร้อมกับเสียงหวานของคนผู้นั่น
"เอล อย่าพึ่งตายนะ!! ชั้นจะพานายกลับค่ายเดี๋ยวนี้หล่ะ!!!"