ทาสชั้นต่ำอย่างมันจะอาจเอื้อมนายได้อย่างไร หากดอกฟ้าดอกนั้นไม่โน้มลงต่ำให้มันเชยชม
ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,ไทย,ดราม่า,ดราม่า,พีเรียดไทย,โรแมนซ์,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คุณแขเมียทาส 18+ทาสชั้นต่ำอย่างมันจะอาจเอื้อมนายได้อย่างไร หากดอกฟ้าดอกนั้นไม่โน้มลงต่ำให้มันเชยชม
*จบแล้วแต่ทยอยลง และ มี E-book*
เฉพาะ E-book มีตอนพิเศษทั้งหมด 3 ตอน ประกอด้วย NC 2 ตอนฉ่ำๆ และตอนจบแบบบริบูรณ์อีก 1 ตอน
นิยายเรื่องแต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องถึงบุคคล สถานที่หรือเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นในสมัยนั้น เนื้อหาภายในเรื่องเป็นเพียงการเซ็ตฉากให้ดำเนินไปตามยุคสมัยซึ่งอาจมีความรุนแรง การแบ่งชนชั้น การกระทำที่ไม่เหมาะสมของตัวละคร อาจมีถ้อยคำหยาบคายและมีการบรรยาย NC / กิจกรรมทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ปล.นางเอกเรื่องนี้เป็นสาวสมัยก่อน แต่ผิดขนบสาวงาม ทำตัวแก่แดด ขี้อ้อน ช่างพูด ขี้อ่อยและมีสัมพันธ์(เสียว ๆ แบบไม่ลึกซึ้ง)มาก่อน ก่อนจะมีสัมพันธ์(เสียว ๆ แรง ๆ ลึกซึ้งสุดใจ)กับพระเอกแค่คนเดียว
***
“กระผมเป็นเพียงแค่ทาส จะให้อาจเอื้อมไปรักคุณแขไขได้อย่างไรกันเล่าขอรับ”
“เป็นทาสแล้วอย่างไร ในเมื่อเรารักกัน”
ไอ้เปลวไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าดอกฟ้าที่แสนซุกซนจนดูผิดขนบสาวงามในยุคสมัยนี้เหตุใดจึงได้ช่างเย้าเล่นกับใจมันนัก ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร...แต่เจ้าชีวิตของมันก็โน้มเข้าหาแลอนุญาตให้มันเชยชมอย่างอิ่มเอม- กระทั่งเกิดความสัมพันธ์เร้าร้อนระหว่างนายแลทาสในเรือนขึ้นมาอย่างลับ ๆ
“คุณแขไขเคยมีใจให้กระผมหรือไม่ขอรับ...” เพราะนายของมันทั้งดื้อแลซุกซน ชอบเล่นสนุกไปกับความรู้สึกของผู้อื่นและมันก็เป็นหนึ่งในคนที่หลงใหลในห้วงสวาทของเธอ จึงไม่แปลกหากมันจะเผลอน้อยใจเมื่อเห็นเจ้าชีวิตของมันไปเล่นกับหมาตัวอื่นอยู่บ่อยครั้ง “...หากไม่รัก ก็อย่าให้ความหวังกระผมได้มั้ยขอรับ”
“หากฉันไม่รักไม่ชอบ”
"..."
"ฉันจะให้เธอทำกับฉันอย่างนั้นหรือ..." คุณแขไขเธอทั้งงามแลมากด้วยเสน่ห์ เธอไม่ได้มีเพียงแค่ใบหน้างดงาม แลช่างป้อนคำหวานให้ทาสคนโปรดเท่านั้น แต่เธอยังมอบสัมผัสหวานหอมจนทำเอาทาสคนโปรดคนนี้ลืมไม่ลงเสียด้วย "...เปลว- เธอทำแรงเสียจนฉันติดสัมผัสของเธอเชียว"
“...”
“หรือว่าตอนที่เธอทำฉัน...เธอไม่ได้ชอบมากถึงเพียงนั้น”
“ชอบสิขอรับ กระผมชอบสัมผัสของคุณหนู หลงใหลแลอยากรักคุณหนูไปทั้งตัว”
“เช่นนั้นก็รักฉันแรง ๆ สิ”
“แต่เรื่องระหว่างเรามันผิดไม่ใช่หรือขอรับ”
ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสไม่ควรเกิดขึ้น แต่ในเมื่อเราทั้งรักแลหลงกันจนไม่อาจห้ามใจ ทั้งยังมีความปรารถนาที่นุ่มลึกแลกสัมผัสแก่กันได้มากถึงเพียงนี้ แล้วทำไมเราต้องสนใจเรื่องผิดถูกพวกนั้นด้วยเล่า
#คุณแขเมียทาส
/ เจอกันทุกวันจันทร์ พฤหัสและอาทิตย์เวลา 21.15 น.ค่ะ /
เวลาผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น คุณแขไขกับคุณพระโกมลต่างก็ถูกกล่าวชมว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกว่าคู่ใดในพระนคร- คนหนึ่งก็งามหยดน่ามองยิ่งกว่าใคร อีกคนหรือก็หล่อเหลาคมคายทั้งยังการศึกษาดีราวกับกิ่งทองใบหยกคู่ใหม่แห่งพระนคร
ก็มีแต่ไอ้เปลวนี่แหละหนาที่ยังเฝ้าคิดถึงนายของมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นหมาใหญ่ในเรือนที่ซื่อสัตย์ภักดี แม้บางวันมันจะเผลอไผลคิดชั่วไปบ้างในยามนอนหลับฝัน...ความต้องการของมันถูกปลดปล่อยออกมาเพียงห้วงเวลานั้น จิตนาการถึงเรือนร่างเพรียวระหงนุ่มนิ่มของเจ้าชีวิตที่บิดเร้าอยู่ใต้ร่างกำยำของมันอยู่ร่ำไป- กว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะหวนคืนกลับมาอีกครั้งก็ต้องรอมันตื่นจากฝันขึ้นมายอมรับความเป็นจริงนี่แหละหนา
“พี่เปลวสุดหล่อจ๋า สอนฉันพูดคำนี้หน่อยสิ”
“คำไหนหรือแดง”
เปลวมันนั่งเหม่อลอยตรงศาลาริมน้ำ นึกถึงห้วงความฝันที่ยังคงชัดเจนในความทรงจำได้เพียงครู่ เสียงใสของนางแดงพร้อมฝีเท้าที่วิ่งมาไว ๆ นั้นก็พลันเอาไอ้เจ้าเปลวมันสติหลุดหันกลับไปมองเด็กสาวที่วิ่งหน้าตั้งมาหาตนในทันที ก่อนมือหนาหยาบกร้านของมันจะหยิบเอาแผ่นกระดาษจากนางแดงมาอ่าน ไอ้เปลวมันเป็นทาสที่มีความรู้ไม่น้อย ด้วยว่าคุณแขไขเคยสอนหนังสือ ทิ้งหนังสือให้มันอ่าน อีกทั้งมันยังเคยไปนั่งเฝ้าเธอที่โรงเรียนมิชชันนารี- ครูพักลักจําจนพอจะอ่านออกเขียนได้นั่นแหละหนา...อ่านได้ทั้งภาษาไทยแลเทศ ซ้ำยังคิดเลขได้อีกต่างหาก
“Good af-f-fer ter noon” ไอ้เปลวมันอ่านออกเสียงตะกุกตะกัก
“เก่งจังเลยจ้ะ...” ก่อนจะเป็นนางแดงที่ปรบมือด้วยความชื่นชมพี่ชายในเรือนของตนเองเสียยกใหญ่ “...แล้วมันแปลว่าอะไรเหรอจ๊ะ”
“...” ไอ้เปลวมันนิ่งคิดไปพักหนึ่ง พยายามนึกคำในหัวที่พอจะจำได้ แล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจ- ท่าทางของมันช่างเหมือนหมาใหญ่ใจดีแลดูน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน “....สวัสดีตอนกลางวัน”
“โอ้ พวกฝาหรั่งกล่าวสวัสดีกันทั้งเช้า กลางวัน เย็นเลยหรือจ๊ะ แปลกพิกล”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วนี่เอ็งไปเอากระดาษหนังสือแผ่นนี้มาจากไหนหรือนางแดง”
“คุณพระโกมลท่านให้มาน่ะจ้ะ เดิมท่านจะเอาทิ้งด้วยว่าเขียนผิด- ฉันจึงขอท่านเอามาฝึกอ่านเขียนน่ะ”
“อ่อ เป็นเช่นนี้เอง”
อ่า...ก็คงจะเป็นจดหมายที่ท่านต้องการเขียนถึงเพื่อนที่อยู่เมืองฝรั่ง ทว่ากลับเขียนพลาดแลไม่ได้มีใจความสำคัญด้วยละมังจึงได้ใจดีเอาให้นางแดงมาอ่านเช่นนี้ แต่ก็...โอ้โห ไม่น่าเชื่อเชียวว่านางแดงมันจะโชคดีเช่นนี้ ดูท่าว่าคุณพระโกมลจะเอ็นดูมันพอตัวเชียว ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้จดหมายลายมือของตน- ให้มันไว้ฝึกอ่านแลเขียนตามเสียจนมีอักษรยุกยิกเรียงกันเต็มหน้ากระดาษหรอกหนา
จริงสิ...จะว่าคุณพระเธอใจดีกับนางแดงเป็นพิเศษก็ดูจะน่าเกลียดไปเสียหน่อย อันที่จริงท่านก็ใจดีกับเหล่าทาสในเรือนคุณแขไขเกือบจะทุกคนนั่นแหละหนา ดูอย่างไอ้เปลวสิ- ท่านเห็นว่ามันสนใจศึกษาเล่าเรียน เช่นนั้นจึงได้เอาหนังสือเก่าของตนที่อ่านง่ายมาให้มันได้ฝึกฝนอีกด้วย ช่างเป็นชายหนุ่มที่ใจดีเสียนี่กะไร
“แล้วพี่เปลวละจ๊ะ วันนี้ไม่ไปแอบเรียนกับมิชชันนารีแล้วเหรอ”
“พี่ก็อยากไปอยู่หรอก แต่ไม่มีเวลาเนี่ยสิ...นี่แดง- หากเอ็งมีเวลาว่างต้องขยันศึกษาเล่าเรียนนะ เข้าใจหรือไม่...” ไอ้หมาใหญ่มันหันกลับมาสั่งสอนเด็กหน้ากลมที่กำลังตั้งใจฟังตามประสาพี่ชายที่เป็นห่วงน้องสาว ช่างเป็นหมาที่อบอุ่นเสียเหลือเกิน “...เมื่อไหร่อายุยี่สิบได้เป็นไท จะได้มีวิชาความรู้ติดตัวไว้ทำมาหากิน”
“เข้าใจแล้วจ้ะ...” นางแดงพยักหน้ารับพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนจะเก็บกระดาษจดหมายพับลงอย่างเบามือด้วยกลัวว่ามันจะขาดเสียก่อน แล้วจึงยิ้มแฉ่งหันกลับมาถามคนที่มันรักแบบพี่ชายอีกครั้ง “...ตอนนี้พี่เปลวก็เป็นไทแล้วแต่ยังขอท่านเจ้าคุณทำงานที่เรือนนี้ เช่นนั้นแล้วเมื่อไหร่พี่เปลวจะมีเมียล่ะจ๊ะ”
พรวด!
“แค่ก แค่ก แค่ก...” ไอ้เปลวมันสำลักน้ำเสียจนน้ำหูน้ำตาไหล พลันหันไปดีดหน้าผากมนของเจ้าเด็กที่นั่งข้างกันสักที “...พูดอะไรของเอ็งเนี่ยแดง แก่แดดเสียจริง”
“ฉันแก่แดดเสียเมื่อไหร่ เมื่อวานฉันไปตลาดกับยายกอบเห็นพี่ทิ้งเพื่อนพี่สมัยอยู่เรือนด้วยกันมันมีเมียแล้ว แลพี่เปลวของฉันทั้งหล่อเหลา หุ่นดี แรงเยอะแถมฉลาดเกินทาสด้วยกันเช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่มีเมียกับเขาสักทีเล่า”
“...”
“สาว ๆ มาชอบก็ออกตั้งมาก แต่กลับไม่รู้เรื่องจนเขานั้นถอยหนีกันไปเสียหมด”
เรื่องที่นางแดงเอ่ยมานั้นไอ้เปลวมันก็พอรู้อยู่หรอกหนา ใช่ว่ามันไม่รู้ตัวว่าตัวมันเองก็เคยมีทาสสาว ๆ มาชอบพอมันอยู่สักสองสามคน แต่เป็นมันเองที่ไม่ใส่ใจ...ไม่ใช่ว่ามันซื่อบื้อเสียจนไม่รู้ความ หากแต่มันไม่ได้นึกชอบหญิงสาวเหล่านั้นอย่างไรจึงได้ไม่อยากไปวุ่นวายกับพวกเธอเท่าไหร่นัก
หรือไม่...บางทีที่มันไม่สนใจใครเช่นนี้ก็อาจเป็นเพราะในใจของมันมีผู้ใดอยู่ในนั้น คนที่มันรู้ดีนั่นแหละหนาว่าเป็นใคร- หากแต่ทาสอย่างมันนั้นหรือจะคู่ควรกับเธอ
“เออหน่า เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าแก่แดดให้มาก”
“ฉันไม่ได้แก่แดดสักหน่อย ที่ฉันพูดไปล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้นพี่เปลวนี่ก็ช่างกะไร”
นางแดงมันว่าอย่างนั้นพลันถอนหายใจเสียยกใหญ่ ก่อนมันจะกระเถิบตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปจากศาลา ด้วยว่ามันได้ยินเสียงป้ากอบตะโกนเรียกมันดังมาแต่ไกล เมื่อตั้งหลักได้ก็เก็บกระดาษจดหมายแล้ววิ่งตรงไปยังครัวสุดชีวิตเชียว
“เปลว”
“ขอ- เอ่อ..ขอรับคุณแขไข”
น้ำเสียงหวานที่เอ่ยเรียกชื่อมันพลันทำเอาไอ้เปลวหันกลับไปมองตามเสียนั้นในทันที จึงได้เห็นคุณแขไขในชุดโจงกระเบนห่มสไบงามสดใสเดินเข้ามา- นุ่งเมฆครามห่มจันทร์เดินเข้ามาหามันพร้อมทั้งทิ้งตัวนั่งลงเคียงข้างจนแทบจะแนบชิด เช่นนั้นไอ้เปลวมันจึงทำท่าทางจะลุกหนีเพื่อย้ายไปนั่งพื้นเพื่อให้เราอยู่ห่างกันพองาม ทว่ายังไม่ทันลุกออกไปอย่างที่ใจคิด ข้อมือหนาของมันก็พลันถูกมือนุ่มนิ่มนั่นคว้าเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหนหรือเปลว”
“กระผมจะนั่งพื้น เอ่อ...ไม่สิขอรับ- กระผมจะต้องไปช่วยลุงบุญขุดคลอง ตักน้ำให้ม้าแล้วก็...แล้วก็- เท่านี้แหละขอรับ”
มันว่าอย่างนั้น- ทั้งที่รู้ดีว่าสิ่งที่มันเพิ่งเอ่ยไปนั้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพราะงานที่มันเพิ่งเอ่ยออกมาไอ้เปลวมันทำเสร็จไปนานแล้ว เช่นนั้นมันจะมีเวลานั่งเล่นอยู่ตรงศาลาริมน้ำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน แต่ถึงจะอ้างออกไปอย่างนั้น คุณหนูของมันก็ดึงแขนแกร่งนั่นเอาไว้เสียก่อน
ไอ้เปลวหรือก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเธออย่างไรดี จึงได้ถอยตัวกลับไปนั่งที่เดิมด้วยว่าไม่อยากขัดใจเธอเสียอย่างนั้น...ไอ้เปลวมันสับสนกับตัวเองไม่น้อย ทั้งที่มันรู้ดีแก่ใจว่าไม่ควร หากแต่มันกลับแอบรู้สึกดีใจที่มันได้ใกล้ชิดกับคุณแขไขของมันเช่นนี้- จิตใจไอ้หมาใหญ่ตัวนี้มันอ่อนไหวง่าย ๆ ก็เพราะรอยยิ้มหวาน ๆ ของคุณแขไขเพียงคนเดียวเชียว
“ทำตัวห่างเหินกันเกินไปแล้วนะเปลว”
“คุณแขไขโตเป็นสาวแล้วนี่ขอรับ จะให้กระผมใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อนเห็นทีจะไม่ควร”
“ไม่ควรอย่างไรในเมื่อเปลวเป็นเพื่อนฉัน”
“...” คนงามมองมันพร้อมทั้งมอบรอยยิ้มพิมพ์ใจเช่นนี้ ก็ทำเอาไอ้เปลวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาน่ะสิ...หวานทั้งหน้าตาแลคำพูด เช่นนั้นแล้วจะให้ไอ้เปลวมันห้ามตนเองไม่ให้รักแลหลงเธอได้อย่างไร ในเมื่อคุณแขไขของมันทั้งน่ารักแลนุ่มนิ่มเช่นนี้
“ทั้งยังเป็นคนสนิทที่ฉันไว้ใจมากที่สุดเสียด้วย”
“ขอบพระคุณขอรับ”
ไอ้เปลวมันยกมือไหว้ขอบคุณที่คุณแขไขไว้ใจมันแม้ว่ามันจะเป็นชายก็ตาม ในขณะที่คุณหนูเธอหรือก็มองจ้องไอ้เปลวหมาใหญ่ตัวนี้ตาไม่กระพริบ- เปลว ทาสหนุ่มที่คุณแขไขเธอแอบมองมาตั้งแต่เด็กนั้น ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อเหลา ทั้งยังใสซื่อน่าแกล้งมากเสียด้วย แลความเป็นมันที่เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เด็กจนโตเช่นนี้ คุณแขไขเธอชอบมากเหลือเกิน
คิดไปอย่างนั้นก็นึกเสียดายวันเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันช่างยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำแม้จะมีช่วงที่เราต้องห่างกันไปบ้าง แต่กระนั้นก็ไม่มีวันไหนที่คุณแขไขเธอไม่คิดถึงเปลวเลย- คุณหนูเธอไม่ทันได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แลไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุใดจึงเฝ้ามองหาแก้วอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“เปลว...หากฉันแต่งงานแลออกจากเรือนนี้ไป เปลวจะทำอย่างไร”
คนต่ำศักดิ์มองปลายนิ้วเรียวที่เกลี่ยไปมาอยู่บนหลังมองหยาบกร้านของมันเพียงครู่ ก่อนจะชักมือของมันออกอย่างไม่อาจเอื้อม- มันไม่เคยนึกรังเกียจสัมผัสนั้นจากคุณแขไข หากแต่มันกลับนึกรังเกียจตัวเองที่ไม่อาจหยุดยั้งความรู้สึกของตนที่มีต่อเธอได้อย่างไรเล่า
“กระผมก็จะยินดีกับคุณแขไขแลคุณพระขอรับ”
คุณแขไขยิ้มบาง นึกชื่นชมในความภักดีของไอ้เปลวหมาใหญ่มันขึ้นมา สายตาหวานของเจ้านายมองไล่ไปตามรูปร่างล่ำสัน- เรื่องเช่นนี้หากใครรู้เข้าเธอคงอับอายขายหน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เมื่อคุณแขไขบุตรสาวของพระยาเทียบบรรลือเกิดสนใจในตัวทาสเช่นนี้
น่าอายนัก
“วันนี้หากฉันอยากให้เปลวช่วยเลือกชุดใส่ไปงานเลี้ยงราชการของคุณพี่โกมลสักหน่อย จะได้หรือไม่” คุณแขไขไล่ความคิดในเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ที่ผ่านเข้ามาในหัว ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเพื่อไม่ให้สายตาของเธอเอาแต่จ้องมองกร้ามแขนแกร่งของมันจนเกินงาม
ทว่าน่าแปลกนัก...เมื่อพูดถึงคุณพี่โกมลของตน อารมณ์วูบไหวที่เกิดขึ้นในขณะที่อยู่กับเปลวก็พลันหายไปในทันที รายนั้นหรือก็ไม่รู้อย่างไร เหตุใดจึงออกงานสังคมเก่งนัก คุณแขไขที่เป็นคู่หมั้นของเขาจึงต้องหาชุดออกงานไว้ใส่ในงานสังคมบ่อย ๆ ไปโดยปริยาย
“แล้ว- แล้วคุณพระโกมลเล่าขอรับ”
“คุณพี่โกมลไม่ค่อยว่าง เขาบอกให้ฉันไปเลือกด้วยตัวเอง” คุณแขไขตอบเสียงอ่อย รู้ดีว่าเจ้าทาสแสนซื่อคนนี้จะต้องกำลังรู้สึกลำบากใจที่อาจเอื้อมทำหน้าที่แทนคู่หมั้นนายตน แต่คนอย่างคุณแขไขมีหรือจะสนใจเรื่องพวกนั้น เธอเพียงแค่หาเรื่องอยู่ใกล้กับเปลวเท่านั้น- ก็รู้กันอยู่หนาว่าเธอก็ซุกซนเช่นนี้
ด้วยว่าคุณแขไขเธอชอบการเป็นที่รักนัก เธออยากให้คนเอาใจเธอเสมอ ซึ่งคุณพระโกมลยังไม่สามารถทำให้คุณหนูแขไขคนนี้พอใจได้มากเท่าที่ต้องการ เขาจืดชืดเกินไป รู้ทันเธอเกินไปและฉลาดเกินกว่าเธอจะรับไหว นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณแขไขต้องการหรือมีความสุขกับมันเลยสักนิด
“แต่กระผม...คือกระผมไม่อาจ-”
“เปลวจะใจร้ายกับฉันอีกคนหรือ”
คุณแขไขคนงามส่งสายตาหวานมาอ้อนมันไม่พอ ยังวางมืออุ่นนุ่มลงบนหน้าขาหนั่นแน่นของมันอีกด้วย- คุณหนูเธอลอบกลืนน้ำลายเมื่อมันแข็งแกร่งและแน่นหนักตามประสาคนรูปร่างดี มันอาจจะไม่ใช่รูปร่างที่คนเป็นเจ้าคนนายคนมีหากแต่คุณแขไขเธอชอบเช่นนี้...นัยน์ตาหวานเชื่อมส่งให้ทาสหนุ่มอย่างจงใจจะโปรยเสน่ห์ แต่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรไอ้เปลวมันก็หลงคุณแขไขเสียจนหัวปักหัวปำ
“ไปก็ได้ขอรับ”
เจ้าของร้านตัดเสื้อเจ้าประจำของคุณแขไขมักเอ่ยชมรูปร่างของคนงามอยู่เสมอ ว่ายิ่งโตก็ยิ่งงาม ด้วยว่าเธอมีอก เอว สะโพกที่ชัดเสียจนหญิงใดก็อิจฉาเพราะใส่ชุดไหนก็เข้ารูปงามตาไปเสียหมด แลบทสนาแลคำเอ่ยชมเหล่านั้นไอ้เปลวมันก็เห็นด้วยตามที่เจ้าของร้านว่านัก แต่มันก็ไม่กล้าเงยหน้ามองนายของมันหรอกหนา- ได้แต่ก้มหน้าก้มตาฟังเขาคุยเรื่องความงามที่มันประจักษ์แก่ใจแล้วอย่างนั้น
“สร้อยข้อมือทับทิมแดงนี่เหมาะกับคุณแขไขมากทีเดียว ทับทิมแดงจากเมืองแขก- ฉันคิดว่าหากสวมชุดที่เลือกสั่งตัดไว้แลใส่สร้อยข้อมือนี้ คุณแขไขจะต้องงามสะดุดตาคนทั่วทั้งงานเป็นแน่”
“ก็งามจริงอย่างที่ว่านั่นแหละ...แล้วมันราคาเท่าไหร่หรือคะ”
“สามบาทค่ะคุณแขไข”
ไอ้เปลวแทบจะลมจับไปเสียตรงนั้นเมื่อได้ยินคำตอบที่ฝ่ายเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นมา ไอ้สร้อยข้อมืออันน้อยเท่าเม็ดถั่วนั่นน่ะหรือสามบาท โอ้โหมันจะแพงอะไรขนาดนั้นกันเล่า คนยากคนจนซื้อข้าวกินได้ห้าวันเจ็ดวันเชียว- แต่ถึงอย่างนั้นนายของมันก็เป็นคุณหนูผู้รากมากดี หากจะซื้อมาสวมใส่เพื่อความงามก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกหนา...ไอ้เปลวหรือก็ได้แต่นั่งนับเงินทองที่มันหามาได้อย่างยากลำบาก หากจะซื้อเครื่องประดับสวยงามให้คุณหนูของมันสักชิ้นคงจะยากลำบากนัก ทว่าหากคุณแขไขของมันอยากได้
“ราคาแบบนี้คนยากจนซื้อข้าวได้ตั้งห้าวันเจ็ดวันเชียว ฉันยังไม่เอาดีกว่าค่ะ...” คุณแขไขเธอตัดสินใจไม่รับสร้อยข้อมือเส้นนั้นแม้จะถูกใจมากเพียงไหนก็ตาม ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงินทองพอจะซื้อมันหรอกหนา แต่เมื่อเหลือบไปเห็นทาสหนุ่มของตนที่กำลังนับนิ้วด้วยสีหน้าสิ้นหวังนั่นแล้วก็อดเห็นใจคนชนชั้นล่างไม่ได้ ก่อนเธอจะหันกลับไปคุยกับเจ้าของร้านอีกครั้ง “...ฉันสั่งตัดแค่ชุดอย่างเดียวดีกว่า”
“ได้ค่ะ เช่นนั้นรอสักครู่นะคะประเดี๋ยวฉันจะหาผ้าตัวอย่างมาให้เลือกสักสองชนิด- แบบที่คุณแขไขเลือกไว้นั้นเหมาะกับผ้าทั้งสองชนิด เกรงว่าหากเลือกเองตามใจช่างแล้วคุณแขไขจะใส่ไม่สบายตัว”
“ค่ะ”
ว่าแล้วเจ้าของร้านก็เดินจากไป ที่ตรงนี้จึงมีแค่คุณแขไขแลเปลวเท่านั้นที่อยู่ด้วยกันภายในร้านเพียงแค่สองคน...คุณแขไขพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยว่ากลิ่นผ้าในร้านนี้ทำให้เธออึดอัดนัก ทว่าเมื่อเธอเหลือบไปเห็นสีหน้าท่าทางเลิ่กลั่กของเปลวที่ดูท่าว่าจะตาลายกับผ้าสีสันสวยงามมากมายเช่นนี้แล้วก็เริ่มสบายใจขึ้นมา ก่อนเธอจะสืบเท้าเข้าไปหยุดตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“แบบที่ฉันเลือกเมื่อครู่ดีแล้วใช่มั้ยเปลว”
“ดีแล้วขอรับ”
“เปลวน่ะ- ฉันเลือกแบบนั้นก็บอกว่าสวย แบบนี้ก็บอกว่าดี...สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องตัดสินใจเอง” คุณแขไขเธอแกล้งเง้างอนเสียจนไอ้เปลวมันละล่ำละลักพยายามแก้ตัวเสียรวดเร็วราวกับกลัวว่าคุณหนูของมันจะเข้าใจผิดเสียอย่างนั้น
“เปล่านะขอรับ ที่กระผมเลือกไม่ได้ก็ด้วยว่าคุณแขไขของกระผมใส่อะไรก็งามแลดูมีสง่าราศีไปเสียหมด”
ทาสชั้นต่ำพูดซื่อ ๆ ในขณะที่เจ้านายของมันอมยิ้มพอใจกับคำตอบนั้น- คุณแขไขของกระผมอย่างนั้นหรือ ทว่ายังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่เคยรู้จักกันมาก่อนก็พลันแทรกขึ้นมา พร้อมร่างผอมสูงในชุดจีนที่ปรากฎตรงหน้า
“ทำไมไม่ลองผ้าจากทางจีนบ้างเล่า ปักเลื่อมทองอย่างดีเชียว ลวดลายดอกเหมยทอมือเช่นนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ หากลองผ้าแบบจีนดูบ้างคุณแขไขอาจจะงามไปอีกแบบ แลคงเข้ากับชุดของกระผมไม่น้อย”
ชายหนุ่มผอมสูงในชุดแบบจีนเดินโบกพัดเข้ามาในร้านอย่างที่คุณแขไขแลไอ้เปลวมันไม่ทันได้รู้ตัว ฝีเท้าของเขาเบาอย่างกับพวกโจรย่องเบา- นายเจียอี้ยิ้มให้คุณหนูสูงศักดิ์พร้อมกับเดินเข้ามาจับมือเล็กของเธอเอาไว้ แล้วจึงจุมพิตเบา ๆ ลงบนหลังมืออย่างหลงใหล ไอ้เปลวเห็นเช่นนั้นมันก็ทำท่าจะไปเอาเรื่องทว่าเจ้าของร่างกำยำนั้นกลับถูกคุณหนูของมันห้ามเอาไว้เสียก่อน...เจียอี้เห็นท่าทางไอ้หมาภักดีเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะขบขันออกมา
“ไม่เป็นไรเปลว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อีกหน่อยคุณแขคงต้องสอนธรรมเนียมฝรั่งให้ทาสในเรือนเข้าใจหน่อยแล้วละมัง”
“มาทำอะไรที่นี่” คุณแขไขเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่ได้นึกยินดียินร้ายอะไรกับการมาของคนยียวนกวนประสาทคนนี้เท่าไหร่นัก
“กระผมมาเลือกซื้อผ้าไปทำม่านในห้องรับแขกห้องใหม่ พอดีช่วงนี้ธุรกิจโรงน้ำชากำลังไปได้ดีน่ะขอรับ”
เจียอี้ตอบพร้อมสืบเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนสายตาเจ้าเล่ห์นั่นจะมองผ่านไหล่คุณแขไขไปด้านหลัง สบสายตากับเจ้าของร้านที่กำลังจะเดินเข้ามาหา ทว่าสายตาของเขากลับทำเอาเจ้าของร้านล่าถอยไปในทันที
ไม่มีใครอยากต่อกรกับคนมีอำนาจมืดอย่างตั่วเฮียโรงน้ำชาหรอกหนา ทว่าแม้จะเป็นอย่างนั้นไอ้เปลวมันก็ไม่ไปไหน ยังคงอยู่ที่นี่และคอยระแวดระวังดูแลคุณหนูของมันเป็นอย่างดี ต่อให้ใครจะเอามีดมาขู่มันก็ไม่กลัวหรอกหนา- ด้วยว่าตั่วเฮียโรงน้ำชาน่ากลัวกว่าเป็นไหน ๆ แล้วจะให้มันปล่อยคุณแขไขไว้กับเจียอี้ได้อย่างไร
“เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเจียอี้แล้ว”
“จะน่ายินดีกว่านี้นะขอรับหากคุณแขไขมาเที่ยวเล่นที่โรงน้ำชาบ้าง- เราไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่แล้วนะขอรับ...” หนุ่มชาวจีนหน้าตาเจ้าเล่ห์ทั้งยังมือไว เขาคว้าหมับที่สะโพกนิ่มแล้วลูบไล้มันเบา ๆ พร้อมโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบพร่าที่ข้างหู “...ไม่เจอกันเสียนาน กระผมคิดถึงคุณแขไขใจจะขาด”
คุณแขไขหรือก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เหตุใดจะรู้ไม่ทันเล่ห์กลคนเจ้าเล่ห์กันเล่า แต่ถึงอย่างนั้นในยามนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาเล่นสนุกอยู่กับนายคนจีนคนนี้หรอกหนา เธอจึงได้ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงกลางอกแล้วดันอกแกร่งนั้นออกห่าง แม้เจียอี้จะมีรูปร่างผอมสูงแต่เขาก็มีมัดกล้ามที่พอดีตัว แต่ถึงอย่างนั้นความแน่นนั่นก็ไม่ได้เร้าใจเท่าของทาสหนุ่มคนสนิทของเธออยู่ดี
“...”
“อยากจูบแลตวัดลิ้นเลียตรงนั้นใจจะขาดแล้วนะขอรับ” กระซิบพร่าอีกครั้งพร้อมยกยิ้มร้าย ก่อนจะยอมผละออกห่างตามแรงอันน้อยนิดที่ดันอกเขา- เจียอี้ไม่เคยยอมใครเช่นนี้มาก่อน แต่กับคุณแขไขเขายอมทำตามแต่โดยดีแลหากแม้ว่าเธอจะให้เขาคุกเข่าตรงหน้าแลโลมเลียเธอตรงนี้ เขาก็ยอม
“อยากได้ฉันมากหรือ”
ก่อนจะเป็นคุณหนูแสนซนที่ยกยิ้มร้ายแลเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ ด้วยกลัวว่าทาสหนุ่มหน้าซื่อที่ยืนห่างออกไปจะได้ยิน แม้เปลวจะรู้ดีแก่ใจว่าคุณหนูของตนนั้นใจกล้า แลร้ายกาจซุกซนมากเพียงไหน แต่เธอก็ไม่อยากให้เปลวได้ยินคำพูดน่าเกลียดของเธอจัง ๆ ชัดเจนอยู่ดี
“กระผมจินตนาการถึงคุณแขไขทุกเวลาเลยนะขอรับ”
“พูดจาน่าเกลียดนัก”
“น่าเกลียดหรือ เราก็เหมือนกันนั่นแหละขอรับ...คิดว่ากระผมไม่รู้หรืออย่างไร- ยามที่คุณหนูแขไขช่วยตัวเองก็เอาแต่คิดถึงไอ้ทาสหน้าซื่อที่ยืนตรงนั้นตลอดเวลา”
“อย่าพูดถึงเปลวแบบนั้น”
“เดี๋ยวสิคุณแขกระผมแค่เย้าเล่นนิดหน่อยเอง- คุณแข...โกรธจริงหรือขอรับ”
ก่อนคุณแขไขจะถอยออกห่างจากนายคนจีนแล้วเดินเอี้ยวหลบออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ แม้เราจะเล่นสนุกด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง แต่เจียอี้ก็ควรต้องรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด การที่เปลวถูกพูดถึงในเชิงไม่ดีเชิงนั้นคุณแขไขไม่พอใจยิ่งนัก นั่นอย่างไรจึงได้เดินสะบัดก้นออกจากร้าน โดยไม่ลืมบอกเจ้าของไปด้วยว่าจะมาเลือกผ้าอีกครั้งในวันหลัง
“ไปกันเถอะเปลว”
“ขอรับคุณแขไข”
ไอ้เปลวทาสผู้ภักดีก้มหัวประหงก ๆ แล้วเดินตามคุณแขไขของมันกลับไปยังรถลากของตน ทิ้งให้นายเจียอี้ได้แต่ยืนกอดอกมองเรือนร่างงามนั้นเดินระหงราวกับแมวหยิ่งจากไป เขาเลียริมฝีปากที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นเล็กน้อยด้วยสีหน้าครุ่นคิด- แล้วจึงตระหนักได้อย่างแจ่มชัดว่าคุณแขไขนี่ก็เอาไม่เลือกดีเหมือนกัน
มีคุณพระเข้าหาพร้อมมอบดวงใจให้แต่ดันใฝ่ต่ำมีใจให้ทาสเสียอย่างนั้น
#คุณแขเมียทาส