ทาสชั้นต่ำอย่างมันจะอาจเอื้อมนายได้อย่างไร หากดอกฟ้าดอกนั้นไม่โน้มลงต่ำให้มันเชยชม
ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,ไทย,ดราม่า,ดราม่า,พีเรียดไทย,โรแมนซ์,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คุณแขเมียทาส 18+ทาสชั้นต่ำอย่างมันจะอาจเอื้อมนายได้อย่างไร หากดอกฟ้าดอกนั้นไม่โน้มลงต่ำให้มันเชยชม
*จบแล้วแต่ทยอยลง และ มี E-book*
เฉพาะ E-book มีตอนพิเศษทั้งหมด 3 ตอน ประกอด้วย NC 2 ตอนฉ่ำๆ และตอนจบแบบบริบูรณ์อีก 1 ตอน
นิยายเรื่องแต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องถึงบุคคล สถานที่หรือเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นในสมัยนั้น เนื้อหาภายในเรื่องเป็นเพียงการเซ็ตฉากให้ดำเนินไปตามยุคสมัยซึ่งอาจมีความรุนแรง การแบ่งชนชั้น การกระทำที่ไม่เหมาะสมของตัวละคร อาจมีถ้อยคำหยาบคายและมีการบรรยาย NC / กิจกรรมทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ปล.นางเอกเรื่องนี้เป็นสาวสมัยก่อน แต่ผิดขนบสาวงาม ทำตัวแก่แดด ขี้อ้อน ช่างพูด ขี้อ่อยและมีสัมพันธ์(เสียว ๆ แบบไม่ลึกซึ้ง)มาก่อน ก่อนจะมีสัมพันธ์(เสียว ๆ แรง ๆ ลึกซึ้งสุดใจ)กับพระเอกแค่คนเดียว
***
“กระผมเป็นเพียงแค่ทาส จะให้อาจเอื้อมไปรักคุณแขไขได้อย่างไรกันเล่าขอรับ”
“เป็นทาสแล้วอย่างไร ในเมื่อเรารักกัน”
ไอ้เปลวไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าดอกฟ้าที่แสนซุกซนจนดูผิดขนบสาวงามในยุคสมัยนี้เหตุใดจึงได้ช่างเย้าเล่นกับใจมันนัก ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร...แต่เจ้าชีวิตของมันก็โน้มเข้าหาแลอนุญาตให้มันเชยชมอย่างอิ่มเอม- กระทั่งเกิดความสัมพันธ์เร้าร้อนระหว่างนายแลทาสในเรือนขึ้นมาอย่างลับ ๆ
“คุณแขไขเคยมีใจให้กระผมหรือไม่ขอรับ...” เพราะนายของมันทั้งดื้อแลซุกซน ชอบเล่นสนุกไปกับความรู้สึกของผู้อื่นและมันก็เป็นหนึ่งในคนที่หลงใหลในห้วงสวาทของเธอ จึงไม่แปลกหากมันจะเผลอน้อยใจเมื่อเห็นเจ้าชีวิตของมันไปเล่นกับหมาตัวอื่นอยู่บ่อยครั้ง “...หากไม่รัก ก็อย่าให้ความหวังกระผมได้มั้ยขอรับ”
“หากฉันไม่รักไม่ชอบ”
"..."
"ฉันจะให้เธอทำกับฉันอย่างนั้นหรือ..." คุณแขไขเธอทั้งงามแลมากด้วยเสน่ห์ เธอไม่ได้มีเพียงแค่ใบหน้างดงาม แลช่างป้อนคำหวานให้ทาสคนโปรดเท่านั้น แต่เธอยังมอบสัมผัสหวานหอมจนทำเอาทาสคนโปรดคนนี้ลืมไม่ลงเสียด้วย "...เปลว- เธอทำแรงเสียจนฉันติดสัมผัสของเธอเชียว"
“...”
“หรือว่าตอนที่เธอทำฉัน...เธอไม่ได้ชอบมากถึงเพียงนั้น”
“ชอบสิขอรับ กระผมชอบสัมผัสของคุณหนู หลงใหลแลอยากรักคุณหนูไปทั้งตัว”
“เช่นนั้นก็รักฉันแรง ๆ สิ”
“แต่เรื่องระหว่างเรามันผิดไม่ใช่หรือขอรับ”
ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสไม่ควรเกิดขึ้น แต่ในเมื่อเราทั้งรักแลหลงกันจนไม่อาจห้ามใจ ทั้งยังมีความปรารถนาที่นุ่มลึกแลกสัมผัสแก่กันได้มากถึงเพียงนี้ แล้วทำไมเราต้องสนใจเรื่องผิดถูกพวกนั้นด้วยเล่า
#คุณแขเมียทาส
/ เจอกันทุกวันจันทร์ พฤหัสและอาทิตย์เวลา 21.15 น.ค่ะ /
“ไอ้เปลว เอ็งไปแอบเรียนที่โรงเรียนมิชชันนารีอีกแล้วหรือ...” บนลานกว้างในเรือนได้ยินเสียงท่านเจ้าคุณเทียบบรรลือกำลังตักเตือนไอ้ลูกทาสที่แอบไปร่ำเรียนอยู่ ไม่ใช่ว่าท่านไม่อยากให้มันเรียนหรอกหนาเพียงแต่ด้วยสภาพของมันแลการไปที่นั่นอาจทำให้เกิดปัญหาเอาน่ะสิ ปกติมันก็เรียนอยู่ที่เรือนอยู่แล้วหนา แต่ไม่รู้เหตุใดพักนี้มันจึงได้ขยันไปที่นั่นเหลือเกิน “...ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าอย่าไป ประเดี๋ยวคนที่นั่นเขาจะรังเกียจเอ็งจนไม่อยากมาเรียน- แล้วเอ็งนั่นแหละหนาที่จะมีปัญหากับพ่อแม่ของคุณ ๆ เขาน่ะ”
“กราบขออภัยขอรับท่านเจ้าคุณ” ไอ้เปลวหรือก็ได้แต่พูดอุบอิบด้วยรู้ดีว่าความผิดของตนคืออะไร
“เฮ้อ- เอ็งนี่มันโลภเสียจริง...” ท่านเจ้าคุณเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยว่านึกสนใจในตัวมันนัก ทั้งที่มันเลิกทาสไปแล้วแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดมันจึงอยากทำงานอยู่ที่นี่ต่อ มิหนำซ้ำยังรักเรียนเสียยิ่งกว่าทาสคนอื่นอีกด้วย วิชามวยมันก็ได้ครูดี การเขียนอ่านหรือก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร ภาษาฝรั่งหรือมันก็ได้ใบบุญจากลูกสาวท่าน อีกทั้งมันยังอยากรู้เรื่องการเมืองการปกครองอีก “...แต่ก็ดีแล้วหากเอ็งนึกอยากจะออกไปทำมาหากินข้างนอกแลเลิกเป็นทาสเรือนนี้ จะได้มีความรู้ติดตัว- แต่ก็ใช่ว่าเอ็งจะไปแอบร่ำเรียนอย่างนั้น หากอยากเรียนมากก็ไปหาหลวงพ่อที่วัดสิ”
“จริงด้วยสินะขอรับ” มันครางเสียงแผ่วพร้อมพยักหน้ารับเพราะไม่ทันคิด ด้วยว่าแต่เดิมมันก็รู้จักเพียงแค่โรงเรียนของพวกมิชชันนารีเท่านั้น นั่นอย่างไรมันจึงได้ขยันไปแต่ที่นั่น
“เอ่อ...อีกอย่าง- ที่เรือนคุณพระโกมลช่วงนี้เห็นว่าเธอรับหลานชายมาอยู่ด้วย เธออยากได้ครูมวยไปสอนหลานชายตัวน้อยคนนั้น- จึงได้เสนอเอ็งไป เอ็งก็ลองไปคุยกับเธอดูว่าจะรับหรือไม่ เห็นว่าให้ค่าจ้างด้วยนะเอ็งเอ้ย”
ไอ้เปลวมันได้ยินอย่างนั้นก็หูผึ่งขึ้นมาทันที มันเองก็พอจะได้เรื่องได้ราวอยู่บ้างไม่อย่างนั้นท่านเจ้าคุณเรือนนี้คงไม่เสนอมันไปให้เขาหรอกหนา ก่อนมันจะเงยหน้ามองนายใหญ่ของเรือนที่มองมันด้วยแววตาชื่นชม- ไอ้ลูกทาสเห็นอย่างนั้นหรือก็ดีใจจนเนื้อเต้นเชียว มันรีบไหว้ขอบพระคุณเจ้าชีวิตมันอย่างซาบซึ้ง...ท่านช่างเป็นผู้ใหญ่ที่จิตใจดีนัก ให้มันเป็นทาสที่เรือนนี้ต่อเพื่อแลกข้าวแลที่ซุกหัวนอนไม่พอ ท่านยังยอมให้มันออกไปหาเงินทองเป็นของตนเองในยามว่างจากงานในเรือนอีกด้วย
แลตั้งแต่วันนั้นไอ้เปลวมันก็ไปที่เรือนคุณพระโกมลอยู่บ่อยครั้ง เพราะไปเป็นครูสอนวิชามวยวัดแลเป็นคู่ซ้อมให้หลานชายในวัยแตกเนื้อหนุ่มของเธอ เห็นว่าเขาชื่อโกษา หน้าตาหล่อเหลาผิวพรรณผุดผ่องงดงามสมกับเป็นหลานชายคนสนิทของคุณพระโกมลทีเดียวเชียว- แต่จะต่างกันก็ตรงที่ท่านผู้นี้ใจร้อนไปนิดก็เท่านั้น
“พี่เปลว- เมื่อไหร่ฉันจะเก่งได้เท่าพี่เล่า!”
คุณชายน้อยฟึดฟัดเมื่อล้มลง เขาคนนี้ใจร้อนผิดกับคุณพระโกมลนักที่ใจเย็นประดุจสายน้ำในยามค่ำคืน- แลก็เป็นอีกครั้งที่คุณโกษาเธอแพ้ให้กับทาสในเรือนพระยาเทียบบรรลือ ก่อนไอ้เปลวมันจะยกมือไหว้ขอโทษขอโพยแล้วรีบปรี่เข้าไปพยุงร่างผอมของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมานั่งตรงม้านั่งที่อยู่ไม่ไกล
“ตอนกระผมอายุเท่านี้ยังเตะไม่เป็นเลยนะขอรับ คุณโกษาเก่งมากแล้ว ประเดี๋ยวหากเติบโตขึ้นอีกหน่อยจะต้องเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในพระนครเป็นแน่ขอรับ”
ไอ้เปลวมันโกหกคำโตเสียยกใหญ่ ตอนมันสิบห้าสิบหกน่ะหรือมันก็แข็งแรงตัวใหญ่แล้วด้วยว่ามันเป็นทาสจึงต้องทำงานแบกหามทุกอย่างในเรือน อีกทั้งคุณโกษานั้นเป็นคนกระดูกเล็กแลมีขนาดตัวที่เล็กเพราะอาจจะได้เชื้อทางแม่มามากล่ะมัง...ไอ้เปลวมันคิดเอาเองว่าคงเป็นไปได้ยากหากคนผอมรูปร่างสัดทันเช่นเขาจะตัวสูงใหญ่เหมือนไอเปลวมัน
“จริงหรือ...” ได้ยินเช่นนั้นแล้วคุณโกษาเธอก็ยกยิ้มชอบใจ เด็กชายยืดอกอย่างภาคภูกมิใจพร้อมหันไปดูอกของคู่ซ้อมที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เราสองไม่ได้สวมใส่เสื้อจึงได้เห็นกล้ามเนื้อแลหยาดเหงื่อที่ไหลหยดออกมาด้วยความร้อนแลเหนื่อยอย่างชัดเจน- แลอีกไม่นานหรอกหนา...อีกไม่นานหรอกชายหนุ่มคนนี้จะต้องมีกล้ามแน่นดังเช่นไอ้เปลวมันให้ได้ “...คอยดูนะพี่เปลว ฉันจะเป็นตำรวจที่ตัวใหญ่แลเก่งที่สุดในพระนครเชียว”
“เป็นได้แน่ขอรับ”
ตำรวจหรือ...เป็นตำรวจตัวใหญ่ที่จับผู้ร้ายแลสืบค้นคดีเพื่อช่วยผู้คนคงเป็นเรื่องที่โก้ไม่หยอก แต่ไอ้เปลวมันเป็นทาส หนังสือก็ไม่ได้เรียนความรู้ก็ไม่มีเหมือนใครเขา แล้วมันจะเป็นตำรวจเหมือนอย่างที่คุณโกษาวาดหวังเอาไว้ได้อย่างไรกันเล่า
นั่งพักกันได้ไม่นาน ไอ้เปลวมันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าที่ลากรถดังใกล้เข้ามา หากให้มันคาดเดาก็คงจะเป็นคุณพระโกมลนั่นแหละหนา...แลก็เป็นอย่างที่มันคาดคิดเอาไว้- ไม่นานเท่าไหร่นักม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ก็ลากรถเข้ามาภายในตัวเรือนหลังใหญ่หลังนี้ ก่อนจะเข้ามาหยุดใกล้พื้นที่ที่มันเป็นคู่ซ้อมมวยให้กับคุณชายตัวเล็ก ก่อนเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดข้าราชการจะหิ้วกระเป๋าหนังใส่เอกสาร สืบเท้าลงมาจากรถม้าพร้อมยิ้มอบอุ่นทักทายหลานชายคนสนิทแลไอ้เปลวที่ผลุดลุกขึ้นยืนก้มหน้ากุมมือในทันที
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ฝีมือหลานชายของฉันดีขึ้นหรือไม่”
“คุณโกษาเธอเก่งมากขอรับ...” มันเอ่ยขึ้นเสียงจ๋อยหลังจากยกมือไหว้คุณพระท่านเรียบร้อยแล้ว “...ทั้งเก่งแลเรียนรู้ไว กระผมคิดว่าอีกไม่นานคงแกร่งมากกว่านี้ขอรับ”
พ่อโกมลที่นั่งอยู่ด้วยความเหนื่อยหอบแลร่างกายอ่อนล้าพลันยกยิ้ม ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง- เขาภูมิใจเสียจนคุณพระโกมลนึกเอ็นดูในหลานชายของตนเชียว...เอ็นดูก็ด้วยรู้ดีอย่างไรว่าไอ้เปลวมันยกยอเพื่อให้คุณโกษามีกำลังใจเท่านั้น แต่หากนับกันตามฝีมือคนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือก็ต่างชั้นกันมากนัก
“เห็นหรือไม่ขอรับคุณอา ผมบอกแล้วว่าผมไหว”
“ไหวก็ดีแล้ว- แล้ว...นั่งหอบเช่นนี้เรียนเสร็จแล้วหรือ”
“ของวันนี้เสร็จแล้วขอรับคุณพระโกมล” ไอ้เปลวมันก็ตอบท่านที่ถามมาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่นเสียนอบน้อม ด้วยว่าท่านมีบางอย่างที่ทำให้มันรู้สึกเกรงใจท่านนัก แม้จะไม่ได้ดุดันแต่ก็น่ายำเกรงด้วยอะไรก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน
“เห็นว่าแกรู้ภาษาฝรั่ง เช่นนั้นมาช่วยฉันคัดจดหมายหน่อยได้หรือไม่”
ผู้สูงศักดิ์เอ่ยขึ้นสีหน้าอบอุ่น ไอ้เปลวที่ได้ยินเช่นนั้นก็พลันหูผึ่งรีบพยักหน้ารับอย่างดีอกดีใจ มันชอบเหลือเกินที่ได้ช่วยงานที่มันจะได้วิชาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเช่นนี้
คุณพระเธอเดินนำทาสหนุ่มเข้ามายังห้องทำงาน มันมีขนาดเล็กกระทัดรัดกว่าที่ไอ้เปลวคิดเอาไว้มาก ทว่ากลับมีพื้นที่ใช้สอยอย่างพอดี ไม่ได้คับแคบจนอึดอัด ทว่าก็ไม่ได้กว้างใหญ่จนไร้ประโยชน์- ไอ้เปลวมันนั่งลงกับพื้นเนื้อตัวลีบด้วยว่าเกร็งนัก ก่อนสายตาของมันจะสอดส่องมองไปยังชั้นหนังสือ ตำราหลากหลายและกองกระดาษมากมายที่วางอยู่ไม่ไกล
“เดี๋ยวแกช่วยฉันคัดกองนั้น แยกเป็นหมวดหมู่...” คุณพระเธอชี้นิ้วไปยังกองเอกสารแลหนังสือที่ตั้งรวมกันอย่างไม่มีระเบียบ “...เสร็จแล้วฉันจะให้ค่าจ้าง แกก็เก็บเงินส่วนนี้เอาไว้ด้วยก็แล้วกัน”
“...”
“เป็นค่าจ้างนอกเหนือจากค่าสอนมวย”
“ขอบพระคุณขอรับ...คุณพระช่างเมตตากระผมเหลือเกินขอรับ เป็นบุญของไอ้เปลวแท้ ๆ ” มันว่าอย่างนั้นแล้วก็ยกมือไหว้ท่านอีกที
“ฉันเมตตาเพราะแกเป็นคนดีทั้งยังใสซื่อ- ไอ้เปลว จำไว้นะต่อจากนี้เอ็งต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต อย่าลุ่มหลงมัวเมาไปกับสิ่งไม่ดีและเมื่อสร้างเนื้อสร้างตัวจนมั่นคงได้เมื่อไหร่ก็อย่าลืมกลับมาเยี่ยมฉันบ้างก็พอ”
“กระผมจะไปไหนได้เล่าขอรับคุณพระ ทุกวันนี้ยังอาศัยพึ่งใบบุญท่านเจ้าคุณอยู่เลย”
“ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกหนา...ไม่แน่ว่าอีกไม่นานแกก็อาจจะอยากขอท่านออกมาสร้างตัวก็ได้...” คุณพระโกมลว่ายิ้ม ๆ พลันหยิบเอกสารออกมา ดวงตาอบอุ่นคู่นั้นยังคงมองเอกสารอย่างตั้งใจ หากแต่ปากท่านก็เอ่ยพูดคุยตักเตือนไอ้เปลวด้วยความเอ็นดูไม่หยุด “...ตอนนี้ท่านเมตตาให้อยู่เรือน ก็ทำงานแลกข้าวแลเก็บเงินไปก่อนจะได้ไม่เสียเงินทองหลายทาง”
“ขอรับ”
ก็เป็นอย่างที่คุณพระท่านว่านั่นแหละหนา พระยาเทียบบรรลือเอ็นดูแลเมตตาต่อมันมากเหลือเกิน อุตส่าห์ให้มันอยู่ทำงานแลกข้าวมีที่ซุกหัวนอนในระหว่างที่มันเก็บเงินทองสร้างตัวเช่นนี้ จะมีนายเรือนไหนเขาทำบ้างเล่า- ไม่มีหรอกหนา แลหากไอ้เปลวมันออกมาตอนนี้คงจะทำงานหาเงินจนไม่มีเวลานอนเป็นแน่ บ้านช่องก็ไม่มีอยู่แล้วจะให้มันไปตายเอาดาบหน้าอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังได้อย่างไรกัน
“เอ่อนี่...ฉันมีเรื่องจะถามแกสักหน่อย แกคิดว่าหากโจรชั่วที่ออกปล้นชาวบ้านเกือบทุกคืน หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่ได้อยู่ในพระนคร- คนพวกนี้มันจะไปซ่องสุมกันอยู่ที่ไหน ที่ที่คนจากทางการคิดไม่ถึง”
ไอ้เปลวมันนิ่งไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด นึกย้อนไปถึงคนที่มีลักษณะแปลก ๆ ที่มันเคยพบเห็นยามไปซื้อของที่ตลาดแลพวกคนให้อาหารม้าที่มันเคยเจอแทบรอบนอกพระนคร- คนพวกนั้นมันนึกสงสัยไม่น้อยแต่ ณ ตอนนั้นมันก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากนักทั้งยังไม่รู้เรื่องที่คุณพระโกมลถามอีกด้วย ก่อนมันจะตอบออกมาด้วยความไม่แน่ใจนัก....ก็อย่างว่านั่นแหละหนา มันเป็นเพียงแค่ทาสจะรู้ดีเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ความคิดความอ่านคงไม่สู้เจ้าขุนมูลนายหรอกหนา
“หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยกระผมคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้นะขอรับ- แต่บางทีมันอาจจะไม่ได้หนีมากกว่า...” ไอ้เปลวเอ่ยออกมาอย่างใช้ความคิด “...หากกระผมเป็นโจรแลคิดหลบหนี คงจะแฝงตัวอยู่ในโรงชำเลาหรือไม่ก็แถบนอกเมืองตรงที่ไร่ที่นาชาวบ้านตรงที่มีต้นไม้เยอะ ๆ ล่ะมั้งขอรับ”
“แฝงตัวในโรงชำเลาหรือ”
“คิดว่า...นะขอรับ กระผมก็ไม่อาจทราบได้เช่นกันเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น”
คุณพระโกมลเมื่อได้สดับรับฟังแล้วก็พยักหน้าพร้อมทั้งหัวเราะเสียงทุ้มออกมาอย่างชอบอกชอบใจด้วยว่ามันเป็นที่ที่ใครต่างก็คิดไม่ถึง ด้วยว่าคนพวกนั้นภาษีอากรอยู่แล้วแต่บางทีการเสียเงินทองมากมายเช่นนั้นให้ทางการอาจจะให้พวกเขาไม่พอใจก็เป็นได้- เป็นต้นว่าทำการค้าไปด้วยแลเป็นซ่องโจรไปด้วยในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นพวกมันจึงได้ไปมาอย่างไร้ร่องรอยนัก
ความคิดของทาสหนุ่มทำเอาหนุ่มนักเรียนนอกยิ้มรับในความฉลาดช่างคิดของมัน ก่อนจะเงยหน้ามองไอ้ทาสตาใสที่นั่งอยู่กับกองเอกสารตรงนั้นอีกครั้ง
“ใช่แล้ว- เรื่องนี้ฉลาดคิดไม่ถึงจริง ๆ ด้วย เปลวนี่ฉลาดใช้ได้เชียว”
“...” ไอ้เปลวมันก็ได้แต่นั่งเกาหัวแกรก ๆ ด้วยไม่คิดว่าคำตอบของมันจะถูกใจท่าน
“เออเกือบลืมเชียว ไอ้เปลวแกพอจะรู้หรือไม่ว่าน้องแขเธอชอบอะไรเป็นพิเศษ”
“คุณแขไขหรือขอรับ”
“ใช่...” คุณพระย้ำ สายตาหรือก็เหลือบไปยังปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “...อีกไม่นานก็วันเกิดน้องแขแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะซื้ออะไรให้เธอดี ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าเธอชอบอะไร”
ไอ้เปลวได้ยินเช่นนั้นก็พลันมีสีหน้าเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันก็เป็นได้แค่ทาสคนสนิทของคุณแขไขเธอเท่านั้นนั่นแหละหนาจะไปแข่งบุญแข่งวาสนากับคุณพระโกมลได้อย่างไร
แต่คุณพระโกมลหรือก็เหลือเกินหนา- รู้จักคุณแขไขของมันมานานปีแล้วเหตุใดจึงยังไม่ทราบอีกเล่าว่าคู่หมั้นของตนชอบสิ่งใด
“คุณแขไขเธอชอบเครื่องหอมแลเครื่องประดับของสวยงามขอรับ”
คู่หมายของเจ้าชีวิตมันพยักหน้าเบา ๆ หากจะให้ว่ากันตามตรงแล้วคุณโกมลเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการเดินตลาดในส่วนของเครื่องหอมแลเครื่องประดับเท่าไหร่นัก เขามองว่าเป็นเรื่องจุกจิกไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นหากน้องแขไขอยากได้ก็คงต้องไป ส่วนไอ้เปลวที่นั่งอยู่หรือก็ได้แต่เงียบกริบ- มันเจ็บใจเหลือเกินที่เกิดมาต้อยต่ำเช่นนี้ อีกทั้งยังเจ็บใจที่คุณพระโกมลเธอเป็นคนดีไร้ที่ติ หากเป็นชายหนุ่มใจคอโหดร้ายบ้ากาม ไอ้เปลวก็คงจะสามารถเกลียดเขาได้อย่างเต็มหัวใจ แต่นี่กลับไม่เป็นอย่างนั้น...ไอ้เปลวมันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยินดีกับเขา
ปลายปากกาจรดเขียนตัวอักษรลงบนผืนกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าจนเสร็จสิ้น แลคุณพระโกมลก็เอ่ยชมลายมือเรียบร้อยของมันอย่างจริงใจ ก่อนจะอนุญาตให้กลับเรือนท่านเจ้าคุณเทียบบรรลือได้โดยไม่ลืมให้เงินค่าจ้างแก่มันด้วย
คุณแขไขนั่งมองเปลวไฟที่วูบไหวไปมาของเทียนหอมที่ตนเพิ่งทำเสร็จไปก่อนหน้านี้ เธอลองจุดมันเสียก่อนสักหนึ่งอันเพื่อตรวจดูเทียนหอมที่ทำออกมาพร้อมกันก่อนเธอจะนำมันไปส่งในวังตามคำสั่งของลูกท่านหลานเธอที่โปรดเครื่องหอมประเภทนี้ไม่ต่างกัน
ที่เขาว่ายิ่งโตก็ยิ่งงาม ทั้งยังเนื้อตัวหอมเดินไปทางไหนคนก็หันมองนั้นก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละหนา เจ้าของใบหน้าเรียวเล็กราวกับไข่นกกระทาใช่ว่าจะหาได้โดยง่าย ไหนจะดวงตากลมใส จมูกรั้นแลริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอีก- เป็นเช่นนี้แล้วหนุ่มใดจะไม่หมายปองเธอกันบ้างเล่า ทว่าคนที่เจ้าตัวสนใจมากที่สุดกลับเป็นชายหนุ่มที่เอาแต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทั้งยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากันแม้แต่น้อยนั่นแหละหนา
“กลับมาแล้วเหรอเปลว”
“ขอ- เอ่อ...ขอรับ กระผมกลับมาแล้วแลล้างเนื้อล้างตัวแล้วขอรับ” มันละล่ำละลักบอกไปเมื่อคนงามเอ่ยถามทันทีที่มันเดินขึ้นมาบนเรือน- แลที่มันตกใจก็ด้วยว่าเธอเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันได้เงยหน้ามองมันเสียด้วยซ้ำ
“เรื่องนั้นฉันรู้...กลิ่นสบู่หอมเช่นนี้ฉันมอบให้เปลวแค่คนเดียวนี่”
ไอ้ทาสที่ยืนถือสำรับของว่างขึ้นมาตามคำสั่งของป้ากอบได้แต่ยืนนิ่ง- ที่มันวิ่งไปอาบน้ำก่อนก็ด้วยว่าเนื้อตัวมันเหม็นเหงื่อเกินทนนั่นแหละหนา กลัวว่าหากป้ากอบใช้มันยกของมาให้นายของมัน เธอที่ชอบเครื่องหอมจับใจจะเหม็นสาบจนไม่อยากเข้าใกล้เอาน่ะสิ...แต่ถึงจะเตรียมตัวมาอย่างดีเช่นนั้น มันก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าคุณแขไขจำกลิ่นของมันได้
กลิ่นหอมสะอาดไม่เหมือนใครอย่างที่เธอชอบนักหนานั่นแหละ
ทว่าถึงมันจะอาบน้ำมาอย่างดีเพียงไหน แต่การเข้าไปในครัวเพื่อยกสำรับก็ไม่อาจทำให้มันเลี่ยงฝุ่นควันจากที่ตรงนั้นได้อยู่ดี เช่นนั้นมันจึงไม่ได้เอาสำรับไปวางไว้ใกล้คุณแขไขที่นั่งห่อเทียนด้วยกระดาษไขสวยงามที่อยู่ตรงนั้น ด้วยเกรงว่าคุณเธอจะอึดอัดมิหนำซ้ำมันยังกลัวว่าตัวใหญ่ ๆ ของมันจะเดินเหยียบเทียนที่บรรจงห่ออย่างดีจนเสียหาย
“กระผม- เอ่อ...กระผมก็ไม่ได้ ไม่ได้หอมเช่นนั้นหรอกขอรับ”
“ไม่หอมที่ไหนกัน ยืนไกลเพียงนั้นฉันยังได้กลิ่น หากคราวหน้าฉันพาเปลวเข้าไปในห้องนอน- กลิ่นคงจะคละคลุ้งจนใครต่างก็รู้ว่าฉันพาใครเข้าไปในห้อง”
“กระผมไม่กล้าหรอกขอรับ” พูดอะไรอย่างนั้นเล่าขอรับ น่าเกลียดจะตาย...จะให้มันเข้าไปในห้องนอนของเธอเช่นนั้น- ห้องนอนที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ความรู้สึกแลกลิ่นคาวสวาทของเราสองคนนั่นน่ะ
“หากเปลวเข้าไป- ฉันไม่เสียงดังหรอกหนาเรื่องนั้นเปลวก็รู้ดีไม่ใช่หรืออย่างไร”
คุณแขไขหันกลับไปสบตา พรายยิ้มหวานแล้วขยับริมฝีปากอวบอิ่มเอ่ยเสียงเบาให้เพียงแค่เราสองเท่านั้นที่ได้ยิน- ดูเอาเถอะหนาว่าเธอดื้อมากเพียงไหน และความงามนั้นก็ทำเอาไอ้เปลวหลงใหลในภาพตรงหน้าเสียจนตาพร่า แทบจะเดินสะดุดล้มลงตรงชานเรือนหลังจากวางสำรับเสร็จแล้วตั้งใจจะเดินถอยหลังกลับไป ทว่าทันทีที่มันเงยหน้าขึ้นคุณหนูก็ลุกขึ้นมายืนตรงหน้ามันเสียแล้ว
คุณแขไขเธอช่างร้ายกาจต่อหัวใจของมันเสียไม่มี ทำไมเธอต้องทำเหมือนสนใจแลทำราวกับมีใจให้ไอ้ทาสชั้นต่ำคนนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็มีคนที่เหมาะสมเช่นคุณพระโกมลแล้ว
ใจร้ายเสียจริง
“อีกไม่กี่วันจะวันเกิดของฉันแล้ว....” ว่าพร้อมส่งปลายนิ้วเรียวซับเหงื่อแลเขม่าดินตรงปลายจมูกโด่งของมัน “...ฉันอยากได้ของขวัญจากเปลวจัง”
“อย่าขอรับ ประเดี๋ยวมือจะเปื้อน”
“เปื้อนก็ล้างได้นี่...” คุณหนูแสนดื้อไม่เพียงไม่ฟังเท่านั้น ทว่าเธอยังขยับเข้าใกล้แล้วซับกรอบหน้าคมคายหล่อเหลาของทาสคนโปรดมากกว่าเดิมอีกด้วย “...ว่าอย่างไร”
“ของขวัญ- ของขวัญที่กระผมเตรียมไว้คงไม่มีราคา”
“ไม่เป็นไร...แค่เปลวเตรียมให้และไม่ลืมวันเกิดของฉัน ต่อให้เป็นเพียงแค่ใบไม้- เปลวก็ทำให้ฉันมีความสุขมากแล้ว”
ไอ้ลูกทาสมันหน้าแดงแจ๋ ด้วยว่าสิ่งที่เจ้านายของมันพูดทำให้คนบังอาจอย่างมันเผลอไผลคิดไปไกลเชียว- แลหากจะบอกว่าเธอไม่จงใจพูดด้วยน้ำเสียงหวานเบาหวิวให้มันรู้สึกเป็นอื่นก็คงจะไม่ใช่ เพราะเธอจงใจสื่อไปทางเรื่องอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้น ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนขึ้นมาซับกรอบหน้าของมันที่ตัวสูงใหญ่กว่ามากด้วยรอยยิ้ม
คุณแขไขติดรสแลกลิ่นของเปลวซึ่งเรื่องเช่นนี้ไอ้เปลวที่รักเธอยิ่งกว่าชีวิตก็ติดรสสัมผัสหวาบหวิวที่เคยได้รับเพียงแค่กายภายนอกไม่ต่างกัน
ทำอย่างไรดีให้นายมันเลิกหว่านเสน่ห์เช่นนี้- ว่ากันว่ามีคนสองจำพวกในพระนคร นั่นคือพวกที่เกลียดคุณแขไขด้วยนิสัยรักสนุกและหัวสมัยใหม่เกินไปของเธอ และสองคือพวกที่รักและชื่นชอบมากเพราะความไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบโปรยเสน่ห์และเข้าถึงง่ายนั่นแหละหนา
แต่ไอ้เปลวมันเป็นคนเดียวที่นอกเหนือจากนั้น...เพราะมันรักคุณแขไขด้วยใจจริงแลเป็นคนที่รักเธอจนสุดหัวใจอย่างไม่มีข้อแม้
#คุณแขเมียทาส