ฮั่วหมิงเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังเขาถูกบังคับให้หนีออกเอกภพ และได้พบกับจักรวาลเวทย์มนตร์ (นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เน้นแฟนตาซีมากกว่า.)
แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,อวกาศ,ทะลุมิติ,ผู้บ่มเพาะ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
*หมายเหตุเรื่องราวใดๆ ในต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
เอกภพแห่งการฝึกตน
ทางใต้ของเอกภพ
ในห้วงอวกาศที่มืดมิด ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์นับไม่ถ้วนแตกกระจายอยู่ในความว่างเปล่า
แม้แต่กลุ่มกระจุกดาราจักรก็ยังถูกฉีกกระชากด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่
เหตุการณ์ที่เหมือนวันสิ้นจักรวาลในครั้งนี้คือการต่อสู้ของผู้บ่มเพาะระดับเทพที่แท้จริงของเอกภพ
ร่างพลังงานปลดปล่อยแสงสว่างพลังปราณเทพเจ้าที่ทรงอำนาจออกมา
เขามีผมสีขาว คิ้วสีขาว ลูกแก้วสีดำที่แปลกประหลาดฝังอยู่ที่หน้าผาก ดวงตาสีแดง รูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ ผิวสีขาวซิด สวมชุดสีขาวแดงที่มีเนบิวลา ดาราจักรและดวงดาวที่สว่างไสวอยู่ภายในชุดและร่างกายของเขา
ด้านหลังของเขามีวงแหวนสีแดงขนาดใหญ่ที่แสดงภาพของอวกาศที่สวยงาม
เขาคือหนึ่งในสิบผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในเอกภพ “ฮั่วหมิง” เทพโลหิตโบราณแห่งนิกายกระหายเลือด
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาถูกล้อมด้วยสิ่งมีชีวิตระดับเเทพเจ้ามากมาย
แต่น่าแปลกที่สิ่งมีชีวิตพวกนี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อย แม้ว่าพวกนั้นจะเข้ากันมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
“พวกเจ้ายอมแพ้ซะ อย่างไรตอนนี้ข้าก็ได้พลังและมรดกของจักรพรรดินิรันดร์มาแล้ว"
“มันไม่มีประโยชน์ถ้าพวกเจ้ายังดึงดันที่จะสู้ต่อไป ตรงข้ามฝ่ายที่จะได้รับความเสียหายมากกว่าก็จะเป็นพวกเจ้าเอง”
ฮั่วหมิงใช้วิธีสื่อสารด้วยการส่งความคิดเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่จะทำลายความสามัคคีของพวกเขา
“แม้ว่าเจ้าจะสามารถใช้พลังของจักรพรรดินิรันดร์ได้แต่เจ้าก็เป็นเพียงแค่ “เทพโบราณ” ไม่ใช่ “จักรพรรดิเทพ” เจ้าไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้”
ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้
“และเมื่อเวลาผ่านไป พลังงานระดับจักรพรรดิเทพที่จักรพรรดินิรันดร์เคยบรรจุไว้ภายในแก่นพลังเทียมก็จะหมดลงในที่สุด และเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่สามารถแม้แต่จะวิ่งหนีพวกข้าไปได้”
ฮั่วหมิงยิ้มและกล่าวขึ้น
“แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแล้วอย่างไร ในตอนนี้ข้าสามารถใช้มันต่อสู้กับพวกเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
เมื่อจบบทสนทนาฮั่วหมิงจึงเริ่มโจมตีอีกครั้ง ด้วยพลังระดับจักรพรรดิเทพที่บรรจุอยู่ภายในแก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์
แก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์มีรูปร่างเป็นลูกแก้วสีดำมืดที่บรรจุ ดาราจักร เนบิวลา และดวงดาวมากมายที่สว่างไสวอยู่ที่หน้าผากของฮั่วหมิง
ด้วยแก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์มันจึงทำให้เขาสามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจำนวนมากได้ ราวกับว่าเขามีพลังที่ไร้ขีดจำกัด
ในการโจมตีแต่ละครั้งของพวกเขาจะทำลาย ดาราจักร ดวงดาว และกระจุกดาราจักรนับไม่ถ้วน
เมื่อระยะเวลาผ่านไป ฮั่วหมิงเริ่มได้เปรียบกลุ่มสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทันใดนั้นฮั่วหมิงก็สามารถสัมผัสพลังที่แข็งแกร่งได้
“สามร้อยราชันย์เทพ มีราชันย์เทพสามร้อยคนกำลังมาที่นี่”
ฮั่วหมิงลอบคิดในใจ
แต่ภายในวินาทีต่อมา สิ่งมีชีวิตทั้งสามร้อยก็ปรากฏขึ้นและโจมตีพร้อมกันโดยที่ฮั่วหมิงยังไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
แต่เขายังสามารถใช้พลังระดับจักรพรรดิเทพป้องกันได้ทัน
อย่างไรก็ตามร่างกายของฮั่วหมิงสลายเป็นพลังงานชั่วครู่ก่อนที่จะสามารถควบแน่นร่างกายได้อีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าข้าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว”
ฮั่วหมิงคิดอยู่ในใจ
แน่นอนว่าสถานการณ์ดังกล่าวทุกคนสังเกตเห็นได้โดยไม่ต้องพูดทุกคนร่วมมือกันโจมตีใส่เขา
ไม่ว่าจะเป็นราชันย์เทพที่พึ่งปรากฏหรือสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่เขาพึ่งต่อสู้ต่างร่วมมือกัน
แต่ผลลัพธ์ก็คงยังเป็นเช่นเดิม อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้ฮั่วหมิงและยังคงโจมตีต่อไป
และดูเหมือนว่าฮั่วหมิงจะถึงขีดจำกัดแล้ว โดยในครั้งนี้ฮั่วหมิงไม่สามารถใช้พลังระดับจักรพรรดิเทพจากแก่นพลังเทียมได้อีกต่อไป
และพวกเขาจึงเริ่มโจมตีใส่ฮั่วหมิง ในครั้งนี้ร่างกายและแก่นพลังและกลุ่มความคิดของเขาแตกสลาย
แต่พวกเขายังไม่สบายใจเมื่อสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ
ราชันย์เทพคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“แก่นพลังเทียมและกลุ่มความคิด ไม่ใช่แก่นพลังปราณเทพเจ้า!? นี่เป็นตัวปลอม”
"แม้ว่าฮั่วหมิงจะมีแก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่แก่นพลังที่แท้จริงของเขา"
"แต่น่าแปลกที่เขากลับมีแก่นพลังเทียมอีกชิ้นที่แผ่กลิ่นอายของเขาอย่างชัดเจน"
คนอื่นเห็นด้วยและถามต่อ
“แต่มันน่าแปลกข้าไม่เข้าใจ หากเขาเป็นตัวปลอม เพราะอะไรเหตุใด ฮั่วหมิงตัวจริงจึงให้ตัวปลอมถือครองแก่นพลังเทียมระดับจักรพรรดิเทพ”
“ข้าคิดว่าอาจจะเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา”
“หากเป็นเช่นนั้นแล้วตัวจริงของเขาไปอยู่ที่ใด”
……….
ทางเหนือของเอกภพ
“ดีมาก แม้ว่าร่างปลอมของข้าจะถูกค้นพบ แต่ตอนนี้ข้าสามารถเปิดประตูนิรันดร์ได้แล้ว”
“ส่วนหนึ่งของมรดกของจักรพรรดินิรันดร์กล่าวว่าเอกภพแห่งนี้ อาจจะไม่ใช่เอกภพเพียงแห่งเดียว”
“ดังนั้นจักรพรรดินิรันดร์จึงได้สร้างประตูนิรันดร์ที่นี่เพื่อออกไปจากจักรวาลเพื่อหาหนทางเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ที่แท้จริง”
“ใดเรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าจักรวาลไม่ได้มีเพียงแค่แห่งเดียว แต่คำถามคือประตูนี้จะพาข้าไปที่ใด”
“ดาวโลก!? ไม่ๆไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าจะเป็นเอกภพที่มีการดำรงอยู่ที่สูงขึ้น? แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าจะออกไป”
หัวใจของฮั่วหมิงถูกกระตุ้นด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นที่ปะทุขึ้นมาในใจของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่าภายนอกจักรวาลมีอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เขาถูกตามล่าโดยทุกอารยธรรม เผ่าพันธุ์ และองค์กร
ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามากนักแม้ว่าส่วนหนึ่งจะถูกเขาหลอกล่อความสนใจออกไป
แต่ในไม่ช้าข่าวร่างปลอมของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ประตูมิติเปิดออก ประตูนิรันดร์มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ที่ภายในเป็นพลังงานบางชนิดที่อยู่นอกจักรวาลของเขา
มันไร้รูปร่าง เปลี่ยนแปลง และสูญหายหรือเกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่เขายังบินออกไป ก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง เมื่อเขาออกมาจากเอกภพ
สิ่งแรกที่ฮั่วหมิงสามารถสังเกตุเห็นได้เลยก็คือการกัดกินของพลังนอกเอกภพด้วยความเร็วที่น่าตกใจมาก
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องสลายร่างพลังปราณเทพเจ้าของตัวเอง
เพื่อใช้พลังเกินครึ่งในการป้องกันแก่นพลังปราณเทพเจ้าและใช้อีกส่วนหนึ่งเพื่อเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะทำเช่นนี้สถานการณ์ยังคงแย่ลงไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งปราณเทพเจ้าที่อยู่ภายในเริ่มหมดสิ้น เขาจึงแยกจิตวิญญาณออกจากแก่นพลังของตัวเอง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วมากนับตั้งแต่เวลาที่ฮั่วหมิงออกจากเอกภพมันเกิดขึ้นเพียงสองวินาทีเท่านั้น
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเขาจึงควบแน่นจิตวิญญาณของตัวเองให้กลายเป็นจิตวิญญาณกายภาพ
และเคลื่อนที่ต่อไปด้วยความเร็วสูงที่เหนือยิ่งกว่าแสงหรือสิ่งใดๆในเอกภพยกเว้นกาลเวลา
แต่น่าแปลกที่การกลืนกินของพลังนอกจักรวาลในครั้งนี้ช้ากว่าครั้งก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
แต่ฮั่วหมิงเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่อ่อนแอลงในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป
อย่างไรก็ตามเวลาต่อมาในสายตาของเขาสะดุดเข้ากับบางอย่างที่มีรูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ที่ภายในเป็นส่วนหนึ่งของดวงดาวบางดวง
เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงพุ่งทะยานเข้าไปหาสถานที่ดังกล่าว เมื่อจิตวิญญาณของเข้าสู่สถานที่ดังกล่าวมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดการ
“ที่นี่คืออวกาศ! ข้าเข้ามาสู่อีกจักรวาลหนึ่งแล้ว”
แต่เมื่อฮั่วหมิงใจเย็นลงและตรวจสอบตัวเองและบริเวณโดยรอบ มันทำให้ความรู้สึกของเขาซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
ประการแรกจิตวิญญาณของเขาอ่อนแอลงอย่างมาก ภายในเวลาอันสั้นนี้
เขาจะไม่สามารถฟื้นฟูมันได้ ไม่เพียงแต่จิตวิญญาณของเขาจะอ่อนแอลง
แต่ความสามารถหลายอย่างของเขายังสูญหายเป็นจำนวนมาก
ในตอนนี้จิตวิญญาณของเขาแทบไม่แตกต่างอะไรจากจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับรวมพลังปราณเลยแม้แต่น้อย
ประการที่สองสภาพแวดล้อมของเขาในตอนนี้แม้ว่าจะไม่แตกต่างจากจักรวาลก่อนมากนัก
แต่พลังพื้นฐานของที่นี่แตกต่างจากพลังพื้นฐานของจักรวาลก่อนที่เป็นพลังปราณเป็นอย่างมาก
แต่ฮั่วหมิงยังคงพยายามข่มความสงสัยของตัวเองทิ้งไป และเดินทางเข้าสู่ดวงดาวดวงใหม่ที่พึ่งค้นพบ
เพื่อหาร่างกายใหม่ในการอยู่อาศัยเนื่องจากจิตวิญญาณของเขาหากไม่มีร่างกายอาจจะสลายไปในไม่ช้า