ฮั่วหมิงเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังเขาถูกบังคับให้หนีออกเอกภพ และได้พบกับจักรวาลเวทย์มนตร์ (นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เน้นแฟนตาซีมากกว่า.)

ฝึกตนแห่งจักรวาลเวทย์มนตร์ (Immortal Cultivator in Magic Universe) - ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น โดย maxip33 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,อวกาศ,ทะลุมิติ,ผู้บ่มเพาะ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฝึกตนแห่งจักรวาลเวทย์มนตร์ (Immortal Cultivator in Magic Universe)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อวกาศ,ทะลุมิติ,ผู้บ่มเพาะ,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ฮั่วหมิงเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังเขาถูกบังคับให้หนีออกเอกภพ และได้พบกับจักรวาลเวทย์มนตร์ (นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เน้นแฟนตาซีมากกว่า.)

ผู้แต่ง

maxip33

เรื่องย่อ

สารบัญ

ฝึกตนแห่งจักรวาลเวทย์มนตร์ (Immortal Cultivator in Magic Universe)-ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น,ฝึกตนแห่งจักรวาลเวทย์มนตร์ (Immortal Cultivator in Magic Universe)-ตอนที่ 2 เกิดใหม่,ฝึกตนแห่งจักรวาลเวทย์มนตร์ (Immortal Cultivator in Magic Universe)-ตอนที่ 3 เดินทางไปโบสถ์สามเทพต้นกำเนิด

เนื้อหา

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

*หมายเหตุเรื่องราวใดๆ ในต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*


เอกภพแห่งการฝึกตน


ทางใต้ของเอกภพ


ในห้วงอวกาศที่มืดมิด ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์นับไม่ถ้วนแตกกระจายอยู่ในความว่างเปล่า


แม้แต่กลุ่มกระจุกดาราจักรก็ยังถูกฉีกกระชากด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่


เหตุการณ์ที่เหมือนวันสิ้นจักรวาลในครั้งนี้คือการต่อสู้ของผู้บ่มเพาะระดับเทพที่แท้จริงของเอกภพ


ร่างพลังงานปลดปล่อยแสงสว่างพลังปราณเทพเจ้าที่ทรงอำนาจออกมา


เขามีผมสีขาว คิ้วสีขาว ลูกแก้วสีดำที่แปลกประหลาดฝังอยู่ที่หน้าผาก ดวงตาสีแดง รูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ ผิวสีขาวซิด สวมชุดสีขาวแดงที่มีเนบิวลา ดาราจักรและดวงดาวที่สว่างไสวอยู่ภายในชุดและร่างกายของเขา


ด้านหลังของเขามีวงแหวนสีแดงขนาดใหญ่ที่แสดงภาพของอวกาศที่สวยงาม


เขาคือหนึ่งในสิบผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในเอกภพ “ฮั่วหมิง” เทพโลหิตโบราณแห่งนิกายกระหายเลือด


อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาถูกล้อมด้วยสิ่งมีชีวิตระดับเเทพเจ้ามากมาย


แต่น่าแปลกที่สิ่งมีชีวิตพวกนี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อย แม้ว่าพวกนั้นจะเข้ากันมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม


“พวกเจ้ายอมแพ้ซะ อย่างไรตอนนี้ข้าก็ได้พลังและมรดกของจักรพรรดินิรันดร์มาแล้ว"


“มันไม่มีประโยชน์ถ้าพวกเจ้ายังดึงดันที่จะสู้ต่อไป ตรงข้ามฝ่ายที่จะได้รับความเสียหายมากกว่าก็จะเป็นพวกเจ้าเอง”


ฮั่วหมิงใช้วิธีสื่อสารด้วยการส่งความคิดเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่จะทำลายความสามัคคีของพวกเขา


“แม้ว่าเจ้าจะสามารถใช้พลังของจักรพรรดินิรันดร์ได้แต่เจ้าก็เป็นเพียงแค่ “เทพโบราณ” ไม่ใช่ “จักรพรรดิเทพ” เจ้าไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้”


ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้


“และเมื่อเวลาผ่านไป พลังงานระดับจักรพรรดิเทพที่จักรพรรดินิรันดร์เคยบรรจุไว้ภายในแก่นพลังเทียมก็จะหมดลงในที่สุด และเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่สามารถแม้แต่จะวิ่งหนีพวกข้าไปได้”


ฮั่วหมิงยิ้มและกล่าวขึ้น


“แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแล้วอย่างไร ในตอนนี้ข้าสามารถใช้มันต่อสู้กับพวกเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”


เมื่อจบบทสนทนาฮั่วหมิงจึงเริ่มโจมตีอีกครั้ง ด้วยพลังระดับจักรพรรดิเทพที่บรรจุอยู่ภายในแก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์


แก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์มีรูปร่างเป็นลูกแก้วสีดำมืดที่บรรจุ ดาราจักร เนบิวลา และดวงดาวมากมายที่สว่างไสวอยู่ที่หน้าผากของฮั่วหมิง


ด้วยแก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์มันจึงทำให้เขาสามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจำนวนมากได้ ราวกับว่าเขามีพลังที่ไร้ขีดจำกัด


ในการโจมตีแต่ละครั้งของพวกเขาจะทำลาย ดาราจักร ดวงดาว และกระจุกดาราจักรนับไม่ถ้วน


เมื่อระยะเวลาผ่านไป ฮั่วหมิงเริ่มได้เปรียบกลุ่มสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ


แต่ทันใดนั้นฮั่วหมิงก็สามารถสัมผัสพลังที่แข็งแกร่งได้


“สามร้อยราชันย์เทพ มีราชันย์เทพสามร้อยคนกำลังมาที่นี่”


ฮั่วหมิงลอบคิดในใจ


แต่ภายในวินาทีต่อมา สิ่งมีชีวิตทั้งสามร้อยก็ปรากฏขึ้นและโจมตีพร้อมกันโดยที่ฮั่วหมิงยังไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย


แต่เขายังสามารถใช้พลังระดับจักรพรรดิเทพป้องกันได้ทัน


อย่างไรก็ตามร่างกายของฮั่วหมิงสลายเป็นพลังงานชั่วครู่ก่อนที่จะสามารถควบแน่นร่างกายได้อีกครั้ง


“ดูเหมือนว่าข้าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว”


ฮั่วหมิงคิดอยู่ในใจ



แน่นอนว่าสถานการณ์ดังกล่าวทุกคนสังเกตเห็นได้โดยไม่ต้องพูดทุกคนร่วมมือกันโจมตีใส่เขา


ไม่ว่าจะเป็นราชันย์เทพที่พึ่งปรากฏหรือสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่เขาพึ่งต่อสู้ต่างร่วมมือกัน


แต่ผลลัพธ์ก็คงยังเป็นเช่นเดิม อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้ฮั่วหมิงและยังคงโจมตีต่อไป


และดูเหมือนว่าฮั่วหมิงจะถึงขีดจำกัดแล้ว โดยในครั้งนี้ฮั่วหมิงไม่สามารถใช้พลังระดับจักรพรรดิเทพจากแก่นพลังเทียมได้อีกต่อไป


และพวกเขาจึงเริ่มโจมตีใส่ฮั่วหมิง ในครั้งนี้ร่างกายและแก่นพลังและกลุ่มความคิดของเขาแตกสลาย


แต่พวกเขายังไม่สบายใจเมื่อสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ


ราชันย์เทพคนหนึ่งกล่าวขึ้น


“แก่นพลังเทียมและกลุ่มความคิด ไม่ใช่แก่นพลังปราณเทพเจ้า!? นี่เป็นตัวปลอม”


"แม้ว่าฮั่วหมิงจะมีแก่นพลังเทียมของจักรพรรดินิรันดร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่แก่นพลังที่แท้จริงของเขา"


"แต่น่าแปลกที่เขากลับมีแก่นพลังเทียมอีกชิ้นที่แผ่กลิ่นอายของเขาอย่างชัดเจน"


 คนอื่นเห็นด้วยและถามต่อ


“แต่มันน่าแปลกข้าไม่เข้าใจ หากเขาเป็นตัวปลอม เพราะอะไรเหตุใด ฮั่วหมิงตัวจริงจึงให้ตัวปลอมถือครองแก่นพลังเทียมระดับจักรพรรดิเทพ”


“ข้าคิดว่าอาจจะเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา”


“หากเป็นเช่นนั้นแล้วตัวจริงของเขาไปอยู่ที่ใด”


……….


ทางเหนือของเอกภพ


“ดีมาก แม้ว่าร่างปลอมของข้าจะถูกค้นพบ แต่ตอนนี้ข้าสามารถเปิดประตูนิรันดร์ได้แล้ว”


“ส่วนหนึ่งของมรดกของจักรพรรดินิรันดร์กล่าวว่าเอกภพแห่งนี้ อาจจะไม่ใช่เอกภพเพียงแห่งเดียว”


“ดังนั้นจักรพรรดินิรันดร์จึงได้สร้างประตูนิรันดร์ที่นี่เพื่อออกไปจากจักรวาลเพื่อหาหนทางเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ที่แท้จริง”


“ใดเรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าจักรวาลไม่ได้มีเพียงแค่แห่งเดียว แต่คำถามคือประตูนี้จะพาข้าไปที่ใด”


“ดาวโลก!? ไม่ๆไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าจะเป็นเอกภพที่มีการดำรงอยู่ที่สูงขึ้น? แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าจะออกไป”


หัวใจของฮั่วหมิงถูกกระตุ้นด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นที่ปะทุขึ้นมาในใจของเขา


แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่าภายนอกจักรวาลมีอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เขาถูกตามล่าโดยทุกอารยธรรม เผ่าพันธุ์ และองค์กร


ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามากนักแม้ว่าส่วนหนึ่งจะถูกเขาหลอกล่อความสนใจออกไป


แต่ในไม่ช้าข่าวร่างปลอมของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว


ประตูมิติเปิดออก ประตูนิรันดร์มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ที่ภายในเป็นพลังงานบางชนิดที่อยู่นอกจักรวาลของเขา


มันไร้รูปร่าง เปลี่ยนแปลง และสูญหายหรือเกิดขึ้นตลอดเวลา


แต่เขายังบินออกไป ก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง เมื่อเขาออกมาจากเอกภพ


สิ่งแรกที่ฮั่วหมิงสามารถสังเกตุเห็นได้เลยก็คือการกัดกินของพลังนอกเอกภพด้วยความเร็วที่น่าตกใจมาก


ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องสลายร่างพลังปราณเทพเจ้าของตัวเอง


เพื่อใช้พลังเกินครึ่งในการป้องกันแก่นพลังปราณเทพเจ้าและใช้อีกส่วนหนึ่งเพื่อเคลื่อนไหว


อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะทำเช่นนี้สถานการณ์ยังคงแย่ลงไปเรื่อยๆ


จนกระทั่งปราณเทพเจ้าที่อยู่ภายในเริ่มหมดสิ้น เขาจึงแยกจิตวิญญาณออกจากแก่นพลังของตัวเอง


อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วมากนับตั้งแต่เวลาที่ฮั่วหมิงออกจากเอกภพมันเกิดขึ้นเพียงสองวินาทีเท่านั้น


เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเขาจึงควบแน่นจิตวิญญาณของตัวเองให้กลายเป็นจิตวิญญาณกายภาพ


และเคลื่อนที่ต่อไปด้วยความเร็วสูงที่เหนือยิ่งกว่าแสงหรือสิ่งใดๆในเอกภพยกเว้นกาลเวลา


แต่น่าแปลกที่การกลืนกินของพลังนอกจักรวาลในครั้งนี้ช้ากว่าครั้งก่อนหน้าเป็นอย่างมาก


แต่ฮั่วหมิงเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่อ่อนแอลงในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป


อย่างไรก็ตามเวลาต่อมาในสายตาของเขาสะดุดเข้ากับบางอย่างที่มีรูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ที่ภายในเป็นส่วนหนึ่งของดวงดาวบางดวง


เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงพุ่งทะยานเข้าไปหาสถานที่ดังกล่าว เมื่อจิตวิญญาณของเข้าสู่สถานที่ดังกล่าวมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดการ


“ที่นี่คืออวกาศ! ข้าเข้ามาสู่อีกจักรวาลหนึ่งแล้ว”


แต่เมื่อฮั่วหมิงใจเย็นลงและตรวจสอบตัวเองและบริเวณโดยรอบ มันทำให้ความรู้สึกของเขาซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย


ประการแรกจิตวิญญาณของเขาอ่อนแอลงอย่างมาก ภายในเวลาอันสั้นนี้


เขาจะไม่สามารถฟื้นฟูมันได้ ไม่เพียงแต่จิตวิญญาณของเขาจะอ่อนแอลง
แต่ความสามารถหลายอย่างของเขายังสูญหายเป็นจำนวนมาก


ในตอนนี้จิตวิญญาณของเขาแทบไม่แตกต่างอะไรจากจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับรวมพลังปราณเลยแม้แต่น้อย


ประการที่สองสภาพแวดล้อมของเขาในตอนนี้แม้ว่าจะไม่แตกต่างจากจักรวาลก่อนมากนัก


แต่พลังพื้นฐานของที่นี่แตกต่างจากพลังพื้นฐานของจักรวาลก่อนที่เป็นพลังปราณเป็นอย่างมาก


แต่ฮั่วหมิงยังคงพยายามข่มความสงสัยของตัวเองทิ้งไป และเดินทางเข้าสู่ดวงดาวดวงใหม่ที่พึ่งค้นพบ


เพื่อหาร่างกายใหม่ในการอยู่อาศัยเนื่องจากจิตวิญญาณของเขาหากไม่มีร่างกายอาจจะสลายไปในไม่ช้า