ฮั่วหมิงเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังเขาถูกบังคับให้หนีออกเอกภพ และได้พบกับจักรวาลเวทย์มนตร์ (นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เน้นแฟนตาซีมากกว่า.)
แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,อวกาศ,ทะลุมิติ,ผู้บ่มเพาะ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝึกตนแห่งจักรวาลเวทย์มนตร์ (Immortal Cultivator in Magic Universe)ฮั่วหมิงเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังเขาถูกบังคับให้หนีออกเอกภพ และได้พบกับจักรวาลเวทย์มนตร์ (นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เน้นแฟนตาซีมากกว่า.)
*หมายเหตุเรื่องราวใดๆ ในต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
หลังจากขึ้นบนแผ่นหลังของอินทรีย์ทำลายล้าง อดัมยืนสายรัดข้อมือเหล็กให้กับฮั่วหมิง
สายรัดข้อมือเหล็กมันมีรูปลักษณ์คล้ายกับนาฬิการาคาถูกบนดาวโลกที่ประกอบด้วย หน้าจอสี่เหลี่ยม ด้านข้างของมันมีปุ่มอยู่สองปุ่ม
มันถูกเรียกว่า "สายรัดกันกระแทก"
ฮั่วหมิงเขารับสายรัดกันกระแทกก่อนที่จะใส่มันไปที่ข้อมือด้านซ้าย
หลังจากใส่มันแล้ว เขาจึงได้กดปุ่มที่สองตรงบริเวณด้านข้างของสายรัดกันกระแทก
จากนั้นรัศมีแสงปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ และห่อหุ้มร่างกายของเด็กน้อย
ฮั่วหมิงเขาสังเกตุกระบวนการดังกล่าวด้วยความสนใจ
แสงเริ่มก่อตัวขึ้นรอบตัวของเขาจนกลายเป็นเส้นแสงสีขาวที่ห่อหุ้มตัวของฮั่วหมิงไว้
หลังจากกระบวนการดังกล่าวเสร็จสิ้น อดัมจึงควบคุมให้อินทรีย์ทำลายล้างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
อินทรีย์ทำลายล้างกระพือปีกขึ้นไปทำให้เกิดเสียงหวีดร้องราวกับภูติผี
มันกระพือปีกอยู่หลายครั้งจากนั้นอินทรีย์ทำลายล้างจึงลอยตัวขึ้นบนอากาศ
มันบินขึ้นไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง นั่นทำให้ฮั่วหมิงเสียหลักจนเกือบร่วงจากแผ่นหลังของมัน
อย่างไรก็ตามเขายังสามารถกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
ฮั่วหมิงตั้งข้อสังเกตว่าอินทรีย์ทำลายล้างเดินทางด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมาก ในสายตาของคนปกติ
จากการประเมินด้วยสายตาของเขา ฮั่วหมิงคาดการได้ว่ามันน่าจะกำลังเดินทางด้วยความเร็วสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
แต่เขากลับไม่ถูกแรงลมกระแทกเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะสายรัดกันกระแทกที่ช่วยเขาไว้
....
สองชั่วโมงต่อมา
เมืองหลวงของอาณาจักรสตาร์เรล
เมืองคานบาร์
จากสายตาของนก เมืองหลวงของอาณาจักรสตาร์เรลค่อนข้างกว้างใหญ่
มันมีพื้นที่หลายสิบตารางกิโลเมตร ใจกลางมีปราสาทหลังใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากทั่วทุกมุมเมือง
มันคือโบสถ์สามเทพต้นกำเนิดสาขาอาณาจักรสตาร์เรล
นกอินทรีย์สีดำบินลงมาจากท้องฟ้าลงจอดอยู่หน้าโบสถ์สามเทพกำเนิด
บุคคลทั้งสามกระโดดลงมาบนพื้น พร้อมกับคุกเข่าอยู่หน้าโบสถ์ขนาดใหญ่เบื่องหน้า
และพูดว่า "ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ที่มาจากตระกูลเซอร์เก็นผู้ดำรงอยู่บนโลกมนุษย์ขอเข้าไปที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย"
พวกเขารออยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นกลุ่มคนที่แต่งตัวด้วยชุดคลุมสีน้ำเงิน
กลางหน้าอกมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ในแต่ละด้านของสามเหลี่ยมมีภาพวาดหัวของสิ่งมีชีวิตบางประเภทที่แตกต่างกัน
มุมบนเป็นหัวของสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่คล้ายมนุษย์ แต่มีผมสีขาว ดวงตาสีแดง ผิวขาวซีด และมีเคี่ยวสองเล่มงอกออกมาจากปาก
ด้านล่างซ้ายมือ มีหัวสิงโต แผงคอสีแดง ดวงตาสีน้ำเงิน และด้านล่างขวาของสามเหลี่ยมมีหัวของหมีสีขาว
แต่มีหนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวที่ใส่ชุดคลุมสีแดงแต่มีสัญลักษณ์เดียวกันอยู่บนหน้าอก ใบหน้าของเขาไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน
เนื่องจากมันถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมหัวสีแดง แต่เขามีผมสีขาวที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าคลุม
"ยืนขึ้นได้แล้ว" เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยพลังงานของเขาแทรกผ่านการรับรู้ของบุคคลทั้งสามอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้รับคำสั่งดังกล่าวพวกเขาจึงยืนขึ้น
อย่างไรก็ตามเขากลับชี้ไปที่ฮั่วหมิงและกล่าวขึ้นว่า
"เด็กคนนี้ใช่หรือไม่ที่พวกเจ้าต้องการให้เข้าพิธีปลุกเวทย์มนตร์"
"ใช่แล้วครับ ท่านผู้นำโบสถ์" อดัมกล่าวด้วยเสียงที่สุภาพ
"เดินเข้าไปพร้อมกับพวกเขาซะ ข้าจะอยู่กับอินทรีย์น้อยของเจ้า"
ผู้นำโบสถ์เดินไปที่อินทรีย์ทำลายล้างอย่างช้าๆ และยื่นมือให้กับมัน
แต่เป็นเพียงเวลานี้ที่ฮั่วหมิงสามารถสังเกตเห็นบางอย่าง
เขาพบว่าผู้นำโบสถ์ มีผิวขาวซีดเผือด และมีสี่แขน
จากความทรงจำของเปโตร เซอร์เก็น ฮั่วหมิงสามารถระบุตัวตนของผู้นำโบสถ์คนนี้ได้ทันทีเขาเป็นแวมไพร์
บนดาวเคราะห์แห่งนี้รูปแบบชีวิตที่เรียกว่าแวมไพร์นั้น จะมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่มีผิวสีขาวซีด ดวงตาสีแดง ผมสีขาว และมีสี่แขน
นอกจากนี้ตามความเชื่อของศาสนาสามเทพต้นกำเนิดพวกเขายังถือว่าเป็นผู้มอบชีวิต ผู้สร้างสรรค์ และผู้รักษา
เพราะเลือดของแวมไพร์นั้นสามารถส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น และยังสามารถใช้ในการถ่ายเลือดในกับเผ่าพันธุ์อื่นได้อีกด้วย
และพวกเขายังถือว่าเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดสายเลือดโดยตรงมาจากเทพผู้สร้าง ครอนล์โบลลาสอีกด้วย
อดัม เมโลดี้ และฮั่วหมิง เดินตามนักบวชเข้าที่โบสถ์ระหว่างทางพวกเขาเห็นรูปปั้นของเทพเจ้าหลายองค์ที่ถูกประดับเรียงอยู่ที่ข้างทางเดิน
แต่มีรูปปั้นเทพเจ้าอยู่สามองค์ที่โดดเด่นที่สุด
แตกต่างจากเทพองค์อื่นที่ไม่มีการลงสีสันใดๆ แต่รูปปั้นของเทพสามองค์นี้มีการลงสีสันที่สวยงามอย่างชัดเจน
พวกเขาคือสามเทพสูงสุดที่ประกอบด้วย เทพผู้สร้างครอนล์โบลลาสที่เป็นบรรพบุรุษของแวมไพร์ เทพแห่งการดำรงอยู่เพลย์เซนน์ที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์สิงโต และเทพแห่งการทำลายล้าง ดีไซน์
นักบวชทั้งห้าคนนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้น และยืดหลังตรง พร้อมกับกำมือผสานให้กับรูปปั้นของเทพทั้งสาม
และเอ่ยคำสวดศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ในด้านของฮั่วหมิงและครอบครัวพวกเขานั่งลงและทำตามเหล่านักบวชในทุกๆอริยาบท
อย่างไรก็ตามการสวดคำสวดศักดิ์สิทธิ์กลับดำเนินไปถึงสามสิบนาทีก่อนที่จะจบลงไป
สำหรับคนอื่นแล้วมันอาจจะเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างนานและช้า แต่สำหรับฮั่วหมิงมันเร็วมากเพียงแค่ชั่วระยะเวลานึงเท่านั้น
"เท่านี้ เด็กคนนี้ก็สามารถขึ้นไปที่ห้องแห่งการตื่นรู้ได้แล้ว"
หลังจากนั้นเหล่านักบวชจึงนำทางพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของปราสาท
โบสถ์สามเทพต้นกำเนิดชั้นสูงสุด
มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวเรืองแสง ขนาดใหญ่ที่กว้างถึงยี่สิบเมตร ยาวถึงสามสิบเมตร สูงถึงยี่สิบห้าเมตร
บนพื้นห้องเต็มไปด้วยดินร่วนที่ราบเรียบ ซึ่งประกอบด้วยต้นหญ้าและพืชพันธุ์หลายชนิด
ใจกลางของมันมีต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง มันมีรูปร่างที่สูงถึงสิบเมตร กว้างประมาณเมตรครึ่ง รากของมันโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดิน
ต้นของมันเป็นสีน้ำเงิน ใบสีทอง และผลสีแดง
เหล่านักบวช ฮั่วหมิง อดัม และเมโลดี้ เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ ฮั่วหมิงกวาดสายตามองห้องด้วยความสนใจ
ไม่เพียงแค่สวยงามเท่านั้น แต่ห้องนี้ยังเต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย
นักบวชคนหนึ่งพาฮั่วหมิงเดินไปที่ต้นไม้ประหลาดพร้อมชี้ไปที่ผลของมัน และพูดว่า
"เจ้าหนู เจ้าอยากได้ผลไหน เจ้าสามารถบอกข้าได้"
ฮั่วหมิงชี้ไปที่ผลไม้ประหลาดลูกหนึ่งพร้อมบอกว่า
"ท่านนักบวช ข้าต้องการผลนี้"
นักบวชคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย เขาชูมือขึ้น ก่อนที่แสงสีขาวจะห่อหุ้มผลไม้ผลนั้นและค่อยๆลงมาที่มือของฮั่วหมิง
"เสร็จขั้นตอนแรกแล้ว ขั้นตอนต่อไปของพิธีคือเจ้าต้องกินผลไม้ลูกนี้ เจ้าหนู"
ฮั่วหมิงเขากินผลไม้ประหลาดตามคำสั่งของนักบวชคนนั้นในทันที
ลิ้นของเขาสัมผัสกับความสดชื่น ความหวาน และความเย็นของผลไม้ประหลาดผลนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเขากลืนมันลงท้อง ร่างกายของเขาก็รู้สึกสบายและผ่อนคลายราวกับได้พบกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
เมื่อเขากลืนส่วนสุดท้ายของผลไม้แล้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังแหวกอยู่ที่บริเวณหน้าอกของเขา
ฮั่วหมิงสามารถจำความรู้สึกนี้ได้มันคือ "มิติที่3.5"