ชีวิตใหม่ โซดา สาวน้อยสุดซ่าอายุสิบเจ็ดปี หอบหิ้วความฝันอยากเป็นนักเขียนชื่อดังเข้าเมืองกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่กับพี่เบียร์พี่ชายแท้ๆ ที่อายุห่างกันถึงหกปี พี่เบียร์ทำงานเป็นกัปตันในร้านอาหาร ชื่อ “ชื่นบุรี” แต่ระหว่างปิดภาคเรียน โซดาก็ทำงานพิเศษที่ร้านหมูหยองอินเตอร์เนท ร้านเล็กๆที่เจ้าของไม่ค่อยใส่ใจจนโซดาแทบจะกลายเป็นเจ้าของร้านเสียเอง ในวันที่สาวโซดามาอบรมนักเขียนหน้าใหม่ ได้พบชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ใช่คนแต่เป็น “วิญญาณพเนจร” ที่มีโซดาเท่านั้นที่มองเห็น และที่เลวร้ายที่สุดคือ เป็น “ผีที่ความจำเสื่
ข้ามเวลา,ไทย,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ย้อนเวลา,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’ชีวิตใหม่ โซดา สาวน้อยสุดซ่าอายุสิบเจ็ดปี หอบหิ้วความฝันอยากเป็นนักเขียนชื่อดังเข้าเมืองกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่กับพี่เบียร์พี่ชายแท้ๆ ที่อายุห่างกันถึงหกปี พี่เบียร์ทำงานเป็นกัปตันในร้านอาหาร ชื่อ “ชื่นบุรี” แต่ระหว่างปิดภาคเรียน โซดาก็ทำงานพิเศษที่ร้านหมูหยองอินเตอร์เนท ร้านเล็กๆที่เจ้าของไม่ค่อยใส่ใจจนโซดาแทบจะกลายเป็นเจ้าของร้านเสียเอง ในวันที่สาวโซดามาอบรมนักเขียนหน้าใหม่ ได้พบชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ใช่คนแต่เป็น “วิญญาณพเนจร” ที่มีโซดาเท่านั้นที่มองเห็น และที่เลวร้ายที่สุดคือ เป็น “ผีที่ความจำเสื่
ชีวิตใหม่ โซดา สาวน้อยสุดซ่าอายุสิบเจ็ดปี หอบหิ้วความฝันอยากเป็นนักเขียนชื่อดังเข้าเมืองกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่กับพี่เบียร์พี่ชายแท้ๆ ที่อายุห่างกันถึงหกปี พี่เบียร์ทำงานเป็นกัปตันในร้านอาหาร ชื่อ “ชื่นบุรี” แต่ระหว่างปิดภาคเรียน โซดาก็ทำงานพิเศษที่ร้านหมูหยองอินเตอร์เนท ร้านเล็กๆที่เจ้าของไม่ค่อยใส่ใจจนโซดาแทบจะกลายเป็นเจ้าของร้านเสียเอง
ในวันที่สาวโซดามาอบรมนักเขียนหน้าใหม่ ได้พบชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ใช่คนแต่เป็น “วิญญาณพเนจร” ที่มีโซดาเท่านั้นที่มองเห็น และที่เลวร้ายที่สุดคือ เป็น “ผีที่ความจำเสื่อม”
เพราะเธอคือคนเดียวที่มองเห็นเขา เรื่องวุ่นวายในการตามสืบเสาะความจริงจึงเกิดขึ้นพร้อมความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว.
“นายก็พูดได้ซิเพราะตอนนี้นายจำไม่ได้ ถ้าเกิดนายจำได้ว่านายเคยเป็นใคร นายอาจจะเสียใจที่อยู่ลำบากกับฉันอย่างนี้”
เขาจะบอกเธอยังไงว่าไม่ใช่คนยุคนี้ ถ้าบอกไปเธออาจถามเลขรางวัลที่1 ซึ่งเขาก็ไม่รู้อีกนั้นแหละ
“โธ่! อย่าลืมนะว่าผมเป็นวิญญาณเร่ร่อน เป็นแค่เนื้องอกของโซดา ผมรู้แล้วจะไปทำอะไรได้ แต่การที่ผมได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ได้เจอโซดา อยู่กับเบียร์ ได้รู้จักตั้มกับน้ำหวาน ผมว่ามันอาจเป็นของขวัญที่คนบนฟ้ามอบให้ผมก่อนที่ผมจะไปเกิดใหม่ก็ได้ ถ้าเกิดผมจะสลายหายไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ ก็ขอให้โซดารู้ว่าทุกเวลาที่ได้อยู่กับโซดาผมมีความสุขมาก ยิ่งได้เห็นโซดาวิ่งตามความฝันผมกลับรู้สึกสุขใจมากกว่า”
“นายวุ่นวาย...”
“ผมไม่อยากรู้แล้วว่าผมเป็นใคร แต่อยากเห็นโซดาเป็นนักเขียนใหญ่มากกว่า” เขากลับมายิ้มทะเล้น ดวงตาหลังแว่นทรงกลมเป็นประกายจนคนถูกมองต้องหลบตา
“งานเสวนาเปิดตัวนักเขียนรุ่นใหม่นี่น่าสนใจนะ เล่มที่โซดาซื้อไปจำได้ไหม จัดที่ร้าน Underground Book ด้วยนะ ” เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้นิ้วไปที่จอคอมพ์ โซดาลุกขึ้นเดินกลับไปนั่งที่เดิม ยังแอบเอาทิชชู่เช็ดน้ำตาที่เลอะเทอะใบหน้า
“ฮืม…ฉันอ่านหนังสือแล้วนะ เขียนดีชะมัดเลยไม่เหมือนที่เคยอ่านมาก่อน เรื่องสั้น ๆ แต่มีอะไรให้คิดเยอะเชียว”
“มันสามารถต่อยอดทางความคิดให้ผู้อ่านได้ไง” เขาหันมายิ้มให้กับท่าทางกระตือรือร้นของเด็กสาวที่นั่งอยู่หน้าคอมพ์
“แอบปิดร้านสักครึ่งวันแล้วย่องไปฟังงานเสวนาดูบ้างไหม” โซดาหันมาขอความเห็น
“เราปิดร้านบ่อย ๆ จะดีเหรอ” คุณผีนิรนามทำหน้าแหย
“พี่หมูหยองแกยุ่งกับเรื่องแต่งงานไม่ค่อยสนใจหรอก ถ้ายังหาคนมาเซ็งร้านต่อไม่ได้แกอาจจะปิดด้วยซ้ำไป”
“จริงเหรอ”
“ก็พี่หมูหยองแกจะไปอยู่กับแฟนไง ที่นี่ก็ไม่มีคนดู แกอยากขายร้านให้พี่เบียร์จะตายไป แต่เราไม่มีเงินขนาดนั้น”
“ถ้างั้นปิดร้านครึ่งวันก็เป็นความคิดที่ดีมากเลย ดีกว่าไปนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์แพง ๆ อย่างวันนั้น”
โซดาทำตาดุนึกอยากเถียงแต่ก็กลัวเถียงไม่ขึ้น ถ้าเรื่องพวกนี้เธอยอมรับว่าไม่มีข้อมูลที่จะเอาไปเถียงผู้ชายคนนี้ได้เลยและไม่และเห็นช่องทางที่จะเอาชนะด้วย
“ว่าไงนักเขียนน้อยเขียนนิยายไปถึงไหนแล้ว”
“พี่ตั้ม”
เพื่อนพี่ชายหิ้วกล่องขนมโดนัทขึ้นมาวางข้างคอมพ์ สาวโซดาซ่ายิ้มกว้างยกมือไหว้ขอบคุณ
“เหมาะกับเวลาบ่าย ๆ อย่างนี้เลยรับกาแฟสักถ้วยไหมค่ะ”
“โอ๊ยไม่ต้องทำเป็นผู้ดีดัดจริตขนาดนั้นหรอก น้ำเปล่าก็พอแล้วจ๊ะน้องรัก” หน้าหน้าตี๋หัวเราะจนตาหยี โซดาลุกไปรินน้ำเย็นมาให้เพื่อนพี่ชาย
“ท่าทางเหนื่อย ๆ นะคะ” เด็กสาวทักเมื่อเห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาของตั้มชัดเจนจนเหมือนแพนด้า
“งานที่อู่มันยุ่งนะ คนงานสองคนก็เพิ่งลาออกกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด อีกคนก็เมียคลอดลูกกลับไปเยี่ยมบ้าน ตอนนี้พี่เลยวุ่นคนเดียวเลย”
“แล้วอย่างนี้จะมีเวลาทำคะแนนกับพี่น้ำหวานเหรอ”
“พี่ทำใจเรื่องน้ำหวานมาตั้งนานแล้ว” เขายกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบเหมือนจะดับความอ่อนล้าในจิตใจ
“พี่ขอแค่ดูแลเค้าจนกว่าเค้าจะเจอคนของหัวใจก็พอแล้ว”
“ไม่เข้าใจอ่ะ ถ้าโซดามีผู้ชายดี ๆ อย่างพี่ตั้มมาจีบก็ต้องรักแน่ ๆ เลย”
“มันไม่เสมอไปหรอก เราเลือกที่จะรักได้ แต่เราไม่สามารถบังคับใครให้มารักเราได้หรอก โลกยังมีอะไรอีกเยอะให้เรียนรู้นะเด็กน้อย” มือใหญ่หยาบกร้านเอื้อมมาขยี้ผมของโซดาที่มักจะรวบเป็นหางม้าเสมอ ๆ อย่างเบามือ
“วันนี้ไอ้เบียร์หยุดใช่ไหม”
“ค่ะ...นอนอ่านหนังสืออยู่มั่ง...พี่ตั้มรู้ไหมว่าห้องพี่เบียร์มีหนังสือเยอะมาก หนังสือปรัชญาทั้งนั้นเลย”
“ฮืม...พี่ถึงคิดว่าเรามีเชื้อนักอ่าน-นักเขียนมาจากไอ้เบียร์ไง พี่ไปหาเพื่อนคุยดีกว่านะ”
ชายหนุ่มหน้าตี๋ลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา ไล่ความเมื่อยขบจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบ แต่ประตูกระจกบานใสของร้านก็ถูกผลักเข้ามา หญิงสาวผมยาวหยักศกก้าวเข้ามาแล้วยิ้มให้น้องสาวของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่หลังคอมพ์
“พี่เขียนแบบเสื้อที่จะส่งประกวดยังดีไซด์เนอร์เสร็จแล้ว อาทิตย์นี้ว่างไหม ไปตึกR&Mเป็นเพื่อนพี่นะ”
“ได้ค่ะ...เอ่อ...เอ๊ย ไม่ได้ค่ะ โซดาติดธุระด่วนมาก ๆ เอาพี่ตั้มไปแทนได้ไหมคะพี่น้ำหวาน” โซดาหันมาพยักเพยิดให้ทางเพื่อนพี่ชายที่ยืนอยู่นอกสายตาของหญิงสาวผมหยักศก
“โซดาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรจ๊ะ ถ้าไปกับตานี่พี่นั่งแท็กซี่ไปเองดีกว่า” ใบหน้าสวยคมเชิดใส่อย่างไม่สนใจแววตาอาทรของอีกฝ่าย
“เดี๋ยวใกล้ ๆ ค่อยนัดอีกทีดีกว่านะค่ะ” โซดาพยายามไกล่เกลี่ย เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากผีหนุ่มผู้ยืนดูสถานการณ์อย่างจนปัญญาของผีไร้ฤทธิ์เดชตนหนึ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก พี่มันก็มีแค่รถเวสป้าเก่า ๆ แก่ ๆ คันหนึ่งใครจะอยากมานั่งซ้อนท้าย” หนุ่มหน้าตี๋เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนผลักบานประตูกระจกออกไป
“เอาไว้ใกล้ ๆ แล้วพี่จะโทรนัดนะ” น้ำหวานยิ้มให้ก่อนที่จะเดินตามแผ่นหลังของเพื่อนหนุ่มออกมา
“จะถึงขั้นเลือดตกยางออกไหมเนี่ย นายวุ่นวายตามไปดูหน่อยซิ”
โซดาหันมาขอร้องผีหนุ่มเขาพยักหน้าแล้วเดินทะลุประตูกระจกใสออกไป ใจจริงเธอก็อยากตามไปด้วยแต่ห่วงที่ร้าน
“เอาเถอะจัดการกับโดนัทนี่ก่อนดีกว่าเดี๋ยวมันจะน้อยใจแย่” โซดายิ้มกริ่มกับตัวเองก่อนอ้าปากกว้างกัดโดนัทคำโตราวกับกลัวใครจะมาแย่ง
เบียร์เข็นจักรยานสภาพกลางเก่ากลางใหม่ที่เพิ่งล้างคราบสกปรกออก วันนี้เป็นวันหยุดพักของเขาเลยได้มีโอกาสสะสางงานบ้าน ถึงที่บ้านจะมี “น้องสาว”แต่ความเป็นผู้หญิงในตัวเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้งานบ้านของเขาลดน้อยลง หลังจากเสร็จภาระส่วนตัวเขาก็ลงแรงเข็นจักรยานคันเก่าออกมาปัดฝุ่นเคาะสนิมเขรอะออก ตั้งใจจะเอาไว้ใช้ในยุคน้ำมันแพง
ชายหนุ่มเข็นจักรยานมาที่อู่ซ่อมรถของเพื่อนรักที่รับหน้าที่ดูแลทุกอย่างในอู่แทนผู้เป็นพ่อที่แก่ชราลงมากแล้ว เขายิ้มทักทายเด็กซ่อมรถสามสี่คนที่สนิทสนมกัน
“สูบลมยางกับเปลี่ยนโซ่ใหม่ก็วิ่งฉิวแล้วพี่เบียร์”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเปลี่ยนให้หน่อยได้ไหม”
“ได้พี่แต่ที่ร้านมีแต่โซ่มอเตอร์ไซด์นะพี่ ผมไม่เคยลองเปลี่ยนสักที พี่จะลองเป็นเหยื่อผมไหมละ”
“พี่ขอเสียเงินซื้อโซ่จักรยานดีกว่า แล้วตั้มไม่อยู่เหรอ”
“ออกไปไหนไม่รู้เดี๋ยวก็มามั้ง”
เบียร์นั่งที่เก้าอี้ที่ทำมาจากยางรถยนต์ หลังจากควักเงินในกระเป๋าสตางค์ให้เด็กซ่อมรถไปซื้อโซ่จักรยานมาเปลี่ยน ขณะทอดสายตาฝ่าเปลวแดดไปยังถนนฝั่งตรงข้าม เขาก็มองเห็นร่างสูงของเพื่อนซี้ตาชั้นเดียวกำลังเดินตรงมา
หญิงสาวเสยผมยาวหยักศกอย่างหงุดหงิด เมื่อพยายามเดินตามแผ่นหลังของเพื่อนชายที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก เดินจ้ำพรวดพลาดออกมาจากร้านเนท เธอหยุดยืนหอบหายใจเหนื่อย
“อย่ามาประชดฉันแบบนี้นะนายตั้ม”
“ขอโทษทีแต่คนอย่างเราทำอะไรไปก็ไม่วันดีในสายตาของน้ำหวานได้หรอก” ตั้มหันกลับมาตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยทำจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก
“รู้ตัวอย่างนี้ก็ดีแล้วนิ!” น้ำหวานเชิดหน้าพูดใส่ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ใช่! ไม่ว่าอะไรที่ทำไปทั้งหมดมันเทียบไม่ได้กับพี่โตหรือพี่ต้องสักนิดเดียว ในสายตาของน้ำหวานก็จะมีแค่เพียงพี่ต้องเท่านั้นไม่มีใครมาแทนที่ได้”
“หยุดนะ! อย่าพูดเรื่องนี้กับฉัน”
“เราต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้ จะพยายามทำอะไรสักเท่าไหร่มันไม่มีวันจะดีขึ้นมาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเตี่ยหรือแม้แต่น้ำหวาน เราก็ไม่มีวันจะเป็นคนดีในสายตาของคนบนโลกนี้ได้เลย”
“หยุดนะนายตั้ม!”
เสียงฝ่ามือกระทบซีกแก้มจนหน้าสะบัดตามแรงฝ่ามือเล็ก ๆ ของหญิงสาว เธอกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงรสเค็มคาวที่ปลายลิ้น แต่มีหยดน้ำใส ๆ มาคลอเบ้าตา