อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่แล้ว คราวนี้ต้องมีผัวให้ได้ ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น
ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ไทย,ดราม่า,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่แล้ว คราวนี้ต้องมีผัวให้ได้ ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น
อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่ ต่อจากนี้ผมจะเริ่มต้นแก้ไขให้ชีวิตของผมให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านให้ได้ แล้วผมจะต้องหาผัวเป็นของตัวเองให้ได้สักคน
โดย : Chavaroj
พวกลูสเซอร์ หรือพวกขี้แพ้นี่ มันจะมีหน้าตาเป็นยังไง มีชีวิตยังไง ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่ผมยืนยันว่าผมนี่แหละเป็นหนึ่งในไอ้พวกขี้แพ้ ชนิดสมบูรณ์แบบเลยว่ะ
คนเรามันจะประสบความสำเร็จกันด้วยเรื่องอะไรกันได้บ้างที่สังคมใช้วัดกัน รูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน ชีวิตรัก สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ ....ความรัก
ถ้าวัดกันด้วยอะไรพวกนี้ มันก็ยิ่งตอกย้ำความขี้แพ้ของผมกันเข้าไปใหญ่
รูปร่างหน้าตา ด้วยวัยเลขห้านิด ๆ ใกล้ ๆ แซยิด ริ้วรอยตามใต้ตา หน้าผากที่ยับย่น ฝ้าบาง ๆ ที่ขึ้นเป็นริ้วประดับบนผิวหน้า และผิวที่เริ่มมีกระ และจุดด่างดำให้สมกับความแก่
เส้นผมหงอกประปราย แต่ไอ้ที่ร้ายมันบางและเสือกหัวล้านไปครึ่งบ้านนั่นด้วย โดยรวมก็เลยทำให้หัวล้านและหน้าที่ยิ้มเจื่อน ๆ อยู่เสมอทำให้ยิ่งดูน่ารำคาญตาใครสักคนล่ะวะ
หนังตาเหี่ยวกับหางตาตกและบวมเพราะวัย ถุงใต้ตาที่บวมและมีรอยแดง ๆ คิ้วก็ตก จมูกที่เชิดรั้นนิด ๆ และปากเล็ก ๆ ที่ประดับด้วยฟันขาว...แน่ล่ะมันต้องขาวสิ ก็ตอนนี้ผมใส่ฟันปลอมเป็นแผงไปแล้วหนิ
หนังคอเป็นเหนียง ตามด้วยบ่าห่อ และงองุ้ม หุ่นที่อวบอัด...ไม่อัดไม่เอิดหรอก อย่าหลอกตัวเอง หุ่นที่อ้วนเผลอะ จากการแดกอะไรก็ได้ง่าย ๆ ไม่อยากให้มันพิถีพิถันเพราะเสียเวลา
เสียเวลาอะไรน่ะเหรอเสียเวลาอ่านหนังสือน่ะสิ ก็ผมชอบอ่านหนังสือ เพราะนั่นมันดูจะเป็นความสุขเดียวในชีวิตที่ผมพอจะใช้เงินจากเงินเดือนน้อยนิดของผมที่จะหาซื้อมันได้
แต่อนิจจา เดี๋ยวนี้ก็อ่านกันในเว็บ ในแอพกันแล้ว ผมก็เลยต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปซื้อแท็ปเล็ตเกาหลีราคาถูก (ด้วยเงินผ่อน) เพื่อที่จะได้อ่านนิยายตามที่ตัวเองรัก
ความโชคดีเดียวที่ฟ้าประทานให้ก็คือแม้จะอายุเข้าปูนนี้แล้ว ผมก็ยังมีสายตาที่ดีพอใช้ อ่านหนังสือได้สบาย ๆ แต่จะลำบากหน่อย ถ้าจะต้องไปหาหมอตามนัด เพราะต้องนั่งรถเมล์ไป ซึ่งพอมองไกล ๆ ไอ้เราก็เสือกมองไม่ค่อยเห็นว่ารถที่วิ่งมาน่ะมันรถสายอะไร
ครั้นพ่อเจ้าประคุณวิ่งมาใกล้ ๆ และผมก็เริ่มนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้นี่มันรถที่กูจะขึ้นนี่หว่า อีทีนี้ก็ต้องลากสังขาร พาน้ำหนักแปดสิบกว่าโล กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปให้ทันไอ้รถเมล์คันนั้น
แล้วไอ้รถเมล์นี่ก็แปลก ถ้าเรายืนตรงป้าย มันก็เสือกตรงก่อนถึงป้ายที่มีคนยืนเยอะ ๆ แต่ถ้าเรายืนอีตรงที่คนยืนรอเยอะ ๆ เพราะมันมีเงาจากต้นไม้ให้พอหลบแดดได้ซึ่งอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์สักนิด ไอ้รถเจ้ากรรมก็เสือกอยู่ในวินัย จอดที่ป้ายรถเมล์เอาอย่างพขร. ที่ดีเสียอีก
อีทีนี้กรรมยังไม่หมดเท่านี้นะ ขึ้นรถมาได้ ไอ้เราก็ทั้งแก่ทั้งอ้วน ถ้ามีคนเขาสมเพช ก็จะมีใครสักคนลุกให้ผมนั่ง ซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอก
เพราะฉะนั้นผมก็ต้องยืนห้อยโหนไปตามเรื่อง แต่ก็อาจจะถูกสายตาของคนที่ยืนข้าง ๆ ด่าและดูถูกสักหน่อย ก็เพราะอีพุงกลม ๆ ของผมนี่แหละที่มันไปกินเนื้อที่ข้าง ๆ จนเขายืนเบียดและคงแสนรำคาญ ยังไม่นับกลิ่นเหงื่อเพราะออกแรงเยอะ กับกลิ่นคนแก่อีกเล่า
ทีนี้ถึงโรงพยาบาลสักที ซึ่งแน่นอนว่าด้วยเงินเดือนที่มีเราจะไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนอะไรกันได้เล่า ก็ต้องโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ซึ่งเอ่อ...บริการช่างแสนดี
ในเมื่อมันมีแต่คนจนเต็มบ้านเต็มเมือง ใคร ๆ ก็ต้องใช้บริการโรงพยาบาลรัฐแบบผมนี่แหละ ดังนั้นผมต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เพื่อจะได้รีบมาจองคิวน่ะสิ จะแดกอะไรก็ไม่ได้ เพราะหมอสั่งให้งดอาหารหลังสี่ทุ่ม
ก็เพื่อเจาะเลือดตรวจค่าน้ำตาล แน่ล่ะ อ้วนแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเบาหวานมาเป็นเจ้าเรือนของผมแล้ว และยังมีญาติมิตร เพื่อนสนิทอีกหลาย ๆ โรค ความดัน ไตรกรีเซอร์ไรด์สูง คลอเรสเตอร์รอลสูง และโรคห่าอะไรที่หมอยังหาไม่เจอ ถ้ามีเยอะ ๆ แบบนี้แล้วรวยผมคงเป็นเศรษฐี
แต่จะโรคอะไรก็ช่างแม่มันไปก่อนเถอะ เพราะตั้งกะเช้ายังไม่ได้แดกอะไร หิวจนจะแดกหัวพยาบาลแล้ว ไอ้เราก็แก่แล้ว มาโรงพยาบาลก็เงอะ ๆ เงิ่น ๆ ไปผิดบ้างถูกบ้างให้เจ้าหน้าที่มันตวาดเอาเหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่รู้ประสีประสา มาทีไรงงทีนั้น
แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะไปเหวี่ยงหรือสู้รบตบมือกับใคร ก็คนมันจ๋องเป็นไอ้ขี้แพ้เสียอย่างนี้แล้วนี่นา
"ลุงใช้สิทธิอะไร?" เจ้าหน้าที่ถามและผมก็งุนงง
"สิทธิน่ะ สิทธิบัตรทองหรือบัตรประกันสังคม" เจ้าหน้าที่กระชากเสียงถามและผมก็รีบละล่ำละลักตอบว่าใช้บัตรประกันสังคม...ดุจังโว๊ย
เจ้าหน้าที่ทำหน้าเซ็ง ๆ แน่ล่ะ ก็วัน ๆ ต้องเจอพวกคนแก่เซ่อ ๆ ซ่า ๆ วันละตั้งกี่คน แล้วต้องเจอทุกวันใครจะไปมัวแต่อารมณ์ดีอยู่ได้กันเล่า
ได้บัตรคิว เพื่อจะรอไปจ่ายเงิน รออยู่พักใหญ่ หมายเลขคิวของผมก็ปรากฏที่จอ ซึ่งผมก็ต้องเขม้นตามองดูสองสามรอบว่าใช่เลขของกูแน่หรือเปล่า แล้วจึงเดินไปชำระเงิน รอจนได้ใบเสร็จรับเงินแล้ว ก็เอาบัตรคิวไปรอเขาเรียกห้องเจาะเลือด
เจาะเลือดโดยเจ้าหน้าที่ซึ่งชำนาญ เพราะผมแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย และนึกชมเขาอยู่ในใจ และแน่นอนว่าผมต้องดีใจสิ เพราะเมื่อเจาะเลือดได้แล้ว คราวนี้จะได้หาอะไรแดกกับเขาสักที
เดินเซซังไปโรงอาหารของโรงพยาบาล เจ้ากรรม เขาดันรีโนเวท เลยต้องเดินลัดเลาะออกไปหาของกินที่ตลาดข้าง ๆ โรงพยาบาลให้ผมเหนื่อยอีก แก่ก็แก่อ้วนก็อ้วน ต้องไปเดินเบียดกันในซอยเล็ก ๆ น้ำตาลเริ่มตก ฉวยเป็นลมตอนนี้ไปล่ะก็ซวยแน่ ๆ
แต่ถามว่าผมไปไหมก็ต้องตอบว่าไป เพราะไม่อย่างนั้นได้เป็นลมตายห่าเพราะน้ำตาลตกกันพอดี
แถวนั้นคนใต้อยู่เยอะ ก็เลยแวะร้านอาหารปักษ์ใต้หน้าตาน่ากิน เลือกหมูหวานกับคั่วกลิ้ง ราดข้าว แหม ร้านนี้เขาใจดี มีผักสด อย่างแตงกวา ถั่วฝักยาว และมะเขือเปราะให้กินฟรี ๆ ด้วยแฮะ ผมนึกดีใจ
กินข้าวเสร็จก็เดินเซซังไปหาน้ำหวาน ๆ ดื่มให้ชื่นใจอีกหน่อย พวกน้ำชาดำเย็น หรือโอเลี้ยง ที่เขาชงขายตามรถเข็นนั่นแหละ ผมไม่กล้าไปซื้อกาแฟแก้วละหลาย ๆ เงินนั่นหรอกเสียดายเงิน
อ้ออย่าถามนะว่าเป็นเบาหวานทำไมกินน้ำหวาน ก็มันหิวหนิ ร้อน ๆ แบบนี้กินน้ำเย็น ๆ ให้มันชื่นใจหน่อยเถอะ อีกอย่างหมอไม่เห็นก็ไม่เป็นไรหรอกน่า
เดินกลับเข้าไปที่โรงพยาบาล เพื่อรอหมอ ดูคิวแล้วก็คงอีกพักใหญ่ ๆ แต่ผมไม่หวั่นเพราะเอาแท็ปเล็ตมาอ่านนิยายฆ่าเวลาได้ และเลือกทำเลที่อยู่ใกล้พัดลมพอดี
เมื่อพยาบาลเรียกชื่อผม ก็กระวีกระวาดเข้าไปและวัดความดันเสียก่อน แน่ล่ะ พยาบาลบ่นว่าความดันยังสูง และให้ผมไปนั่งรออยู่อีกพักใหญ่ ๆ แล้วค่อยมาวัดอีก ซึ่งแน่นอนว่ามันลดลงนิดหน่อย
"ความดันสูงนะคะ ต้องรักษาสุขภาพหน่อยน๊า" คุณพยาบาลพูดเสียงดุนิด ๆ แต่ผมก็ยิ้มแหย ๆ ให้ไป ก็ทำยังไงได้ล่ะ คนมันอ้วนอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้วหนิ และผมก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะผอมหุ่นดีอะไรกับเขาเลยในชีวิต
รออีกหน่อย เพื่อรอเรียกคิวไปพบคุณหมอ ซึ่งแน่นอนว่าคุณหมอก็บ่นอีกเหมือนเคย แต่ผมก็ชินเสียแล้ว ด่าได้ก็ด่าไป ก็ผมเป็นของผมอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
"น้ำตาลสูง ความดันสูง ไตรกรีเซอร์ไรด์ลงมานิดหน่อยแต่ก็ถือว่ายังสูงนะคะ แต่คลอเรสเตอร์รอลไม่ลดเลย" หมอบ่นเหมือนทุกครั้ง และผมก็พยักหน้าหงึกหงัก ราวกับเป็นคนไข้ที่ดี
จบที่การรับยากองเป็นพะเนิน ซึ่งโชคดีหน่อยที่ด้วยสิทธิ์ของบัตรประกันสังคม ก็เลยจ่ายเงินแค่นิดหน่อย
ตรวจเสร็จฟังหมอบ่นจนสาแก่ใจก็นั่งรถเมล์กลับบ้าน แต่ป้ายรถเมล์ฝั่งขากลับก็มีร้านขนมขายอีกตั้งหลายร้าน ผมก็เลยดูขนมหน้าตาน่ากินมากินสักสามสี่อย่างให้ชื่นใจ
อย่าคิดว่าจะได้กลับบ้านเลยนะ เพราะผมลางานมาแค่ครึ่งวัน จุดหมายหลังจากหาหมอของผมก็คือที่ทำงานซึ่งผมก็เป็นพนักงานตัวเล็ก ๆ (แต่น้ำหนักเยอะ) ในหน่วยงานแห่งนี้
ผมทำงานที่นี่มาตั้งแต่จบ ปวส. รับตำแหน่งต๊อกต๋อยอย่างนี้เรื่อยมา และไม่มีวี่แววของการจะได้เติบโต แน่ล่ะก็ด้วยวุฒิเพียงแค่นี้ แล้วเส้นสายอะไรก็ไม่ได้ เขายังเมตตาให้ทำงานก็เป็นบุญหัวแล้ว
ไอ้เรื่องไปเรียนต่อน่ะเหรอ...อย่าได้คิดหวัง
และตอนนี้ในแผนกของผม เจ้านายของผมก็เด็กกว่าผมทั้งนั้น และพวกเขาก็ใช้งานผมได้สมกับที่ผมเป็นลูกน้องจริง ๆ
"น้าถ่ายเอกสารอย่างละสามชุดนะ เอาก่อนเที่ยง" เด็กในแผนกที่ตำแหน่งสูงกว่าผมเดินมาสั่ง และเดินจากไป ผมน่ะเหรอ ก็รับเอกสารนั้นมาแล้วก็เอาไปทำตามคำสั่งน่ะสิ
ผมยังคิดเลยว่าจริง ๆ หน่วยงานนี้เขาก็เมตตากับผมมากแล้ว เพราะผมน่ะแก่ก็แก่ ทำงานก็ทำได้แค่พื้น ๆ แถมหยุดก็บ่อย ที่ยังเมตตาให้ผมทำงานที่นี่ก็นับเป็นบุญท่วมหัวแล้ว แต่จะว่าไป อีกสองปีผมก็จะเกษียณแล้วล่ะนะ ไม่ผมทนเค้า เค้าก็ต้องทนผมกันล่ะ
และผมก็ไม่รู้ด้วยสิว่าถ้าออกจากงานไปผมจะทำอะไร ยังไม่อยากคิดให้ปวดหัว แค่เอาทุกวันนี้ให้รอดไปวัน ๆ ก็บุญแล้ว
สาเหตุที่ผมต้องทนทำงานที่นี่น่ะเหรอ มันเกิดจากตัวผมและแม่ของผมน่ะสิ
ตอนผมเรียนจบ ก็ได้งานแผนกบัญชีที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงมันจะไม่ใหญ่โต แต่เงินเดือนก็ถือว่าดีพอใช้สำหรับเด็กจบใหม่ ๆ แต่หลังจากที่แม่ของผมป่วย และผมที่พาแม่ไปหาหมอในวันนั้น ...ก็โรงพยาบาลเดียวกับที่ผมมาใช้บริการนี่แหละ
"เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไตรกรีเซอร์ไรด์ และที่สำคัญ ค่าไตไม่ค่อยดีนะครับ" คุณหมอหนุ่มรูปหล่อบอกซึ่งตอนนั้นผมไม่ค่อยใส่ใจคำพูดของคุณหมอหรอกมัวแต่แอบมองเพราะคุณหมอหล่อชะมัด
แต่เมื่อพาแม่กลับมาบ้านผมก็คิดหนัก เพราะสมัยโน้นไอ้บัตรทอง อะไรมันยังไม่มี และทางเดียวที่ผมพอจะเห็นเป็นทางออกได้ก็คือต้องทำงานราชการ
ผมก็เลยหาเรื่องไปสอบ และโชคดีติดเสียด้วย จนได้มาทำงานที่หน่วยงานนี้ ด้วยสิทธิ์ข้าราชการ แม่ของผมจึงรักษาฟรี
แต่รักษาฟรีไม่ได้หมายความว่าจะหาย เพราะผมก็เหมือนแม่นั่นแหละ ตามใจปาก และสมัยโน้นก็ไม่มีมีข้อมูลมาให้ความรู้เหมือนตอนนี้ว่าอะไรควรกิน อะไรไม่ควรกิน และถึงมีก็ห้ามใจตัวเองได้หรือเปล่า อันนี้ก็ยังน่าสงสัย
ผ่านเวลามาจนแม่ซึ่งกินยาคุมน้ำตาลมาก และผลที่ได้รับก็คือไตวาย โชคดีที่ผมคิดถูก ถ้าต้องทำงานต๊อกต๋อยเงินเดือนน้อยนิด ผมจะเอาเงินที่ไหนมาให้แม่ฟอกไตได้เล่า
แต่อย่าว่าผมแช่งแม่เลยนะ แม่ผมก็ไม่รู้ว่ามีกรรมหรือมีบุญ แม่มาเสียเอาตอนผมอายุสี่สิบปลาย ๆ และตอนนั้นผมก็มีอายุเกินกว่าที่จะไปหางานใหม่ได้อีกแล้ว
ส่วนพ่อของผมน่ะเหรอ มีเมียใหม่ไปตั้งแต่ผมยังหนุ่ม ๆ ซึ่งผมก็เกลียดพ่อซะไม่มี แต่สุดท้าย เมื่อโดนเมียใหม่ทิ้ง และแม่ของผมตายไปแล้ว พ่อก็ขอกลับมาอยู่เป็นภาระของผม
"ทำไมพ่อไม่ให้เมียใหม่ดูแลล่ะ" ผมอยากจะถามออกไปแต่ก็ไม่กล้าพูด เพราะชีวิตผมก็โดนคนพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจในคำดูถูกของคนมาตลอดชีวิตแล้ว และแน่นอนผมเข้าใจดี ผมก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไร
แต่ข้อดีคืออย่างน้อยพ่อก็สามารถทำงานหาเงินได้ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ด้วยการเป็นเซลล์ขายรถมือสอง
ใช้ชีวิตกันโดยไม่ค่อยได้พูดจากันเท่าไหร่ เหมือนคนสมัยใหม่ที่ มีห้องติดกันแต่ไม่เคยรู้จักไม่เคยพูดคุยกันเลยผมกับพ่อก็เหมือนกัน ผมไม่เคยช่วยอะไรพ่อ และพ่อก็ไม่เคยได้ช่วยอะไรผม เรียกว่าต่างคนต่างอยู่ และเรียกได้ว่าคนแปลกหน้าของกันและกันทีเดียว
แต่จนใกล้วาระสุดท้ายของพ่อ ผมที่ต้องอยู่คอยดูแลเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้แก อยู่พักนึง จนส่งไปโรงพยาบาล และโรคร้ายก็ไม่ได้ทำให้พ่อทรมานนานนัก ไม่นานพ่อก็ตายจากไป ทิ้งผมไว้คนเดียว...ซึ่งผมว่ามันก็ไม่ค่อยได้ต่างกันเท่าไหร่ผมชินเสียแล้วกับการอยู่คนเดียว
เมื่อเลิกงานผมก็จะเดินไปหาซื้อของกินเพื่อกลับไปกินที่บ้าน และการได้เห็นหนุ่มสาวเดินเคลียคลอจู๋จี๋ มันก็ดูน่าชื่นใจดีจัง
สารภาพกันตรง ๆ ว่าจนจะแซยิดแล้วแต่ผมยังเป็นพรหมจรรย์ แม้ว่าในยุคนี้ เรื่องความรักในเพศเดียวกันมันจะดูเป็นเรื่องธรรมดากันแล้ว
แต่ในยุคที่ผมยังเด็ก เรื่องนี้เป็นเรื่องลี้ลับน่าอาย และที่สำคัญ สภาพร่างของผมไม่ได้เหมาะในการให้ใครมาพิศวาสแน่ ๆ
แต่ถ้าถามว่าผมเคยแอบรักใครไหม ก็ต้องตอบว่าตลอดเวลา แต่มันแค่แอบแหละ ใครหน้าตาดี ใครดูดีผมก็ชอบเขาไปหมด แต่มันจะหยุดไว้แค่ตรงนั้น และผมก็เจียมตัวพอที่จะไม่คิดอะไรให้ตัวเองเสียใจ
ออกจะดีใจเวลาเดินผ่าน หรือมีเรื่องบังเอิญให้ได้พูดคุยกันกับคนที่ผมแอบชอบ ก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้ผมได้มีรอยยิ้มบ้างแล้วสำหรับชีวิตห่วย ๆ ของผม แค่นี้ก็น่าจะพอ และการรักใครหรือมีใครรักมันก็ดูจะเกินฝัน แน่ล่ะผมเจียมตัวและรู้ตัวดี
ใช้ชีวิตแบบนี้มาชั่วนาตาปี และผมก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรมาทำให้วิถีชีวิตของผมมันเปลี่ยน
ตื่นเช้าก็หาอะไรกิน มาทำงาน เลิกงานกลับบ้าน กินข้าว อ่านหนังสือ หรือถ้าจะทำอะไรเพลิน ๆ ก็คือการฟังเพลงแสนไพเราะในยุคของผม
ฟังเพลงยุคนี้แล้วผมไม่ค่อยเข้าใจ บางครั้งมันก็ว่องไวและ ดุดันเกินกว่าคนแก่ ๆ แบบผมจะฟังแล้วรู้สึกว่าไพเราะ แถมบางทีเห็นมาเต้นกัน ผมก็นึกโมทนาว่าเขาช่างจำท่ากันเก่งเหลือเกิน
เพลงของผมในวัยรุ่นก็เป็นเพลงเก่า ๆ ทำนองเพราะ ๆ ที่มีเนื้อเพลงสละสลวย เวลาฟังถ้าผมนึกเซี๊ยวขึ้นมาผมก็อาจจะโคลงตัวเบา ๆ ให้เข้ากับจังหวะเพลงก็แค่นั้น
อ้อ จะว่าไปความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมอีกอย่างก็คือในวันหยุด ผมจะไปตลาดเพื่อหาซื้อของสดมาทำกับข้าว
ฝีมือทำกับข้าวของผมก็ถือว่าพอใช้ได้นะ แต่ที่กินแล้วมีความสุขก็คือ กินแล้วมันได้รสชาติเดียวกับที่แม่ของผมเคยทำให้กิน
แม่ของผมเป็นคนทำกับข้าวเก่ง และถ้าไม่อวยกันเกินไปผมว่าแม่ของผมทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก แต่ก็นั่นแหละนะ ผมก็ไม่ค่อยจะได้ไปกินข้าวที่ไหน โลกของผมมันก็คือกะลาแคบ ๆ นี่แหละ
กะลาที่ผมอาศัย เป็นห้องแถวเล็ก ๆ เก่ามอซอสามชั้น ซึ่งตอนนี้ด้วยสภาพร่างและสังขาร ผมก็แทบจะไม่ขยับร่างขึ้นไปชั้นบนตั้งหลายเดือนแล้ว
ป่านนี้ฝุ่นคงเขรอะ แต่ผมก็ไม่คิดจะใส่ใจ ก็ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผม ขนมากองไว้ข้างล่างหมดแล้ว
และพูดกันตรง ๆ นะ มันเหมือนกองขยะอยู่เหมือนกัน เพราะมันสุมกันเต็มไปหมด แต่อย่างน้อยก็ยังมีที่เดินได้ล่ะน่า ผมตัวอย่างกะหมูยังเดินได้เลย คนธรรมดาถ้าจะเดินก็เห็นจะไม่ชนอะไร
แต่จะว่าไปก็ไม่ได้มีแขกที่ไหนมาเยี่ยมผมนักหรอก คนสุดท้ายที่ใช้อากาศหายใจร่วมกับผมก็ตายไปตั้งนานแล้วนี่นะ
ว่ากันว่าหมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่ง และเย็นนี้ผมก็เห็นจะขอหาความสุขให้ตัวเองสักหน่อยก็แล้วกัน
สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ผมเล่นหวยปิงปองที่ฝากแม่บ้านที่ทำงานเขาแทงและถูกมาสิบบาท
อย่างนี้มันก็ต้องฉลองกันสักหน่อย!!!
ตั้งกระทะไฟฟ้า และหมูหมักกับผักอีกนิด ๆ หน่อยที่ซื้อมาจากตลาดใกล้ ๆ บ้านนี่ล่ะ
เสียงฉี่ ๆ ยามเมื่อเนื้อหมูที่มีมันย่องยามเมื่อโดนแนบกับกระทะไฟฟ้ามันช่างเย้ายวนเหลือใจ กลิ่นหมูหอม ๆ โชยมา และเพลงเก่า ๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์แท้ ๆ
แต่แว่บหนึ่งของความคิด ตามร้านหมูกระทะใคร ๆ เขาก็ไปกินกับคนรัก หรือเพื่อน หรือครอบครัว แต่ผมต้องมานั่งกินคนเดียว
แต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วหนิ แดกคนเดียวก็ไม่แย่ แค่ได้หมูฉ่ำ ๆ กับน้ำจิ้มหมูกระทะรสเด็ด ๆ นี่สิ มันเยียวยาชีวิตขี้แพ้ของผมได้ชะงัดนัก
กินหมดปุ๊บ ไอ้ของเก่าก็เสือกจะออกปั๊บ ผมรีบปิดสวิตช์กระทะไฟฟ้า และเดินอุ้ยอ้ายไปเข้าส้วม
ตามประสาส้วมตึกแถวเก่า ๆ ซึ่งมันก็เล็กกะจิ๊ดเดียว แต่ชีวิตเราก็ไม่ได้สามารถเลือกอะไรได้มาก อย่างน้อยผมก็เคยสละเงินเก็บเพื่อจ้างช่างให้เปลี่ยนจากคอห่านมาเป็นชักโครก ก็เลยไม่ถึงกับลำบากมากนัก
ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำก็เพราะแม่เริ่มป่วย และมันก็ส่งผลดีมาถึงผมตอนนี้ ที่ยามขับถ่ายก็ไม่ลำบากลำบนเท่าไร
แต่ด้วยโรคริดสีดวงทวารที่มี ยามขับถ่าย มันเจ็บชะมัด คงเพราะผมท้องผูกและไม่ค่อยกินผักด้วยล่ะมั้ง แต่ช่างมันก็ผักมันไม่อร่อยนี่หว่า
นั่งอยู่เนิ่นนาน และอากาศก็อบอ้าวเต็มที ยิ่งกินหมูกระทะมาอิ่ม ๆ นั่งนาน ๆ มันก็หายใจขัด ๆ อยู่สักหน่อย
และเมื่อขับถ่ายเสร็จ ผมก็เดินอุ้ยอ้ายเพื่อเอาจานชามไปล้าง วันนี้นึกขยันผมก็เลยจัดการล้างมันเสียให้หมดไปเลย เพราะปกติ ผมก็จะทิ้งไว้ก่อน ล้างเมื่อมีอารมณ์จนบางทีสารภาพว่าด้วยความขี้เกียจ ราขึ้นจานชามก็มี ถ้าแม่ไม่ตายคงด่าสามวันสามคืน
กำลังล้างจานอยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกว่าหน้ามืด และหายใจไม่ค่อยสะดวก
พยายามหายใจยาว ๆ ลึก ๆ และถอยไปนั่งที่โซฟาเก่า ๆ ที่ผมใช้นอนอ่านนิยายจนเป็นร่องบุ๋มเพราะความเก่าและน้ำหนักตัวของผมที่ถาทับมันทุกเมื่อเชื่อวัน
ฟ้าเริ่มมืดดับและอกของผมก็ปวดจี๊ด ผมพยายามหอบหายใจให้ลมมันเข้ามาในปอดให้ได้เยอะที่สุด และตอนนี้ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ความตายมันใกล้แค่เอื้อม ความตายที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แต่เมื่อมันมาอยู่ต่อหน้าผมว่ามันก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าที่คิด
ออกจะดีใจที่ชีวิตเส็งเคร็ง ชีวิตห่วย ๆ ชีวิตของคนขี้แพ้อย่างผมมันจะได้จบสิ้นเสียที
แล้วสติของผมก็มืดดับไป รู้สึกตัวอีกที ผมก็คล้ายกับรู้ตัวว่าตัวเองกำลังนอนหลับ และกำลังอยากจะตื่น เมื่อเย็นคงกินเยอะไปจนเป็นลมล่ะมั้ง ผมคิดและนึกเสียใจที่ไม่ได้ตายจริง ๆ อุตส่าห์คิดว่าความตายมันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วแท้ ๆ
ผมค่อย ๆ ใช้แขนยันกายให้ลุกขึ้น และบิดเนื้อตัวให้คลายจากความเมื่อยล้าสักหน่อย แน่สิ ผมมักจะอ่านหนังสือจนหลับไปบนโซฟาเก่า ๆ ตัวนี้ออกบ่อยไป คงจะเช้าแล้วและผมคงต้องรีบอาบน้ำเพื่อไปทำงานที่ผมรักแล้วสินะ
ผมประชดน่ะ ผมเบื่อมันจะตายอยู่แล้ว และคิดว่าทำไมกูซวยอย่างนี้ ยิ่งเห็นใคร ๆ ที่เขาได้ทำงานได้ตามความฝัน ทำงานพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำงานพร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่แสนดี แต่ผมแทบไม่เคยได้มีความรู้สึกกับความรู้สึกแบบนั้นเลย
ผมเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัว แต่พอจะก้าวเดินออกไปจากบ้าน ผมก็อดรู้สึกแปลกใจที่มีอะไรผิดแปลกไปจากทุกที
ใครมานอนอยู่ตรงโซฟาที่ผมเคยใช้นอนหลับเป็นประจำกันนั่น หุ่นแบบนั้น หัวล้าน ๆ หน้าแป้น ๆ พุงหลาม ๆ และเสื้อผ้าสุดเชยนั่นด้วย
นั่นมันผมนี่นา แล้วถ้าไอ้ตัวที่มันนอนอยู่ตรงนั้นคือผม แล้วไอ้ผมที่ยืนตรงนี้มันคือใครกันวะ ผมคิดและรีบเดินถอยห่างออกมา ยืนนิ่งและงงงันไปหมด
ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ และรวบรวมความกล้าเข้าไปจับเนื้อตัวอัปลักษณ์ตรงนั้น แต่มองยังไงมันก็ผมนี่แหละ ผมคนนี้คนเดียว ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้
"ตกลงกูตายแล้วใช่ไหมเนี่ย?" ผมถามกับตัวเองดัง ๆ และ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงข้าง ๆ โซฟาที่ร่างของผมทิ้งตัวอยู่
แต่ถ้าตายแล้วทำไมผมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ ผมควรถูกยมบาลพาไปนรก หรือไปสวรรค์สักที่หนึ่งสิ ผมสงสัยและนั่งมองร่างของตัวเองอยู่อย่างนั้น
มองไปผมก็อดจะสมเพชกับร่างกายของตัวเองเสียจริง ร่างที่อ้วนฉุ หัวล้านเป็นมันแผล็บ เสื้อผ้าเก่าแสนเชย มีรอยขาด
ยิ่งมองไปรอบ ๆ บ้าน ของเก่าเก็บตั้งแต่ครั้งไหนที่กองสุมจนท่วมหัว และมันโคตรสกปรกเลยทำไมผมไม่เคยรู้สึกว่ามันไร้สาระและน่าทุเรศขนาดนี้นะ
ผมหันกลับมามองตัวเองอีกครั้ง มองแล้วก็นึกถึงตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก ชีวิตที่ตอนเด็ก ๆ ผมก็มีความสุขอยู่บ้าง แต่ความสุขนั้นก็มาจางหายไปตอนพ่อมีเมียใหม่ และแม่ของผมป่วยออด ๆ แอด ๆ เพราะช้ำใจที่พ่อทรยศ
ผมอยากกลับไปแก้ไขอดีตได้จัง ถ้าผมทำได้ ผมสัญญาจะทำชีวิตของผมให้ดีกว่านี้
ผมจะดูแลตัวเอง จะไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนฉุ และมีแต่โรคภัย ผมจะรักแม่ให้มากกว่านี้ และทำให้พ่อกลับมารักกับแม่
ผมจะทำบ้านนี้บ้านที่ผมเกิดให้สวยทีเดียว อ้อ และถ้าย้อนไปได้ ผมจะไม่ทำงานบ้าแน่ ๆ งานที่มันโคตรกัดกินวิญญาณ งานที่ไม่เคยให้ความสุข
และข้อสุดท้าย ถ้าย้อนเวลาไปได้ และถ้าผมทำตัวเองให้ดีพอ ผมจะหาผัวสักคน หาคนดี ๆ คนที่คอยเป็นกำลังใจกัน คนที่ผมรักเค้า และเค้าก็รักผม
ผมคิดอะไรไปเพ้อเจ้อ และอดจะหัวเราะให้ตัวเองไม่ได้ ยิ่งมองสภาพศพของผมที่นอนตายและแสนน่าเกลียดแบบนี้ ผมก็ยิ่งหัวเราะเสียงดัง แต่ทำไมวะ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน้ำตาของผมมันไหลออกมาด้วยพร้อม ๆ กัน
เรื่องใหม่มาแล้ว เปิดเรื่องมาก็หม่น ๆ สักหน่อย แต่เราสัญญาว่าถ้าคุณอ่านแล้วคุณจะมีรอยยิ้มแน่ ๆ