อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่แล้ว คราวนี้ต้องมีผัวให้ได้ ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น
ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ไทย,ดราม่า,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่แล้ว คราวนี้ต้องมีผัวให้ได้ ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น
อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่ ต่อจากนี้ผมจะเริ่มต้นแก้ไขให้ชีวิตของผมให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านให้ได้ แล้วผมจะต้องหาผัวเป็นของตัวเองให้ได้สักคน
โดย Chavaroj
เช้าวันเดินทาง ซึ่งเมื่อคืนผมจัดกระเป๋าเดินทางอยู่พักใหญ่ เพื่อให้ง่ายผมเลือกที่จะจัดชุดเป็นชุด ๆ และเรียงตามวันเลยว่าแต่ละวันผมจะใส่ชุดไหน ๆ บ้าง และจับมันเป็นชุดเข้ากันทั้งเสือกับกางเกงรวมถึงกางเกงในไปด้วยทีเดียว จัดเป็นชุดแล้วก็แยกใส่ถุงซิปล็อก เพื่อป้องกันการงง และป้องกันการเปียกน้ำได้อีกด้วย
แต่ชุดนอนผมก็เอาไปแค่ชุดเดียวเพราะแค่ใส่นอนไม่ได้เปื้อนเปรอะอะไร แต่ผ้าขนหนูนั้นผมไม่ไว้ใจของโรงแรมเลยยอมแบกของตัวเองไปเองจะดีกว่า เลือกผืนที่เนื้อบางน้ำหนักเบาแต่ซับน้ำได้ดี
คุณต้นนัดเวลาและนำรถมาจอดที่หน้าบ้าน ซึ่งผมก็ชวนแกมากินข้าวเช้าด้วยกันก่อน และออกจะทึ่ง ๆ ที่แกใส่เพียงกางเกงขาสั้นเลยเข่ากับเสื้อยืดสีเขียวอ่อน ๆ
"กินข้าวกันก่อนดีกว่าครับ แม่ทำแต่ของน่ากิน ๆ" ผมบอกและพาคุณต้นไปรู้จักกับพ่อแม่ ซึ่งแม่ก็แสนเอาอกเอาใจ ตักกับข้าวใส่ถ้วยน้อย ๆ หลายใบให้คุณต้นได้เลือกกิน
"คุณต้นรอแป๊บนะครับ" ผมบอกและรีบวิ่งหยิบกระติกน้ำไปข้าง ๆ บ้าน สั่งชามะนาวใส่แก้ว และใส่กระติกเอาไว้กินตามทาง
"น่ากินทุกอย่างเลยนะครับ อร่อยด้วย" คุณต้นพูดเมื่อผมกลับมาและแกก็ว่าไปแล้วเสียครึ่งจาน ผมก็เลยยื่นแก้วน้ำชามะนาวให้ และลงมือกินข้าว ซึ่งแม่ก็จัดหนักจัดเต็มให้จริง ๆ
และเมื่อกินเสร็จ เดินถือกระเป๋าไปไว้หลังรถ แม่ก็ถือถุงใส่ของกินของแห้งมาให้ เพื่อให้ผมเอาไปกินกลางทาง
และเมื่อขึ้นรถมา คุณต้นก็เปิดเพลงเบา ๆ เราสลับกันคุย ผมชวนคุยบ้างคุณต้นชวนคุยบ้าง และผมอดจะทึ่งที่ในยามคุณต้นไม่เคร่งเครียดเรื่องงาน บุคลิกของแกก็เปลี่ยนไป
"คุณต้นดูสดใสเลยนะครับ" ผมบอกและอดจะมองเสื้อผ้ากับกางเกงที่แกใส่ไม่ได้
"ก็วันนี้วันเดินทาง ไม่ได้ทำงานหนิครับ ผมกะจะค่อย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ ตรงไหนน่าจอดพักก็แวะพักกัน" คุณต้นบอกและหยิบแว่นกันแดดมาสวมใส่
"อย่างเท่เลยครับ" ผมแซวและแกก็ยิ้มกว้างมาให้
ขับรถไปและเริ่มจะหมดเรื่องคุย แถมตอนนี้เริ่มออกมาจากกรุงเทพฯ สัญญาณวิทยุก็ไม่ค่อยมี คุณต้นก็เลยหยิบเทปมายัดใส่วิทยุ แถมร้องเพลงคลอไปเสียด้วย
"ไม่ยักรู้คุณต้นก็เสียงดีนะครับเนี่ย" ผมเอ่ยปากชมและไม่นานผมกับคุณต้นก็ร้องคลอเพลงไปด้วยกันเสียเลย ก็มันก็เพลงโปรดของผมเหมือนกัน
"แวะพักหาอะไรกินที่พิษณุโลกก่อนก็แล้วกันนะครับ" คุณต้นพูดอย่างใจดี และคุยอวดว่า แต่เดิมสมัยยังเด็ก ๆ ก็มาช่วยป๊าของแกจัดงานแบบนี้ ก็จะมากันแบบนี้แหละ และป๊าของคุณต้นก็จะแวะพาคุณต้นไปกินโน่นกินนี่หรือแวะไหว้พระ ถ้าม๊าของแกติดรถมาด้วย
"ดีจังนะครับ" ผมเอ่ยปากชื่นชม และเดินตามแกไปร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ และกินก๋วยเตี๋ยวแบบที่ผมไม่เคยกินมาก่อนเลย
"เดี๋ยวเราแวะสุโขทัยก็มีอีกเจ้า อย่าเพิ่งกินให้อิ่มเสียก่อนล่ะ เผื่อท้องเอาไว้ก่อน" คุณต้นบอกเตือนจนผมขำในใจว่าใจคอแกจะเปิดทริปก๋วยเตี๋ยวอร่อยอาหารรสดีของแต่ละจังหวัดกันเลยหรือไง
"แล้วที่เชียงใหม่ล่ะครับอะไรอร่อย?" ผมถามแกกลับและมองแกอย่างขำ ๆ
"แหม เชียงใหม่ก็ต้องกินขนมจีนน้ำเงี้ยวสิครับ แล้วก็ข้าวซอย" คุณต้นหันมาตอบหลังจากสั่งก๋วยเตี๋ยวกับแม่ค้าไปแล้ว
"แล้วถ้าจังหวัดอื่น ๆ ล่ะครับ มีอะไรอร่อยอีกบ้าง?" ผมถามแกอีกซึ่งแกคงยังไม่รู้ตัวว่าโดนผมแกล้งถาม
"โอ้โห ถามอย่างนี้มีเยอะแยะครับอย่างภาคอีสาน ถ้าไม่นับพวกส้มตำลาบน้ำตกอะไรพวกนี้ ถ้าไปอุบล ก็ต้องกินพวกต้มเส้น หรือก๋วยจั๊บญวน แต่ถ้าไปอุดร เราก็ต้องพวกส้มตำ ปลาเผานี่แหละ ตรงตลาดไนท์ข้าง ๆ ทางรถไฟ แต่ถ้าทางใต้ของมันแน่อยู่แล้วต้องกินขนมจีน" คุณต้นหันมาตอบ
"ขนมจีนทางใต้เป็นยังไงหรอครับ ไม่เหมือนขนมจีนแถว ๆ บ้านเราหรอ?" ผมแกล้งถามคุณต้นอีก
"ไม่เหมือนสิครับ แต่ไม่เหมือนตรงพวกผักที่กินแกล้มไปด้วยนะ ของภาคกลางมีผักนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ที่ภาคใต้นี่ ผักมาเป็นกระจาดเลยนะครับ ทั้งผักสด ผักต้มผักดอง ถ้าคุณตุลเห็นจะประหลาดใจมาก ๆ" คุณต้นเล่าไปเรื่อยเจื้อยส่วนผมก็นั่งอมยิ้มขำ
"ยิ้มอะไรคุณตุล?" คุณต้นหันมาถามเมื่อผมมองแกอย่างนั้น
"ก็ดูคุณต้นรู้เยอะนะครับว่าที่ไหนอร่อย แต่พอไปซื้อข้าวกินดูกินอะไรง่าย ๆ จังนี่คุณต้นน่าจะจัดรายการ "วิบูลย์ชวนชิม" นะครับ" ผมล้อเลียนแกไปเพราะชื่อจริงของแกชื่อคุณวิบูลย์
"คุณตุลแซวผมหรือเปล่าเนี่ย?" คุณต้นหันมามองผมค้อน ๆ แล้วอมยิ้ม ส่วนผมก็ยิ้มตอบ แต่จะพูดจาอะไรต่อก็ไม่ได้แล้วเพราะก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยเอามาวางตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย
หน้าที่ของเราก็คือซัดให้หมด ใจจริงผมอยากกินสักสองจานแต่ในเมื่อคุณต้นบอกเดี๋ยวทางข้างหน้ามีของให้กินอีกก็เลยจัดแค่ชามเดียวพอรู้รส
และมันก็เป็นไปตามที่แกบอกนั่นแหละ ผ่านแต่ละจังหวัดก็จะแวะหนึ่งหน เพราะเลยจากพิษณุโลกก็คือภาคเหนือตอนล่างไปแล้ว
และแวะซื้อของกินเล่นบ้าง หรือกินก๋วยเตี๋ยวบ้าง อย่างเช่นก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่แกโอ้อวดนักหนา
ซึ่งมันก็เอร็ดอร่อยจนผมประทับใจจริง ๆ เสียด้วย
"เอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยก็คือต้องมีถั่วฝักยาวและน้ำตาลเคี่ยว" คุณต้นว่าและรีบตักก๋วยเตี๋ยวอร่อยเข้าปาก ส่วนผมก็กินไปยิ้มไปเหมือนกัน
และแล้วรถของคุณต้นก็มาถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ซึ่งคุณต้นแกว่า เอาของไปเก็บที่โรงแรมกันเสียก่อนค่อยไปเที่ยวเล่นในเมือง และจะได้ไปเยี่ยมลูกค้าด้วย
ซึ่งผมก็จัดแจงไปติดต่อที่โรงแรมจนได้กุญแจมาในมือและเดินพาคุณต้นไปห้องพัก ซึ่งผมก็อดจะทึ่งกับความติดพื้นติดดินของแกไม่ได้เพราะเมื่อพนักงานจะเดินมาช่วยแกถือกระเป๋าแกก็ว่าแกถือเองได้ แถมยังพูดกับพนักงานอย่างสุภาพเสียด้วย ไม่ได้มีความเย่อหยิ่ง หรือมองคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่าว่ามีค่าน้อยกว่าตนเอง
"เหมือนใครบางคน!!!"
เมื่อถึงห้องพักแล้ว เอากระเป๋าไปเก็บผมก็อดจะถามคุณต้นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ว่าแกอยากจะนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนไหมซึ่งแกก็ตอบอย่างร่าเริงว่าเดี๋ยวตอนเย็น ๆ ไปนอนให้เขานวดทีเดียวเลยจะดีกว่า แถมยังชวนผมไปนวดเสียด้วย
"ที่โรงแรมนี้หมอนวดเขาเก่งนะ มาเชียงใหม่ทีไรผมก็นวดทุกที ป้าแกคงดีใจที่รู้ว่าผมมา" คุณต้นเอ่ยปากและตามหน้าที่เลขาที่ดีนายไปไหนเราก็ต้องไปด้วย
แต่ตอนนี้ เอาของเก็บล้างหน้าล้างตาจนสดชื่นแล้ว คุณต้นก็ชวนผมไปในเมืองเพื่อไปเยี่ยมลูกค้าก่อนทีเดียว
ซึ่งมันดีอีตรงที่ว่า ร้านลูกค้าที่ว่า อยู่ไม่ไกลจากร้านข้าวซอยชื่อดัง คุณต้นก็เลยเอ่ยปากชวนเจ้าของร้านไปเลี้ยงซึ่งผมก็ติดร่างแหไปกับแกด้วย
ผมน่ะกะไว้แล้วว่าคนอย่างคุณต้นผู้ซึ่งหายใจเข้าหายใจออกมีแต่งาน และเมื่อพบลูกค้าอย่างนี้ผมก็ต้องมีงานเข้าแน่ ๆ
กระดาษและปากกามันติดมือผมอยู่เสมอ และเมื่อคุยกับลูกค้าไปคุณต้นก็ไม่วายจะสั่งงานผมไปด้วยพลาง ๆ ซึ่งผมก็ชินเสียแล้ว
แต่เมื่อขับรถพาลูกค้าไปส่งกลับร้าน และผมก็ยืนอย่างสำรวมรอคุณต้นเอ่ยปากลากับเจ้าของร้าน ซึ่งคุณต้นมาเล่าภายหลังว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง โรงเรียนเดียวกัน และเมื่อเรียนจบก็มารับสืบทอดกิจการต่อจากพ่อเหมือนกับคุณต้นนี่แหละ
"มิน่าล่ะเขาถึงให้ลูก ๆ ไปเรียนโรงเรียนดี ๆ แพง ๆ จะได้สร้างคอนเน็กชั่นอย่างนี้นี่เอง" ผมเอ่ยปากแซวแต่คุณต้นก็ไม่ได้ว่าอะไร
"ไปไหว้พระธาตุกันต่อดีกว่าครับ มาเชียงใหม่ไม่ได้มาไหว้พระธาตุดอยสุเทพก็มาไม่ถึงกันเท่านั้น" คุณต้นว่าและขับรถพาผมไปวัดต่อ ซึ่งแน่ล่ะผมก็แสนประทับใจ และออกจะอิ่มใจที่ได้มาเที่ยวและมองเห็นวิวของเชียงใหม่ที่สวยงามขนาดนี้
"คุณต้นถ่ายรูปหน่อยครับ" ผมบอกให้คุณต้นยืนเก๊กหน้าหล่อ ๆ และตามรายทางผมก็ถ่ายรูปของคุณต้นบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ และกล้องนี้มันก็กล้องของบริษัทไม่ใช่กล้องของผมแต่อย่างใด
"คุณตุลก็ถ่ายบ้างเดี๋ยวผมถ่ายให้" คุณต้นบอกและผมก็ไปยืนสงบเสงี่ยมตรงหน้าพระธาตุและคุณต้นก็นับถอยหลังให้ส่วนผมก็ยิ้มจนหน้าบานไปเท่านั้น
"ถ่ายรูปคู่กันบ้างสิจะได้รู้ว่ามาเที่ยวด้วยกัน" คุณต้นบอกและหันไปขอความช่วยเหลือพี่ผู้หญิงหน้าตาใจให้ถ่ายรูปผมกับคุณต้นด้วยกัน
ซึ่งผมก็ยืนอย่างเกร็ง ๆ จนพี่เขาบอกให้ขยับเข้ามาชิดกันผมก็ยังเว้นระยะอยู่ดีจนคุณต้นแกรำคาญยื่นมือมาโอบคอผมเสียเลย
"ถ่ายกันเสียด้วยเจ้าอีกหนึ่งรูปนะเจ้า" พี่ใจดีบอกและถ่ายรูปผมกับคุณต้นอีกสองรูป และเมื่อคุณต้นเดินยิ้มไปรับกล้องกลับก็ยกมือไหว้สวย ๆ เสียด้วย
"คุณตุลไปยืนตรงโน้น ยืนข้าง ๆ ตัวมอมนั่นแหละ" คุณต้นว่าและผมก็หันซ้ายหันขวา งงกับไอ้ตัวมอมแมมอะไรที่คุณต้นว่า"
"ไอ้ตัวที่คุณตุลยืนข้าง ๆ นั่นแหละครับเขาเรียกตัวมอม" คุณต้นบอกและผมก็หันไปมองรูปปั้นสัตว์ประหลาด และออกจะแปลกใจว่ามันตัวอะไรกัน
ท้ายที่สุด คุณต้นซึ่งตัวใหญ่กว่าผม ก็เอากล้องมาถ่ายเซลฟี่ตรงจุดที่เรายืนชมวิวของเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน
"ลุ้นเอานะครับว่าจะได้รูปดี ๆ ไหม" คุณต้นบอกและยื่นมืออีกข้างมากอดเอวผมอีกแล้ว ก็ยุคนี้มันยังเป็นยุคของกล้องฟิล์ม ไม่ได้มีกล้องดิจิตอลเหมือนตอนผมแก่ ๆ นี่นะ
เดินเล่นกันอีกสักพักจนพระอาทิตย์โรยแสงและในเมืองเชียงใหม่ก็เริ่มเปิดไฟกันจนเห็นเป็นภาพสวยงามตา ผมยืนจ้องอย่างตะลึงลาน จนคุณต้นเดินมาชวนผมกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมนั่นแหละ ผมก็เดินตามแกลงมา
"ขามาเราขึ้นรถกระเช้าขากลับเดินเอาดีไหมครับถือว่าออกกำลังกายไปด้วย" คุณต้นบอกและผมก็มองดูแกว่าแกจะไหวไหม
"ไหวหรอครับคุณต้นมันสูงนา" ผมปรามาสส่วนแกก็ไม่สนใจเดินนำผมลิ่ว ๆ แถมหันหน้ากลับมามองเป็นทำนองเร่งให้ผมเดินตามแกไปไว ๆ เสียด้วย
ผมค่อย ๆ เดินลง แต่คุณต้นแกเกิดใจร้อนรีบจ้ำ ๆ จนมาถึงกลางทางตะคริวก็กินขา ผมล่ะแสนอ่อนใจ แต่ลงมาด้วยกันอย่างนี้ ผมก็ให้แกนั่งและค่อย ๆ นวดขาของแกจนแกว่าอาการดีขึ้น
"ผมพอจะเดินได้แล้วล่ะ" คุณต้นว่า และเมื่อลุกขึ้นยืนผมก็ต้องเดินไปให้แกกอดคอเพื่อช่วยพยุง
"ยังดีนะครับเป็นตะคริวแล้วคุณต้นนั่งลงทัน ถ้ากลิ้งตกลงไปล่ะก็แย่ทีเดียว" ผมบ่น จนคุณต้นหันมามองผมด้วยหางตา
"ถ้าตกก็ตกด้วยกันสองคนเลยนะ" คุณต้นหันมาบอก
"เรื่องอะไรล่ะครับ คุณต้นก็เดินดี ๆ สิ ผมบอกแล้วให้คุณต้นค่อย ๆ เดิน" ผมบ่นเพราะตอนนี้เหนื่อยก็เหนื่อยแถมหนักตัวคุณต้น หนักเหมือนแบกช้างมาด้วยสักหนึ่งเชือก
แต่อีกใจผมก็รู้สึกว่าหัวใจของผมมันเต้นแรง และหน้าของผมก็ร้อนฉ่า วันนี้รู้สึกว่าผมจะโดนเนื้อโดนตัวคุณต้นหลายทีแล้ว ไม่ใช่สิ คุณต้นต่างหากที่มากอดคอผม
ประคองแกจนมาถึงข้างล่าง และผมก็หน้าเสียเพราะผมเองก็ขับรถไม่เป็น แต่คุณต้นแกว่าอาการของแกไม่หนักหนาและขับรถกลับได้แน่ ๆ
"สงสัยต่อไปผมต้องหัดขับรถซะแล้ว" ผมเอ่ยปากออกมาลอย ๆ
"ทำไมล่ะครับ" คุณต้นหันมาถาม
"ก็จะได้ขับให้คุณต้นนั่งบ้างไงครับ" ผมหันไปตอบ
"ถ้าด้วยเหตุผลนั้นก็ไม่ต้องหรอกครับ ให้ผมขับรถให้ตุลนั่งนั่นแหละดีแล้ว" คุณต้นพูดแล้วก็อมยิ้ม แต่ผมฟังแล้วทำไมมันหน้าร้อน ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน
"เมื่อถึงโรงแรม คุณต้นก็บอกให้เราสองคนไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อน แล้วค่อยลงมานวด เพราะเหนียวเนื้อเหนียวตัว
"นวดเสร็จแล้วได้กลับมานอนรับรองคุณตุลหลับเป็นตายเลยล่ะ" คุณต้นบอกและไล่ให้ผมไปอาบน้ำก่อน และเมื่อเราสองคนอาบน้ำเสร็จ ก็เดินลงมาห้องนวดไทยด้วยกัน
โชคดีที่ผมกะเอากางเกงเลมาเป็นชุดนอนอยู่พอดี ก็เลยไม่ต้องเปลี่ยนกางเกงอะไรอีกให้ยุ่งยาก
"ของผมให้คุณป้านวดเหมือนเดิมนะครับ ส่วนลูกน้องผมเอาหมอมือเบา ๆ ก่อนก็แล้วกันเขาไม่เคยนวด" คุณต้นพูดอย่างเอาอกเอาใจกับป้าหมอนวด ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
นอนคู่กันคนละเตียง คุณต้นก็พูดคุยกับคุณป้าหมอนวดอย่างออกรส ผมที่แม้จะมานอนนวดก็ยังเอาสมุดกับปากกาติดมือมาด้วย เพื่อความไม่ประมาท
และคุณต้นร้อยไอเดีย คุยกับหมอนวดไป ก็หันมาสั่งงานผมไปอีกเช่นเคย และดูเหมือนคุณต้นแกจะนวดบ่อย แต่ไอ้ที่เป็นตะคริวเพราะพักหลัง ๆ งานยุ่งแกก็เลยไม่ค่อยได้นวด
เสียงคุณต้นร้องโอดโอย ส่วนผมโชคดีที่หมอนวดออกแรงไม่มาก แต่ถึงอย่างนั้น วันนี้เดินเยอะ ช่วงน่องของผมก็ปวดตึงอยู่เหมือนกัน และเมื่อนวดเสร็จก็ตัวเบาจริงอย่างที่คุณต้นว่าเสียด้วย
"สบายตัวเลยครับ" ผมบอกเจ้านายอย่างเอาใจแต่คุณต้นก็ยังมีแก่ใจไปขอยาแก้ไข้จากประชาสัมพันธ์มาให้ผมกิน
"กินกันไว้ครับ คนไม่เคยนวดกันไว้ก่อนจะได้ไม่ระบม" คุณบอกและผมก็กล่าวขอบคุณ
และเมื่อกลับขึ้นไปบนห้องพักซึ่งก็มืดค่ำแล้ว ผมเปิดโทรทัศน์ด้วยความเคยชิน และมันก็ได้เวลาของละครพอดี จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยได้ดูหรอกแต่ถือว่าเปิดเอาเสียงมาแก้ความกระดากกระเดื่องใจ
ถึงแม้ทั้งวันผมจะอยู่กับคุณต้นแต่มันก็ไม่รู้สึกแปลก ๆ เหมือนตอนนอนอย่างนี้
ผมหยิบหนังสือเจ้าชายน้อยติดมือมาอ่าน เพราะเล่มของมันเล็ก และผมก็อ่านค้างไว้พอดี ให้บังเอิญว่าคุณต้นก็เอาเจ้าชายน้อยฉบับภาษาต่างประเทศของแกมาอ่านเหมือนกัน อะไรจะบังเอิญได้ขนาดนี้
"อ้าว ตั้งแต่งานโน้นคุณต้นยังอ่านไม่จบอีกหรือครับ?" ผมถาม
"อ่านจบแล้วครับ อ่านซ้ำน่ะ ก็อย่างที่เราคุยกัน อ่านแต่ละช่วงเวลาความรู้สึกมันก็ต่างกันจริง ๆ" คุณต้นว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนอ่านหนังสือเหมือนผม
"ถ้าอย่างนั้นปิดทีวีดีไหมครับ จะได้อ่านกันเงียบ ๆ" ผมบอกและเมื่อคุณต้นพยักหน้าผมก็เดินไปปิดมัน
"ตุลยังไม่ชอบดอกกุหลาบอยู่ไหม?" คุณต้นหันมาถามผมอีกจนผมเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อนึกถึงมัน
"ก็ยังไม่ค่อยชอบแหละครับ แต่รำคาญไอ้พวกคนบนดาวดวงอื่น ๆ มากกว่า อย่างอีตาพระราชา หรือคนดับไฟ ดูคุณต้นจะเข้าใจเจ้าชายน้อยกับดอกกุหลาบจัง" ผมเอ่ยปากแซว
"ก็คงอย่างงั้นมั้งครับ ผมว่าเวลาเราตกหลุมรักใคร เราก็อยากจะเอาอกเอาใจเขา ไม่ว่าเขาจะขี้งอนและทำตัวไม่ดีใส่เราแค่ไหนก็เถอะ" คุณต้นตอบจนผมทำหน้ามุ่ย
"ทำเหมือนคุณต้นเคยตกหลุมรักคนไม่ค่อยดีมาแล้ว" ผมพูดแซวจนคุณต้นทำท่าคิด
"ก็คงมีบ้างแหละครับ แต่ถ้ามันสมหวัง ป่านนี้ผมคงมีความสุขไปตั้งนานแล้ว ไม่โสดจนอายุจะสามสิบกว่าแล้วเนี่ย" คุณต้นบอกและทำเสียงเซ็ง ๆ แต่ผมก็ไม่กล้าไปละลาบละล้วงถามเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย
"ถ้าเป็นคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอกครับ ตุลว่าจะมีแฟนมีคนรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอกครับ ก็ดูคุณเปิ้ลสิครับ มีแฟนเอาตอนอายุขนาดนี้ แต่ตุลว่ามันสมกับการรอคอยนะครับ ได้คนรักที่เข้ากันได้ดี พี่เปิ้ลเขาชอบมาคุยอวดสามีเขากับตุลบ่อย ๆ" ผมบอกและลืมตัวไปเลยว่าเรียกชื่อตัวเองออกไป
คงเพราะวันนี้ผมอยู่กับคุณต้นทั้งวันจนรู้สึกเป็นกันเองจนอยากเรียกชื่อตัวเหมือนกับพูดคุยกับพ่อแม่และเพื่อน ๆ กระมัง
"ก็จริงนะ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่เฮียจะมีแฟนดี ๆ กับเขาสักคน แต่ชาตินี้เห็นทีจะยากแหละ" คุณต้นก็หลุดปากเรียกตัวเองว่าเฮียเหมือนกัน
หมดเวลาของการคร่ำครวญ เราต่างเงียบไปและหันไปสนใจกับหนังสือในมือ แต่เมื่อผมเผลอหาวนอน คุณต้นก็ชวนผมให้นอนเพราะจะได้ตื่นแต่เช้าผมก็เลยเดินไปปิดไฟ
ผมนอนหันหลังให้คุณต้น เพราะยังเขิน ๆ ที่ต้องอยู่กับคนอื่นอีกคน แม้ว่าผมกับคุณต้นจะไม่รู้ตัวว่าแค่หนึ่งวันที่เราอยู่ด้วยกันกำแพงบาง ๆ ก็ค่อย ๆ ทลายลงทีละนิด
ใช้เวลาไม่นานคุณต้นก็ส่งเสียงกรนเบา ๆ ออกมาจนผมนึกถึงเสียงกรนของพ่อ และจะด้วยการเดินทางเยอะ หรือเพราะโดนนวดอย่างที่คุณต้นบอก ก็ไม่รู้ ชั่วแป๊บเดียวผมก็หลับไปจริง ๆ หลับอย่างแสนสบายเสียด้วย
และเมื่อตื่นขึ้นมาแดดก็ส่องจนฟ้าสว่างโร่
"ตายละ แปดโมงครึ่งแล้ว" ผมตะลีตะลานและเห็นว่าบนเตียงของคุณต้นว่างเปล่า
แต่พอขยับตัวค้นเสื้อผ้าเพื่อจะเอาไปอาบน้ำคุณต้นก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี
"ตื่นแล้วหรอ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบวันนี้สบาย ๆ" คุณต้นพูดอย่างใจดีและเดินตัวเปล่านุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไปแต่งตัว ผมไม่กล้ามองแกนาน เพราะเขินจึงรีบเข้าไปอาบน้ำ และแต่งตัวมันเสียในห้องน้ำนั่นแหละ
"ตุลไม่ได้ตื่นสายอย่างนี้มานานมากแล้ว ขนาดวันหยุด ยังตื่นเจ็ดโมงเลยครับ บางทีก็ตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปช่วยแม่ถือของที่ตลาด" ผมออกตัว
"ไม่เป็นไรหรอก ก็บอกแล้ววันนี้ไม่รีบ" คุณต้นพูดอย่างสบาย ๆ และพากันเดินไปที่ห้องอาหารเพื่อกินอาหารเช้า ที่โรงแรมนี้ไม่ได้มีบุฟเฟต์อาหารเช้า แต่มีคูปองให้เราเลือกอาหารจากเมนู และผมก็แสนจะขำที่คุณต้นสั่งกะเพราไก่ไข่ดาวอีกแล้ว
"ของโปรดหรือครับ หรือคิดไม่ทัน" ผมแอบแซว
"คิดไม่ทันน่ะ" คุณต้นตอบและหัวเราะ
วันนี้เป็นวันเดินทางของพวกที่บริษัท ซึ่งจะมาถึงเอาช่วงสี่ถึงห้าโมงเย็น วันนี้หน้าที่ของผมกับคุณต้นก็คือไปเยี่ยมลูกค้ายี่ปั๊วะอีกสองเจ้า
โรงแรมของเราอยู่กลางเมือง คุณต้นเลยชวนผมเดินไปเช่ารถจักรยาน
"จะได้ชมเมืองไปด้วยไงเชียงใหม่วัดสวย ๆ เยอะแยะ" คุณต้นบอกและขี่จักรยานนำผมไป
ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่แกว่านั่นแหละ ก่อนเข้าไปพบลูกค้าก็แวะวัดก่อนวัดหนึ่ง เพื่อไหว้พระด้วย ดูของสวย ๆ งาม ๆ ด้วย แล้วจึงไปเยี่ยมลูกค้ารายแรก กว่าจะพูดคุยกันเสร็จ ผมก็จดคำสั่งของแกได้สองหน้ากระดาษ
และเราก็จากลามาเพื่อมากินขนมจีนน้ำเงี้ยวเจ้าอร่อย
"เจ้านี้อร่อยมาก ๆ เลยนะ แบบต้นตำรับเลยแหละ" คุณต้นคุยอวดและขี่จักรยานนำไป เชียงใหม่ อากาศดีแม้แดดจะร้อนอยู่สักหน่อย แต่เมื่อเราขี่มันไปและมีลมปะทะหน้าก็เลยไม่ค่อยรู้สึกร้อนเท่าไหร่
ได้กินขนมจีนอร่อยถูกใจ คุณต้นก็พาผมไปร้านขายเสื้อผ้าพื้นเมืองต่อ
"ซื้อไปฝากพ่อกับแม่ตุลด้วยสิ ผ้าฝ้ายเนื้อดีราคาไม่แพง แต่เออจริง ๆ ขากลับเดี๋ยวเฮียพาไปซื้อผ้าม่อห้อมที่แพร่ด้วยก็ดี นี่เฮียซื้อไปฝากม๊ากับน้องชาย" คุณต้นบอกและเดินลิ่ว ๆ ไปพร้อมกับเลือกเสื้อได้หลายตัว
ส่วนผมเองก็ได้เสื้อผ้าฝ้ายให้พ่อ กับผ้าถุงสำเร็จให้แม่ ซึ่งก็คิดว่าแม่เห็นแล้วคงชอบ
"ของตัวเองได้อะไรบ้าง?" คุณต้นหันมาถามและผมก็ยิ้มแห้ง ๆ และส่ายหน้าด๊อกแด๊ก
"เอาเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสิ ใส่สบายใส่ไปเที่ยวก็ไม่ขี้เหร่ใส่อยู่กับบ้านก็ได้" แกว่าและเลือกเสื้อผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติออกเขียวตุ่น ๆ มาให้ผม
ซึ่งผมมองขนาดของมันและลองเอามาทาบตัวเห็นว่าพอดีทีเดียว ผมก็เอาตัวนี้นี่แหละ ส่วนคุณต้นเอาไอ้ตัวแบบนี้แต่จัดเสียสี่ตัว ตัวละสี
"ผมซื้อไว้ใส่อยู่บ้านน่ะปีนึงผมก็มาซื้อทีนึงเวลามาออกงานที่เชียงใหม่" แกว่าจนผมฟังแล้วนึกเอ็นดู ก็เศรษฐีขนาดนี้มาตกหลุมรักอะไรกับเสื้อตัวละร้อยกว่าบาทกันเล่า
เสร็จจากการช้อปปิ้ง ก็ไปแวะเยี่ยมลูกค้าอีกราย และเมื่อเสร็จธุระผมก็ได้คำสั่งเพิ่มอีกสามหน้ากระดาษ
"กลับโรงแรมกันเถอะ ป่านนี้พวกที่บริษัทน่าจะใกล้ถึงกันแล้วเดี๋ยวจะได้ออกไปพร้อม ๆ กัน" คุณต้นว่าและขี่จักรยานนำผมเพื่อเอาไปคืน และเดินกลับโรงแรมด้วยกัน
เห็นว่ามีช่วงเวลาได้พัก ผมก็เลยให้คุณต้นแกนอนพักผ่อนเสียก่อน ส่วนผมเห่อเสื้อใหม่ก็เลย เอาสบู่ซักแล้วก็ตากเสียเลย กะว่าเอาไว้ใส่ตอนขากลับ
ระหว่างรอเวลา ผมก็นอนอ่านหนังสืออีกพลางหันไปมองหน้าคุณต้นแล้วก็อมยิ้ม ตอนคุณต้นหลับโดยไม่เอ่ยปากสั่ง ๆๆๆ ก็หล่อเหมือนกัน ว่าไม่ได้ ก็เฮียเสรี ป๊าของแกตอนหนุ่ม ๆ ออกจะหล่อเฟี้ยว คุณต้นหน้าถอดแบบป๊าแกมาขนาดนั้นจะไม่หล่อได้ยังไง
แต่ติดที่ว่า แกได้ความสูงจากอาซ้อมาเลยไม่สูงมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงกว่าผมแหละ ส่วนน้องชายของแกสองคนตัวสูงปรี๊ด และทั้งหล่อทั้งสมาร์ทอย่างกะนายแบบแต่ดูจะขี้เล่นไม่ขรึมเหมือนพี่ชาย
"เอ้า...ตุลไม่นอนพักหน่อยหรอ เฮียนึกว่าตุลจะนอนสักตื่น เดี๋ยวต้องไปแบกของกันอีก" คุณต้นลืมตามาแวบหนึ่งและพูดเหมือนบ่น ส่วนผมก็ได้แต่อมยิ้ม และคิดว่าเราสนิทกันมากขึ้นจริง ๆ
โอ๊ย มัวแต่เขินไปเขินมามะไหร่จะจีบกันล่ะโว๊ย ... ขัดใจอีสวยเลือกได้ อีเล่นตัว ชิ