อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่แล้ว คราวนี้ต้องมีผัวให้ได้ ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น

เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้ - 19 ขอจันทร์ โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ไทย,ดราม่า,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ไทย,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้ โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่แล้ว คราวนี้ต้องมีผัวให้ได้ ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ

อุตส่าห์ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่ ต่อจากนี้ผมจะเริ่มต้นแก้ไขให้ชีวิตของผมให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านให้ได้ แล้วผมจะต้องหาผัวเป็นของตัวเองให้ได้สักคน

สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-1 คนขี้แพ้,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-2 เวอร์ชันใหม่,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-3 วัยรุ่นวัยเรียน,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-4 เพื่อนชาย,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-5 ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-6 แผนสอง,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-7 วัยทำงาน,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-8 กลับมาหาความสุข,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-9 กองทัพเดินด้วยท้อง,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-10 พร้าเล่มงาม,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-11 เอาไงดี,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-12 ความสุขของผม,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-13 ดีใจ...ใจดี,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-14 เปรียบเทียบ,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-15 คนไม่สำคัญ,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-16 อุ่นใจ,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-17 สนิท,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-18 คนพิเศษ,เกิดใหม่ทั้งทีต้องมีผัวให้ได้-19 ขอจันทร์

เนื้อหา

19 ขอจันทร์

โดย  Chavaroj




"เฮียต้นครับ" ผมเอ่ยปากเรียกแก เมื่ออยู่ด้วยกันลำพัง


"???" คุณต้นหันมามองและอมยิ้ม เพื่อรอคำถามของผม


"ใกล้จะวันเกิดคุณต้นแล้ว มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่าครับ?" ผมถามราวกับอยากรู้จะได้วางตารางงานให้แก


"อืม......ขอคิดก่อนนะ........ไม่มีนะบ้านเฮียไม่เคยจัดงานพวกนี้หรอก วันก่งวันเกิด" คุณต้นบอกยิ้ม ๆ และหยิบเอกสารมาอ่านต่อ


"แหมวันเกิดเฮียต้นทั้งที นะครับ น่าจะมีฉลองสักหน่อย" ผมทำเสียงเสียดายแทน


"ทำไมล่ะ จะไปกินด้วยกันมั๊ยล่ะที่บ้านเฮียไม่จัดอะไรแน่ ๆ อยากกินอะไรดีล่ะ หมูกระทะดีมั๊ย เฮียอยากกิน  ไม่ได้กินตั้งนานแล้ว" คุณต้นบอกอย่างนึกสนุกและผมก็รับปากจะหาข้อมูลและ บอกแกในเวลาต่อมา


"ร้านแถวนี้เองครับ ราคาไม่แพงมาก แต่ใช้ของดี น้ำจิ้มอร่อย ที่สำคัญก็คือมีที่จอดรถด้วย" บอกรายงานและเมื่อถึงวันเกิดของแก ผมก็มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกับแกอยู่สองคน


โดยแน่ล่ะตามประสาเลขาที่ดี ผมเดินไปตักโน่นตักนี่มาให้ ปิ้งให้ และแกะกุ้งให้ 


"เอาใจเก่งแฮะวันนี้" คุณต้นพูดแซว


"ก็วันเกิดเฮียต้นทั้งที แถมเลี้ยงตุลด้วย ก็ต้องเอาใจหน่อยสิครับ" ผมบอกและยิ้มทะเล้นให้


"เห้ยไม่ใช่หารกันหรอ?" คุณต้นทำท่าโวยวาย


"ตุลเลี้ยงเฮียต้นก็ได้ ก็เฮียเลี้ยงตุลมาตั้งหลายรอบแล้ว กินเยอะกินน้อยจ่ายเท่ากัน เฮียกินให้หมดอย่าให้เขาปรับได้ก็แล้วกัน" ผมบอกและอมยิ้ม 


"เอ้ย...ไม่เอาโว้ย ขืนใครรู้มาว่ามาให้ลูกน้องเลี้ยงขายหน้าขาตายห่า เฮียเลี้ยงเองแหละ แซวเล่นเฉย ๆ" คุณต้นว่าและผมก็เดินไปตักไอ้ของที่ดูแล้วแกน่าจะชอบใจ


ในตอนนี้ร้านหมูกระทะกำลังเริ่มเป็นที่นิยม และผมก็พยายามทำตัวตีสนิทกับคุณต้นด้วยการเรียกแกว่าเฮียรวมถึงเรียกตัวเองว่าตุล ยามอยู่ด้วยกันแค่สองคน เพราะผมว่ามันดูพิเศษดี


เมื่อกินข้าวเสร็จ คุณต้นก็มาส่งผมที่บ้านอีกเช่นเคย ซึ่งผมก็มีเซอร์ไพรส์ เป็นของขวัญวันเกิดให้แก ซึ่งเมื่อเจ้าตัวได้รับและเปิดออกดู ก็ยิ้มไม่หุบ


"ขอบคุณนะ เฮียชอบมาก ๆ เลย" คุณต้นบอกและพลิกหนังสือ "เจ้าชายน้อย" แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น แกพลิกมันไปมา และแววตาของแกก็บอกได้เลยว่า ปลื้ม มาก ๆ


"เฮียครับ อาทิตย์หน้าวันเกิดตุล ไปกินข้าวกับตุลมั๊ย แต่วันเกิดตุล ตุลต้องเป็นเจ้ามือนะ" ผมเอ่ยปากชวนซึ่งแกก็รับคำง่าย ๆ เหมือนไม่ต้องคิดอะไร


"แต่เอ่อ มีเพื่อนของตุลไปด้วยนะครับ เฮียต้นจะอึดอัดหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นไว้กินกันสองคนอีกทีก็ได้ครับ" ผมเอ่ยปากถามซึ่งแกก็ยืนยันว่าไปด้วยกันกับเพื่อนของผมนั่นแหละ จะได้ไม่เปลือง


"สำเร็จตามแผน" ผมโทรศัพท์ไปบอกเหมย


"เออ เยี่ยมเลย ต้องกำชับอีชูไม่ให้ปากหมา เอาตะกร้อครอบปากมันไปด้วยน่าจะดี" เหมยบ่นจนผมหัวเราะออกมา  พร้อมทั้งนัดแนะเวลาสถานที่กันให้เรียบร้อย


เหลือเวลาอีกหลายวัน และตอนนี้พี่เปิ้ลก็ได้คลอดลูกเป็นสาวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู แม้ผิวจะคล้ำไปหน่อย แต่ก็พยายามปลอบกันว่าโตขึ้นก็จะขาวขึ้นแน่ ๆ แต่ตาของแม่หนูน้ยหวานเจี๊ยบ และแก้มเป็นกระติก 


คุณต้นให้เงินทำขวัญไปเป็นซองโต ๆ ซึ่งผมแอบแซวว่าแกใส่แบงก์สิบให้หรือเปล่าเพราะมันหนาเหลือเกิน


"ป๊าเฮียบอกให้คุณเปิ้ลเขาเยอะหน่อย คนเก่าคนแก่น่ะ" คุณต้นอธิบายในวันที่ผมกับแกไปเยี่ยมคุณเปิ้ลที่โรงพยาบาล


เมื่อเป็นอย่างนี้ก็เหลือแค่ผมกับคุณต้น เพราะอีกฟากหนึ่งของออฟฟิศในชั้นนี้ พอช่วงบ่าย ๆ พวกผู้จัดการก็จะออกไปข้างนอกกันเป็นส่วนใหญ่ 


จริง ๆ ตั้งแต่เที่ยงผมก็อยู่กับคุณต้นโดยลำพังแล้ว และผมก็อาจหาญถึงขนาดเอาข้าวมากินด้วยกันกับแก


"กินกับตุลนี่แหละครับ ออกไปข้างนอกก็หาของกินยาก" ผมบอกและกับข้าวที่ผมเอามากินกับคุณต้นก็จะใส่กล่องอาหาร ที่บรรดาแม่บ้านในสมัยนั้นชอบนักชอบหนา


"นี่ซื้อทัปเปอร์แวร์แบบเป็นเซ็ทเลยหรอ?" คุณต้นถามเมื่อเห็นผมเอามาหลายแบบหลายสีสัน


"ของแม่น่ะครับ เอามาใช้ก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็ฝุ่นเกาะ แม่ก็บอกว่าเห็นทีไรก็อดซื้อไม่ได้" ผมอธิบายและแกะฝากล่อง 


กินในกล่องแบบนี้สะดวก และคุณต้นก็ไม่เรื่องมากถึงขนาดต้องเอามาเทใส่จานใส่ชามใหม่ให้ยุ่งยาก แกว่าเสียเวลา รีบกินดีกว่า


ซึ่งผมก็ต้องแลเล็งตั้งแต่ตอนตักว่าอะไรที่ดูแล้วคุณต้นท่าทางจะชอบ ซึ่งกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ ผมก็ค่อย ๆ จดจำ


"ตุลรู้ใจเฮียว่ะ" คุณต้นเอ่ยปากชม ยิ้มกว้าง เมื่อผมเปิดกล่องอาหารและเจอของโปรดของแก


"ตุลรู้ว่าเฮียชอบก็เลยไปอ้อนขอให้แม่ทำ" ผมบอกและอมยิ้ม และนั่งมองคุณต้นกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย


และเมื่อถึงวันเกิดของผม สวนอาหาร ที่ปูยืนยันว่าอาหารอร่อย ราคาไม่แพง เป็นส่วนตัว และไม่จอแจ ที่สำคัญ ชูวิทย์มันรู้จักและได้ส่วนลดเยอะ


เมื่อจอดรถที่ลานจอดรถหน้าสวนอาหารที่ว่า เดินเข้าไปมองหาอยู่ครู่หนึ่ง ไอ้ชูวิทย์ก็ โบกไม้โบกมือ ทำตัวบ้าบอเหมือนก่อนจนผมอดยิ้มไม่ได้


ผมแนะนำคุณต้นให้เพื่อน ๆ รู้จัก ซึ่งทุกคนก็ทำเนียนราวกับเพิ่งเคยได้ยินชื่อคุณต้นเป็นครั้งแรก 


"เรียกผมเฮียต้นก็ได้ครับ คนกันเอง" คุณต้นพูดไปยิ้มไป และนั่งข้าง ๆ ผม 


"ไม่เอาลูกมาด้วยหรอ?" ผมถามปู ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าเบื่อระอา


"เอามาก็หมดสนุกกันพอดี ฝากไว้กับตายายโน่น" ปูบ่น


"บอกให้เอาไปฝากไว้กับอากงอาม่าก็ไม่เอา เกรงใจพ่อกับแม่เธอ" ชูวิทย์บ่นบ้าง


"ไม่เอาหรอก ไปครั้งล่าสุด ลูกมาถามชั้นว่า หน้าเหี้ย แปลว่าอะไร คงไปได้ยินพี่ชายเธอคุยกันนะ" ปูบ่นและมองชูวิทย์ด้วยหางตา จนชูวิทย์ได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน


แน่ล่ะว่าตามประสาคุณต้น นั่งอยู่ครู่เดียว ก็คุยเข้ากับพวกเราได้ทุกคน และที่ผมคาดไม่ถึงก็คือคุณต้นดูจะเข้ากับไอ้ชูวิทย์มากกว่าประวิทย์ 


และผมก็ไม่คาดคิดอีกแล้วว่าจะเห็นคุณต้นในอีกด้านที่ผมไม่คิดว่าแกจะเป็น


"คุณต้นก็ทะลึ่งเหมือนกันนะครับเนี่ย" ผมกระซิบบอกแกเบา ๆ และค้อนให้นิดหน่อย เมื่อคุณต้นคุยเรื่องสัปดนกับไอ้ชูวิทย์อย่างออกรส 


"อย่ามาพูดไป เราน่ะหัวเราะร่วนเลยน๊าาา" คุณต้นแซวกลับจนผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และหันไปคุยกับปูและเหมยแทน


คุยไปกินไป จนไอ้พวกผู้ชายถึงกับสัญญาว่าไว้จะหาเวลามากินข้าวด้วยกันอีก ซึ่งก็เล่นเอาปูกับเหมยตาขวาง


"กินแต่ข้าวจริง ๆ เหล้าเบียร์กินได้ที่ไหนล่ะจ๊ะแม่จ๋า" ชูวิทย์มันพูดกับเมีย และพวกเราก็หัวเราะกัน


"เฮียต้นจะกินก็อย่าขับรถนะครับอันตราย ถ้าจะกินเหล้าก็เรียกแท็กซี่เอา" ผมบอกแกเบา ๆ จนแกค้อนใส่


"พูดอย่างก๊ะเป็นเมีย" คุณต้นบอกจนผมเอาแต่ยิ้มหน้าแดง และผมก็แอบมองเบียร์สองขวดที่พวกผู้ชายสั่งมากิน


"เฮียขับรถไหวแน่นะครับ เกิดเจอตำรวจให้เป่าแอลกอฮอล์ ตุลวิ่งหนีลงจากรถเลยนา ไม่ไปประกันตัวนา" ผมแกล้งแซวเมื่อพวกเราทำท่าจะแยกกัน


"นิสัย" คุณต้นบ่นและค้อนใส่จนผมยิ้มกว้างให้


"ตุลบอกแล้วตุลเลี้ยงไงครับ" ผมโวยวายเมื่อคุณต้นเอาบัตรเครดิตของแกให้เด็กเสิร์ฟเมื่อต้องชำระเงิน


"ก็เอามาให้เฮียไง เฮียจะสะสมแต้มการใช้ จะได้เอาไปแลกของ" คุณต้นบอกซึ่งผมก็รู้ว่าแกโกหก จะหาเรื่องเลี้ยงผมนั่นแหละ ไอ้ผมคนเดียวก็พอว่า นี่ลากเพื่อนผมมาด้วยอีกตั้งหลายคน ซึ่งสุดท้าย คุณต้นก็เป็นเจ้ามืออีกอยู่ดี


"ตุลโชคดีเนอะ ที่มีเพื่อนดี ๆ ตั้งหลายคน" คุณต้นว่าเพราะแค่มานั่งกินข้าวด้วยกันไม่กี่ชั่วโมงคุณต้นก็หลอกถามเรื่องผมจากทุกคน 


และเพื่อนที่ดีก็เอาผมมาเผาเสียเกรียม


"นี่ดีแล้วหรอครับ แต่ละคนขาด ๆ เกิน ๆ" ผมบ่นดึงเข็มขัดนิรภัยมาสวม


"เฮียไม่พาลงคูน้ำข้างทางหรอกน่า กินไปแค่แก้วเดียวเอง ไอ้ที่เหลือน่ะเพื่อนตุลกินทั้งนั้น" คุณต้นประชด


"ปลอดภัยไว้ก่อน เฮียเองก็สวมด้วย" ผมโวยวายและยืดตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยของแกจนแกก็แกล้งบังไม่ให้ผมหยิบไอ้เข็มขัดนิรภัยนั่นได้สักที


"ตามใจไม่คาดก็เรื่องของเฮียก็แล้วกัน" ผมบอกอย่างแง่งอนจนคุณต้นอมยิ้มและหัวเราะเบา ๆ แล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาสวม


"งอนเก่งหรอเราน่ะ" คุณต้นบอกและยื่นมือมายีหัวของผมเล่น


"ผมยุ่งหมดแล้วเฮีย" ผมทำเป็นโวยวายและอมยิ้มแก้มแทบแตก ยังดีว่าฟ้ามันมืดแล้ว ไม่อย่างนั้น คุณต้นคงจับได้ว่าผมอายจนหน้าแดงแน่ ๆ


ขับรถจนมาถึงหน้าบ้าน ซึ่งพ่อกับแม่ปิดร้านไปเรียบร้อยแล้ว และพอผมจะเปิดประตูลง พร้อมกับยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ คุณต้นก็ดึงมือของผมเอาไว้ก่อน


"อย่าเพิ่งไปสิ วันเกิดทั้งทีจะไม่เอาของขวัญวันเกิดหรือไง?" คุณต้นถามและผมก็ทิ้งตัวกลับมานั่ง


"ให้เป็นเช็คหรอครับ?" ผมพูดทีเล่นทีจริงและอมยิ้ม


"นอกจากขี้งอนแล้วขี้งกด้วยหรอ?" 


"ขี้หึง ด้วยครับ" ผมตอบก้มหน้ามองขาของตัวเอง


"ไม่ยักรู้ว่าตุลเป็นคนแบบนั้น เอ๊า" คุณต้นพูดยิ้ม ๆ และเอื้อมมือไปหยิบของจากหลังรถ


"เอาไว้เวลาดูต่างหน้าเวลาคิดถึงเฮีย" คุณต้นพูดและยิ้มมีเลศนัย ส่วนผมก็รับกล่องหนัก ๆ มาไว้ในมือและกล่าวขอบคุณ


"เปิดเลยได้ไหมครับ ตุลตื่นเต้นชะมัด ไม่ยักรู้ว่าเฮียจะใจดีให้เงินเป็นปึกขนาดนี้" ผมแกล้งป่วน


"ไม่ใช่เงินโว้ย แต่รับรองว่าเปิดดูแล้วต้องดีใจ ไปรีบไปอาบน้ำนอนได้แล้วดึกแล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกัน"  คุณต้นบอกและยื่นมือมายีหัวของผมจนยุ่งเหยิงอีก


ผมยืนกอดกล่องของขวัญ และยืนอมยิ้มมองจนรถของคุณต้นหายลับตาไป


เมื่อเข้าบ้าน ผมก็รีบไปอาบน้ำ และวางกล่องของขวัญเอาไว้บนโต๊ะหนังสือก่อน รอจนอาบน้ำเสร็จแต่งตัว และเฝ้ามองนาฬิกาที่เดินทางผ่านเลข 12


เพราะผมเกิดตอนเที่ยงคืนกว่า ๆ และเมื่อผมเปิดกล่องมันออกมาอย่างเบามือ ผมก็ยิ้มกว้าง กับของขวัญด้านในและค่อย ๆ หยิบมันออกมาอย่างเบามือ


"มังกรหยกภาคหนึ่ง" ผมพูดพึมพำกับตัวเอง และแกะชุดหนังสือนั้น ออกมาวางไว้


นอกจากมูลค่าที่แพงลิบ เพราะเป็นปกแข็ง ที่ใส่กล่องมาเป็นอย่างดี ผมว่าความตั้งใจที่คุณต้นแกอุตส่าห์มาหาให้นั่นสำคัญกว่า


"คนเรานะ ถ้าลองได้มีคนที่ชอบเอ่ยปากชวนไปไหนก็ตอบตกลงทันที แสดงว่าเขามีใจให้เราแน่ ๆ" เหมยบอกและผมก็อมยิ้ม พร้อมกับใช้มือลูบไล้หน้าปกของหนังสือนั้นอย่างเบามือ


"เฮียต้นใจดีจัง" ผมเอ่ยปากชื่นชมแกออกมาเบา ๆ และวางหนังสือกลับเข้าที่ และทิ้งตัวลงนอน


ยิ่งมองเห็นเงาของมันตะคุ่ม ๆ อยู่ในความมืด ผมก็อมยิ้มแก้มแทบแตกอยู่นั่นแล้ว และคิดว่า พรุ่งนี้ ไม่เหมยก็ปูต้องโทรศัพท์มาเม้าเรื่องคุณต้นกับผมแน่ ๆ 


"โอ๊ย ตุล เฮียต้นแกน่ารักอ่ะ ถ้าตุลไม่เอาเราเอานะ ส่วนอีประวิทย์ซื่อบื้อนี่ ใครจะเอาก็เอา เราเอาคุณต้นดีกว่าว่ะ" เหมยโวยวาย 


"อ่ะ อ่ะ เดี๋ยวเราจะฟ้องประวิทย์" ผมแกล้งขู่


"โอ๊ย ก็พูดเล่นไหมเล่า ของเพื่อนใครจะไปแย่งล่ะยะ แหม แล้วตอนตุลแกะกุ้ง แกะปลาให้เฮียต้นงิ แกยิ้มหน้าบาน อ้อ ตอนเฮียแกตักของใส่จานให้ตุล เรากับปูนี่นะ สะกิดแขนกันใหญ่"  เหมยพูดแล้วก็หัวเราะร่วน


"แล้วเหมยว่าเฮียแกเป็นยังไงบ้างล่ะ?" ผมถามความเห็น


"ก็ดีไม่มีที่ติ ดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่น้อยไม่มาก วางตัวดี แต่ก็เข้าถึงง่าย ไม่หยิ่ง และที่สำคัญนะ เวลาเขามองตุลนี่ เหมือนเขาอยากจะกินตุลเข้าไปทั้งตัวเลยว่ะ" เหมยพูดจนผมเขินหน้าแดง แต่หัวใจของผมมันเต้นอย่างลิงโลด


"จริงหรอ ไม่ใช่เป็นพวกกันเหมยก็เลยเข้าข้างเรานะ" ผมถามย้ำอีกทีให้แน่ใจ


"คุยกับปูแล้วปูมันก็เห็นด้วย ขนาดอีประวิทย์ยังบอกเลยว่าเฮียต้นเขาชอบน้องตุลแน่ ๆ ว่าแต่สืบดีแล้วนะจ๊ะว่าไม่ใช่ซุกลูกซุกเมียที่ไหนไว้น่ะ ของดีขนาดนี้ไม่น่าเหลือมาตกถึงท้องใครง่าย ๆ" เหมยพูดน้ำเสียงจริงจัง


"โอ๊ยไม่มีหรอก มัวแต่ทำงาน เจอหน้าเรามากกว่าหน้าพ่อแม่พี่น้องเค้าอีกมั้ง" ผมยืนยันเสียงแข็ง


"งั้นก็จัดการเลยค่ะ เจ๊เหมยแนะนำ รวบหัวรวบหางซะ พอข้าวสารหุงเป็นข้าวสุก คราวนี้เฮียต้นก็จะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด" เหมยพูดต่อจนผมหัวเราะขำ


"เดือนหน้าเราต้องไปทำงานกับคุณต้นที่ต่างจังหวัดอีกแล้ว" ผมบอกเมื่อนึกถึงกำหนดการไปจัดงาน ที่นครศรีธรรมราช ซึ่งคุณต้นพูดซ้ำหลายครั้งหลายหนเรื่องการเตรียมงานและ ร้านขนมจีนแสนอร่อยของแกอะไรนั่น


"นั่นแหละย่ะ อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดมือ" เหมยพูดแล้วก็หัวเราะกิ๊กกั๊ก จนผมอยากจะย้อน แต่เมื่อคิดว่าเพื่อนเป็นผู้หญิงผมก็กลั้นวาจาไว้ดีกว่า


"คุณตุล ไปนครรอบนี้ เราไปก่อนวันงานสักวันสองวันนะ มันขับรถนาน จะได้ไม่รีบ อ้อ เตรียมกระเช้าไปฝากเฮียร้านยี่ปั๊วะที่นครด้วย" คุณต้นสั่งเป็นชุด แล้วจึงเดินเข้าไปทำงานต่อในห้อง


ส่วนผมตอนนี้ก็นั่งดูรายชื่อคนที่ไปงานและจะได้โทรศัพท์ไปจองโรงแรม


"ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ ห้องเตียงคู่ถูกจองหมดแล้ว เหลือแต่ห้องเตียงเดียว" พนักงานของโรงแรมว่า และผมก็ถึงกับอมยิ้มอย่างมีแผนการร้าย


และเมื่อนำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไปแจ้งกับคุณต้นแกก็ไม่ได้ว่าอะไร 


จนเมื่อถึงวันเดินทางจริง คุณต้นในมาดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวหลวม พร้อมด้วยแว่นกันแดดก็มายืนยิ้มที่หน้าบ้านของผม


"กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนนะครับ" ผมอ้อนและแกก็เดินยิ้มกริ่มเข้ามาทักทายกับพ่อและแม่ ซึ่งแม่ก็กุลีกุจอ จัดแจงข้าวปลาอาหารให้คุณต้น


"เดี๋ยวเอาของไปกินระหว่างทางด้วยนะคะเผื่อเบื่อไม่มีอะไรทำจะได้กินแก้ปากว่าง" แม่บอกและชี้ไปที่ห่อขนมที่แม่เตรียมไว้ให้แล้ว


"ขับรถลงใต้มันไกล เหนื่อยก็จอดพักนะคุณ" พ่อไม่วายจะบอกเตือน ซึ่งคุณต้นก็รับคำอย่างแข็งขัน


"ตุลน่าจะหัดขับรถ จะได้ผลัดกันขับ เฮียจะได้ไม่เหนื่อย" ผมพูดออกไปเพราะเห็นแกบิดตัวไปมาเพราะความเมื่อย และตอนนี้เราก็ถึงชุมพรแล้ว ซึ่งผมว่าระยะทางของจังหวัดนี้มันยาวเสียจริง


"อีกเดี๋ยวก็มีจุดพักรถแล้วล่ะ ไม่ต้องขับให้เฮียหรอก เฮียขับได้ นั่งไปสบาย ๆ นั่นแหละดีแล้ว" คุณต้นพูดกับผมอย่างเอ็นดูและยื่นมือมายีหัวของผมอีกแล้ว


"คุณต้นชอบแกล้ง ผมเสียทรงหมด" ผมโวยวายและเอามือสางผมของตัวเองให้เข้าทรง และทำหน้าหงุดหงิดนิดหน่อย ซึ่งแกก็เอาแต่อมยิ้มที่ได้แกล้งผม


จุดพักมีของขายเยอะแยะ ก็พอดีกับที่เรากินของที่แม่เตรียมให้หมดพอดี ได้ยืดเส้นยืดสายและซื้อขนมกรุบกรอบอีกนิดหน่อย คุณต้นก็ขับรถต่อ


"ตุลไม่ง่วงหรอ ไม่ยอมนอนเลย" 


"ไม่ง่วงหรอกครับเฮีย กินชามาตั้งสองแก้ว" ผมตอบกลับไปและคุณต้นก็ทำท่ารื้อพวกเทปเพลงจนผมออกปากจะหาให้เอง


"เอาของวิยะดา" คุณต้นสั่ง และผมก็ค้นอยู่ครู่หนึ่งจนหาเจอ และเมื่อเปิดฟัง ผมก็ได้แต่นั่งอมยิ้มเพราะคุณต้นก็ร้องเพลงตามไปด้วย 


ไม่รู้ว่าผมคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า แต่เพลงหวาน ๆ พวกนี้ เหมือนคุณต้นอยากเปิดให้ผมฟัง และเหมือนอยากร้องให้ผมฟังด้วยยังไงก็ไม่รู้


จันทร์ เจ้า เอ๋ย จะไม่ขอ เข้าแกง

แหวนใด ไม่ใส่ใจ ไม่ขอวอนจากดวงจันทร์

แม้ ขอ จันทร์ ดั่งใจฝันอย่างนั้น ได้จริง

มีสิ่งเดียว ที่คิด จะอยากขอจันทร์


จะขอ ให้มีแค่ใคร คนหนึ่ง

ที่จะไม่ทำ ให้ช้ำ และไม่ทำให้เราเศร้า ใจ

อยากจะเพียงขอ ให้มีซักคนเคียงใกล้

ให้เขา มีความจริงใจ และไม่คิด จะทำร้ายกัน


จันทร์ เจ้า เอ๋ย ข้าเคยถูกคนทิ้งไป

ทำให้ใจ ต้องร้าวรานอยู่เสมอ

แม้ ขอ จันทร์ ได้ดั่งฝัน ก็คง ได้ เจอ

เจอกับใคร ที่เขา มี ใจให้จริง


จะขอ ให้มีแค่ใคร คนหนึ่ง

ที่จะไม่ทำให้ช้ำ และไม่ทำให้เราเศร้า ใจ

อยากจะเพียงขอ ให้มีซักคนเคียงใกล้

ช่วยซับน้ำตาปลอบโยนเมื่อยามใจเหงา

ยามที่เราผิดหวัง มี ไหม


จะขอ ให้มีแค่ใคร คนหนึ่ง

ที่จะไม่ทำให้ช้ำ และไม่ทำให้เราเศร้า ใจ

อยากจะเพียงขอ ให้มีซักคนเคียงใกล้

ช่วยซับน้ำตาปลอบโยน เมื่อยามใจเหงา

ยามที่เราผิดหวัง ขอจันทร์




"พระอาทิตย์ยังยิ้มแฉ่งอยู่เลยจะขอจันทร์อะไรกันครับ" ผมพูดแซวเมื่อคุณต้นร้องจบและอมยิ้มแก้มพอง


"เอ๊า พูดเข้า หมดกันความโรแมนติกของเฮีย" คุณต้นบ่นจนผมเอาแต่หัวเราะ


และเมื่อเรามาถึงโรงแรมเอาก็เย็นย่ำ เอาข้าวของไปเก็บที่โรงแรม คุณต้นก็ขับรถพาผมไปกินขนมจีนเป็นอันดับแรกทีเดียว


"มาถึงนครก็ต้องกินขนมจีนก่อน พรุ่งนี้เฮียค่อยพาตุลไปไหว้พระ แล้วค่อยกินอาหารใต้ แล้วค่อยไปเยี่ยมลูกค้า" คุณต้นอธิบาย พร้อมกับเรียกพนักงานมาสั่งขนมจีนเสียชุดใหญ่


ผมออกจะตื่นตาตื่นใจกับผักกองโต ๆ ที่กินคู่กับขนมจีนเสียจริง เพราะมันมากมายละลานตา  กินไปชมไปจนหมดคุณต้นก็ชวนผมไปเดินตลาดนัดที่ถามเด็กในร้านแล้วเขาแจ้งว่ามีเฉพาะเย็นวันพุธ สัปดาห์ละครั้ง


เดินเล่นในตลาดกันต่อ ก็เจอกับของกินอร่อย ๆ แปลกตาอีกหลายอย่าง และผมก็บ่นว่าขืนกินอีกท้องต้องแตกตายแน่ ๆ 


"ให้มันแตกไปเลย มากับเฮีย รับรองเลี้ยงดูไม่ให้อดอยาก" คุณต้นพูดขำ ๆ แต่ตาที่มองผมทำเอาผมหน้าร้อนอีกแล้ว


เมื่อเดินเสร็จก็เข้าสู่ช่วงหัวค่ำ เพราะตลาดนั้นยาวสุดลูกหูลูกตา เดินไปกินไปคุยไปเพลิน ๆ จนคุณต้นเอามือมากอดคอผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ผมก็ได้แต่อมยิ้มและไม่ได้ห้ามอะไร 


"ไปกลับกันเถอะ จะได้นอนพัก" คุณต้นว่าและผมก็พยักหน้าเห็นด้วย 


เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ผมก็ให้คุณต้นไปอาบน้ำก่อน แล้วผมจึงอาบน้ำตามทีหลัง ซึ่งผมก็มองไอ้เตียงคิงไซซ์แล้วก็อมยิ้มเขิน ๆ 


และเมื่อผมอาบน้ำเสร็จ เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ด้วยกางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้นกับเสื้อกล้ามตัวหลวมโพรก  คุณต้นก็แอบมองผมไม่วางตา ผมแอบมองแกอยู่ในเงากระจกแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


ดูทีวี ซึ่งแน่ล่ะมันก็ไม่มีอะไรจะดู จนผมหาวออกมา แกก็เลยชวนผมปิดไฟนอน


ผ้าม่านนั้นเปิดไว้จนเห็น พระจันทร์สาดแสงเข้ามา แม้มันจะมีเพียงครึ่งดวง แต่ก็ส่องแสงเย็นทางเข้ามาในห้อง


"เห็นพระจันทร์พอดีเลย" ผมพูดเบา ๆ และนอนตะแคงหันหน้าไปมองพระจันทร์


"ยังดีพระจันทร์ไม่เต็มดวง" คุณต้นบอก


"ดียังไงหรือครับเฮีย" ผมพลิกตัวหันไปถามแก


"ไม่อย่างงั้นเฮียก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงไง" คุณต้นพูดแล้วทำเสียงแง่ง ๆ จนผมหัวเราะกิ๊ก


"ร้องเพลงดีกว่า ไม่มีพระอาทิตย์แล้ว คราวนี้ร้องเพลงขอจันทร์ได้แล้วสินะ" คุณต้นพูดแล้วก็ร้องเพลงเบา ๆ คลอ ๆ ส่วนผมก็ได้แต่นอนอมยิ้มและมองหน้าแก


"ตุล" เฮียเรียกและผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับคุณต้นอีก


"อะไรครับ?" ผมถามและอมยิ้ม


"ใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นไม่กลัวหนาวหรอ?" 


"หนาวก็ห่มผ้าเอาไงครับเฮีย" ผมบอกและยิ้มท้าทาย


"ห่มผ้ามันไม่หายหนาวหรอก" คุณต้นบอกและมองตาของผมจนแสงจันทร์สะท้อนนัยน์ตาวาว


"มันต้องห่มเนื้อ" คุณต้นพูดแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนปลายจมูกของเราเกือบจะชนกัน 


"เฮียต้น" ผมพูดกระซิบ หลับตา และยื่นปากของตัวเองเข้าไปชิดกับปากของเขาจนแน่น






อีตุล อีตัวร้าย หล่อนมันมารยาเจ้าแผนการ เฮียต้นถีบมันตกเตียงไปเลย  อีดอกทองร้อยเล่ห์  !!!!