นิสา หญิงสาววัย29ปี ที่พอรู้สึกตัวก็มาอยู่ในร่างของหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง พอดูดดีๆแล้วก็เป็นการเกิดใหม่ธรรมดาแต่!ทำไมถึงได้เจอกับตัวละครในวรรคดีไทย อยู่เรื่อยเลย!
ตลก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนยุค,ไทย,สู้ชีวิต,เอาชีวิตรอด,แฟนตาซีน,ปลูกผัก,ปกป้องเธอ,พีเรียดไทย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่ในวรรณคดีไทยแต่อยูีเรื่องไหนหรอคะ!?นิสา หญิงสาววัย29ปี ที่พอรู้สึกตัวก็มาอยู่ในร่างของหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง พอดูดดีๆแล้วก็เป็นการเกิดใหม่ธรรมดาแต่!ทำไมถึงได้เจอกับตัวละครในวรรคดีไทย อยู่เรื่อยเลย!
นิสา หญิงสาววัย29ปี ที่พอรู้สึกตัวก็มาอยู่ในร่างของหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง พอดูดดีๆแล้วก็เป็นการเกิดใหม่ธรรมดาแต่!ทำไมถึงได้เจอกับตัวละครในวรรคดีไทย อยู่เรื่อยเลย!
แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องมายังร่างบางของสตรีนางหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็ยังได้ยินเสียงของนกและสัตว์หน่อยใหญ่อยู่ไม่ขาด ด้วยความชั่งใจของนางทำให้นางลือตาขึ้นด้วยอาการประหลาดใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือทุ่งนาที่มีข้าวสีเหลืองทอง
"ที่ไหนว่ะเนี้ย!!"เธอตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะเห็นทุ่งนาแต่ เพราะถาพที่เธอเห็นก็คือ คนที่บินได้ ลิงพูดได้ ซํ้ายังเห็นคนที่ดูเหมือนไม่ใช่คนอีก บนฟ้าที่มีคนสู้กันด้วยเวทย์มนต์ราวกับอยู่ในหนังแฟนตาซี
"ฝันหรอว่ะ!? ..โอ้ย!..เจ็บ.."เพราะไม่อยากเชื่อภาพที่เห็นนางจึงหยิกแขนตัวเองแบบเต็มเเรง มันยิ่งตอกย้ำว่านี่ไม่ใช่ความฝัน นางนิ่งอึ้งไปหลายวินาที
"ไม่สิๆ! ภาพสุดท้ายที่จำได้คือเมาเหมือนหมา เพราะว่าตกงานเลยมาดื่มย้อมใจ...!" นางพยายามเรียบเรียงความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะมาอยู่ที่นี้
"!!จำได้แล้ว! ฉันโดนฟ้าผ่านี้!!"พอจำได้ก็ต้องมาช็อคเพราะความจริงแล้วนางตายแล้ว แถมความทรงจำที่มีอยู่ในร่างนี้ก็มีแค่ว่า นางอาศัยอยู่ที่นี้ตั้งแต่จำความได้แล้วก็ไม่มีอะไรเหลืออีกเลย
"ซวยชะมัดเลย! แบบนี้ฉันก็เหมือนเด็กเกิดใหม่เลยสิ! "ถึงนางจะบ่นไปแบบนั้นแต่ในใจลึกๆ ก็แอบดีใจเพราะในชาติที่แล้วไม่ได้มีอะไรดีเลย ต้องทำงานหนักเพื่อใช้หนี้ที่พ่อทิ้งไว้ให้ก่อนตาย แถมไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็จะโดนเอาเปรียบอยู่เรื่อยมา
"บางทีนี้อาจะเป็นพรเจ้าของพระเจ้าก็ได้น่ะ"นางนอนราบกับพื้นอีกครั้ง พร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ถึงจะถูกส่งมาให้อยู่ในที่ไม่รู้จักมันก็อาจะดีก็ได้เ
ช้าวันรุ่งขึ้นนิสาได้ออกสำรวจที่ที่เธออยู่แถวนั้น ถัดจากนี้ไปเรา 13 กิโลเมตรจะเจอเข้ากับเมืองเมืองหนึ่ง แต่นางเองก็ไม่แน่ใจว่าเมืองนั่นคือเมืองอะไร แต่รู้แน่ชัดแล้วว่าเจ้าของร่างที่นิสาอาศัยอยู่นี้ เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง จะบอกว่าเป็นชาวบ้านก็ไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านแต่อยู่นอกหมู่บ้าน พอยิ่งเข้าไปสืบในหมู่บ้านเล็กๆแถบนั้นเธอก็ยิ่งมั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่โลกย้อนยุคไทยธรรมดา
" ถึงจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่แต่ฉันก็มั่นใจมากว่าที่นี่คือ โลกของวรรณคดี!" เหตุผลที่เธอมั่นใจแบบนี้ พอได้ยินข่าวเรื่องราวของพระอภัยมณี ไม่สิต้องพูดว่าองค์ชาย 2 คนที่ออกไปสืบเสาะเรียนรู้วิชากันนอกวัง หลังจากกลับมาพระราชาทรงกริ้ว สั่งไล่องค์ชาย 2 คนนี้ออกจากปราสาทโดยเร็ว เรื่องราวพวกนี้ดังโขไปไกล 3 เมือง 8 เมือง
" ไม่ว่าจะมองแบบไหน มันก็เรื่องพระอภัยมณีชัดๆ" นิสาที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซ้ายมือของเธอคือริมลำธาร ที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา
" เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ!" อยู่ดีๆลิงตัวสีขาวเผือก ก็ห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น พร้อมกับยิ้มให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร
" เจ้าลิงน้อย เจ้าไม่เห็นรึข้านอนกลางวันอยู่อย่างไรเล่า" นิสาตอบเจ้าลิงน้อยไปโดยที่ไม่ได้ตกใจอะไรราวกับมันเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเธอได้เห็นลิงน้อยตัวนี้เมื่อ3วันที่แล้ว
" ข้าเห็นเจ้าเอาแต่นอนขี้เกียจแบบนี้ทุกวัน เจ้าไม่มีอะไรทำรึ" ลิงน้อยขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับถามนิสาด้วยท่าทางไม่พอใจ เพราะว่ามันเห็นนิสาเอาแต่นอนเล่นตลอด 3 วันที่ผ่านมาโดยไม่ทำอะไรเลย
" เจ้าลิงน้อย ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก หากข้าเอาเวลาไปทำงานเสียหมดแล้วข้าจะเอาเวลาไหน มานอนเล่นล่ะ" นิสาตอบไปโดยไม่สนใจท่าทางของลิงน้อยแล้วเธอก็นอนเล่นต่อแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
" ท่านอาจารย์ข้าบอกว่า เจ้านั้นคือคนขี้เกียจสันหลังยาว หากข้าทำตามเจ้าจะไม่เจริญ" เจ้าลิงน้อยพูดด้วยท่าทางจริงจังก่อนที่จะปีนต้นไม้หายไปทั้งอย่างนั้น
" นั่นสินะ คงได้เวลาทำงานซะแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอายเท่าลิงน้อยนั่นแย่เลย" จากนั้นนิสาก็ยืนขึ้นบิดขี้เกียจก่อนที่จะเดินกลับเดินของตนเอง
"เจ้าของร่างนี้ไม่ได้ยากจนอะไร แต่ก็ไม่ได้รวยขนาดที่สามารถนอนเล่นไปวันๆได้" ข้าวที่เหลืองทองอร่ามอยู่นั้น ก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ปัญหาติดอยู่ตรงที่เธอไม่สามารถเก็บเกี่ยวคนเดียวได้ไหวแน่ๆ
" ฉันเองก็ไม่มีตังค์มากพอที่จะจ้างคนด้วยสิ" นิสายืนครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากเพราะว่าคิดไม่ออกเธอเลิกคิดเรื่องปวดหัวแล้วก็ไปนอนเสียอย่างนั้น
เช้าวันใหม่มาถึง
" โธ่เอ้ย!จะหนีความจริงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็ไม่ได้" เพราะหากไม่เก็บเกี่ยวตอนนี้เกรงว่าเมล็ดข้าวจะร่วงหล่นหมดเสียก่อน
ท่ามกลางแสงแดดของรุ่งอรุณอันร้อนระอุ สตรีนางหนึ่งยื่นเกี่ยวเข้าคนเดียวอย่างน่าเวทนา
"ร้อน!! เกี่ยวพอกินก็แล้วกันนะ!" นิสาตัดสินใจว่าชาตินี้จะใช้ชีวิตแบบเอื่อยเฉื่อย เธอก็เลยไม่อยากทำงานหนักทั้งๆที่ไม่ได้จำเป็น ข้าวพวกนี้ก็ถือเสียว่าแบ่งให้พวกนกพวกกากินก็แล้วกัน
" เจ้าทำตัวขี้เกียจอีกแล้วรึ" ลิงเผือกตัวน้อย มาหานิสาอีกเช่นเคย
"เจ้าลิงบ้านี้! ไม่เห็นรึข้าทำงานอยู่เนี้ย!" นิสาตอบกับลิงน้อยด้วยคำไม่พอใจ
" แล้วเจ้าล่ะทำอะไรบ้าง วันๆข้าก็เห็นเจ้ามาหาข้าแล้วก็ถามโน่นถามนี่เรื่องไร้สาระอยู่เรื่อย" นิสาวางเคียวที่ถืออยู่ในมือลงด้วยความไม่พอใจ นิ้วชี้ไปที่ลิงน้อยเผือกตัวนั้น
" ข้าฝึกวิชา อนาคตข้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต" ลิงน้อยพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
"อุ๊ป..ว่ะฮ่าๆเป็นใหญ่เป็นโตรึ" นิสาส่งเสียงหัวเราะจนท้องกระเพื่อม เรากับมันเป็นเรื่องน่าขัน
เพราะในเรื่องพระอภัยมณี ไม่มีลิงที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต ส่วนมากจะเป็นปลาเสียมากกว่าแล้วลิงจะมาเป็นใหญ่เป็นโตได้อย่างไรมิใช่เรื่องรามเกียรติ์เสียหน่อย
"เจ้าหัวเราะข้ารึ!!" เจ้าลิงตัวน้อยมือสองข้างกำแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดวงตาคู่หนึ่งฉายเปลวเพลิงลุกโชนด้วยอารมณ์โทสะ ก่อนที่จะสะบัดตูดเดินออกจากตรงนั้นทันที
" แซว เล่นนิดหน่อยทำเป็นงอน" พอเจ้าลิงน้อยสะบัดตูดหนี นิสาก็หยิบเคียวขึ้นมาเกี่ยวข้าวต่อจนถึงเย็น
พอกลับมาถึงเรือนนางก็หลับเป็นตายรู้ตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว
1 วันผ่านไป 10 วันผ่านไป 1 เดือนผ่านไป ก็ไม่เห็นวี่แววเจ้าลิงน้อยจะกลับมา นิสาแอบรู้สึกผิดในใจ