เล่ม 1 (1-21) เรื่องราวของการสร้างรักในโลกแฟนตาซี ของชายต่างโลก สองสาวกำพร้า และมีอีก? ออกทำงาน ฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง แก้ปัญหาแห่งรักน่ารักๆ กับโลกใบใหม่พร้อมคนรักต่างโลก สองสาวและคนอื่นๆ? รัก!สู้!ทำงาน! เล่ม 2 (22-41) เริ่มเข้าสู่วัยทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สอง กับการได้มาทำงานสายสู้ที่ซ่องใหญ่ เป็นเด็กคุมประตู การบอกข่าวร้ายกับเพื่อนสนิท สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยร้านใหม่ในโลกใหม่ และการเจอคนในฝัน เจ้าหญิงต่างแดน เล่ม 3 (42-61) การย้ายมาวังต่างประเทศตามแฟนเพื่อสร้างชีวิิตใหม่ รัก! ทำงาน! สู้!
รัก,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ไซไฟ,ทำงาน,สร้างตัว,ฝึกฝน,เกิดใหม่ ,รักวัยรุ่น,นางเอกเก่ง,พระเอกเก่ง,หญิง-หญิง,ฟููตะนาริ,yaoi,หญิงรุก,ชาย-ชาย,ชาย-หญิง,ฮาเร็ม,แอ็คชั่น ,ต่อสู้,โรแมนติก ,โรแมนซ์,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กำพร้า ณ ต่างโลก (ตอนใหม่อ่านฟรี 90 วัน ก่อนติดเหรียญ!!!)เล่ม 1 (1-21) เรื่องราวของการสร้างรักในโลกแฟนตาซี ของชายต่างโลก สองสาวกำพร้า และมีอีก? ออกทำงาน ฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง แก้ปัญหาแห่งรักน่ารักๆ กับโลกใบใหม่พร้อมคนรักต่างโลก สองสาวและคนอื่นๆ? รัก!สู้!ทำงาน! เล่ม 2 (22-41) เริ่มเข้าสู่วัยทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สอง กับการได้มาทำงานสายสู้ที่ซ่องใหญ่ เป็นเด็กคุมประตู การบอกข่าวร้ายกับเพื่อนสนิท สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยร้านใหม่ในโลกใหม่ และการเจอคนในฝัน เจ้าหญิงต่างแดน เล่ม 3 (42-61) การย้ายมาวังต่างประเทศตามแฟนเพื่อสร้างชีวิิตใหม่ รัก! ทำงาน! สู้!
เขาเป็นคนไม่ชอบตัวเองและชีวิตจนติดสื่อบันเทิง เขาเบื่อหน่ายกับงานซ้ำๆ
แต่เขาโชคดีได้มาเกิดใหม่ต่างโลก ในโลกแฟนตาซี
เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นวารี หัดรักคนอื่นตั้งแต่เล็ก และรักษาเพื่อนที่ดีไว้เพื่อโตไปด้วยกัน
เขาเริ่มจากการออกกำลังแล้วปกป้องบ้านที่ถูกรังแกกับเพื่อนด้วยศิลปะการต่อสู้
จากนั้นเขาหาเงินและรวยขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ยังเป็นกำพร้า
พอเขาไปทำงานซ่องเจ๊ก็ใจดีเปิดร้านให้เลยยิ่งรวยเข้าไปอีก
และเริ่มโตขึ้น เริ่มคลั่งรักคนอื่นได้ เขาเลือกไม่ทิ้งสองสาวแฝดเพื่อนสมัยเด็กที่ฝึกตามเขาและเชื่อเขาทุกอย่าง วีมนุษย์กึ่งแมวและวิวมนุษย์กึ่งแมงมุม
เขาก็ยังไม่หยุดหาคนรักเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่เขาเป็นคนพอใจง่าย เขาพอใจกับฮาเร็มเล็กๆ
แต่เขาฝันไว้ว่าอยากอยู่วัง จนโชคดีได้มาเจอเจ้าหญิงต่างแดนที่เก่งกาจ วาโร และเคยชนะเขาแม้ฝึกแต่เด็กตั้งแต่เขาวัยฟิตสุด
พอตัวเจ้าหญิงสุดสวยชวนเขาไปวัง ชีวิตรักเศรษฐีในบ้านข้างวังกับฮาเร็มน้อยและห้างใหญ่เบิ้มเลยเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นมา
ปก: หนมปัง แพ
รายละเอียดรายตอน
เล่มละ 20 ตอน+
ความยาว 11,000 ตัวอักษร (3,000 คำ+)
ระยะเวลาอ่าน 15 นาที
ตั้งแต่เล่ม 3+ (ตอนที่ 42-61+) มีภาพ ai ประกอบ
ตั้งแต่เล่ม 4+ (ตอนที่ 62+) เริ่มรับโดเนทภาพประกอบ
ราคาตอนละ 3 บาท (4 บาทเมื่อมีภาพ ai)
ตอนใหม่ฟรี 90 วัน! ถึง 101 จากนั้น 14 วัน
https://www.facebook.com/profile.php?id=100087843892571&mibextid=LQQJ4d
bluesky
https://bsky.app/profile/wayuwayutl.bsky.social
26 ฟาร์มอูริจิ
ผมตื่นเร็วกว่าปรกติ เดินหาลานออกกำลัง อาบน้ำ เอาสัมภาระไปดงเสือดอกเล่นน้ำ กินข้าวที่นั่น และดูสระน้ำจนกว่าจะโป้งชี้ซ้ายเช้า
ท่านหญิงรออยู่หน้ารถม้า พี่เดนีโรถือนกรักมาสองตัว เธอมาส่งผมหรือ?
รถม้ามีลิชติดหลอดอยู่ มันเขียนว่าดงเสือดอกเล่นน้ำใหญ่ๆ มีรูปเสือลายดงดอกไม้อยู่
“สวัสดีครับท่านหญิงเสือดำ”
“อืม ฟาร์มอูริจิที่จะไปมันอยู่ใกล้ๆนี่เอง ฉันจะไม่ได้ไปด้วย เดินทางดีๆ ไปล่ะ แสดงความเป็นเจ้าของนกรักนี้ด้วยไว้สำหรับเรื่องด่วนที่ต้องถาม”
“ครับ”
จากนั้นผมเชื่อมนกรัก ของท่านหญิงทำแล้ว ท่านหญิงเปิดประตูและพูดมา
“พูดถึงแล้ว ที่ไปทำน่ะ ถ้ามีคำแปลกๆอย่างจิตแพทย์ เขียนมาด้วย อะไรแปลกๆเอามาให้ฉันรู้ให้หมด แต่ละอย่างจะได้เงินพิเศษไม่เท่ากัน”
เธอไม่ได้บอกว่าเขียนอะไร จากนั้นท่านหญิงก็เดินเข้าดงเสือดอกเล่นน้ำไป
ผมขึ้นรถม้า
เราออกเดินทาง ไม่นานนักเราก็มาถึงฟาร์มอูริจิ เอาล่ะ มันจะเป็นสัตว์แบบไหน ผมตื่นเต้นเล็กน้อย
ผมลงจากรถม้า ขอบคุณคนขับ และหันหน้าหาฟาร์ม มีป้ายไฟใหญ่เขียนว่า ‘ฟาร์มดงเสือดอกเล่นน้ำ’
มันเป็นฟาร์มที่เกือบใหญ่ แต่เรียกว่าใหญ่ไม่ได้ มีหญ้าขึ้นเท่ากันหมดฟาร์ม มีรั้วไม้สูงเกือบเท่าอกผม แล้วท้ายฟาร์มน่าจะเป็นโรงอูริจิเพราะประตูใหญ่ ภาพรวมมันรู้สึกอบอุ่นและเป็นระเบียบ เกือบสมัยใหม่ ผมได้ยินเสียงสัตว์ร้อง
“จุ๊บๆ”
อูริจิร้องดัง นั่นเสียงร้องมันหรือ?
มีบ้านเล็กๆอยู่หลังหนึ่งที่ดูอยู่สบายและสงบ และหน้าบ้านเป็นแปลงเปล่าที่ไม่ได้มีการดูแลจนหญ้าขึ้นไม่เท่ากันเป็นจ้ำๆ
มีคนออกมาจากบ้าน เขาเป็นชายผิวน้ำตาลเข้ม อายุประมาณยี่สิบต้นๆ มีหูและหางเหมือนหมาป่าสีเทา เหลียวมามองเราและเดินมาช้าๆ
มีสัตว์ที่ใส่เหมือนหน้ากากกันแก๊ซเฉพาะตรงปากและมีหลอดต่อไปถึงถังที่เอวมัน
ที่หลังของมันตรงช่วงท้องยาวไปถึงขาหลังมีเหมือนอานใส่อยู่ มีเข็มขัดรัดเอว
ที่หน้ากากกันแก๊ซมันไม่ได้เป็นยางรัดหัวใส่ตลอด มันเป็นแบบโครงช่องไว้พักปาก
สัตว์มันเดินสี่ขาตัวสีขาวปากเหมือนเป็ดหางเป็นม้วนตัวมันไม่อ้วนมาก ชุดอานที่หลังและช่องพักปากเป็นชุดเดียวกัน อานเป็นสีดำ มีตัวหนึ่งอานมีขอบแดง
ผมไม่ได้กลิ่นเหม็นจากสัตว์ ผมรู้สึกเหมือนลืมอะไรสำคัญไปนาน ผมงงกับตัวเอง ผมรู้ว่าสาเหตุมันเพราะไม่เหม็น ผมเริ่มคิดมาก ผมเลิกคิด
รถม้าจากไป หนุ่มกึ่งหมาป่ามา พูดถึงกึ่งหมาป่าจะแยกกับสุนัขยาก แต่ที่โลกถ้าเป็นหมาป่าหางจะฟูน่าจับมากกว่า หรือดูหูก็ได้ แต่กึ่งสุนัขบางคนหูจะคล้ายหมาป่า
เขาแยกเขี้ยวนิดๆ ซึ่งเป็นลักษณะของเผ่านี้เมื่อเจอคนแปลกหน้า
เขาเดินมาใกล้ๆ แล้วพูด
“อัลฮา”
“สวัดีครับพี่อันฮา ผมวารีครับ”
“อัล ลึ่ ลึ่ อัล อัล อัล”
“ครับพี่อัลฮา”
“ดี”
พี่อัลฮาแก้ที่ผมเรียกชื่อผิด ผมไม่ยื่นมือไปให้เขาจับ เพราะผมรู้ว่าเขาต้องดมผมก่อน ผมวางสัมภาระหลังรั้ว แล้วผมไปยืนกางมือออกสองข้าง
เขาเดินเข้ามาดมตัวผม อ้อมไปข้างหลัง เขาดมหลังแต่เขาไม่ได้ขนาดก้มดมก้น ที่ผมรู้คือเขาอยากดมก้นก่อน
สุนัขสื่อสารกันทางกลิ่นล่ะนะ มันเป็นธรรมชาติ
กึ่งสุนัขเหมือนกันจะดมก้นกันเองแต่ไม่ทำกับคนอื่น
เมื่อเขาดมเสร็จ เขาเดินมายืนยิ้มหน้าผม แล้วพูด
“ยินดีที่ได้รู้จักนะวารี จะพักก่อนหรือเริ่มดูงานเลย ท่านหญิงพอบอกว่าจะมีคนมาแทนก่อนไปพักร้อนสองเดือน ฉันเลยไม่ได้เริ่มงานเช้า”
“เริ่มงานได้เลยครับ ผมไม่เหนื่อย”
ผมตอบพี่อัลฮา
จากนั้นพี่อัลฮาเดินเข้าฟาร์ม ผมตามไป มีบางตัวเอาหน้าออกมาจากช่องพักปากแล้วดม ร้องจุ๊บใส่แล้วเดินไป พี่อัลฮาเปิดรั้วเข้าไปช่วงบ้าน
“ให้ข้าวลิชเป็นมั้ย”
“เป็นครับ”
“อืม ให้ข้าวลิชก่อน เริ่มในบ้าน แต่ยังไม่ต้องเข้าไป ฉันยังไม่เก็บของ”
“ครับ”
ผมตอบพี่อัลฮาแล้วผมเดินตามเขาไปรออยู่หน้าบ้านฟาร์ม พี่เขาเข้าไปซักพักแล้วก็ออกมาพร้อมบันไดกับแปรงและข้าวกำหนึ่ง
เขาทิ้งแปรงไว้ใกล้ๆแปลงร้าง แล้วเราก็เดินไปหน้าฟาร์ม พี่เขาให้ข้าวลิชหลอดข้างหน้าแล้วจัดตัวหนังสือให้ตรง
จากนั้นพี่อัลฮาเดินไปหยิบกรรไกร ผมตามไปเงียบๆแล้วเขาเดินไปมุมฟาร์มแล้วตัดหญ้าที่สูงกว่า
จากนั้นเขาเดินไปอีกมุม ระหว่างเดิน
“ปรกติเขาก็ปล่อยๆกันแหละเท่าที่เคยทำมา แต่ท่านหญิงต้องการความเนี้ยบ”
“ครับ”
ผมตอบพี่อัลฮา เขาเดินตัดจนครบสี่มุมแล้วเดินไปวางกรรไกรไว้ตรงที่วางแปรงและหยิบแปรง
“จากนั้นทำหรือบางวันจะไม่ทำก็ได้ แต่ทำแล้วจะได้เงินเยอะขึ้นตามปริมาณน้ำถุงอูที่เก็บได้ แปรงบ่อยก็ได้เยอะเพราะน้ำลายมันจะออกเยอะ”
เขาแปรงอูริจิ มันร้องจุ๊บถี่ เมื่อสังเกตดีๆขาหลังอูริจิใหญ่กว่าขาหน้า เพราะแบกน้ำหรือ?
จากนั้นผมเดินตามเขาไปหน้าโรงอูริจิ
“นี่โรงอูริจิ ตอนเช้าจะมาทำความสะอาด ตามเข้ามา”
“ครับ!”
เราเข้าไปอย่างแรกที่รับรู้คือมันร้อน เราเช็ดรองเท้า แล้วพี่อัลฮาก็ไปหยิบแปรง และเดินไปที่คอก
คอกมันยกสูง ข้างหน้าคอกมีมีรางน้ำอยู่
ผมเดินตามพี่อัลฮาไปเปิดประตูตู้ชั้นลอยใหญ่มาก ข้างในมีแต่ถังเปล่า มันกึ่งใส เห็นน้ำข้างในได้แบบพลาสติกแข็ง พี่อัลฮาหยิบถังมาสามใบแล้ววางไว้ตรงกลางเหลือไว้หนึ่งใบในแขน
เดินไปหน้าคอกแล้ววางถังใต้ปลายรางน้ำและเปิดจุกไม้ เติมใส่ถัง มันได้นิดหน่อย แล้วเดินขึ้นคอกไปแปรงน้ำใส่รูที่มุมให้มันไหลออกข้างหน้า
ผมลองจับน้ำ มันเป็นน้ำเหลวลื่น เหนียวเหมือนน้ำลายผม ผมเดินข้างบน มันไม่ลื่น แปลกมาก แต่ผมไม่คิดอะไร
ผมเริ่มคิดแล้วว่าธรรมชาติแปลกๆมันเป็นต่างโลก
แต่ผมคิดว่ามันจากกระแสไฟฟ้าที่ออกมาจากคนปรกติ ผมต้องทดลองพิสูจน์ก่อน
เราทำกวาดน้ำทุกคอกเสร็จแล้วก็ออกมาข้างหน้าโรงอูริจิ
“เมื่อทำทั้งหมดเสร็จงานเช้าก็เสร็จแล้ว กินข้าวเช้ารึยังล่ะ?”
“กินแล้วแต่กินได้อีกครับ ผมอยากดูตลาดด้วย”
ผมตอบพี่อัลฮา
“เดี๋ยวกลับมาจากตลาดและแวะไปสวนต้นถุงอูเลย หรือต้นคริสเตอร์น่ะ ถ้าสงสัย แค่ไปดูว่าไปยังไงแล้วดูแป๊บๆ เผื่อสนใจหาเงินเพิ่ม”
“ครับ”
สวนอยู่ติดกันแล้วเราได้ดูวันนี้เลยหรือ? ไปดูทำไม?
จากนั้นพี่อัลฮาเดินไปกลางฟาร์ม
“จุ๊บจุ๊บจุ๊บจุ๊บจุ๊บ”
พี่อัลฮาทำเสียงอูริจิ มีอูริจิเดินมาหาเขาสองตัว ตัวขอบอานแดงกับอีกตัว
“เดี๋ยวน้องขี่ตัวอานแดงเพราะมันเชื่องง่าย ทุกคนขี่ได้หมด ส่วนพี่ขี่เจ้านี่ มันเชื่องกับพี่ พี่ขี่มันบ่อย”
พี่อัลฮาดันช่องพักปากไว้บนหัวมันแล้วพี่อัลฮาขี่ท่าเหมือนขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ แต่ตัวมันเล็ก ผมทำตามและขึ้นขี่
ผมขี่อูริจิตามพี่อัลฮาไปเรื่อยๆ ไม่นานเราก็มาถึงตลาด มันอยู่ไม่ไกลมาก น่าจะประมาณ 5 กิโลเมตร
เราเอาอูริจิไปผูกที่ที่จอดสัตว์แล้วเดินเข้าตลาด
“ตอนเดินที่แปลกเดินนานมั้ย สนใจเยอะมั้ย?”
“ถ้าเลือกได้อยากเดินนานครับ”
“ถ้าอย่างนั้นโป้งชี้บนเช้ามาเจอกันตรงนี้ใหม่ หรือตามหาฉัน ฉันจะไปซื้อไบชุนฟุแล้วไปหลีสาว ถ้าจะหลีสาวลองชวนมาขึ้นขี่อู ตัวถุงอู”
“ผมยังไม่โตครับ”
“เข้าใจล่ะ เห็นตัวใหญ่ๆนึกว่าโตแล้ว”
พี่อัลฮาบอกผมตัวใหญ่ จากนั้นเขาเดินเข้าตลาดไป
ตลาดเป็นแบบห้องแถวไม่มีแผง มีคนยืนขายหรือปูผ้าขายแต่น้อย
ผมเลือกและเลือกร้านที่กำลังขายอาหารคล้ายทงคัตสึ แต่เป็นปลาชุบแป้งกับเกล็ดขนมปังทอด เสียงทอดหน้าร้านมันฟังดูน่ากินดีและตอนเดินผ่านคนเยอะด้วย
ผมเดินเข้าไปในร้านแต่ไม่มีที่นั่ง ผมรอไม่นานอาหารก็มา ผมสั่งมาสามชิ้น มันชิ้นไม่ใหญ่มาก
ผมราดซอสทงคัตสึและกิน มันเป็นปลาเหมือนปลาตาเดียวชุบแป้งและเกล็ดขนมปังทอดกรอบ มันอร่อยดีเมื่อกินเสร็จผมออกไปหาขนมกิน
ผมรู้สึกอยากกินขนมปัง แต่ไม่มีขนมปังหรือขนมอบขาย ผมเก็บความคิด เปลี่ยนเป็นอยากกินกุญเชียง ไม่มีกุญเชียงเหมือนกัน
ผมซื้อกล้วยหอมกินครึ่งหวีเพราะมีขนมน้อยผมเก็บเมนูของหวาน
จากนั้นผมไปเดินดูตลาด
“ไม้กวาดมั้ยครับ ไม้กวาด”
“ชุดเล่นน้ำจ้า แบบใหม่จากดงเสือดอกเล่นน้ำจ้า”
“ผ้าปูโต๊ะจ๊ะ ผ้าปูโต๊ะจ้า”
พ่อค้าแม่ค้าที่ยืนขายกันอยู่ข้างหน้าต่างพากันเรียกลูกค้าผมดูๆแต่ไม่ได้ซื้ออะไร
ผมเดินเข้าไปด้านในทางท้ายตลาด มีคนยืนอยู่หน้าร้านพร้อมหินสีโทนแดงหลายความเข้ม
เมื่อผมเดินผ่าน
“หินจื่ดๆจ่ะหินจื่ดๆ”
เขาทำเสียงเหมือนไฟฟ้าช็อตอย่างเหนื่อยๆ ผมตกใจ รีบหันไปดู
เมื่อเขาเห็นผมสนใจเขาเอาใบไม้แห้งมาวางใบหนึ่งแล้วเอาหินสองก้อน เขาใส่ถุงมือผ้า
เขาเอาหินชนกันแล้วมีประกายไฟทำใบไม้แห้งไหม้
นี่มัน หินไฟฟ้า!
“ดูสิน้อง หินประหลาด!”
ผมสร้างได้หลายอย่างมาก แต่ผมไม่ได้ไปทางนักวิทยาศาสตร์เลย
มากสุดที่ผมคิดได้คือเรื่องป้องกันตัวกับเรื่องแนวนั้น แต่ถ้าเป็นไฟฟ้า อย่างแรกผมต้องหาอายุมันก่อน ว่ามันใช้ได้นานเท่าไหร่
เพราะไฟฟ้ามันมีวันหมด
แต่นี่เป็นต่างโลก ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นอย่างเต็มอก ผมยังเก็บความเป็นไปได้ว่ามันเหมือนหินเวทมนตร์
“ก้อนเท่าไหร่ครับ”
ผมถามคนขายหินไฟฟ้า
“หนึ่งเงินน้อง แต่จับมือเปล่าไม่ได้นะ มันจะจื่ดใส่มือ สียิ่งแดงยิ่งอันตราย ถ้าจะลองเล่น เอาถุงมือนี่ไปใส่ก่อน”
เขาเอาถุงมือผ้ามาให้ผม
ผมใส่ถุงมือผ้าแล้วลองเอาหินสองก้อนมาใกล้กัน
“อ๊ะ อย่าเล่นสีแดง มันจื่ดแรงไปเดี๋ยวมือจะกระเด็น”
จากนั้นผมเอาสีออกแดงอ่อนมาชนกัน มันมีประกายไฟกับเสียงไฟฟ้าเกิดขึ้น
“เหมาหมดเลยครับ ไปส่งที่-”
“เดี๋ยว! ไปดูที่ร้านด้วยมั้ย มันยังมีอีกนะ เอามั้ย”
“เอาหมดเลยครับ ไปส่งที่ฟาร์มดงเสือดอกเล่นน้ำ”
“ฟาร์มถุงอูตรงนู้นใช่มั้ย ได้ๆ”
เขาบอกผม
“พาไปร้านด้วยครับ”
“ตามมา”
หลังผมบอกเขา เขาพาผมไปร้านหินเก่าๆที่มีคุณปู่แก่ๆดูร้านอยู่
“พ่อ ผมขายหินจื่ดๆได้แล้วนะ”
เมื่อไปถึงเขารีบบอกคุณปู่ที่เป็นพ่อเขา
“เดือนนึงจะขายได้เม็ดสองเม็ด มันจะพอกินมั้ยล่ะ?”
“เขาเหมาหมดเลยครับพ่อ”
“ฮ๋าาา!? ใครมันจะคว่ะ, อืม ดีๆ”
เมื่อเขาเห็นผมเขาหยุดชะงักแล้วเปลี่ยนท่าที แต่เมื่อเขาเห็นผมเป็นเด็กเขาพูด
“ไอ้หนุ่ม หินนี้น่ะมันไม่มีใครเอา มันเป็นขยะเหมืองที่ทำให้คนขุดเหมืองบาดเจ็บ ส่วนใหญ่เขาเผาทิ้งกันทั้งนั้น เอ็งจะซื้อจริงๆเหรอ?”
“โถ่พ่อ ไปพูดทำไมเล่า”
คุณปู่แนะนำผม และลูกเขาตัดพ้อขึ้นมา
“ซื้อจริงครับ ผมเห็นเพราะเขา ผมยินดีซื้อเพราะสนใจมัน”
ผมบอกคุณปู่ คุณปู่มองหน้าผมแล้วถอนหายใจ
“แล้วแต่เอ็ง เงินเอ็ง ขอบคุณที่อุดหนุน”
จากนั้นคุณปู่ก้มคำนับผม ลูกเขาคำนับตามแบบไม่ค่อยเต็มใจคำนับเด็ก ผมคำนับตอบเขา
“ขอบคุณครับ เอาล่ะ ขอดูหินหน่อยครับว่ามีอะไรมั่ง”
“ได้ๆ เดินดูเลย สนใจเม็ดไหนถาม มันไม่ใช่พลอยแต่มันสวย”
เขาบอกผมแล้วผมเดินดูร้าน มันเป็นหินกึ่งมีค่าส่วนใหญ่ เช่น โรสควอตซ์, อเมทิสต์หรือเขี้ยวหนุมาน, โอนิกซ์หรือนิล, ไหมทอง, และหินจำพวกนั้นอื่นๆ
ผมพอทำพวกนี้อยู่ผมเลยทำเป็นและเคยขาย แต่ตอนหลังๆขายไม่ดีเลยต้องปิดไปทำงานเงินเดือน
ผมยังพอจำคุณสมบัติมันได้อยู่ ว่ามันเพิ่มเรื่องอะไรบ้าง
มันเป็นของที่ขายความเชื่อ แต่ผมเลือกทำเพราะว่ามันสวย
และเมื่อเริ่มคิดว่าหินมันเป็นของมันเองตามธรรมชาติ มันเหมือนซื้อของมีค่าจากธรรมชาติ
“มีกล้องส่องมั้ยครับ”
เขายื่นกล้องส่องพลอยมาให้ไม่พูดอะไร
ผมตีกล้องคัดหินเลือกโรสควอตซ์กับไหมทองมาอย่างละสิบเส้นแบบเร็วๆ ให้ส่งไปที่ฟาร์ม ดงเสือดอกเล่นน้ำ
ผมเดินไปซื้ออุปกรณ์จิปาถะให้ส่งไปที่ฟาร์มอูริจิ
ผมตามหาพี่อัลฮา เดินอยู่ครึ่งตลาดก็เจอพี่เขาจีบหญิงแล้วแห้วอยู่
“นี่คนที่สิบแล้ว”
พี่อัลฮาหน้าซึมๆ
“ผมดูตลาดเสร็จแล้วครับ กลับกันเลยดีมั้ย”
“อืม”
จากนั้นพี่อัลฮาหายใจลึกๆ ถอนหายใจ แล้วกลับไปหน้าปรกติ
จากนั้นเรากลับขึ้นอูริจิข้างหน้าแล้วขี่ไปหน้าฟาร์ม
พอถึงหน้าฟาร์มเราเลี้ยวขวาแล้วขี่ไปอีกความยาวประมาณสองฟาร์มอูริจิ
และเราลงสวนต้นคริสเตอร์ งานสวนมันไม่ได้ต้องทำอะไรมาก ที่สำคัญคือเราได้เห็นโรงพิมพ์ถุงอูริจิ นี่ผมก็ทำได้หลายอย่าง
เราดูกันแค่ครู่เดียวแล้วเราก็กลับฟาร์ม
พี่อัลฮาให้ผมรอหน้าบ้านแล้วเข้าไปเก็บของ
มีของออกมาไม่กี่อย่าง แต่เขามีปึกหนังสือภาพวาดผู้ใหญ่อยู่ปึกหนึ่ง
เมื่อเก็บเสร็จพี่อัลฮาเรียกผมเข้าไปดูในบ้าน
บ้านดูไม่ค่อยเรียบร้อยนิดหน่อย แต่ภาพรวมมันอบอุ่นน่าอยู่ น่าจะเพราะพี่อัลฮาอยู่คนเดียวอย่างนั้นหรือ?
ผมเอาสัมภาระผมวางไว้
“กระดาษเอาจดงานให้ท่านหญิงเสือดำอยู่ตรงนี้ ดินสออยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ”
“ครับ”
พี่อัลฮายื่นกระดาษมาให้ปึกหนึ่งกับดินสอ
“นั่งเขียนที่โต๊ะไปก่อน ก่อนโป้งชี้ล่างเย็นเรียกฉันด้วย ฉันจะงีบ”
“ครับ”
พี่อัลฮาให้ผมเรียกตอนห้าโมงเย็น แล้วไปนอน
ผมคิดว่ามีความคิดอะไรให้ท่านหญิงบ้าง มันมีความคิดใหญ่ๆอยู่ แต่ผมมาคิดดูดีๆ ผมว่าผมเด็กเกินไปผมเลยเก็บไว้ก่อน
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้มีอะไร?
ผมเขียนเรื่องกล้วยช็อกโกแลต
ผมเขียนกุญเชียง
จากนั้นผมเขียนเรื่องปลาทงคัตซึ
แล้วผมก็เขียนขนมไทยต่างๆ โดยเริ่มจากบัวลอยเป็นอย่างแรก
แต่ละอย่างผมอธิบายแบบคร่าวๆว่าอะไรคืออะไรเท่านั้น
เมื่อห้าโมงเย็นหรือโป้งก่อนล่างเย็น ผมปลุกพี่อัลฮา
“โป้งก่อนล่างเย็นแล้วเหรอ?”
“ครับ”
พี่อัลฮาถามผม แล้วเดินออกบ้าน
ผมตามพี่อัลฮาไป พี่อัลฮาไปเปิดประตูโรงอูริจิ แล้วเอาไม้ยาวมาต้อนพวกอูริจิเข้าคอก
เมื่อมันเห็นไม้ มันรีบเข้าคอกอย่างเร็ว
เราตามมันไปข้างใน ปิดประตูโรงอูริจิ แล้วเดินไปถอดชุดอานแต่ละตัวแขวนไว้ข้างหน้า
แล้วพี่เขาก็วางฟางแห้งกองใหญ่ใส่ในแต่ละคอกไว้ให้มันกิน
“เมื่อเสร็จแล้ว แปลว่างานวันนี้เสร็จแล้วแหละ”
พี่อัลฮาเดินไปลูบหัวตัวที่เขาขี่ ผมว่าน่าจะตัวนั้น ผมก็แยกไม่ออก
เขาลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน
พี่อัลฮาเดินออกนอกโรงอูริจิไปหยิบสัมภาระ แล้วเตรียมตัวเดินทาง
“ไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกันโป้งชี้บนได้มั้ง”
“ครับ”
เขาขนสัมภาระออกไปแล้วจากไป
เอาล่ะในที่สุดวันนี้ต้องจบลงแล้ว ผมอยากออกกำลังกาย แต่ก่อนหน้านั้น
ผมรู้สึกปวดหนัก ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ
แปลก? ทำไมปวด ปรกติไม่ค่อยปวด
ผมเปิดประตูห้องน้ำ
เดี๋ยวก่อน ครั้งสุดท้ายที่ผมปวดหนักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลองนึกย้อนดู
เดี๋ยวสิ มีแค่ตอนเด็กเท่านั้นที่ปวด หลังจากนั้นไม่ปวดเลยนี่
เอ๋? มันจะดีหรือ? แต่การนั่งห้องน้ำเป็นความสุขส่วนตัวอย่างหนึ่ง
คิดดีๆ มันมีอะไรแปลกอีก มันเพราะเกี่ยวกับที่ผมเริ่มคิดว่ามันเป็นฟาร์มแต่มันไม่เหม็น
ผมเลยรู้สึกว่า ‘อยากปวด’ ผมคิดว่าพวกสัตว์ในฟาร์มไม่ธุระหนักหรือ?
เพราะผมคิด มันเลยปวด
แต่ผมไม่ได้ปวดหนักเลยเป็นสิบปี