เล่ม 1 (1-21) เรื่องราวของการสร้างรักในโลกแฟนตาซี ของชายต่างโลก สองสาวกำพร้า และมีอีก? ออกทำงาน ฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง แก้ปัญหาแห่งรักน่ารักๆ กับโลกใบใหม่พร้อมคนรักต่างโลก สองสาวและคนอื่นๆ? รัก!สู้!ทำงาน! เล่ม 2 (22-41) เริ่มเข้าสู่วัยทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สอง กับการได้มาทำงานสายสู้ที่ซ่องใหญ่ เป็นเด็กคุมประตู การบอกข่าวร้ายกับเพื่อนสนิท สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยร้านใหม่ในโลกใหม่ และการเจอคนในฝัน เจ้าหญิงต่างแดน เล่ม 3 (42-61) การย้ายมาวังต่างประเทศตามแฟนเพื่อสร้างชีวิิตใหม่ รัก! ทำงาน! สู้!
รัก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ไซไฟ,ชาย-หญิง,รัก,คลั่งรัก,ชาย-ชาย,ทำงาน,สร้างตัว,ฝึกฝน,เกิดใหม่ ,รักวัยรุ่น,นางเอกเก่ง,พระเอกเก่ง,yaoi,หญิงรุก,ชาย-หญิง,ฮาเร็ม,แอ็คชั่น ,ต่อสู้,โรแมนติก ,โรแมนซ์,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กำพร้า ณ ต่างโลก (ตอนใหม่อ่านฟรี 90 วัน ก่อนติดเหรียญ!!!)เล่ม 1 (1-21) เรื่องราวของการสร้างรักในโลกแฟนตาซี ของชายต่างโลก สองสาวกำพร้า และมีอีก? ออกทำงาน ฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง แก้ปัญหาแห่งรักน่ารักๆ กับโลกใบใหม่พร้อมคนรักต่างโลก สองสาวและคนอื่นๆ? รัก!สู้!ทำงาน! เล่ม 2 (22-41) เริ่มเข้าสู่วัยทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สอง กับการได้มาทำงานสายสู้ที่ซ่องใหญ่ เป็นเด็กคุมประตู การบอกข่าวร้ายกับเพื่อนสนิท สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยร้านใหม่ในโลกใหม่ และการเจอคนในฝัน เจ้าหญิงต่างแดน เล่ม 3 (42-61) การย้ายมาวังต่างประเทศตามแฟนเพื่อสร้างชีวิิตใหม่ รัก! ทำงาน! สู้!
เขาเป็นคนไม่ชอบตัวเองและชีวิตจนติดสื่อบันเทิง เขาเบื่อหน่ายกับงานซ้ำๆ
แต่เขาโชคดีได้มาเกิดใหม่ต่างโลก ในโลกแฟนตาซี
เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นวารี หัดรักคนอื่นตั้งแต่เล็ก และรักษาเพื่อนที่ดีไว้เพื่อโตไปด้วยกัน
เขาเริ่มจากการออกกำลังแล้วปกป้องบ้านที่ถูกรังแกกับเพื่อนด้วยศิลปะการต่อสู้
จากนั้นเขาหาเงินและรวยขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ยังเป็นกำพร้า
พอเขาไปทำงานซ่องเจ๊ก็ใจดีเปิดร้านให้เลยยิ่งรวยเข้าไปอีก
และเริ่มโตขึ้น เริ่มคลั่งรักคนอื่นได้ เขาเลือกไม่ทิ้งสองสาวแฝดเพื่อนสมัยเด็กที่ฝึกตามเขาและเชื่อเขาทุกอย่าง วีมนุษย์กึ่งแมวและวิวมนุษย์กึ่งแมงมุม
เขาก็ยังไม่หยุดหาคนรักเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่เขาเป็นคนพอใจง่าย เขาพอใจกับฮาเร็มเล็กๆ
แต่เขาฝันไว้ว่าอยากอยู่วัง จนโชคดีได้มาเจอเจ้าหญิงต่างแดนที่เก่งกาจ วาโร และเคยชนะเขาแม้ฝึกแต่เด็กตั้งแต่เขาวัยฟิตสุด
พอตัวเจ้าหญิงสุดสวยชวนเขาไปวัง ชีวิตรักเศรษฐีในบ้านข้างวังกับฮาเร็มน้อยและห้างใหญ่เบิ้มเลยเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นมา
รายละเอียดซีรีย์
แนวซีรีย์ : แฟนตาซี, โรมานซ์, แอ็กชัน
ปกจะปกนักวาด เล่มไหนปกซ้ำจะอัพเดตภายหลังเมื่อขายได้แน่นอน แต่บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่
เล่มละ 21 ตอน (1-21)
ความยาวตอนละ 11,000 ตัวอักษร+ (3000 คำ+)
ระยะเวลาอ่าน 15 นาที+
ราคาตอน: ช่วงแรกจะ 3-4 บาท มี 3 ver.
ver. 1 เต็ม 4 บาท (มีภาพเอไอประกอบ, อาจมีภาพนักวาด)
ver. 2 เล็ก 3.5 บาท (มีภาพเอไอประกอบ, ลดขนาดภาพในตอนครึ่งหนึ่ง, ใน Dek-D)
ver. 3 สะอาด 3 บาท (มีแต่ตัวอักษร, มีภาพนักวาดประกอบ, ใน Pinto)
เนื้อเรื่องแต่ละเล่มจะเรียงลำดับเวลา แต่ช่วงชีวิตจะพูดถึงเรื่องที่ไม่เหมือนกัน เลือกอ่านได้ตามสะดวก
จะมีการอัพเดตเรื่อยๆ แต่เนื้อเรื่องตอนและภาพถ้าไม่จำเป็นต้องลบจริงๆจะไม่เปลี่ยน
ซีรีย์นี้ทั้งหมดเรต ฉ.20 แต่บางเล่มจะเรต PG-13
ไม่มีเรื่องผิดศีลธรรม
พระเอกและผู้ชายทั้งหมดไม่สนคนอายุยังไม่ถึง 18
https://www.facebook.com/profile.php?id=100087843892571&mibextid=LQQJ4d
bluesky
https://bsky.app/profile/wayuwayutl.bsky.social
89 ความเชื่อที่ดีกว่า
มุมมองบุคคลที่สาม
วารีอยู่ในห้องกับนา ห่มผ้าห่มอยู่
“ฉันมีไอเดียสร้างบางอย่างอยู่ แต่มันต้องไปที่แบบศักดิ์สิทธ์” วารีพูดกับนา
“มันคืออะไร?” มันคือพระเครื่อง
“มันคือที่ที่แบบมีพลังอ่ะ” วารีพูดกับนา
“เรื่องนั้นคงต้องถามเฟท เฟทดูมีพลังอะไรซักอย่างอยู่” นาบอกกับวารี
“อย่างนั้นเหรอ? งั้นไปหาเฟทก่อนนะ เดี๋ยวเธอมากับฉันนะ นา” วารีบอกนาด้วยหน้ามุ่งมั่น
“ได้สิ” เมื่อนาพูดเสร็จ ก็ลุกขึ้นไปแต่งตัว
วารีลุกขึ้นไปแต่งตัวให้เรียบร้อย เพื่อไปหาลูกเลี้ยง
วารีเดินจูงมือออกไปกับนา แล้วไปห้องเฟท
เฟทกำลังคุยกับคนข้างๆ วารีทักทายเธอ “ว่าไงเฟท?”
“ว่าไงพ่อ? สบายดีมั้ย จะไปไหนกัน?” เฟทถามวารี
“จะไปหาที่ที่มีพลังโลกซิ่นเนี่ยนอ่ะ พอไปดูให้ได้มั้ย?” วารีถามเฟท
เฟทหันไปปรึกษากับอะไรที่อยู่ข้างๆ แต่วารีมองไม่เห็น “ไปด้วยกันได้มั้ย ซิ่นเนี่ยน?”
แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา แต่วารีคิดว่าเฟทได้ยิน
หลังจากนั้นเฟทหันมาหาวารี “ไปสิ”
“แต่งตัวเรียบร้อยหน่อยนะ เฟท เดี๋ยวพ่อออกจากห้องก่อน เสื้อมันจีดจ้าดไปหน่อย ใส่กระโปรงยาวๆ แล้วเสื้อขาวก็ได้ เรียบร้อยดี” วารีบอกเฟทแล้วออกจากห้องไป
วารีกับนาคุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อย แล้วรอเฟทออกมา ซักพักเฟทก็ออกมา
“เรียบร้อยแล้วค่ะพ่อ” เฟทพูดด้วยหน้าพร้อมไปเที่ยวสถานที่มีพลัง แต่งตัวก็แบบที่วารีบอก
สามคนพากันไปหน้าบ้าน ขึ้นโดรนแล้ววารีพูดขึ้นมา “พ่อต้องให้ลูกเลือกที่นะ เพราะพ่อไม่เห็น”
เฟทหันมายิ้มให้วารี “ได้สิพ่อ ซิ่นเนี่ยนช่วยอยู่แหละ”
วารีเริ่มขึ้นบิน แล้วตระเวนใกล้ๆก่อน แต่เฟทยังดูข้างล่างอยู่ แล้วไม่ได้พูดอะไร
แล้ววารีบินออกไปหมู่บ้านที่คนน้อยๆ ที่มีวัดดคล้ายของประเทศที่วารีเกิด แล้วเฟทหันมา “ที่นี่แหละ”
วารีเลือกลงจอดนอกหมู่บ้าน แล้วเดินเข้าไป คนในหมู่บ้านพากันมองคนแปลกหน้า วารีเลยไปพูดกับเขา “วัดที่นี่เข้าได้มั้ย? ฉันจะไปหาคนที่เรียนวิชาจากที่นี่่อยู่”
ชาวหมู่บ้านยิ้มแย้มตอบเมื่อวารีคุยด้วยแล้ว “ทางนั้นเลย เรากำลังทำงาน”
วารียิ้มแล้วก็บอก “ได้สิ” แล้วเดินไปวัดไปกับนาและเฟท
และแล้วเราก็มาถึงวัด สภาพมันกลางๆ แต่พออยู่ได้ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก แต่มันดูเหมือนมีอาคารที่พักน้อย แล้วไม่ค่อยได้สร้างอะไร
มีลูกศิษย์หันมาเอะใจคนแปลกหน้า “เดี๋ยวผมพาไปหาอาจารย์” แล้วลูกศิษย์ก็พาเราไปหาอาจารย์
สามคนถูกพาไปเข้าศาลาธรรมดา ไม่ได้ใหญ่และหรูหราอะไร ศาลาอาจารย์เหมือนศาลาข้างๆ ที่เรียงกันอยู่สองสามหลัง
วารีคิดในใจ ‘ถ้าที่นี่มีพลังจริง ต้องพัฒนาที่นี่ให้สวยๆ คนจะได้พากันมาถ่ายรูป เงินจะได้ไหลเวียน แล้วจากนั้นวัดก็สร้างสถานศึกษาสำหรับคนในหมู่บ้าน หางานส่งเสริมวิชาชีพเพื่อคนในหมู่บ้าน’
วารีเข้าไปหาอาจาย์ อาจารย์มีลูกศิษย์นั่งศึกษาหนังสืออะไรไม่รู้อยู่ด้านข้าง
“ผมวารี เจ้าของฮาโมนี่ เคยได้ยินมั้ยครับ? ท่านอาจารย์” วารีถามอาจารย์ ด้วยหน้าเหมือนมีความคิดอะไรดีๆ
อาจารย์ หันไปหาลูกศิษย์ ที่ตัวเขามีรอยอักระอยู่เต็มเป็นเหมือนรอยสัก แสดงว่าพวกเขาสักได้แต่เป็นภาษาต่างโลกที่ผมไม่เข้าใจ
“แกพอรู้จักมั้ย?” อาจารย์ถามลูกศิษย์
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมศึกษาแต่วิชา ไม่ได้ตามข่าวว่าใครรวย” ลูกศิษย์ตอบ
เมื่อวารีได้ยิน “ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำตัว ผมวารีอีกครั้ง และเจ้าของฮาโมนี่อีกครั้ง เราเป็นธุรกิจใหญ่ ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วเรามีกำลังทรัพย์ช่วยที่นี่ได้ เพียงแค่เรามีความคิดที่ทำให้วัดพอหาเงินสร้างนั่นนี่ได้ แต่ท่านต้องละทิ้งความโลภ ไม่ผลิตเพื่อเงินเยอะไป มันจะดีกว่า”
พระอาจารย์เห็นก็หันไปมองหน้ากับลูกศิษย์แล้วหันมา “เราเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ได้เงินเยอะไปก็็เท่านั้น เราคิดจะทำตามนั้นแหละ ไม่งั้นมันจะเกินตัว”
วารียิ้มทันที “ท่านคิดได้ยอดเยี่ยม”
“แล้วจะให้เราทำอะไร?” อาจารย์ถามวารี
“ผมว่าจะสร้างเครื่องรางไว้ห้อย มันคล้ายๆแบบนี้” วารีล้วงกระต่ายของเฟทออกมา
“ถ้าเราออกแบบเองเราไม่ใช่นักศิลปะ” อาจารย์ใช้ความคิดที่ชาญฉลาดแล้วทำให้ผมเข้าใจ
วารีก็พูดขึ้นมา “เดี๋ยวผมให้ทีมงานผมจัดการเอง แต่ท่านพอมีภาษาโบราณดีๆที่ต้องสวดคนเดียวมั้ยเล่า”
อาจารย์ก็ตอบมา “ฉันก็สวดแล้วไปเดินรับข้าว แล้วมาสวดใหม่ รับข้าวที่วัด แล้วพอง่วงก็นอนพัก เช้าก็ตื่นเดินขอข้าว เที่ยงก็มีคนเอาอาหารมาให้ เจ้ารอได้มั้ย?”
วารีก็ตอบทันควัน “ผมรอได้ อาจารย์ก็ทำอย่างนั้นแหละ แล้วเดี๋ยวผมเอาทีมนักภาพที่พอแกะสลักได้มาออกแบบให้ที่นี่ เอาคอมมาแล้วคุยกับอาจารย์เองเลย แล้วอาจารย์ก็สวดแต่พอดี ผมจะขายแค่จำนวนจำกัดเท่านั้น”
ผมโทรไปหาเอวาลิน “เอวาลิน เดี๋ยวซักพักฉันเรียกบุญมีบุญมามาอีก แล้วพวกเธอสองคน ประดิษฐ์พวกรูปปั้นที่เธอให้บุญมีกับบุญมาสร้างสร้างนะ”
เอวาลินก็ตอบมา “ถ้าฉันกับบุญมาก็ไม่น่าจะมีปัญหาแหละ เดี๋ยวฉันไปเดี๋ยวนี้”
แล้วเมื่อวารีหยุดซักพัก วารีก็พูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นเอานกรักไปครับอาจารย์ หรือลูกศิษย์ที่รับติดต่อก็ได้ ผมจะติดต่อมาเมื่องานแบบเสร็จ” วารีพูด แล้วไหว้อาจารย์ กับลูกศิษย์
แล้วเขาก็เอะใจ “ท่านต้องการอะไรเป็นพิเศษมั้ย? ผมพอมีกำลังเงินเยอะอยู่”
อาจารย์ยิ้มแล้วตอบ “เราพอมีพอกิน แต่แขกต่างแดนไม่ค่อยมาเยี่ยม เราอยากสร้างโรงเรียน เพราะเรามีตำราเรียนเรื่องพื้นฐานในการใช้ชีวิต ไม่โลภ ไม่ระรานใคร ทำมาหากิน ตอนเช้ามีก็ให้วัด พอเที่ยงชาวหมู่บ้านว่างก็มาฟังคำดีๆจากฉันบ้าง ตอนนี้มันติดปัญหางานนามันยุ่งวุ่นวายอยู่แล้ว แต่เรื่องข้าวปลาอาหารของใช้ประจำวัน คนในหมู่บ้านช่วยกันอยู่แล้ว” อาจารย์อธิบายยาว เหมือนรู้ปัญหาหมด
วารีเริมออกไปมองสภาพจริงอาคาร แล้วลองใช้พวกห้องน้ำห้องท่า ห้องน้ำก็สะอาด สงสัยลูกศิษย์ช่วยกันทำ แต่สภาพอาคารประตูเริ่มพังเริ่มอะไรแล้ว
วารีเข้าไปคุยกับอาจารย์ “แต่สภาพอาคารมันเริ่มไม่ค่อยจะดีแล้ว แล้วมันไม่มีที่ดึงดูดให้น่าเข้า เดี๋ยวผมเริ่มวาดอะไรที่คนดู แต่เดี๋ยวผมสั่งทีมงาน บุญมีและบุญมา ให้มาทำที่นี่ให้แข็งแรงคนทน ใช้ได้นานกว่านี้”
อาจารย์หันไปมองหน้าลูกศิษย์ “มันต้องจ้างเท่าไหร่ล่ะ?”
วารียิ้มแล้วตอบทันที “อ๋อ เดี๋ยวผมออกเอง กับสร้างอะไรไว้เป็นที่ถ่ายรูปด้วย ได้มั้ยล่ะครับ เราให้อาจารย์สวดเรื่องพระเครื่อง แล้วเราขายเอง ผมจะทำเผื่อไว้ให้อาจารย์พอแจกคนในหมู่บ้าน”
อาจารย์ก็พูดขึ้นมา “เรื่องเงินเราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวมากเจ้าก็จัดการเองแล้วกัน แต่วัดมีพอเราไม่รู้เรื่องบ้านเรือนหรอก ชาวบ้านช่วยกันสร้าง แต่งานคงเกินมือชาวบ้านไป เจ้าต้องช่วยแล้วแหละ”
วารีก็ตอบไปทันที “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
วาริหยิบโทรศัพท์ แล้วโทรหาบุญมีกับบุญมา “นี่บุญมี เดี๋ยวบอกบุญมา ฉันมีงานให้ มันเป็นสถานที่ศักสิทธิ์แล้วฉันมาทำพระเครื่องแบบใหม่ๆหาเงินให้วัด เอาแค่ 5% ค่าวัตถุดิบ ให้วัดมีเงินเปิดโรงเรียน แล้วนายลองถามวัด เรื่องเปิดโรงเรียนจะทำหลังจากที่ซ่อมที่อยู่อาศัยเสร็จก่อนเราจะเปิดไปเลย หลังคาอย่าให้รั่วอย่าให้อะไร ประตูให้ใช้ได้ดี ไม่ผุไม่พัง”
บุญมีตอบทันที น่าจะอยู่กับบุญมาพอดี “ได้สิ เดี๋ยวเราจัดการเอง แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ?”
วารีตอบ “ใช้เงินของเรา บ้านแบบนี้้ไม่น่าจะใช้เงินเยอะ เรามีพออยู่”
อาจารย์ก็ตอบมา “ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ผมส่งตำแหน่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้บุญมีกับบุญมาพวกเขาขี่โดรนกันเป็นอยู่แล้ว เพราะผ่านบททดสอบการใช้น่านฟ้าที่เข้มงวด
แล้วหันไปหาอาจารย์ “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวเรากลับก่อน”
เราต้องรอบุญมีและบุญมามาทำ และผมออกเงินเอง แค่นี้ทุกอย่างก็จบ
ผมออกบินไปฮาโมนี่ บุญมีกับบุญมาโทรมา “กำลังไปเดี๋ยวนี้นะ”
วารีตอบผ่านนกรัก “โอเค เดี๋ยวฉันกลับก่อน พวกเธอสองคนก็ทำส่วนของพวกเธอไป โอเคนะบุญมี”
“ได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันบินไปเดี๋ยวนี้” บุญมีตอบมาผ่านมือถือ
ผมกลับฮาโมนี่แล้วคิดเรื่องหาเงินต่อ
ผมต้องค่อยมาดูเรื่องสร้อยคอทีหลังเมื่อออกแบบเสร็จ สร้างเสร็จ ผมกำชับบุญมีและบุญมาที่กำลังเช็คสถนที่ “เดี๋ยวคุยกับเอวาลิน ทำอลังการอลังการไปเลย แล้วออกแบบสร้อยคอตามรูปปั้นทนๆที่อยู่ในวัด เข้าใจนะ”
บุญมีและบุญมาหันมายิ้ม “ฉันว่าจะสร้างยักษ์คุ้มครองวัด”
เมื่อวารีฟังก็ถูกใจ “เอาสีสวยๆล่ะ ให้อยู่นานๆ”
วารีบินกลับฮาโมนี่เพราะสั่งงานสั่งอะไรเสร็จแล้ว
กลับไปทำงานที่ของตัวเอง
มันเป็นช่วงบ่ายสามพอดี วารีเรียกเหล่าคนรักและพนักงานทั้งหมดมาประชุม แล้วไปรอห้องประชุม
เมื่อพนักงานดูพร้อม วารีก็สั่งพนักงาน “วันนี้ฉันคิดงานไม่ค่อยจะออก ใครมีความคิดอะไรมั่ง?”
พนักงานก็มองหน้ากัน “นายไม่คิดแล้วเราถามใครเล่า? เราก็ไม่ใช่จะรู้ดี”
วารีก็บอกทันที “ก็ฉันเชื่อในวิชาชีพนายอ่ะ ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนกัน กินข้าวกินปลาหาคนรักเตรียมนอน วันนี้ปิดประชุม”
พนักงานหันไปปรึกษากัน แผนกนั้นปรึกษากับแผนกนี้ แล้วตอบมา “แล้ววันนี้ไปทำอะไร?”
“ฉันไปสถานที่ที่เฟทบอกว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ และฉันก็ลงไปให้อาจารย์ เขากับช่างเราช่วยกันทำจี้ห้อยคอสวยๆ”
เฟทที่อยู่ข้างๆสะกิดผม “ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ขายเสื้อหน้าอาจารย์ แล้วบอกชื่อวัดกับแผนที่ คนเห็นจะได้ไปถูก”
ผมหันไปยิ้มแล้วลูบหัวเฟท “นั่นสินะ เดี๋ยวทำตามนั้น” ชั่นส๊วนก็ตอบมา “ให้ฉันไปถ่ายเลยมั้ย?”
ผมบอกทันที “เอาตำแหน่งกับบุญมีและบุญมา”
ชั่นส๊วนตอบมาทันที “ได้สิ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ผมคิดในใจ แล้วทำอะไรดีล่ะ? ผมลองนึกอะไรดีๆไปเรื่อยๆก่อน เผื่อคิดได้ ผมอยากสร้างเกม แต่เกมเด็กต้องรู้จักเวลาเล่น ไม่งั้นเล่นไม่หยุดลำบากครอบครัวตามอีก ทำไงดี หรือต้องสร้างเกมที่สำหรับผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่มีเรื่องลามก?
วารีหันไปดูแฟน แฟนวารีท้องป่องทุกคน เพราะเรามีแผนกเลี้ยงเด็ก วารีเลยสบายใจ และลูกติดต่อพพ่อแม่ได้ทุกเมื่อ และเรียกได้ทุกเมื่อ
แต่ถ้าววารีไม่ว่างแล้วลูกอยากเจอหน้าล่ะ? วารีคิดในใจ แต่พนักงานผมคงช่วยดูลูกหมดแหละมั้ง น่าจะไม่เป็นไร
“วันนี้ปิดประชุมเท่าเนี้ยแหละ เดี๋ยวรอเครื่องรางเสร็จแล้วค่อยทำอะไรต่อ” ผมสั่งลูกน้องและลูกน้องพยักหน้า
ผมกลับไปเล่นคอมพิวเตอร์ที่ห้องผม ผมอยากเขียนเรื่องตำราการออกกำลังกาย แล้วเอะใจขึ้นมาแล้วโทรหาวิว “ว่าไงวารี? เธอแปลงร่างได้ใช่มั้ย?”
ผมถามวิวตรงๆ “ได้สิ ไม่มีปัญหา แต่มันไม่ถาวร”
แล้วผมก็คิดในใจ ถ้ามหัศศรีและคิเซกิวัจัยและศึกศาเรื่องการกินดีเอ็นเองูยักษ์เธออาจมีขาถาวร “นี่วิว เธอชอบขาของเธอมั้ย เธอก็ท้องแล้วอะไรแล้วปรกติ เธอชอบร่างกายเธอมั้ย?”
“มันสูงน่ากลัวไปหน่อยนึงอ่ะ ตั้งสองเมตรกว่า” วิวพูดผ่านโทรศัพท์ดังขึ้นมา แล้ววารีได้ยินเต็มๆ วารีถามต่อ
“อย่างนั้นเหรอ ดีแล้วแหละ เธอน่าจะทุ่มเก่งกว่าทุกคนเพราะมีแปดขาถ้ามันขยับได้” วารีบอกวิว
“มันก็ขยับได้ปรกตินี่ ธรรมดาก็ใช้ขาต่อยบ้างอยู่แล้ว” วิวตอบวารีทันที
“อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เธอชอบฉันแบบที่ฉันเป็นมั้ย? วารี ฉันอาจตัวใหญ่ ไม่เหมือนใคร” วิวถามวารี
“ฉันชอบเธอที่ด้านใน มันไม่เกี่ยวกับภายนอก เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา” วิวตอบวารีทันที
“อืม สูงปี้ดไปไม่เป็นไรมั้ง ฉันแค่ต้องชอบผู้ชายที่เตี้ยกว่า” วิวพูดออกมา
“ชอบฉันเปล่าล่ะ วิว?” ผมนึกอยากถามวิวขึ้นมา
“ชอบสิ” เมื่อวารีได้ยินเขาก็ยิ้มให้วิว
“จ้า” วารีตอบไป
“เข้าวัดมั้ย? วิว?” วารีถามวิว
“ลองไปฟังๆ แนวคิดของพระดู” วิวตอบมา
ผมพาวิวเข้าวัดอีกครั้ง เราพากันเดินยิ้มๆจับมือกันขึ้นโดรนไปวัด แล้วไปหาอาจารย์
“อาจารย์อยู่มั้ยครับ?” วารีถาม ไม่มีเสียงใครตอบรับ น่าจะไม่อยู่ วารีกับวิวเลยไปดูพระที่กวาดงานวัดอยู่ ว่าคนไหนมีรอยสัก แบบที่ผมจำได้ แล้วผมก็เจอ
“อาจารย์ ผมพาว่าที่คู่รักอีกคนมา อยากฟังคำสอนที่ดีๆอ่ะ” วารีพูดกับอาจารย์
เมื่อพระอาจารย์ได้ยิน ผมก็หันไปมองลูกศิษย์ แล้วพระอาจารย์ไปสั่งลูกศิษย์เอง ลูกศิษย์ลงมือกวาด “ไม่ต้องเข้าไปในห้องหรอก สอนตรงนี้แหละ”
“มันมีอะไรบ้าง แง่คิดที่สำคัญสำคัญ” วารีถามอาจารย์
“ก่อนอื่นเจ้าต้องคิดให้ถูกต้อง ไม่ไประรานใคร เลิกคิดสิ่งชั่วร้าย เจ้าทำอย่างนั้นมั้ยล่ะ?” อาจารย์ถามผม
“มีพ่อค้าเอางูยักษ์เกล็ดแข็งมาปล่อย ผมต้องจับมันไว้เพราะจะเอาเกล็ดมันไปทำเกราะ แต่ถ้าปล่อยมันเข้าป่า เดี๋ยวผมกลัวไปกินวัวชาวบ้าน เพราะงูมันถอดกรามแล้วอ้าปากได้ใหญ่กว่าตัว แต่มันย่อยช้า” ผมบอกพระอาจารย์
เมื่อพระอาจารย์ได้ยินพูดมาทันที “ถ้าอย่างนั้นมันก็กรรมของงูแหละ มีวัวเลี้ยงเขามั้ยล่ะ?” อาจารย์ถามผม
วารีก็ยิ้มแล้วตอบอาจารย์ทันที “ก็พอดูได้นะ แต่ไม่รู้จะให้มันอยู่ไหน”
“ถ้ามันกินอิ่มนอนหลับไปรบกวนใครก็เอาไว้หาประโยชน์เถอะ มันถอดเกล็ดเองใช่มั้ยล่ะ?” อาจารย์ถามผม แล้ววารีก็ตอบ
“ใช่มันอยู่ที่กรงที่กรงของผม” วารีบอกอาจารย์
แล้วอาจารย์ก็ถามว่า “เมื่อกี้สอนถึงไหนแล้วนะ?”
“คิดให้ถูกต้องก่อน แล้วลองปล่อยวางความคิดที่ไม่ดี เลิกระรานคนอื่น” เมื่ออาจารย์บอกข้อสองวารีก็คิดทันทีแล้ววารีตอบ
“ผมก็ไม่ได้ระรานใครนะ นอกจากจะมีคนอยากใหญ่ ผมว่าเมียผมแค่อยากให้เลิกตีกัน ทั้งหมดเลย แล้วพอใจกับที่มี คนจะอยู่ได้มั้ย?” วารีถามอาจารย์ตรงๆ
“ได้สิคนฉลาดจะตายคิดคำนวนได้ตั้งหลายอย่าง” อาจารย์?เชื่อในศักยภาพของคน
“แล้วอย่างที่สามพูดให้ออกมาแต่เรื่องดีๆที่คิดได้ อย่าพูดมั่วซั่ว มันก็มีอีกยิบย่อยแหละ ที่เป็นคำสอนน่ะ มันมีอยู่เยอะ แต่เจ้าจะฟังมั้ยเล่า? ถ้าว่างก็ไปนั่งที่ห้องฉัน” อาจารย์พูด แล้วฝากไม้กวาดกับลูกศิษย์ ผมไม่เห็นใบไม้แล้ว ลูกศิษย์เลยคงไปเรียนคัมภีร์ในห้อง เพราะวัดสะอาดเกลี้ยงแล้ว เหลือแค่ลงงานแต่งเติมวัด
ผมให้เอวาลินทำด้านนี้ได้ เพราะฮาโมนี่ทุกแผนกหาลูกจ้างอะไรเรียบร้อยหมดแล้ว และมีคนทำแผนกศิลปะอยู่
ผมเข้าห้องอาจารย์ไปฟังธรรมที่เหลือ
อาจารย์คุ้ยหนังสือ “นี่ไง แบบโบราณสุดยังไม่ดัดแปลง จากมือมีลายเซ็น”
เมื่อได้ยินผมก็รีบบอก “ถ้าอย่างนั้นอาอาจารย์จะสอนอาจารย์ก็เก็บไว้ แล้วสอนผมจากอันนั้นแหละ”
อาจารย์ลองเปิดดู “นั่นอีกอย่างเจ้าต้องพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่คิดไม่ดี แทนที่ความขี้เกียจด้วยนิสัยที่ดี แล้วเลิกทำตัวขี้เกียจ ไม่อยากทำอะไร”
“วารีก็บอก ปรกติผมก็อย่างนั้นอยู่แล้วนะ พอคิดงานได้ก็ออกงานดีๆมาเรื่อยๆ แล้วคนก็มาอุดหนุนเอง แค่นั้นแหละ” วารีบอกกับอาจารย์
“งั้นก็ตามนั้นแหละเรื่องยิบย่อยที่มันเป็นภาษาโบราณเดี๋ยวฉันจำเอง” อาจารย์บอกกับวารี
“ครับอาจารย์ ตกลงมีสามข้อนะ?” วารีถามอาจารย์ให้มั่นใจ
อาจารย์ก็ตอบมา “มันมีสามข้อง่ายๆ เจ้ามีไอเดียดีๆ เจ้าก็คิดไปเรื่อยๆเถอะ”
แล้ววารีก็ถามอาจารย์ “แล้วตอนเช้าหาอะไรกินยังไง?”
อาจารย์ก็บอกมา “ก็เดินขอในหมู่บ้านนี่แหละ ทุกคนมีเหลือกิน แล้วพอแบ่งให้วัดได้ เลยแบ่งอะไรที่กินได้มาบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องข้าวปลาไม่อดแล้วนะ?” เมื่ออาจารย์ได้ยิน อาจารย์ก็ยิ้ม
แล้วอาจารย์ตอบมา “ฉันหาได้ อาจารย์ยังเดินไหว เด็กๆอาจารย์ฝึกร่างกาย”
เมื่อผมได้ยินผมก็สบายใจ “ครับ พอดีระยะทางมันต้องนั่งโดรนมา มันไม่มีในตัวเมือง แต่ผมอยากตีพิมพ์ลายเซ็น”
อาจารย์ก็สวนทันควัน “ลายเซ็นมันใช้การฝึกและจดจำ มันต้องฝึกวาด ฉันเรียนแต่วิชาในหนังสือ แต่คนเซ็นจากไปแล้ว จะให้ฉันทำไง”
วารีก็บอกอาจารย์ “ถ้าอย่างนั้นของอาจารย์ก็ดีสุด ถ้ามันอ่านได้จริงอาจารย์ก็เก็บไว้ ถ้าอาจารย์มีข้าวมีอาหารครบหมู่ อาจารย์ก็อยู่ได้ใช่มั้ย?”
อาจารย์ก็บอก “ฉันก็กินเท่าที่หาได้นั่นแหละ”
ถ้าอย่างนั้นมันขึ้นอยู่กับคนให้ ว่าต้องให้อาหารที่กินได้จริงๆ
ผมกลับไปหาฮาโมนี่ ให้ดูนาของใช้หมู่บ้านนั้นว่าใครขาดอะไร และสอนวิธีกินอาหารที่ครบทุกหมู่ แต่ส่วนใหญ่เมื่อนาถามชาวบ้านก็มีหมดแล้ว
พอชาวบ้านรู้ ชาวบ้านก็เริ่มเลิกปลูกอย่างหลายอย่างขึ้น ขุดบ่อเลี้ยงปลาให้พอมีพอจับได้ แล้วคนมีโดรนที่อยากได้อาหารธรรมชาติ ก็ไปหาหมู่บ้านแบบนั้นเอา