ไอ้พายขโมยสร้อยเพชรมูลค่าสิบล้านแล้วหายตัวไป ใช้เวลาสามปีกว่าจะหาตัวเจอ คิดว่าจะเอาคืนให้สาสม ว่าแต่...ไอ้เด็กตัวกลมป้อมตาแป๋วแหววที่ยืนอยู่ข้างมันเป็นใครหว่า ทำไมหน้าตาเหมือนเขาอย่างกะแกะแบบนั้น!

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg) - ตอนที่ 2 กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่ โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,มาเฟีย ,mpreg,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มาเฟีย ,mpreg,นิยายวาย

รายละเอียด

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg) โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไอ้พายขโมยสร้อยเพชรมูลค่าสิบล้านแล้วหายตัวไป ใช้เวลาสามปีกว่าจะหาตัวเจอ คิดว่าจะเอาคืนให้สาสม ว่าแต่...ไอ้เด็กตัวกลมป้อมตาแป๋วแหววที่ยืนอยู่ข้างมันเป็นใครหว่า ทำไมหน้าตาเหมือนเขาอย่างกะแกะแบบนั้น!

ผู้แต่ง

earlymoon

เรื่องย่อ

พาทิศเจียมตัวอยู่เสมอว่าเป็นเพียงเด็กในบ้าน ไม่อาจเอื้อมคิดเคียงคู่คุณสิงห์


เมื่อรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์อย่างไม่ตั้งใจ เพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต

และเพื่อไม่ให้คุณสิงห์ลำบากใจ เขาจึงคิดเลี้ยงดูลูกคนนี้ด้วยตัวเอง

แต่ใครจะนึกว่าสามปีผันผ่าน เราสองคนจะได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง

คุณสิงห์ยังคงเป็นคุณสิงห์ผู้มีคนอื่นยึดครองหัวใจ

ส่วนเขายังคงเป็นไอ้พาย หนุ่มน้อยกะโปโลในสายตาของคุณสิงห์เสมอมา

สารบัญ

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 1 เฉืออ้อแอ้,คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 2 กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่,คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 3 เฉือคลานเตาะแตะ,คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 4 เฉือไม่เจ็บ

เนื้อหา

ตอนที่ 2 กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่


 

 

- 2 -

กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่

.

.

 

บ้านหาญภากร, หนึ่งปีหลังจากพาทิศหายตัวไป

ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ ผ้าม่านสีดำหนาหนักเลื่อนเปิดเองโดยอัตโนมัติตามเวลาที่ตั้งไว้ในสมาร์ตโฟน ทว่ายังคงมีผ้าม่านสีขาวผืนบางอยู่อีกชั้นหนึ่งซึ่งช่วยให้แสงแดดจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาด้านในไม่สว่างจ้าจนเกินไปนัก กระนั้นคนที่นอนซุกตัวอย่างสบายอยู่ใต้ผ้าห่มกลับยังคงส่งเสียงในลำคอด้วยความหงุดหงิด รู้ว่าควรตื่นได้แล้วแต่เจ้าตัวยังอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย จึงพลิกตัวนอนตะแคงหันไปอีกด้านหนึ่ง

ชั่วขณะที่กำลังจะผล็อยหลับไปอีกครั้งหนึ่งนั้น ประตูห้องนอนก็เปิดออก ใครคนหนึ่งเดินโหย่ง ๆ เข้ามาด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งยังเดิน ๆ หยุด ๆ กว่าจะมาถึงเตียงก็ใช้เวลาเป็นนาทีแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดเสื้อคอจีนแขนสั้นสีเทากับกางเกงสแลกขายาวสีดำซึ่งเป็นยูนิฟอร์มสำหรับพ่อบ้านแม่บ้านและเด็กรับใช้ที่ทำงานในบ้านหลังนี้ เจ้าตัวยืนหน้าซีดมองผู้เป็นนายที่กำลังหลับตาพริ้ม

“คุณสิงห์” กลั้นใจส่งเสียงแผ่วเบาออกไป แน่นอนว่าคนที่กำลังหลับลึกไม่น่าจะได้ยินจึงปิดปากกระแอมสองสามหน ตามด้วยเสียงเรียกที่ดังขึ้น “คุณสิงห์ครับ!”

“อะไรวะไอ้พาย! หนวกหูว่ะ!” เป็นคำพูดติดปาก เนิ่นนานมาหลายปี แม้คนถูกเรียกจะไม่อยู่แล้ว สีหราชก็ยังคงเรียกชื่อใครคนนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

พอได้ยินว่าตัวเองส่งเสียงเรียกใคร อาการง่วงงุนของมาเฟียหนุ่มก็หายเป็นปลิดทิ้ง เปลือกขยับไปมารวดเร็วก่อนลืมขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ทั้งคมกริบและดุดันจนใคร ๆ ต่างหวั่นเกรง

เอาอีกแล้ว! สีหราชทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจกับตัวเอง ทั้งยังหงุดหงิดจนแทบจะฉีกทึ้งผมตัวเองเพื่อระบายอารมณ์ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าลืมไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่าจะเลิกสนใจ ถึงขั้นลบชื่อนั้นออกไปจากใจแล้วด้วยซ้ำ ทว่าความพยายามเป็นปีกลับสูญเปล่า ใครจะคิดเล่าว่าชื่อนั้นจะฝังลึกในใจยิ่งกว่าที่คิด

“คุณสิงห์ครับ วันนี้มีนัดกับท่านรัฐมนตรีสุชาติตอนเก้าโมงนะครับ” เสียงพูดของเด็กรับใช้วัยยี่สิบปีเรียกให้สติของผู้เป็นนายที่เหมือนจะลอยไปหาใครสักคนในความทรงจำ

“อ้อ” ทำเสียงรับรู้พร้อมกับพยักหน้า จากนั้นจึงโบกมือไล่ “ฉันแต่งตัวเอง อีกสิบนาทีจะลงไป เตรียมรถรอได้เลย”

อีกฝ่ายค้อมศีรษะรับคำสั่ง แล้วก้าวถอยหลังเดินออกจากห้องไป

ประตูปิดดังแกร๊ก ภายในห้องเหลือเขาเพียงลำพัง สีหราชยกสองมือลูบหน้า แหงนเงยหน้าพรูลมออกจากปากพลางเสยผมทรงผมอันเดอร์คัตของตัวเองไปอีกหนึ่งที จากนั้นจึงตวัดผ้าห่มออก ก้าวขาลงจากเตียง ก้าวอาด ๆ เข้าไปในโซนห้องแต่งตัวที่ขนาดใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนเลยทีเดียว ภายในนั้นมีทั้งตู้เสื้อผ้าแบบบิลต์อิน ตู้รองเท้า ตู้เก็บเนกไท นาฬิกา และเครื่องประดับต่าง ๆ ยังมีกระจกบานใหญ่สูงเกือบจดเพดานตั้งอยู่กลางผนังห้องด้านหนึ่ง

หน้ากระจกบานนั้น ใครคนหนึ่งเคยสวมเนกไทให้ รวมถึงจัดคอเสื้อ สวมเข็มขัด ใส่นาฬิกา แม้แต่กลัดกระดุมให้ก็ทำมาแล้ว

พาทิศตัวเตี้ยกว่าเขา เวลามันยืนอยู่ใกล้ ๆ หัวมันถึงแค่ปลายคางของเขาเท่านั้น ใช้เป็นที่พักคางในบางเวลา มันไม่เคยบ่น แต่ทำเสียงฮึดฮัดบ้างเป็นบางคราว

ตอนมันกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขา หน้ามันแทบจะมุดเข้าไปในอกเขาเลยด้วยซ้ำ พอหลุบตามองหัวทุย ๆ ของมัน นึกมันเขี้ยวขึ้นมาก็ขยี้ผมมันเล่นจนยุ่งเหยิงเป็นรังนก มันไม่ว่าเขาสักคำแต่ทำหน้างอง้ำเหมือนตุ่นปากเป็ด

สีหราชสบถคำออกมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าใจลอยไปหาคนไม่รักดีคนนั้นอีกแล้ว

หลายปีที่ผ่านมา ชีวิตของเขามีพาทิศวนเวียนอยู่รอบกาย ตั้งแต่หมอนั่นอายุสิบสี่ เจ็บปางตายแทบไม่รอด ไม่รู้เขานึกเอ็นดูอะไรมันนักหนาจึงขวนขวายหาหมอที่ดีที่สุดในประเทศเพื่อรักษามัน จนมันรอดชีวิตมาได้ เข้ามารับใช้ตระกูลหาญภากร ส่งเสียมันจนเรียนจบมัธยมหกอยู่ในความดูแลของเขาจนบรรลุนิติภาวะ ให้มันบรรจุเข้าทำงานในบริษัท แม้จะมีชื่อเป็นพนักงานส่งเอกสาร แต่จริง ๆ แล้วหน้าที่ของมันคือคนรับใช้ส่วนตัวของเขา เงินเดือนแต่ละเดือนไม่ใช่น้อย ๆ เก็บหอมรอบริบเป็นปีรวมทั้งทิปต่าง ๆ ที่เขาให้ด้วยความเอื้อเฟื้อหรือเพราะเสน่หาก็ตามแต่ คาดว่าน่าจะซื้อบ้านได้สักหลัง

กระทั่งวันที่ยี่สิบสามมีนาคมปีที่แล้ว จู่ ๆ มันก็หายตัวไป จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของพาทิศ มันเป่าเค้กแย้มยิ้มน้ำตารื้น ดูท่าทางมีความสุขขนาดนั้น ใครจะนึกว่าวันต่อมามันจะหายตัวไป เรียกได้ว่าหายเข้ากลีบเมฆก็คงได้ เขาอุตส่าห์เป็นห่วงนึกว่ามันตกอยู่ในอันตราย ส่งคนออกตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ใครจะนึกเล่าว่ามันหอบผ้าหอบผ่อนหนีออกจากบ้านพร้อมกับสร้อยเพชรราคาสิบล้านที่เขาเตรียมไว้สำหรับภรรยาในอนาคตของตัวเอง

“ไอ้พายนะไอ้พาย!” ชายหนุ่มเค้นเสียงลอดไรฟัน น้ำเสียงคับแค้นเหลือจะกล่าว “เจอกันเมื่อไรกูเอาเลือดหัวมึงออกแน่”

ฝากคำคาดโทษไปกับอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้า ยืนจังก้าขมกรามกรอด ๆ หากดวงตาของเขาเป็นระเบิด กระจกบานนั้นคงแตกละเอียดย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว

ชายหนุ่มสำรวจความเรียบร้อยของเนกไทและเสื้อผ้าที่สวมใส่ จากนั้นจึงกลัดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วสวมทับด้วยสูทสีดำ

‘คุณสิงห์’

เสียงแหบห้าวของคนไม่รักดีดังขึ้นมาในความคิด เป็นเสียงที่เขามักจะได้ยินทุกเช้า

‘ตื่นได้แล้วครับ’

‘กาแฟครับ’

‘รับปังปิ้งหรือข้าวต้มดีครับ’

เสียงนั้นขยันตามหลอกหลอนไม่มีหยุดเลยจริง ๆ สีหราชถอนหายใจหนัก ๆ เป็นครั้งที่เท่าไรก็คร้านจะนับ ถ้านับตั้งแต่หมอนั่นหายตัวไป ลมหายใจของเขาคงทับถมกันเป็นภูเขาลูกย่อม ๆ ไปแล้ว

มาเฟียหนุ่มสลัดศีรษะ หยิบบุหรี่กับไฟแช็กที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในออกมาจุดสูบ ปลายมวนบุหรี่แดงวาบไม่ต่างอะไรจากหัวใจที่กำลังลุกโชนด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน ยากจะบอกว่ารู้สึกเช่นไรกันแน่ มีทั้งความเคืองแค้น โกรธขึ้งคิดถึงและเป็นห่วง สีหราชไม่เคยรู้สึกสับสนเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนถูกคนรักทิ้งไปเมื่อปีก่อน เขายังไม่กระวนกระวายถึงขนาดนี้ เพียงแค่ดื่มหนักไปหน่อยเท่านั้น แล้วก็...หน้ามืดไปสักนิด ขาดสติไปสักหน่อย

เขาไม่รู้ตัวจริง ๆ ตอนที่กระทำสิ่งนั้นลงไป อาจเพราะตอนนั้นหัวใจถูกทำร้ายจนแหว่งวิ่นจึงหาใครสักคนมาสมานแผลใจ แล้วบังเอิญไอ้พายมันอยู่ใกล้เขาพอดี เอื้อมมือไปก็เจอแล้ว พอคว้าตัวได้ กลิ่นผมหอม ๆ หรือไม่ก็กลิ่นน้ำหอมของตัวมันยิ่งทำให้เขามึนเมา ถูกผีห่าซาตานเข้าสิงถึงได้พามันขึ้นเตียง เขากลัวมันโกรธแทบตายแต่มันกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังคงดูแลเขาเป็นปกติราวกับเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

‘ก็แค่คืนหนึ่งที่เราเมาด้วยกันทั้งคู่’ มันบอกเขาแบบนั้น ท่าทีของมันก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร

เหอะ! ที่ไหนได้ มันเล็งสร้อยคอเส้นนั้นไว้แล้วต่างหาก!

แค่คืนเดียวแลกกับสร้อยเส้นนั้น มันมากเกินไปนะพาทิศ หากจะให้สมน้ำสมเนื้อ...มึงต้องมานอนอ้าขาให้กูเอาอีกสักร้อยสองร้อยรอบ!

สีหราชทุบกำปั้นกับกระจกเบื้องหน้าเพื่อระบายอารมณ์ ความหงุดหงิดไม่มีทางจางหายไปง่าย ๆ จนกว่าจะได้พบกับคนคนนั้น ให้ควานหาอีกสักสิบปียี่สิบปี เขาก็รอได้ ความอดทนของเขาสำหรับหมอนั่นมีมากเกินพอ! ถึงตอนนั้นเมื่อไร เขาจะคิดบัญชีกับมันให้สมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว!