ไอ้พายขโมยสร้อยเพชรมูลค่าสิบล้านแล้วหายตัวไป ใช้เวลาสามปีกว่าจะหาตัวเจอ คิดว่าจะเอาคืนให้สาสม ว่าแต่...ไอ้เด็กตัวกลมป้อมตาแป๋วแหววที่ยืนอยู่ข้างมันเป็นใครหว่า ทำไมหน้าตาเหมือนเขาอย่างกะแกะแบบนั้น!

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg) - ตอนที่ 4 เฉือไม่เจ็บ โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,มาเฟีย ,mpreg,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มาเฟีย ,mpreg,นิยายวาย

รายละเอียด

ไอ้พายขโมยสร้อยเพชรมูลค่าสิบล้านแล้วหายตัวไป ใช้เวลาสามปีกว่าจะหาตัวเจอ คิดว่าจะเอาคืนให้สาสม ว่าแต่...ไอ้เด็กตัวกลมป้อมตาแป๋วแหววที่ยืนอยู่ข้างมันเป็นใครหว่า ทำไมหน้าตาเหมือนเขาอย่างกะแกะแบบนั้น!

ผู้แต่ง

earlymoon

เรื่องย่อ

พาทิศเจียมตัวอยู่เสมอว่าเป็นเพียงเด็กในบ้าน ไม่อาจเอื้อมคิดเคียงคู่คุณสิงห์


เมื่อรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์อย่างไม่ตั้งใจ เพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต

และเพื่อไม่ให้คุณสิงห์ลำบากใจ เขาจึงคิดเลี้ยงดูลูกคนนี้ด้วยตัวเอง

แต่ใครจะนึกว่าสามปีผันผ่าน เราสองคนจะได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง

คุณสิงห์ยังคงเป็นคุณสิงห์ผู้มีคนอื่นยึดครองหัวใจ

ส่วนเขายังคงเป็นไอ้พาย หนุ่มน้อยกะโปโลในสายตาของคุณสิงห์เสมอมา

สารบัญ

คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 1 เฉืออ้อแอ้,คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 2 กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่,คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 3 เฉือคลานเตาะแตะ,คุณป๋ามาเฟียของน้องเฉือ (Mpreg)-ตอนที่ 4 เฉือไม่เจ็บ

เนื้อหา

ตอนที่ 4 เฉือไม่เจ็บ

พาทิศใช้เวลาตัดสินใจอยู่หลายวันว่าควรจะย้ายบ้านหรือไม่ หากย้ายไปแต่ตัวคงไม่มีปัญหา แต่นี่...ชายหนุ่มกวาดสายตามองข้าวของภายในห้อง ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ ของเล่นเด็ก อุปกรณ์ทำขนม และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่วางเบียดเสียดจนเกือบเต็มห้องก็นึกทดท้อใจขึ้นมา แม้จะมีคนรับจ้างขนย้ายแต่สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนจัดห้องด้วยตัวเองอยู่ดี

นอกจากนี้ ลูกค้าร้าน ‘น้องเสือเบเกอรี่’ ในละแวกนี้ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน หากย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ต้องสร้างฐานลูกค้าใหม่ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างน้อย ๆ เขาก็ชอบที่นี่ ทั้งผู้คนที่เป็นมิตรและมีน้ำใจ ทั้งสภาพแวดล้อมที่สะอาดสะอ้าน สงบเงียบ ไม่วุ่นวายและมีความปลอดภัยพอให้อุ่นใจได้

ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้านี้ทำให้เขาตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อไป แต่หากวันข้างหน้าเกิดดวงตกขึ้นมา ดันไปจ๊ะเอ๋กับใครคนนั้นด้วยความบังเอญก็แค่หลบเลี่ยง ไม่เสนอหน้าไปให้อีกฝ่ายเห็นและซ่อนตัวเองให้มิดชิดที่สุดก็พอ พาทิศเชื่อว่าอีกไม่นาน หากสีหราชยังหาตัวเขาไม่พบก็คงเลิกล้มความตั้งใจไปเอง เขาไม่ใช่คนสำคัญที่อีกฝ่ายจะต้องเสียทั้งกำลังและทุนทรัพย์ในการตามหาตัวนี่นา!

“ป้อ!” เสียงของเจ้าตัวเล็กปลุกสติที่เลื่อนลอยของผู้เป็นพ่อ พาทิศกะพริบตาดึงความคิดของตัวเองกลับคืนมา ภาพตรงหน้าคือภาพของลูกน้อยยืนมองมาด้วยดวงตากลมโตใสซื่อ ใบหน้ากลม ๆ เอียงเล็กน้อยราวกับกำลังสงสัยว่าผู้เป็นพ่อกำลังคิดอะไร

ได้ยินคำว่าป้อแล้วทำให้นึกย้อนไปยังครั้งแรกที่ได้ยินเมื่อเดือนก่อน แม้ว่าจะยังไม่ใช่คำว่าพ่อแบบชัดเจน แต่ก็ทำให้เขาถึงกับน้ำตาซึมด้วยความดีใจ

“ครับลูก เอาอะไรนะครับ ขอโทษที พ่อไม่ทันได้ฟัง”

เจ้าตัวน้อยชี้ไปที่กระเป๋าสะพายสีดำซึ่งวางอยู่ข้างตัวพาทิศ ในนั้นมีทั้งผ้าเช็ดปาก เสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนของลูกชาย ของเล่นสองสามชิ้น นมกล่อง ขนมปังชิ้นเล็ก ๆ และกระติกน้ำ

“นม! นม!”

อันที่จริงเจ้าเสือยังพูดไม่ชัด มีแต่คำว่านมเท่านั้นกระมังที่ชัดจนไม่ต้องให้พูดซ้ำ

“หิวแล้วเหรอครับ”

“ฉิว”

“ครับ เดี๋ยวพ่อหยิบให้”

ชายหนุ่มรูดซิปกระเป๋า หยิบนมจืดออกมากล่องหนึ่ง เอาหลอดเจาะให้เรียบร้อยแล้วจึงยื่นให้ลูกดูด

“ดูดให้หมดก่อนนะครับแล้วค่อยไปเล่นของเล่น” ”
คลินิกเด็กแห่งนี้มีมุมของเล่นให้เด็กไปนั่งเล่นระหว่างรอพบหมอ มีทั้งรถบรรทุกและรถตักดินคันใหญ่ หนังสือนิทาน บล็อกไม้รวมถึงของเล่นเสริมพัฒนาการต่าง ๆ อีกนับสิบอย่าง จึงเป็นมุมโปรดของเด็ก ๆ ทั้งเด็กเล็กเด็กโต เจ้าเสือก็เป็นหนึ่งในนั้น มาฉีดวัคซีนคราวใดก็มักจะไปเล่นโน่นเล่นนี่อยู่เสมอ ยิ่งตอนนี้เดินได้แล้วก็ยิ่งคึกกว่าปกติ เพราะสามารถเดินไปหยิบของเล่นชิ้นโน้นบ้างชิ้นนี้บ้างด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้เขาไปหยิบให้

เสือเป็นเด็กว่าง่าย ไม่ว่าผู้เป็นพ่อพูดอะไรแทบไม่เคยต่อต้าน มีดื้อบ้างเป็นบางเวลาแต่ก็เป็นการดื้อรั้นตามประสาเด็ก อย่างเช่นตอนนี้ เมื่อผู้เป็นพ่อบอกให้ดูดนมให้หมด เจ้าตัวน้อยก็ยืนดูดจริงจัง พักใหญ่กว่าจะหมด พอหมดแล้วก็ยื่นให้ผู้เป็นพ่อ

“ทิ้ง” เด็กน้อยหันมองรอบตัว สองตากวาดมองอย่างถ้วนทั่วก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่มี”

“ถังขยะเหรอครับ” พาทิศโอบลูกน้อยเข้ามาใกล้ก่อนจะชี้มือไปที่หน้าห้องน้ำ “ตรงนั้นไงครับ ปะ...เราไปทิ้งด้วยกัน”

สองพ่อลูกจับจูงมือกันเดินไปยังถังขยะสีดำใบย่อมที่วางใกล้กับประตูห้องน้ำ มือเล็กป้อมกำรอบนิ้วชี้คนเป็นพ่อ เดินเตาะแตะนำหน้า เจ้าเสือยังเดินไม่คล่อง สองเท้าแลดูไม่มั่นคง เขาจึงต้องคอยจับตาดูอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว

เดินมาถึงหน้าถังขยะ เด็กน้อยโยนกล่องนมลงไปด้วยตัวเองถึงกับปรบมือชอบใจยกใหญ่ เงยหน้าขอรางวัลจากผู้เป็นพ่อยีผมลูกชายจนยุ่งเหยิง จากนั้นจึงหอมแก้มไปหนึ่งฟอด

“น้องเสือทิโนทัย เชิญห้องสองค่ะ”

ทิโนทัยคือชื่อจริงของเจ้าเสือ แปลว่ารุ่งสว่าง ส่วนนามสกุลคือรุ่งวิไล เป็นนามสกุลของเขาเอง

ชื่อทิโนทัยนี้ หลวงตาที่จำวัดอยู่ใกล้กับอะพาร์ตเมนต์เป็นคนตั้งให้ ตอนนั้นเขาตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ท้องเริ่มนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาย้ายที่พำนักจากห้องเช่าเล็ก ๆ แถบชานเมืองมาอยู่อะพาร์ตเมนต์ใกล้ตัวเมืองที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากจนเกินไป ไม่แออัดเกินความจำเป็น และมีความสะดวกในการเดินทาง ทั้งยังต้องเป็นทำเลที่ใกล้โรงพยาบาลหรือคลินิกและไม่ไกลมากนักจากซูเปอร์มาร์เก็ต อะพาร์ตเมนต์ที่เขาอาศัยอยู่ตรงกับที่เขาต้องการทุกประการ ปกติที่พักดี ๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีห้องว่างหรอก แต่โชคดีที่ตอนนั้นเจ้าของห้องคนเก่าย้ายไปอยู่ต่างประเทศพอดี เขาจึงได้ย้ายเข้าไปอยู่แทน

“หมอ” เจ้าเสือพูดเป็นคำ ๆ ชี้มือไปที่ประตูห้องตรวจ ดูเหมือนจะเข้าใจว่าได้คิวตัวเองแล้ว

“ครับ ไปหาหมอกัน” พาทิศว่าพลางจูงมือลูกชายเข้าไปในห้องตรวจหมายเลขสอง คุณหมอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ธุจ้าคุณหมอก่อนครับ”

เจ้าตัวเล็กปล่อยมือผู้เป็นพ่อ แล้วประนมมือ...พูดให้ถูกคือเป็นการปรบมือมากกว่าไหว้ ถึงกระนั้นก็ยังน่ารักน่าเอ็นดู ยิ่งได้ยินคำว่า “ธุคับ” ด้วยแล้ว ความเอ็นดูก็ยิ่งปรากฏบนสายตาของคนเป็นหมอ

“สวัสดีครับ น้องเสือ วันนี้อายุเท่าไรแล้วน้า”

คุณหมอวัยประมาณสามสิบปลาย ๆ สวมแว่นกรอบใสหนาเตอะเอ่ยทักทาย สุ้มเสียงสูงต่ำเรียกความสนใจจากเด็กน้อยได้เป็นอย่างดี

"ฉองคับ”

“หืม? สองขวบแล้วเหรอครับเนี่ย”

ทั้งคุณหมอทั้งคนเป็นพ่อหัวเราะเบา ๆ ให้กับคนที่พยายามบวกอายุตัวเองล่วงหน้าเกือบครึ่งปี

“แสดงว่าน้องเสือของอาหมอโตแล้วสิเนี่ย ใช่ไหมครับ”

คุณหมอชวนคุยไปพลาง ตรวจชีพจรไปพลาง เจ้าเสือนั่งนิ่งจ้องคุณหมอตาวาว พอคุณหมอยิ้มให้ เด็กน้อยก็ยิ้มตาม ส่งเสียงหัวเราะแหะ ๆ ออกมาด้วยเป็นบางคราง อาหมอถึงกับชมว่าเป็นเด็กอารมณ์ดี

ทว่า...ปากแดง ๆ ฉ่ำวาวจะเริ่มเบะออก เมื่อได้ยินอาหมอพูดกับคุณพ่อว่า “ขึ้นเตียงเลยครับ”

ด้วยรู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไร เพราะครั้งนี้ไม่ใช่การฉีดวัคซีนครั้งแรก นอกจากปากจะเบะแล้ว ตาก็เริ่มแดง ๆ พอนอนลงบนเตียงคนไข้ เสียงฮึฮึก็เริ่มตามมา

“แป๊บเดียวเองครับ ให้อาหมอจิ้มแป๊บเดียวน้า”

กางเกงขาสั้นถูกถลกขึ้นมาจนถึงต้นขา คุณพยาบาลจับขาป้อม ๆ เอาไว้ไม้ให้เด็กน้อยสะบัด ส่วนจับแขนท่อนบนเอาไว้ เขารู้ว่าลูกชายกลัว แต่ถึงจะกลัวแค่ไหน เจ้าเสือก็ไม่เคยดิ้น นอนนิ่งให้ฉีดยาได้อย่างสบาย ๆ

“เสร็จแล้วครับ เก่งมาก” อาหมอเอ่ยชมพร้อมกับติดปลาสเตอร์ตรงตำแหน่งที่จิ้มเข็มลงไป พาทิศรีบโอบอุ้มลูกชายที่ส่งเสียงฮือฮือออกมาเบา ๆ ใบหน้ากลมยุ้ยเอนซบกับบ่ากว้าง น้ำตาร่วงผล็อย ๆ อย่างน่าสงสาร

ชายหนุ่มพาลูกชายออกมานั่งรอข้างนอกเพื่อจ่ายเงิน ระหว่างถามเจ้าตัวเล็กว่าเจ็บมากไหม เด็กน้อยกลับส่ายหน้า ทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลไม่หยุด

“ไม่เจ็บเลยเหรอครับ”

“ไม่คับ” เจ้าตัวน้อยตอบปนเสียงสะอื้น

“ไม่เจ็บเนาะ” พาทิศมองหน้าลูกชายที่กำลังเม้มปากพร้อมกับสูดน้ำมูกฟืดฟาดด้วยความสงสาร ทั้งยังขบขันและเอ็นดู

ดูเอาเถอะ...น้ำตาไหลขนาดนี้ยังส่ายหน้ายืนยันว่าตัวเองไม่เจ็บอยู่อีก โถ...ลูกเสือของพ่อ!

“เก่งมากคับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม หอมแก้มไปฟอดหนึ่งก่อนพูดชมไปอีกสองสามประโยค “เสือของพ่อเก่งที่สุดเลย”

“ฉุดเยย” เจ้าก้อนกลมพูดตาม ยิ้มให้พ่อบ้าง ทำปากคว่ำบ้างยามก้มมองต้นขาของตนเองที่มีปลาสเตอร์แปะอยู่

“เอ...วันนี้จะกินอะไรดีน้า เสืออยากกินอะไรครับ พ่อจะได้ทำให้” ผู้เป็นพ่อพยายามชวนคุยเพื่อให้ลูกลืมความเจ็บ “ว่าไงครับ อยากกินอะไร หืม?”

“ชุป!”

“ซุปเหรอครับ ซุปอะไรดีเอ่ย ซุปไก่ไหมครับ หรือซุปฟักทองดี”

พอชวนคุยไปเรื่อย ๆ ปากอิ่ม ๆ เริ่มไม่เบะแล้ว สีหน้าเหยเกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้ม เพียงไม่นานเจ้าเสือก็ลืมความเจ็บ ทำตาแป๋วฟังเสียงคนเป็นพ่ออย่างเพลิดเพลิน

“เจียวเจียว”

...หมายถึงไข่เจียว

พาทิศพยักหน้าหงึกหงัก ทำหน้าจริงจัง

“โอเคครับ! เย็นนี้เรามากินไข่เจียวที่อร่อยที่สุดในโลกกัน!”

“หย่อย ๆ” เจ้าเสือพูดตามแล้วหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข