ถ้าโลกนี้มีเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่ว ตอนนี้ขาของผมก็ข้ามเส้นมาก้าวหนึ่งแล้ว — อ่า... เผลอทำผิดศีลข้อ 1 ซะแล้วสิ
สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,พารานอมอล,ชาย-ชาย,ระทึกขวัญ,นิยายวาย,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Dangerous Sense สัมผัสอันตราย (In Danger Spin Off)ถ้าโลกนี้มีเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่ว ตอนนี้ขาของผมก็ข้ามเส้นมาก้าวหนึ่งแล้ว — อ่า... เผลอทำผิดศีลข้อ 1 ซะแล้วสิ
Content Warning
Blood เลือด, Corpse ศพ, Dead Body ศพ, Gore เลือดและอวัยวะภายใน, Ghost วิญญาณ, Murder การฆาตกรรม, Paranormal อธิบายไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์, PTSD ปัญหาทางจิตหลังจากเหตุการ์สะเทือนขวัญ, Supernatural เหนือธรรมชาติ, Violence การใช้ความรุนแรง
Genre: Horror/Suspense/Mystery/Crime/Boy Love
แนะนำเรื่อง:
หลังจากที่ทีมของเธียรไธเข้าบุกล้อมแก๊งค้าอวัยวะที่โรงงานร้าง คนร้ายทุกคนถูกจับและส่งตัวไปเข้ากระบวนการพิจารณาโทษ แม้จะปิดคดีได้แล้ว แต่ตัวเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ สัมผัสพิเศษบอกเขาว่าตัวการที่ถูกเขาวิสามัญไปไม่ใช่หัวหน้าตัวจริง มีใครบางคนกำลังมองดูเขาอยู่ และความรู้สึกแปลกประหลาดที่คืบคลานเข้ามาก็ยิ่งทำให้เขารับรู้ได้ถึง 'อันตราย' ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เรื่องนี้เป็น Spin Off จากเรื่อง In Danger สัมผัสมรณะค่ะ (เรื่องหลักเป็นนิยายวายนะคะ) เนื้อหาตอนต้นจะมีการรีแคปเหตุการณ์ก่อนหน้าให้นิดหน่อย แต่เพื่อให้ได้อรรถรสและซึมซับบรรยากาศ อลิซแนะนำให้อ่านเรื่อง In Danger สัมผัสมรณะ ด้วยนะคะ ^^
มุมปากที่ถูกทิ้งลงตลอดการประชุมยกขึ้นได้สักทีเมื่อเห็นว่าใครกำลังโทรมา โทรศัพท์ที่กำลังร้องอยู่ในมือคล้ายมีพลังงานบวกที่ทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทว่าเมื่อนิ้วมือสัมผัสหน้าจอตรงคำว่า ‘รับสาย’ โลกที่สว่างไสวก็มืดดับลง
วูบ...
ผมมองภาพทางเดินในสถานีตำรวจที่จู่ ๆ ก็มืดลงในพริบตา แสงอาทิตย์ที่เคยส่องลอดผ่านหน้าต่างถูกแทรกด้วยสีดำของกลางคืนราวกับข้างนอกกำลังเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่เรียกกันว่า ‘สุริยุปราคา’
ไม่เพียงแค่นั้น นอกจากทุกอย่างจะมืดแล้ว บริเวณโดยรอบก็เงียบเสียงลงไปด้วย พนักงานที่เดินสวนผมหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงพื้นที่ว่างเปล่าราวกับว่าทั้งสถานีตำรวจแห่งนี้มีแค่ผมคนเดียว
จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันแบบนี้ ผมมีข้อสันนิษฐานในใจแล้วว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น แต่ว่าผมต้องออกไปดูให้แน่ใจก่อน
ทันทีที่สองเท้าก้าวออกมาจากสถานีตำรวจ ทันทีที่ดวงตาพิเศษคู่นี้เงยขึ้นมองท้องฟ้า เสียงหัวเราะต่ำที่ปนความตื่นเต้นก็ดังออกมา เพราะสิ่งที่สันนิษฐานไปไม่ได้หนีห่างจากภาพตรงหน้าเลย
“หึหึ สุริยคราสจริงด้วย ...ราหูงั้นเหรอ?”
ปืนพกคู่ใจที่เหน็บอยู่ตรงเอวถูกหยิบออกมา ก่อนจะเล็งไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามีบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้
ก็เสียงมันดังซะขนาดนั้น อีกอย่าง...
นิ้วมือสอดเข้าโกร่งปืนก่อนจะเหนี่ยวไก
ปัง!
…ไอ้ตัวที่วิ่งเข้ามา มันไม่ใช่มนุษย์
ตะกั่วร้อนถูกอัดและยิงเข้ากลางแสกหน้า ตัวอะไรก็ตามที่วิ่งเข้ามาหาผมกระเด็นถอยหลังหน้าหงาย ศีรษะเน่า ๆ ของมันถูกกระสุนปืนเจาะทะลุ ควันสีเทาลอยออกมาจากกะโหลกที่เป็นรู
กระบอกปืนที่ยังร้อนอยู่ถูกเก็บกลับเข้าซองที่เอว อักขระยันต์สีแดงตัวเล็กตรงด้ามปืนที่ควรจะมองไม่เห็นพลันเด่นชัดขึ้นมาในยามฟ้ามัว
ผมเดินเข้าไปดูร่างของสิ่งที่พยายามโจมตีผม ร่างที่เน่าเปื่อยของมันส่งกลิ่นของเสียคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน เนื้อที่กำลังเข้ากระบวนการย่อยสลายรวมกับน้ำเลือดน้ำหนองมองดูชวนน่าอาเจียน กระนั้นมันก็ทำอะไรผมไม่ได้ เพราะผมเคยเจอมาหนักกว่านั้น...
ศพตรงหน้าผมคือกายหยาบของผีบริวาร มันถูกปลุกขึ้นมาจากหลุมศพ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันได้รับคำสั่งเพื่อมากำจัดผม
กระสุนที่ถูกลงอาคมยังส่งความร้อนออกมาเรื่อย ๆ หัวที่เป็นรูของมันยังคงมีไอสีเทาลอยออกมา
ผมเปิดดูแม็กกาซีนเพื่อดูจำนวนกระสุนที่ยังเหลือพลางคิดอะไรไปด้วย นี่ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ทำไมสุริยุปราคายังเต็มดวงอยู่ ดวงจันทร์ควรจะเคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์ได้แล้ว ผมเม้มปากขณะที่สายตามองเข้าไปในสถานีตำรวจที่ผมเพิ่งเดินออกมา
สถานที่ตรงหน้ายังคงเหมือนเดิม ทว่าสิ่งที่ผิดแปลกไปคือสภาพแวดล้อมที่ชวนขนหัวลุกและเย็นยะเยือก ผู้คนที่เคยเดินกันขวักไขว่ว่างเปล่าราวกับถูกย้ายออกไป
...หรือไม่ก็เป็นผมเองที่ถูกย้ายเข้ามา
มิติซ้อนทับ? มิติคู่ขนาน? คงเป็นมิติอะไรพวกนั้นสักอย่างนั่นแหละ เรื่องพวกนี้สำหรับผมมันไม่ได้ดูแปลกนัก ธาราน้องสาวของผมเองก็เคยดึงภูมิ์วาแฟนของผมเข้าไปในมิติของห้วงฝัน คนที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้า
ผมกำมือแน่นจนรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เย็นชุ่ม บรรยากาศรอบกายเย็นเยียบเมื่อแสงอาทิตย์ถูกจันทราบดบัง
สมัยเด็กคุณปู่เคยบอกกับผมว่า ‘แสงอาทิตย์และความอบอุ่นก็เปรียบเสมือนความดีและสิ่งดีงามของโลกใบนี้ ยามใดที่แสงถูกบดบัง ยามนั้นเงาดำจะเข้ามาแทนที่’
สำหรับคนทั่วไปประโยคนั้นอาจฟังดูไม่มีอะไร แต่สำหรับคนเล่นของอย่างพวกเราแล้ว เงาดำในที่นี้คือสิ่งที่ทำให้คุณไสยมีพลังอำนาจมากขึ้น คาถาและมนตร์ดำจะแสดงอิทธิฤทธิ์ได้รุนแรงกว่าเดิมหากได้รับพลังของราหู
“ใช้ได้นี่ ดึงกูเข้ามาในมิตินี้โดยใช้ช่วงเวลาของสุริยคราส” ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติไร้แววของความกลัว แม้จะไม่รู้ว่าคนที่ทำเรื่องนี้อยู่ที่ไหน แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องได้ยินสิ่งที่ผมพูดอยู่แน่นอน
“พี่เธียร”
ผมหันขวับไปข้างหลังทันทีที่ได้ยินเสียงของภูมิ์วา เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษากำลังใช้มือสะพายกระเป๋าเป้บนไหล่ข้างหนึ่ง ดวงตาคู่งามมองมาที่ผมพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับพูด
“ผมรอพี่ตั้งนาน ไปกันเลยไหมครับ”
ผมยืนนิ่งไปพักหนึ่ง คนรักที่ยืนอยู่ตรงหน้าหัวเราะผมที่มีใบหน้าเครียด เมื่อเห็นว่าผมไม่ขำด้วย เขาจึงหยุดหัวเราะแล้วหันหลังก้าวเดิน
“ไปเร็วพี่เธียร”
ทว่าภูมิ์วาเดินออกไปได้ก้าวเดียวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผมชักปืนออกมาแล้วจ่อเล็งไปที่หัวของเขา
ภูมิ์วาหันมาช้า ๆ ลูกตาดำไร้แววมองผมก่อนจะเอียงคอแล้วแสยะยิ้ม “ไม่เนียนเหรอ?”
ใบหน้าไร้เดียงสาฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันแหลมที่มีเศษเนื้อติด มือของผมสั่นด้วยความโกรธก่อนเหนี่ยวไกออกไปอย่างไม่ลังเล
ปัง!
“แฟนกูไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าผม”
มันกล้ามากที่บังอาจปลอมเป็นภูมิ์วา ผมเกือบเชื่อมันไปแล้ว ถ้าพวกเราไม่ได้มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ผมอาจไม่สามารถแยกได้ว่าใครคือตัวจริงหรือตัวปลอม เพราะทั้งใบหน้า รูปร่างและน้ำเสียง ไม่มีส่วนไหนที่ต่างจากตัวจริงเลย
“นี่พี่ไม่กลัวยิงผิดตัวบ้างเลยเหรอ?”
รอบนี้เป็นเสียงของธารา ผมขมวดคิ้วพร้อมกับหันปืนไปจ่อร่างโปร่งแสงของน้องสาวที่จู่ ๆ ก็โผล่มาด้านข้าง
น้องสาวที่แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแสยะยิ้มใส่พร้อมกับถอยหลบไปเล็กน้อย
นี่ก็ไม่ใช่น้องสาวของผม ไอ้เวรนี้กำลังปั่นหัวผมอยู่
“มึงคือไกรศรใช่ไหม?” ผมถามออกไป
เสียงหัวเราะหึหึ ๆ ของธาราดังก้องในอากาศ เสี้ยววินาทีที่ผมกะพริบตาธาราก็หายไป สถานีตำรวจตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นอีกสถานที่หนึ่ง
อาคารสูงที่ภายนอกทรุดโทรมปรากฏขึ้นมาแทน สังกะสีที่ขึ้นสนิมวางกองเรียงเป็นชั้นอยู่รอบ ๆ หยาดฝนเริ่มลงเม็ดจนผืนดินที่แห้งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซึ่งผสมกับเนื้อดินสีแดงจนกลายเป็นโคลน สายฟ้าลากเส้นขะยึ่กขะยือพาดผ่านหมู่เมฆก่อนส่งเสียงคำราม
เปรี้ยง!
แสงสว่างของประจุไฟฟ้าที่ท้องฟ้าขุ่นมัวมอบให้ฉายภาพของสถานที่ที่ผมคุ้นตาและยังจำได้ดี ที่นี่คือโรงงานร้างซึ่งก่อนหน้านี้เป็นแหล่งกบดานของพวกค้าอวัยวะ
หลังจากที่บุกเข้าไปที่นั่น ไม่กี่วันหลังจากนั้นหนึ่งในผีบริวารของพวกมันได้มาหาผม วิญญาณของผีสาวคอหักตนเดียวกับที่เคยถูกส่งมาตามฆ่าภูมิ์วา เธอมาเพื่อบอกให้ผมกลับไปที่นั่น
ทีแรกผมไม่คิดจะตามเธอไป แต่เมื่อเห็นสายตาของความโศกเศร้าผมก็ใจอ่อนยอมไปตามที่เธอบอก แม้เธอจะเคยทำร้ายภูมิ์วา แต่การกระทำเหล่านั้นไม่ใช่ความตั้งใจจริงของเธอ และนี่อาจจะเป็นการทำดีครั้งสุดท้ายของเธอก็ได้ เพราะหลังจากที่ผมกลับไปยังโรงงาน ผมก็สัมผัสถึงดวงวิญญาณของเธอไม่ได้อีกเลย
ผมพยายามคิดในแง่ดีว่าเธออาจได้ไปเกิดใหม่แล้ว แต่สำหรับจอมขมังเวทอย่างพวกเราแล้ว วิญญาณบริวารจะไม่ได้รับสิทธิ์นั้นจนกว่าเจ้านายจะปลดปล่อย...
“หัวหน้าแกอยู่ที่ไหน?”
ประโยคคุ้นเคยสะกิดให้ผมหลุดจากห้วงความคิดเพราะเสียงของคนที่พูดประโยคนั้นคือเสียงผมเอง
ผมหันไปมองต้นเสียง ภาพที่กำลังปรากฏอยู่ดูคล้ายม้วนฟิล์มที่กำลังฉายภาพในอดีต ตัวผมอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น อณูร่างกายเด่นชัดไม่ได้ดูโปร่งใสและเลือนราง มันสมจริงราวกับว่ามีผมอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
“ฉันนี่แหละหัวหน้า” คนที่คุกเข่าอยู่เงยหน้าขึ้นมองผมอีกคน ใบหน้าของมันฟกช้ำไปด้วยเลือด แม้จะมีสายฝนคอยกระหน่ำล้างแต่เลือดจากแผลสดก็ไม่ยอมหยุดไหล
“ทำไมไม่มาเข้ากับเราล่ะ แค่ไสยขาวมันจะไปทำอะไรได้” มันพูดจายียวนพร้อมกับขยับหัวเข้าไปติดปลายกระบอกปืนคล้ายกำลังท้าทายใส่
การได้มายืนอยู่ตรงนี้ทำให้ผมมองเห็นเหตุการณ์ในภาพรวม ทั้งการกระทำของผมและการกระทำของมัน มันพยายามกวนประสาทเพื่อให้ผมปลิดชีพมัน ถ้าตอนนั้นผมใจเย็นมากกว่านี้ ถ้าผมไม่บุ่มบ่ามละก็ มันก็คงยังไม่ตาย และป่านนี้ผมและทีมคงเค้นข้อมูลเพิ่มจากมันได้
ปัง!
ตัวการที่ลักพาตัวนักศึกษาเพื่อไปค้าอวัยวะร่างสะบัดตามแรงกระสุน เลือดสีแดงพร้อมสมองสีขุ่นไหลออกมาจากรูของกะโหลก แต่ไม่นานก็ถูกสายฝนชะล้างให้จางหายไป
ภาพฉายของผมยืนอยู่ตรงนั้นมองดูศพที่นอนอยู่แทบเท้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเลื่อนสายตามองมาทางผม