ถ้าโลกนี้มีเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่ว ตอนนี้ขาของผมก็ข้ามเส้นมาก้าวหนึ่งแล้ว — อ่า... เผลอทำผิดศีลข้อ 1 ซะแล้วสิ
สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,พารานอมอล,ชาย-ชาย,ระทึกขวัญ,นิยายวาย,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Dangerous Sense สัมผัสอันตราย (In Danger Spin Off)ถ้าโลกนี้มีเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่ว ตอนนี้ขาของผมก็ข้ามเส้นมาก้าวหนึ่งแล้ว — อ่า... เผลอทำผิดศีลข้อ 1 ซะแล้วสิ
Content Warning
Blood เลือด, Corpse ศพ, Dead Body ศพ, Gore เลือดและอวัยวะภายใน, Ghost วิญญาณ, Murder การฆาตกรรม, Paranormal อธิบายไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์, PTSD ปัญหาทางจิตหลังจากเหตุการ์สะเทือนขวัญ, Supernatural เหนือธรรมชาติ, Violence การใช้ความรุนแรง
Genre: Horror/Suspense/Mystery/Crime/Boy Love
แนะนำเรื่อง:
หลังจากที่ทีมของเธียรไธเข้าบุกล้อมแก๊งค้าอวัยวะที่โรงงานร้าง คนร้ายทุกคนถูกจับและส่งตัวไปเข้ากระบวนการพิจารณาโทษ แม้จะปิดคดีได้แล้ว แต่ตัวเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ สัมผัสพิเศษบอกเขาว่าตัวการที่ถูกเขาวิสามัญไปไม่ใช่หัวหน้าตัวจริง มีใครบางคนกำลังมองดูเขาอยู่ และความรู้สึกแปลกประหลาดที่คืบคลานเข้ามาก็ยิ่งทำให้เขารับรู้ได้ถึง 'อันตราย' ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เรื่องนี้เป็น Spin Off จากเรื่อง In Danger สัมผัสมรณะค่ะ (เรื่องหลักเป็นนิยายวายนะคะ) เนื้อหาตอนต้นจะมีการรีแคปเหตุการณ์ก่อนหน้าให้นิดหน่อย แต่เพื่อให้ได้อรรถรสและซึมซับบรรยากาศ อลิซแนะนำให้อ่านเรื่อง In Danger สัมผัสมรณะ ด้วยนะคะ ^^
“...”
ตัวผมอีกคนหันกระบอกปืนมายังทิศทางที่ผมยืนอยู่ก่อนจะสอดนิ้วเข้าโกร่งปืน ตัวผมคนนั้นค้างอยู่ท่าเดิมหลายวินาทีก่อนจะเก็บปืนลง ทำเอาผมแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
ภาพฉายในอดีตจะมามองเห็นผมที่อยู่ปัจจุบันได้ยังไง
“เป็นไง? ความรู้สึกตอนที่ทำผิดศีลเป็นครั้งแรก”
คำพูดนั้นไม่ได้ออกมาจากภาพฉายของผม แต่มันดันออกมาจากศพที่มีรูกลางหน้าผาก ศพที่เพิ่งถูกยิงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แผลใหม่ที่ได้รับเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมามีเลือดข้นเหนียวสีคล้ำไหลออกมาดูสยดสยอง ขณะเดียวกันเงาร่างจากภาพฉายของผมก็สลายกลายเป็นควัน
ผมวางนิ้วบนตำแหน่งของปืนให้พร้อมยิงทุกเมื่อ อักขระยันต์สีแดงบนปืนสว่างวาบเพราะมันเองก็สัมผัสได้ถึงอันตราย
ชายชุดดำตรงหน้าหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นปืนลงอาคมของผมกระบอกนั้น ถึงความมืดจะยังปกคลุมผืนฟ้าจนมองไม่เห็นใบหน้าของมัน แต่สัมผัสพิเศษของผมกลับเอาแต่แย่งกันตะโกนว่าคนผู้นี้คือคนที่ผมตามหามาตลอด
“...ไกรศร”
สิ้นเสียงหมู่เมฆที่รวมตัวเป็นมวลสีครึ้มก็ส่งเสียงคำรามพร้อมปล่อยสายฟ้าฟาด
เปรี้ยง!
แสงสีขาววิ่งผ่านไปตกสะท้อนใบหน้าของมัน ดวงตาของผมเบิกโตขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของมันคือคนที่ถูกผมปลิดชีพไปไม่ผิดแน่ กระนั้นสัมผัสพิเศษกลับเอาแต่ย้ำกับผมว่ามันนี่แหละคือคนที่ผมตามหา
เป็นไปได้ยังไงกัน? จะบอกว่ามันคือคนคนเดียวกันงั้นเหรอ?
ทว่าหากลองคิดดูให้ดี มันไม่น่าใช่คนเดียวกัน การที่มันอยู่ในร่างนั้นเป็นเพราะมันกำลังใช้ร่างกายของชายชุดดำเป็นที่สิงสู่ แล้วยังสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นและไร้แสงแดดนี่อีก สิ่งที่ผมพอจะอนุมานได้ว่ามันคือตัวอะไรมีแค่อย่างเดียว
ผมหัวเราะในลำคอ ก่อนเหลือบตาขึ้นมองไปที่มันอย่างดูแคลน
“ปอบสินะ”
ว่ากันว่าปอบคือผีที่เข้ามาสิงสู่ร่างของคน มันจะกัดกินอวัยวะภายในของเจ้าของร่าง แต่เพราะผีพวกนี้กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม จึงมักเห็นคนที่ถูกปอบสิงชอบร้องหาของดิบ คนส่วนมากไม่รู้ว่าปอบคืออะไรหรือพวกมันมาจากไหน แต่ในหมู่ของจอมขมังเวท พวกเราต่างรู้ดีว่าปอบเกิดมาจากอะไร
ผู้ที่มีวิชาอาคมมากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมคุณไสยของตัวเองได้ หรือมีการทำผิดข้อห้าม ซึ่งแม้จะกระทำเพียงข้อเดียวก็อาจนำไปสู่จุดจบอย่างการกลายเป็นปอบได้
รอบดวงตาที่คล้ำของชายชุดดำทำให้ใบหน้าของเขาดูเหมือนคนที่ถูกสูบพลังชีวิตจนหมด สีผิวไม่มีเลือดฝาด และร่างกายกำลังเข้าสู่กระบวนการเน่า
ร่างที่มันสิงอยู่ตอนนี้ตายไปนานแล้วตั้งแต่วันที่ผมเป่าหัวมัน ส่วนตัวมันก็กำลังจะตายไปด้วย เพราะงั้นมันเลยต้องหาร่างใหม่…
ดูจากสายตาที่หิวโหยของมัน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันกำลังเล็งร่างของผมอยู่
ผมในตอนนี้ที่ไม่มีเครื่องป้องกันตัวอะไรเลย มองจากที่ไกล ๆ ก็รู้ว่าเหมาะที่จะเป็นภาชนะแค่ไหน อีกทั้งยังมีสัมผัสพิเศษที่เอื้อต่อการใช้คุณไสยอีก ปอบที่เป็นจอมขมังเวทมาก่อนจะไม่ชอบได้ยังไง
ผมไล่นิ้วสัมผัสไปที่แม็กกาซีนปืน ผมใช้มันยิงผีไปแล้วสองนัด ตอนนี้ผมเหลือกระสุนอีกสี่นัดในแม็กกาซีน ผมนึกเจ็บใจที่ตัวเองมักติดนิสัยไม่พกแม็กกาซีนสำรอง แต่ช่างมันเถอะ มีเท่านี้ก็ใช้เท่านี้
“ทำไมถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ” ปอบที่ร่างกายกำลังเข้าสู่กระบวนการเน่าเอ่ยถาม
ผมกัดฟันแน่น เปิดทุกประสาทสัมผัสเพื่อเตรียมรับการโจมตี
“ฉันยังไม่เข้าร่างนายตอนนี้หรอก”
มืออีกข้างล้วงจับมีดลงอาคมที่เหน็บอยู่ด้านหลังด้วยความเคยชิน แม้หัวคิ้วจะเลิกขึ้นอย่างแปลกใจว่ามันมาโผล่บนตัวได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสัยแล้ว
ผมขว้างมีดหมอไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี ปลายมีดหมุนเหวี่ยงเป็นวงกลมกลางอากาศก่อนจะพุ่งไปปักกลางหน้าผากของมันตรงตำแหน่งเดียวกับที่ผมเคยยิงหัว
ปัก!
มันเอนไปข้างหลังก่อนจะพยายามใช้ขายันตัวกลับมาข้างหน้า ดวงตาที่ขึ้นเส้นเลือดคล้ำมองมาที่ผม
“ก็บอกว่า ‘ยัง’ ไง”
คำพูดของพวกไสยดำมันเชื่อได้ที่ไหนกัน
ผมไม่รอช้า เหวี่ยงปืนสะบัดยิงกระสุนลงอาคมเพื่อซ้ำใส่มัน หัวกระสุนเกิดประกายไฟร้อนพุ่งตรงดิ่งไปข้างหน้าทะลุกึ่งกลางหัวใจของมัน
ร่างกายซีกซ้ายของมันสะบัดถอยไปด้านหลัง สองขายืนโงนเงนอย่างทรงตัวไม่ได้ก่อนจะพยายามเหยียบพื้นให้มั่นอีกครั้ง ปอบเงยหน้าขึ้นมองผม แสงสีแดงจากดวงตาภายใต้ท้องฟ้าของสุริยคราสสว่างขึ้นพร้อมกับที่ปากแสยะยิ้มอย่างถูกใจ
“ฉันไม่ได้อยากจะให้ร่างกายของนายชำรุดเลยนะ” ปากอันเน่าเฟะของมันพ่นคำพูดออกมา ฟังดูแล้วไม่มีคำไหนที่รื่นหูเลย “แต่เด็กอวดดีอย่างนายเนี่ย เห็นทีคงต้องสั่งสอนกันหน่อย”
“เหอะ คิดว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนแล้วเจ๋งนักเหรอ ควบคุมคุณไสยไม่ได้จนกลายร่างเป็นปอบ...” ผมหัวเราะในลำคอ “หึหึ ...คิดว่าระดับต่ำอย่างมึงจะใช้ร่างกูได้หรือไง?”
“ปากเก่งจริงนะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
ผมสูดลมหายใจเข้า หากจะใช้อาคมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ผมจะต้องใจเย็นเข้าไว้ อารมณ์ฉุนเฉียวจะทำให้พลังงานแปรปรวนและควบคุมยาก
ผมหลุบตาลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง สองมือนี้สลายดวงวิญญาณมานับไม่ถ้วน และปลิดชีพมนุษย์ไปแล้วหนึ่งคน ผลจากการทำผิดศีลข้อที่ 1 ทำให้สัมผัสพิเศษของผมเข้าใกล้โลกวิญญาณมากเกินไป แม้การเข้าใกล้จะหมายความว่าผมสามารถดึงเอาพลังจากฝั่งนั้นมาใช้ได้ แต่ว่านั่นมันผิดหลักการของตระกูล
ผมเหลือบตาขึ้นมองมัน “ก่อนที่กูจะบีบดวงวิญญาณของมึงให้สลาย กูจะปล่อยให้มึงได้พูดอีกสักสองสามนาทีก็แล้วกัน”
ไกรศรเลิกคิ้ว ดวงตาสีคล้ำมองผมอย่างชอบใจก่อนระเบิดเสียงหัวเราะ ชั่วพริบตาเดียวรอบกายผมก็ปรากฏร่างของสัมภเวสีมากมาย วิญญาณอาฆาตที่ถูกสะกดอยู่ใต้ผืนพิภพแหวกพื้นดินและพยายามดันร่างที่เน่าเฟะของตัวเองขึ้นมา เหล่าผีบริวารใต้อาณัติของไกรศรจ้องผมตาเป็นมันด้วยความหิวโหย
ผมผ่อนลมควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองพลางมองปืนพกในมือ ตอนนี้กระสุนเหลือสามนัด นัดทดสอบที่ผมยิงเข้ากลางอกไม่สามารถทำอะไรมันได้ มีดอาคมยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มีดนั่นถูกมันขว้างทิ้งไปแล้ว ผมต้องจัดการมันด้วยวิธีอื่น
ฟุบ!
กรงเล็บของผีตายโหงตวัดผ่านหน้าผมไปอย่างฉิวเฉียด โชคดีที่ผมค่อนข้างสัมผัสไวจึงสามารถหลบได้
ผมเบี่ยงตัวหลบขณะที่ผีพวกนั้นรุมโจมตีผมไม่หยุด ผืนฟ้าหลั่งสายฝนลงมาต่อเนื่อง หยาดน้ำที่ไหลย้อยเข้าดวงตาเป็นอุปสรรคอย่างดีให้กับผม ปอบตัวนั้นยังยืนมองผมจากที่เดิม และยิ้มของมันก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
ผมตัดสินใจปลิดวิญญาณของสัมภเวสีที่เป็นปัญหามากที่สุด ก่อนจะรีบถอยออกมาแล้ววิ่งหลบเข้าไปในโรงงานร้าง
พวกผียังคงตามเข้ามาอย่างไม่ลดละ ภาพข้างหลังเสมือนหลุดมาจากหนังสยองขวัญ วิญญาณอาฆาตหลายตนมาในรูปแบบที่สยดสยอง ราวกับพร้อมที่จะหลอกหลอนให้คนเป็นบ้า