ตำนานเล่าขานถึงการแก้แค้นของราชินีที่ทำให้พระราชาสำลักความสุขเจียนตาย บนบัลลังก์แห่งคาวโลกีย์

ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น) - ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 6 (END) โดย Di-N(ดิเอ็น) @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ดราม่า,ย้อนเวลา,อดีตชาติ,king,queen,ยุโรป,ไสยศาสตร์,ตะวันตก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดราม่า,ย้อนเวลา,อดีตชาติ,king,queen,ยุโรป,ไสยศาสตร์,ตะวันตก

รายละเอียด

ตำนานเล่าขานถึงการแก้แค้นของราชินีที่ทำให้พระราชาสำลักความสุขเจียนตาย บนบัลลังก์แห่งคาวโลกีย์

ผู้แต่ง

Di-N(ดิเอ็น)

เรื่องย่อ

 

สวัสดีค้า มาเปิดเรื่องใหม่แล้วอีกแล้ว

เป็นเรื่องสั้น รอบนี้สั้นจริงๆ ค่ะ ไม่เกินหมื่นคำ ดีใจมากที่ทำได้ 55555+

เรื่องนี้เป็นการร่วมกิจกรรมกับเพจนักเขียนรถแห่เหมือนเดิมค่ะ ภายใต้ key word สี่คำ เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ / แมวขาว / ความเชื่อ / หน้ามน ส่วนของคนเขียนน่าจะเป็น เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ / แมวขาว / ความเชื่อ

เป็นรักปนแค้นของราชินีและการเกิดใหม่มาภพเจอกันอีกครั้ง

*trigger warning*

มีการข่มขืน

-หากท่านใดมีความทริกเกอร์กับการข่มขืนให้ข้ามตอนที่ 3

มีการฆ่า

-หากท่านใดมีความทริกเกอร์กับการฆ่าให้ข้ามตอนที่ 5

* ไม่มีการ Romanticize

สารบัญ

ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)-ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 1,ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)-ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 2,ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)-ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 3 (NC),ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)-ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 4,ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)-ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 5 (มีฉากฆ่ากัน),ENEMY แค้นรักราชินี(เรื่องสั้น)-ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 6 (END)

เนื้อหา

ENEMY : แค้นรักราชินี Chapter 6 (END)

งานเลี้ยงรับขวัญลูกสาวคนเล็กที่นอนสลบอยู่ในโรงพยาบาล ช่างโอ่อ่าหรูหราสมฐานะของตระกูลดาร์กเลน

ท่ามกลางสวนหย่อมที่กว้างขวาง มีโต๊ะสีขาวลายลูกไม้สวยที่เรียงรายกันละลานตาเพื่อรองรับแขกที่ตอบรับเข้าร่วมในงานนี้

แต่ก็มีบ้างที่ได้ยินการซุบซิบแว่วผ่านมา ว่าครอบครัวเธอนั้นโอเว่อร์จนเกินไป นอนแค่โรงพยาบาลคืนเดียวถึงกับจัดการเลี้ยงเสียใหญ่โต

แต่โซอี้ก็ไม่ได้แคร์อะไรมากนัก เงินของดาร์กเลนคงเหลือมากพอตัว พ่อถึงเอามาละลายเล่นเช่นนี้ได้ เธอจึงนั่งไขว่ห้างดื่มด่ำกับชั่วโมงจิบชาพลางมองผู้คนที่ตบเท้ามาเยี่ยมเยือน และเฝ้ารอให้เวลาดินเนอร์มาถึง

“นี่! คุณพ่อมีแขกพิเศษแหนะ” คาร่าเดินมาพร้อมกับจานขนมหวานสีสวย

“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเรา” โซอี้บอกพี่สาวขณะที่ยกแก้วชาจรดริมฝีปาก

“ไม่เกี่ยวได้ไงเล่า...อุ๊ย!” คาร่าเริ่มทำท่าทางซุบซิบเมื่อชายคนหนึ่งมานั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ ๆ โดยที่โซอี้ไม่สนใจมองเสียด้วยซ้ำ เห็นดังนั้นจึงหยิกเบา ๆ ไปที่ต้นแขนเพราะน้องสาวไม่มีท่าทีว่าอย่างร่วมวงเมาท์กับเธอ

“อะไรเล่าคาร่า เจ็บนะ”

“วิลเลม กัลติก้าไง”

เมื่อได้ยินคาร่าเอ่ยชื่อบุคคลที่สาม นามสกุลของเขาก็ทำให้โซอี้หันมองไปในทันที

เมื่อนั้นสายตาของเธอก็เบิกโพลง...เพราะเขาคนนั้นมีภาพของอัลเดล กัลติก้าซ้อนทับอยู่

โซอี้เคยขบขันเมื่อครั้งอยู่โรงพยาบาล ว่าถ้าเธอเกิดใหม่ได้ อัลเดนก็คงเกิดใหม่ได้เช่นกัน แต่ไม่คิดว่าจะเจอกันไวเช่นนี้

“เป็นไงน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ ตามการจดบันทึกของตระกูลเรา ตระกูลเขาเคยเป็นราชวงศ์มาก่อน แต่ก็ล่มสลายลงไปและแทนที่ด้วยญาติห่าง ๆ ที่ตั้งราชวงศ์ใหม่ กัลติก้าก็เลยกลายเป็นตระกูลคนรวยธรรมดา แล้วตระกูลนี้แหละที่คาดว่าดาร์กเลนของเราเคยได้ตำแหน่งราชินีคู่กับบรรพบุรุษเขา เนี่ย! ไม่น่าสนใจเหรอยะ อย่างกับโชคชะตา”

“คำสาปล่ะสิไม่ว่า” โซอี้เถียงทันควัน เพราะดันไปนึกถึงคำที่แม่มดเฒ่าสาปแช่งฟีโอน่าก่อนตาย

“ปากนี่นะ ท้าทายจนนอนเดี้ยงในโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่งแล้ว เพลา ๆ บ้าง” คาร่าดุ

“หรือไม่จริง?”

“จะว่าไปไอ้คำสาปเนี่ย มันก็ดันไปสัมพันธ์กับชีวิตคุณวิลเลมซะด้วยนะ เขาแต่งแล้วหย่าตั้งสามครั้งแหนะ”

“สามครั้งเลยเหรอคาร่า”

“ก็ใช่น่ะสิ หนุ่มหล่อชาติตระกูลดี รวยตั้งแต่เกิด แต่อาภัพเรื่องชีวิตคู่ แถมเมียคนล่าสุดนี่แสบมาก หลอกให้เลี้ยงลูกใครก็ไม่รู้ตั้งปีกว่า ก่อนเขาจะจับได้ว่าเธอท้องกับคนอื่น ซวยจริง ๆ ไม่รู้ชาติแล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรมา”

“สมน้ำหน้า!!”

เพียงเท่านั้น! ที่คำพูดของคาร่าได้กระตุ้นความโกรธภายในจิตใจของโซอี้ให้ลุกโชนจนเธอโพล่งคำไม่เหมาะสมออกไปให้ดังลั่น จนผู้คนหันมองมาเป็นตาเดียว

...รวมทั้งชายหนุ่มที่โดนนินทาก็ด้วย...

“โซอี้! ทำบ้าอะไรเนี่ย” แม้จะตกใจที่น้องสาวทำกิริยาเช่นนี้ แต่คาร่าก็ยังคงน้ำเสียงซุบซิบไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมยืดตัวให้ใบหน้าตัวเองปะทะสายตากับชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย และก้มหัวขอโทษแทนน้องสาว

วิลเลมจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนและลุกออกไปจากตรงนั้นเพื่อยืนคุยกับแขกท่านอื่น

“เขาหย่าตั้งสาม แสดงว่าไม่ใช่ผู้ชายที่ดี”

“เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางซะหน่อย ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ไม่น่ารักเลย ไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่น่ารักตั้งแต่เรานินทาเขาแล้วมั้ย”

“นินทาแปลกว่าไม่อยากให้ได้ยินย่ะ! แต่เธอดันตะโกนให้เขารู้ตัว ยัยน้องคนนี้นี่”

“ถ้าเขาไม่ดีมาก ๆ ทำร้ายเรา เราต้องขอโทษเหรอคาร่า”

จู่ ๆ โซอี้ก็กล่าวขึ้นมาโดยที่เรื่องราวนั้นไม่ได้ปะติดปะต่อกับบทสนทนาที่คุยกันอยู่ ทำให้คาร่างุนงงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังจากน้องสาวเธอจึงรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรเกิดขึ้น

“ญาณทิพย์มันบอกอะไรอีกห๊ะ? เห็นภูตผีปีศาจออกมาจากตัวคุณวิลเลมหรือไง”

“ปะ...เปล่า”

โซอี้ไม่เห็นภูตผี แต่เห็นอดีตชาติของเขาซ้อนทับอยู่ต่างหาก

“งั้นก็จบ ไปขอโทษเขาซะ”

“แต่พี่ยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่าจะยกโทษให้คนที่ทำร้ายเราหรือเปล่า”

“เฮ้อ...โซอี้ พี่ก็คงต้องถามกลับความผิดมันถูกชดใช้ไปรึยัง”

“ก็...” โซอี้อ้ำอึ้งเพราะนึกถึงภาพที่ตัวเองในร่างฟีโอน่าได้จวงแทงอัลเดน แบบนั้นเรียกว่าชดใช้ได้รึเปล่านะ

“ก็อะไร”

“อื้อ...”

“งั้นก็จบแล้วโซอี้ ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องโกรธกันต่อไป ชีวิตไม่มีความสุขกันพอดี พี่ไม่รู้หรอกนะว่าสัมผัสที่เธอมีมันบอกอะไร แต่ถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องที่เธอถาม และใครคนนั้นที่ทำร้ายเธอเขาได้ชดใช้ไปแล้ว ทุกอย่างมันเลิกแล้วต่อกัน เราควรเริ่มต้นใหม่”

“....” โซอี้ได้แต่พยักหน้าและลุกไปเผชิญกับเป้าหมาย

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาในงานเลี้ยง และถึงแม้มันจะถูกจัดขึ้นเพื่อตัวเอง แต่โซอี้ก็ไม่ใช่จุดสนใจนัก เพราะพวกเขาคงอยากคุยเรื่องธุรกิจและสานสัมพันธ์กับคุณพ่อมากกว่า ไม่เว้นแม้กระทั่งเขา

วิลเลม กัลติก้า...ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ที่กำลังหันให้เธอในขณะที่คุยกับแขกท่านอื่นอยู่

“เอ่อ...คุณวิลเลมคะ”

ชายหนุ่มหันมองหญิงสาวลูกเจ้าของบ้าน แม้ตนจะเจ็บปวดกับความรักมาหลายครั้ง และคิดจะปิดหัวใจ แต่เธอที่โพล่งปากออกมาด้วยคำพูดไม่น่ารักกลับมีความงามที่ต้องตาต้องใจ ราวกับถูกโชคชะตาลิขิตจนเขาเกิดความรู้สึกเต้นตึกตักเหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มวัยรุ่นอีกครั้ง

“ครับ...”

“เรื่องเมื่อกี้...ดิฉันขอโทษนะคะ”

“อ้อ ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับตัวผมมันเยอะยังไง แต่ผมยินดีที่คุณเข้ามาทักทายกัน จะได้รู้จักผมในสิ่งที่เป็นผมจริง ๆ ”

โซอี้ไม่มีอะไรจะพูดต่อ ได้แต่เพียงมองใบหน้าคมสันกรามนั้นอย่างไม่ละสายตา แต่เมื่อรู้ตัวว่าเขาเริ่มประหม่าจากการจดจ้อง เธอก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการจากลา...

 

หลายเดือนต่อมา

 

กริ่ง...

เสียงกระดิ่งแจ้งเตือนดังขึ้น ผู้จัดการร้านอย่างโซอี้ได้หันมองไปยังต้นทาง เธอตื่นเต้นเป็นการใหญ่ที่จะได้เปิดบิลยามเช้ากับแสงแดดอุ่น

แต่เมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเนื้อดีเผยใบหน้าหล่อเหล่านั้นให้เห็น เธอก็หุบยิ้มไปในทันที

“นี่...คุณก็มาตั้งสำนักงานซะที่นี่เลยสิคุณวิลเลม”

“อย่าพูดเป็นเล่นไป ผมกำลังมีความคิดนี้อยู่นะ”

“ฉันประชด! อีกอย่างนะ คุณน่ะไม่ต้องไปลงทุนอะไรหรอก แค่คุณโผล่หน้ามากินกาแฟร้านฉันทุกเช้าแล้วซื้อโน่นซื้อนี่ติดไม้ติดมือ รวมๆ แล้วมันก็เซ้งร้านฉันได้พอดี” เธอพูดถึงกิจการตัวเอง ที่เพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน แล้ววิลเลมเป็นหนึ่งในลูกค้าที่เสนอหน้ามาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้

ยิ่งวันไหนที่ลูกค้าเงียบเหงาก็มีเขานี่แหละที่พร้อมจ่ายเงินเหมาเบเกอรี่หอมหวานกลับบ้าน ไม่รู้ว่าซื้อไปเน่าคาตู้เย็นหรืออย่างไร

“เอาน่าถือว่าผมมาให้กำลังใจกับผู้จัดการมือใหม่ ลูกคุณหนูอย่างคุณเลือกมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในตรอกซอกซอยแบบนี้ ผมควรจะเปิดร้านขายหนังสือมือสองดีไหม เข้ากันดีจิบกาแฟอ่านหนังสือเก่า”

“ทำไม!? ลูกคุณหนูอย่างฉันจำเป็นต้องค้าเพชรค้าพลอยทำอสังหาหรือไง”

“อืม...จากประสบการณ์ของผม มันก็ประมาณนั้น”

“เว้นฉันไว้คนหนึ่งก็แล้วกัน พ่อฉันมีลูกตั้งเยอะ ฉันไม่จำเป็นต้องแบกรับความหวังครอบครัวหรอกนะ!” ว่าแล้วหญิงสาวก็วางเครื่องดริปกาแฟมาจ่อตรงหน้า เพื่อทำเครื่องดื่มโปรดของชายหนุ่ม

โซอี้รินน้ำอุ่นจากกาใบเล็กผ่านกระดาษฟิลเตอร์ทรงกรวย ในขณะที่ถูกจดจ้องจากสายตาคมคู่นั้น จึงทำให้เธอแสดงท่าทีเลิ่กลั่กเล็กน้อยด้วยความประหม่า

...แม้จะเป็นแววตาที่เขามักทำประจำแต่โซอี้ก็ไม่คุ้นชินเสียที...

“เลิกมองฉันแบบนี้ซักที”

“โซอี้...คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าผมลำบากขับรถมาตั้งไกลก่อนเข้าทำงานเพราะอะไร”

“รู้สิ ฉันไม่ได้ไร้เดียงสานะ”

ตั้งแต่งานเลี้ยงน้ำชาวันนั้น ชายหนุ่มก็ขอคอนแทคติดต่อโซอี้จนได้ คนที่เป็นพ่อสื่อพ่อชักก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคุณพ่อเธอนั่นเอง เพียงเท่านั้นโซอี้ก็รู้ในทันทีว่าจุดประสงค์ของเขาต้องการจะจีบ

“ทำไมคุณยังนิ่งเฉยล่ะ”

“ไม่ได้หรือไง คุณก็พยายามต่อไปสิ”

...ใช่ ความพยายามที่ชาติก่อนเขาไม่เคยมี...

“ผมรู้นะว่าคุณไม่ชอบขี้หน้าผม”

“แต่ฉันก็ไม่ได้ไล่คุณหนิ”

“แล้วผมต้องจีบคุณยังไง” ในเมื่อเธอบอกว่ารู้จุดประสงค์แล้ว วิลเลมจึงถามออกไปตรง ๆ ถึงวิธีการพิชิตใจแม่คุณหนูหน้าบึ้ง

“ฉันอาจจะหักหลังคุณ คบซ้อนลับหลังคุณ ตั้งใจหักอกคุณ ไม่กลัวรึไง”

“อืม...ชีวิตผมผิดหวังมาแล้วสามครั้ง ถ้าจะผิดหวังอีกครั้งจะเป็นอะไรไป”

“โอ๊ยย หยุดเลยนะคุณผู้ชาย!อย่ามาแสร้งทำหน้าเศร้า ชาติที่แล้วทำอะไรกับฉันไว้บ้างล่ะ แถมสนมอีกเป็นหางว่าว หักอกใครไปบ้างก็ไม่รู้ สมน้ำหน้าแล้วที่คุณโดนแบบนี้” 

โซอี้คิดเหน็บแนมอยู่ในใจทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าวิลเลมไม่ได้เสแสร้ง แต่เป็นเธอต่างหากที่เอาความรู้สึกชาติที่แล้วมาปนกับชาตินี้ จึงพยายามเตือนตัวเองเอาไว้ ว่าวิลเลมคือวิลเลมไม่ใช่อัลเดนคนโหดร้ายผู้นั้น

“ฉันดีใจนะที่คุณมา...” โซอี้พูดโดยก้มหน้าขณะที่กาแฟดำพร้อมเสริมให้เขาแล้ว

สิ่งนั้นทำให้วิลเลมยิ้มกว้าง เพราะนั่นคือสัญญาณว่าเธอเริ่มเปิดใจและเขาจะได้รู้สถานะเสียทีว่าความสัมพันธ์อยู่ในระดับไหน และควรพัฒนาอย่างไรต่อ ไม่ใช่การเกี้ยวพาราสีที่ไม่มีจุดสิ้นสุดหรือชัยชนะอะไรเลย

“ผมจับมือคุณได้มั้ย...”

“นี่! ที่นี่ร้านกาแฟนะ ไม่ใช่บริการนั่งดริ้ง!”

“ผมไม่ได้มองคุณแบบนั้น”

“แล้วคุณจะมาจับมือถือแขนฉันทำไม”

“ผมขอโทษ...” เขาก้มหน้าสำนึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะจิบกาแฟไปพลาง

“ก็ได้...”

นี่คือด่านแรกที่วิลเลมเจอประจำตั้งแต่รู้จักกับเธอ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวหน้าบึ้งเดี๋ยวยิ้มแย้มเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา

แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาเขากลับมองว่าเธอน่ารัก และเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่อยากเข้าหา แม้จะเป็นบุคลิกที่แปลกประหลาดไปบ้างก็ตาม

วิลเลมจึงเอื้อมมือไปเกาะกุมมือนุ่มของเธอและใช้นิ้วโป้งใหญ่ปัดเกลี่ยไปมาที่หลังมืออย่างทะนุถนอม โซอี้รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยมีมาก่อนจากชายคนใด จึงพานไปนึกถึงคำพูดสุดท้ายของฟีโอน่าที่กล่าวตอนจวงแทงอัลเดน

“ความอ่อนโยนที่ท่านมีให้ข้าในตอนนี้ ควรเป็นวิธีพิชิตใจ”

และวิลเลมกำลังทำเช่นนั้นอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นคำขอเมื่อครั้งอดีตของภรรยาตัวเอง

“อ้อ...ผมได้ยินมาว่า โบสถ์ที่อยู่ในความดูแลของครอบครัวคุณโดนฟ้าผ่าเหรอ”

“เหอะ! ที่อัปมงคลแบบนั้นน่าจะถล่มทั้งตัวอาคารไปเลย”

“แต่นั้นมันแหล่งรายได้เลยนะ พ่อคุณบ่นให้ผมฟังใหญ่เลย”

“พ่อมีกิจการตั้งเยอะ เสียใจเพราะเป็นแหล่งหากินทางความเชื่อมากกว่า เพราะธุรกิจทางความเชื่อมันหล่อเลี้ยงคนได้ทุกยุคทุกสมัย”

“คุณนี่...ปากแจ๋วนะรู้ตัวมั้ย”

“นี่! อนุญาตให้จับมือ ไม่ได้อนุญาตให้มาวิจารณ์นิสัยนะคุณวิลเลม”

“ผมไม่ได้วิจารณ์แค่จะบอกว่ามันน่ารักดี”

“นะ...น่ารักเหรอ” โซอี้เกากระพุ้งแก้มโดยไม่รู้เลยว่าใบหน้าตัวเองกำลังแดงระเรื่ออยู่

เขาโจมตีขนาดนี้ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวไม่ทันเอาเสียเลย ถึงแม้ในใจมันจะชวนตงิดอยู่ก็ตาม

“คนอะไรมองความปากแจ๋วเป็นความน่ารัก ผู้ชายพิลึก!”

ท่ามกลางความเงียบงันที่ได้ยินแต่เสียงโลหะ ของอุปกรณ์ที่พนักงานบรรจงล้างอยู่ในครัว โซอี้ก็พอมีรอยยิ้มส่งให้ชายตรงหน้าโดยไม่สลับกับความบึ้งตึงได้แล้ว จากครั้งก่อน ๆ ที่ไม่เคยทำได้เลย

เช่นนั้นแล้วคำพูดของคาร่าก็ดังเตือนขึ้นมาในโสตประสาท ว่าความผิดหากสำเร็จโทษไปแล้วมันควรจบลงตรงนั้น ฟีโอน่าดีใจและสะใจเพียงใดโซอี้รู้ดี

ตรงหน้าตอนนี้คือวิลเลมไม่ใช่อัลเดน และเขาช่างอ่อนหวานและไม่เร่งรีบ อีกทั้งยังมองจุดด้อยของเธอเป็นเสน่ห์อีกต่างหาก ไม่รู้ว่านี่คือการเสแสร้งหรือไม่แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี

เพราะเขามีความอดทนในการเข้าหา ไม่ฉุดกระชากลากถูกบังคับขืนใจคนอื่นให้มาเป็นของตัวเอง หากนี่มันยังไม่เพียงพอ เธอคงกลายเป็นแม่มดที่มีแต่ความดำมืดเข้ามาเกาะกุมจิตใจแล้วล่ะ

มันคงเป็นคำสาปที่ขีดให้เธอต้องครองรักกับคนที่แสนเกลียดชัง แต่ถ้าช่างแม่งบ้างเราก็คงไม่ทุกข์ใจ และจะเป็นไปได้หรือไม่ถ้ามันจะถูกถอนด้วยความรัก มันคุ้มค่าถ้าโซอี้จะลองเสี่ยงและลงแข่งเพื่อชิงชัยในการคว้าบัลลังก์

...บัลลังก์แห่งความรัก...

END