ในค่ำคืนที่ยาวนานและยังเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด ทว่าสำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์เตอร์ แวมไพร์ผู้ไม่เคยตายแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ในขณะที่ผู้คนบนโลกค่อยๆ ร่วงโรยแต่เขาก็ยังคงอยู่ และยังคงตามหาหญิงสาวเลือดบริสุทธิ์ ที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด ดังนั้นหากวันไหนที่พระจันทร์แปลเปลี่ยนเป็นสีเลือด นั้นก็เหมือนพระเจ้ากำลังให้พรเขา คาร์เตอร์ยืนมองทารกน้อยหลายคนที่ กำลังร้องไห้แข่งกันด้วยสายตาค้นหา แต่ก็เจอแต่ความผิดหวังอยู่ร่ำไป “ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นเลือดหอมหวา
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ไทย,อื่นๆ,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แวมไพร์ล่าสวาท ( 3p)ในค่ำคืนที่ยาวนานและยังเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด ทว่าสำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์เตอร์ แวมไพร์ผู้ไม่เคยตายแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ในขณะที่ผู้คนบนโลกค่อยๆ ร่วงโรยแต่เขาก็ยังคงอยู่ และยังคงตามหาหญิงสาวเลือดบริสุทธิ์ ที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด ดังนั้นหากวันไหนที่พระจันทร์แปลเปลี่ยนเป็นสีเลือด นั้นก็เหมือนพระเจ้ากำลังให้พรเขา คาร์เตอร์ยืนมองทารกน้อยหลายคนที่ กำลังร้องไห้แข่งกันด้วยสายตาค้นหา แต่ก็เจอแต่ความผิดหวังอยู่ร่ำไป “ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นเลือดหอมหวา
ในค่ำคืนที่ยาวนานและยังเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด ทว่าสำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์เตอร์
แวมไพร์ผู้ไม่เคยตายแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ในขณะที่ผู้คนบนโลกค่อยๆ ร่วงโรยแต่เขาก็ยังคงอยู่ และยังคงตามหาหญิงสาวเลือดบริสุทธิ์ ที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด
ดังนั้นหากวันไหนที่พระจันทร์แปลเปลี่ยนเป็นสีเลือด นั้นก็เหมือนพระเจ้ากำลังให้พรเขา
คาร์เตอร์ยืนมองทารกน้อยหลายคนที่ กำลังร้องไห้แข่งกันด้วยสายตาค้นหา แต่ก็เจอแต่ความผิดหวังอยู่ร่ำไป
“ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นเลือดหอมหวา
ตอนที่5
ช่วงนี้ดานิการู้สึกว่าตัวเอง โดนสะกดรอยตามในเวลากลางคืนจนไม่กล้าออกไปไหน เรื่องในวันนั้นยังทำให้เธอผวาไม่หาย
ไม่รู้ว่าหลอนไปเองหรือเปล่า
แต่วันนี้เธอมีเรื่องดันมีเรื่องให้ออกไปข้างนอก กว่าจะทำอะไรเสร็จก็มืดค่ำ ดานิกาจึงนั่งรถไฟฟ้ากลับอย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจ แต่ก็ต้องเดินเข้ามาในหมู่บ้านอยู่ดี เธอจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งหวังจะให้ถึงบ้านเร็วๆ
แกร็ก
เสียงเหยียบใบแห้งที่ดังอยู่ข้างหลัง ทำให้ดานิกาเริ่มใจไม่ดี เลยไม่อยากหันไปมอง รีบเร่งฝีเท้าก้าวไวขึ้น
“ว้ายยย” หญิงสาวพยายาตะปบมือที่ปิดปากเธอไว้ ซ้ำยังโดนลากเข้ามา ในบริเวณที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง แล้วอยู่ๆ เธอก็ง่วงซึมก่อนสติสัมปชัญญะจะดับสูญ
เปลือกตาบางค่อยลืมขึ้น ด้วยความสะลึมสะลือ พยายามยันตัวขึ้นมาก่อนจะต้องยกมือกุมศีรษะ ทำไมถึงได้ปวดหัวเช่นนี้…
แต่พอมองไปรอบๆ แล้วไม่มีอะไรคุ้นตาเลยสักอย่าง เธอโดนจับมาที่ไหนกัน ยังไม่ทันได้คิดหาวิธีหนีประตูบานใหญ่อลังการก็เปิดออกเสียก่อน
ดานิกายกมือกอดตัวเองเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย ร่างบางถึงกับสั่นเทา ยามที่บุรุษทั้งสองตรงเข้ามาหา เธอจำพวกเขาได้ดีแวมไพร์แฝดที่เกือบจะฆ่าเธอ ดานิกาขยับตัวถอยห่างจนตัวจนผนัง
“อย่าฆ่าฉันเลยนะ” แววตาสั่นระริกอย่างน่าสงสาร
“ฉันไม่ได้จะฆ่าเธอ” เอ็ดเวิร์ดบอกหวังว่าเธอจะเลิกกลัว พวกเขาควบคุมอาการคลุ้มคลั่งตัวเองได้แล้ว
“แล้วจับฉันมาทำไม”
“ช่วยไว้ต่างหากล่ะ”แพทริคแก้ต่างให้
“...” ดานิกาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เธอคงไม่รู้ว่ามีคนตาม”
คนตามงั้นหรือ? แสดงว่ามีพวกไม่หวังดีอีกกลุ่มสินะ ส่วนสองหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่ไว้ใจเด็ดขาด ครั้งที่แล้วยังพุ่งเข้ามาจะสูบเลือดเธออยู่เลย
“จะให้เชื่อได้ยังไงว่าพวกคุณช่วยฉัน”
“ก็แล้วแต่เธอจะคิด” เอ็ดเวิร์ดมองสาวสวยตรงหน้าด้วยความนิ่งเฉย
“แล้วพวกนั้นเป็นใคร เขาต้องการอะไรจากฉัน”
“พวกแวมไพร์”
คำตอบของเขาทำเอาเธอตกใจเป็นอย่างมาก นี้เธอไปทำกรรมอะไรกับพวกแวมไพร์กัน ถึงได้รังครวญกันไม่เลิก แค่เหนื่อยกับคนยังไม่พออีกเหรอ หญิงสาวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแวมไพร์สักอย่าง ไม่รู้ด้วยว่ามีกี่ก๊กกี่พวก
“แต่ถ้ายังไม่อยากตาย ก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน”
ดานิกามาสีหน้าลังเล ควรเชื่อเขาดีไหม แต่การที่ต้องทนอยู่ในดงแวมไพร์ ก็ดูจะเกินเรื่องไปหน่อย ทว่าไม่ทันไรทัคเกอร์ก็เดินถือถาดอาหาร เข้ามาให้ก่อนจะเดินออกไป
เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอหิว…
“กินซะสิ” แพทริคย่อตัวลงมาเสมอเธอ พรางยื่นหน้าเข้าใกล้ พินิจดวงหน้าสวยหวานนั้น จนเจ้าหล่อนตกใจเอียงหน้าหนีอย่างตื่นกลัว แพทริคถึงกับยิ้มขำ
เขาได้ยินเสียงหัวใจเจ้าหล่อน ที่เต้นระส่ำจนหูจะแตก ไหนจะเสียงท้องร้องนั้นอีก
“หรือจะไม่กิน”
เมื่อเห็นเขาทำท่าจะคว้าถาดข้าวไป เธอจึงดึงไว้ก่อนเพราะไม่อาจทนความหิวได้อีก หยิบแซนวิชเข้าปากคำโตทำเหมือนกลัวมีคนแย่ง
“เธอชื่ออะไร” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยถาม ทว่าใบหน้าเขายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ดานิกากลืนแซนวิชลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะพูดเสียงอู้อี้อย่างไม่ถนัดนัก
“นิก้า”
“ส่วนฉันแพทริค” หนุ่มตาสนิมตรงหน้าชิงแนะนำตัวก่อน
“นั้นเอ็ดเวิร์ด”
การได้พูดคุยกับทั้งสองหนุ่ม ทำให้เธอแยกพวกเขาออกจากนิสัย แม้ทั้งคู่จะเป็นแฝดทว่านิสัยกับดวงตาช่างต่างกันหลือเกิน
แพทริคจะมีดวงตาสีสนิม พูดมาก ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดนั้นมีดวงตาที่ฟ้า ซ้ำยังนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ออก ต่อให้จะต่างกันยังไง พวกเขาก็เป็นแวมไพร์ที่กินเลือดมนุษย์
คฤหาสอีริค
นิธานรู้ข่าวว่าเหยื่อสาวของตน โดนชิงตัดหน้าจากฝีมือใคร เขาก็ตรงมาหาฝ่ายนั้นทันที นานมาแล้วที่เขาไม่ได้มาเหยียบที่นี่
หลังจากตระกูลทั้งสองฝั่ง มีเรื่องบาดหมางกันหลายร้อยปีก่อน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน และ นิธาน โจเซฟ ก็เกลียดตะกูลนี้เช่นกัน
ขายาวก้าวอาดๆ ลงจากลง พร้อมเดินเข้าไปในคฤหาสน์อันมั่งคั่ง ทว่าแวมไพร์ทั้งสองกลับขวางเขาเอาไว้เสียก่อน
“หลบไป” นิธานเอียงหน้าบอก ใบหน้ายียวนชวนให้หมั่นใส้
“มาหาใครครับ” ทัคเกอร์ถามจุดประสงค์ แต่นิธานกลับเดินเข้ามาจัดคอเสื้อให้เขาเสียอย่างนั้น
“ได้ข่าวว่า เพื่อนฉันทั้งสองฟื้นแล้ว ฉันเลยอยากมาเยี่ยมเสียหน่อย” ฉีกยิ้มอย่างไมตรี พร้อมตบไหล่ทักเกอร์เบาๆ
“เรียบร้อย นายยังชอบใส่เสื้อคอตั้งเหมือนเดิมเลยนะทัคเกอร์”
ทัคเกอร์รู้สึกว่านิธานไม่ได้มาดี
“แล้วนายยังเป็นหมออยู่ไหมไซอัน”
ไซอันไม่ได้ตอบ เขาไม่อยากเสวนากับโจเซฟที่อยู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่น่าไว้ใจ
“ฉันเข้าไปนะ” ยังเดินไม่ถึงสองก้าว ลูกสมุนทั้งสองก็ดักเขาไว้ นิธานชักจะอารมณ์เสียเข้าไปทุกที ซันที่อยู่ข้างหลังหมายจะเข้ามาเอาเรื่องทั้งสองให้เจ้านาย
“ปล่อยนิธานเข้ามาเถอะ” เอ็ดเวิร์ดมองโจเซฟที่เดินเข้ามาหาอย่างยินดีที่ได้เจอเขา แต่รู้ดีว่ามันเสแสร้งแค่ไหนรั้งไปก็เสียเวลาเปล่า เพราะยังไงนิธานก็จะเข้ามาให้ได้อยู่ดี
“ฉันดีใจที่ได้พูดกับนายอีกครั้งนะเพื่อน”
“ไม่คิดว่าเรื่องของฉันจะถึงหูนายเร็วขนาดนี้”
“อะไรที่เกี่ยวกับเพื่อน ฉันสนใจหมดแหละ” นิธานยังคงใช้คำพูดได้กวนใจไม่เปลี่ยน แม้จะผ่านมาเป็นร้อยปี
“แพทริคไปไหนแล้วล่ะ”
“นายต้องการอะไร ว่ามาดีกว่า เผื่อฉันจะสงเคราะห์ให้ได้”
“ดูเหมือนนายจะขโมยผู้หญิงของฉันไปนะ” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“เอาตัวเธอมาให้ฉัน”
“ฉันว่านายมาถามผิดคนแล้วละ”
“งั้นเหรอ”
เอ็ดเวิร์ดแสนจะเกลียดใบหน้ากวนประสาทนี้เต็มทน ไหนจะการเดินวนรอบตัวเขาราวกับต้องการยั่วอารมณ์อีก
“ทัคเกอร์ ช่วยส่งแขกด้วย” สุดท้ายเป็นเขาเองที่หมดความอดทน
เมื่อถูกไล่ทางอ้อม นิธานถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาก เหมือนกำลังเจอเรื่องตลกก็ไม่ปาน
“ไม่เห็นต้องลำบากเลย เอ็ดเวิร์ด”
“....”
“กลับ” หันไปบอกซันด้วยใบหน้าแข็งกร้าว ทว่าไม่ทันไรก็หันกลับมาหาเอ็ดเวิร์ดเช่นเดิม
“เอเลนา บ่นคิดถึงนายด้วยแหละ” ว่าจบก็เดินออกไป แต่เอ็ดเวิร์ดถึงกลับตะโกนถามด้วยความร้อนรน
“เธอยังไม่ตายเหรอ”
“ไม่รู้สิ อาจจะตายแล้วก็ได้มั้ง” คนกวนประสาทหัวเราะออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นใบหน้าเอ็ดเวิร์ดที่เรียบนิ่งมาตลอดเปลี่ยนไป
“อยากรู้ก็เอานางมนุษย์คนนั้นมาให้ฉัน”