ในค่ำคืนที่ยาวนานและยังเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด ทว่าสำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์เตอร์ แวมไพร์ผู้ไม่เคยตายแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ในขณะที่ผู้คนบนโลกค่อยๆ ร่วงโรยแต่เขาก็ยังคงอยู่ และยังคงตามหาหญิงสาวเลือดบริสุทธิ์ ที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด ดังนั้นหากวันไหนที่พระจันทร์แปลเปลี่ยนเป็นสีเลือด นั้นก็เหมือนพระเจ้ากำลังให้พรเขา คาร์เตอร์ยืนมองทารกน้อยหลายคนที่ กำลังร้องไห้แข่งกันด้วยสายตาค้นหา แต่ก็เจอแต่ความผิดหวังอยู่ร่ำไป “ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นเลือดหอมหวา
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ไทย,อื่นๆ,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แวมไพร์ล่าสวาท ( 3p)ในค่ำคืนที่ยาวนานและยังเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด ทว่าสำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์เตอร์ แวมไพร์ผู้ไม่เคยตายแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ในขณะที่ผู้คนบนโลกค่อยๆ ร่วงโรยแต่เขาก็ยังคงอยู่ และยังคงตามหาหญิงสาวเลือดบริสุทธิ์ ที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด ดังนั้นหากวันไหนที่พระจันทร์แปลเปลี่ยนเป็นสีเลือด นั้นก็เหมือนพระเจ้ากำลังให้พรเขา คาร์เตอร์ยืนมองทารกน้อยหลายคนที่ กำลังร้องไห้แข่งกันด้วยสายตาค้นหา แต่ก็เจอแต่ความผิดหวังอยู่ร่ำไป “ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นเลือดหอมหวา
ในค่ำคืนที่ยาวนานและยังเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด ทว่าสำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์เตอร์
แวมไพร์ผู้ไม่เคยตายแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ในขณะที่ผู้คนบนโลกค่อยๆ ร่วงโรยแต่เขาก็ยังคงอยู่ และยังคงตามหาหญิงสาวเลือดบริสุทธิ์ ที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด
ดังนั้นหากวันไหนที่พระจันทร์แปลเปลี่ยนเป็นสีเลือด นั้นก็เหมือนพระเจ้ากำลังให้พรเขา
คาร์เตอร์ยืนมองทารกน้อยหลายคนที่ กำลังร้องไห้แข่งกันด้วยสายตาค้นหา แต่ก็เจอแต่ความผิดหวังอยู่ร่ำไป
“ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นเลือดหอมหวา
ตอนที่13
เอเลนาก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์แสนเงียบเชียวของนิธาน หญิงสาวบิดปากยิ้มยามมองเข้าไปภายใน ทว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะมาเหยียบที่นี้
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” นิธานนั่งไขว้ห้าง แหว่งแก้วเลือดอย่างอารมณ์ดี
“ต้องมาอยู่แล้วล่ะ ฉันหรือจะกล้าขัดคำสั่งนาย”
“หึ” แวมไพร์หนุ่มยกยิ้มอารมณ์ดี เดินเข้าประชิดตัวผู้หญิงที่เคยรัก พร้อมไล่มือไปกับแก้มนวลแผ่วเบา แต่พอมองไปที่แขนอีกข้างของตน เขาถึงกลับปัดหน้าเธอออกด้วยความโกรธเคือง เอเลนาเจ็บใจนักทว่าแต่ต้องเก็บอาการ
แค่ครั้งนี้แหละที่ฉันจะยอมให้นาย นิธาน!
“รู้ไหม ว่าทำไมแขนฉันถึงเป็นแบบนี้” นิธานชี้แขนข้างดังกล่าวที่ไร้เรี่ยวแรง จนใช้งานปกติไม่ได้
เอเลนาถึงกลับเงียบ นึกสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ หากนิธานไม่วางแผนฆ่าพ่อเธอ คงไม่เกิดการปะทะ พ่อเธอคงไม่ตาย เขาก็คงไม่พิการ
แต่ถึงกระนั้น นิธานต้องชดใช้มากกว่านี้
“ลืมไป เธอน่าจะรู้ดีที่สุด” ว่าจบก็หัวเราะราวกับพูดเรื่องขบขัน
“ฉันละอุตส่าห์เจอมนุษย์คนนั้น แต่ไอ้แฝดนั้นทำให้เธอไม่บริสุทธิ์” สองพี่น้องคู่นั้นทำให้ความหวังเขาพังทลาย
“...”
“รีบจัดการนางนั้นซะ เธอชักช้ามากพอแล้ว”
“ฉันจะทำให้นายสมหวัง” เอเลนายิ้มก่อนจะยืดตัวขึ้นจุมพิตนิธานหนึ่งที ก่อนจะเดินออกมา
ลาก่อนนิธาน…
ช่วงเช้าเธอใช้เวลาอยู่กลับบิดา พอตกดึกดานิกาก็โดนตามกลับมาคฤหาสน์อิริค ถ้าไม่ติดว่าเขาช่วยหาหมอเก่งๆ มารักษาพ่อเธอมีหรือที่เธอจะฟัง
“อื้อ…ยะหยุดก่อน” มือบางยันอกแพทริคออกห่าง เมื่อเขาเอาแต่ตะโบนจูบเธอไม่หยุด
“ปล่อยให้เธอพักบ้างเถอะแพทริค”เอ็ดเวิร์ดหันมาเตือนแฝดผู้น้อง
“แหม ทำมาเป็นพูด บางวันฉันเห็นนายแอบพานิก้าเข้าห้องน้ำตอนฉันไม่อยู่”
“…” เมื่อโดนจับได้ถึงกลับพูดไม่ออก เห็นแพทริคเบ้ปากใส่หมั่นไส้ ก่อนน้องชายจะหันมาปล้นจูบสาวงามต่อ
“อื้อ..แพทริคพอก่อน”
“ทำไม” ปากพูแต่ตายังจดจ้องริมฝีปากอิ่ม
“ฉันหิว”
“หิวก็กินฉันไง”
“จะบ้าเหรอ” ดานิกาฟาดมือกับอกเขาระบายความอาย
“ไส้กรอกฉัน อร่อยกว่าอาหารมนุษย์ที่พวกเธอกินอีก” แวมไพร์หนุ่มยังเย้าไม่เลิก จนดานิกาถึงกลับหน้าแดงอย่างเขินอาย
“แพทริค”
“ลาน่า น่าจะเตรียมอาหารไว้ให้เธอในครัวแล้ว” เอ็ดเวิร์ดบอก
“โอเค ฉันจะไปกินข้าวแล้ว” ท้ายประโยคหันไปบอกแพทริคที่ทำหน้างอง้ำ
ดานิกาตักซุปเข้าปาก ทว่าอยู่ๆ ไฟในห้องครัวก็ดับเสียอย่างนั้น ยังไม่ทันไรก็รู้สึกเหมือนโดนของแข็งฟาดเข้าที่ท้ายทอย ก่อนสติจะดับวูบในบัดดล
ร่างบางถูกลากถูไปกับพื้นหญ้า ความแสบร้อนผิวกายทำให้เธอได้สติ ดานิกาดิ้นพล่านสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม
“ใคร” ดานิกาออกแรงทั้งหมดที่มี ทว่าก็ไม่อาจสู้ได้
“ปล่อยฉันนะ แกไปเป็น”
“หึ”
“คุณ” เธอจำเสียงนี้ได้ ไม่ผิดแน่
“เอเลนา”
“เก่งนี้” ในเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาก่อนเธอก็คงต้องหาวิธีใหม่ ทว่าตอนแรกกะจะเอาเธอไปทิ้งลงแม่น้ำ ตอนนี้คงไม่จำเป็น เอเลนาปล่อยมนุษย์สาวออก พอเป็นอิสระดานิกาจึงหันมามองเธอให้แน่ใจ แม้จะมีแค่แสงจากดวงจันทร์ให้ความสว่าง แต่เธอกลับเห็นรอยยิ้มเยือกเย็นนั้นอย่างชัดเจน
“ทำแบบนี้ทำไม”
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้”
“ฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจ” น้ำเสียงอ่อนล้า
“หึ เด็กน้อย เธอช่างไม่รู้อะไรซะเลย” เอเลนาส่ายหน้าแย้มริมฝีปาก
“รู้แค่ว่าวันนี้เธอต้องตายก็พอ”
“ไม่นะ” สัญชาตญาณบอกให้เธอต้องรีบหนี ดานิกาก็ไม่รอช้าสับเท้าวิ่งทันที ทว่าแต่มนุษย์ธรรมดาอย่างเธอหรือจะสู้แวมไพร์ เอเลนาวิ่งมาดักหน้าเธอไว้ พร้อมต้อนจนเธอต้องถอยห่าง
“ฉันจะให้เธอเป็นคนเลือก”
“ฉันไม่เลือกอะไรทั้งนั้น ขอร้องละเอเลนา” แววตาสั่นระริกพยายามขอร้องให้เธอเห็นใจ
“ซ้ายหรือขวา”
เจ้าหล่อนยังคงยียวนชี้มือมาที่คอ ดานิการู้สึกว่าเธอเสียเปรียบเป็นแน่ หากหนีไม่รอดเธอคงได้ตายจริงๆ ก่อนจะวิ่งหนีอีกที่ แต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดไม้จนล้มก้นขมำ เอเลนาก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับเขี้ยวอันแหลมคม
“อร้าย” ดานิกาหลับตากรี๊ดจนสุดเสียง
“โอ้ย”
“คิดจะทำอะไรของเธอ” เอ็ดเวิร์ดถึงกลับเหวี่ยงร่างระหงส์ของแวมไพร์สาวออกอย่างแรง ทั้งยังมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ยอมรับว่า
โกรธจนสามารถฆ่าเธอได้เลย หากตามมาไม่ทัน ไม่รู้ดานิกาจะเป็นเช่นไร เพียงแค่คิดว่าเอเลนาจะฆ่าเธอใจเขาก็แทบขาด
“เอ็ดเวิร์ด แพทริค นายมาได้ไง” น้ำเสียงกระตุกกระตัก
“เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์เห็นใจเธอ เอเลนา”
“แพทริค นายกำลังเข้าใจฉันผิด”
“พอ เลิกแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ได้แล้ว” แพทริคพูดตัดบท เขาเกินจะรับไหว หากยังได้ยินเอเลนาพูดอีก เขาคงได้ฆ่าเธอแน่
“ต่อไปนี้ ฉันกับเธอต่างคนต่างอยู่” เอ็ดเวิร์ดพเอาเสียงรอดไรฟัน
“ไหนบอกว่าจะปกป้องฉันไง” หญิงทวงถามถึงคำพูดพวกเขา
“แต่เธอจะทำร้ายนิก้า”
“นาย…นายรักนางมนุษย์นี้เหรอ” ถามสุ่มเสียงสั่น
เอ็ดเวิร์ดเองถึงกลับเงียบ คำถามของเธอมันจี้ใจดำเขาเกินไป หรือเขาจะรักเธอเข้าแล้ว
“แพทริค นายรักฉันไม่ใช่เหรอ” เอเลนาเข้าไปเกาะแขนหนุ่มอีกคนไว้ ทว่าเขากลับผลักเธอออก
“อย่ามาใกล้ฉัน” แววตาเยือกเย็น
“ถึงฉันจะเคยรักเธอมากแค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เธอกล้าทำร้ายนิก้าก็เหมือนทำร้ายฉัน”
“แพรทริค” ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอโดนผู้ชายทั้งสองคนปฏิเสธในวันเดียวกัน หากใจเธอรักเขาคงแตกสลายจนยากจะกอบกู้ ตอนนี้เธอแค่ผิดหวังที่พวกเขาไม่เข้าข้างเธอ ทั้งยังกลัวว่าคาร์เตอร์จะทอดทิ้งที่เธอทำภารกิจไม่สำเร็จ
“เป็นไงบ้าง” พอกลับมาถึงห้อง เอ็ดเวิร์ดก็ถามเสียงอ่อนเสียงนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้ยิน ทำเอาใจสาวถึงกลับสั่นไหว
“คุณเป็นห่วงฉันเหรอ” แววตาทอประกายยามถาม
เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจ
“ใช่”
ดานิกายิ้มร่าพอใจกับคำตอบนั้น รู้สึกดีใจอย่างประหลาด ก่อนจะโน้มตัวลงไปจุ๊บแก้มแวมไพร์หนุ่มเบาๆ
“เฮ้ย แล้วฉันล่ะ” แพทริคก็ไม่ยอมเสียเปรียบ ทำแก้มป่องรอบรับสัมผัสละมุน ดานิกาได้แต่ส่ายหน้าแต่ทว่าก็ทำให้เขาอยู่ดี
“ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันคงอยู่ไม่ได้”
“ทำไมกัน คุณชอบฉันเหรอ”
“ใช่” แพทริคตอบเสียงดังฟังชัดแทบไม่ต้องคิด
“แบบนี้พอจะมีรางวัลให้บ้างไหม”
คนใจพองโตหุบยิ้มไม่อยู่เมื่อโดนบอกรัก
“แล้วเธอล่ะ ชอบพวกเราบ้างไหม” อยู่ๆ เอ็ดเวิร์ดก็โพล่งขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเขินอายยังไงไม่รู้
“ชอบสิ”
“รู้ตัวไหมว่าเธอต้องรับผิดชอบที่ตอบแบบนี้” ดานิกาขมวดคิดไม่เข้าใจที่เอ็ดเวิร์ดพูด
“ด้วยการอยู่กับพวกเรา”
“…” ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ออกจากปากแวมไพร์ผู้เงียบขรึม ทว่ากลับรู้สึกหนักใจ
“แต่พวกคุณเป็นแวมไพร์นะ เราจะอยู่ด้วยกันได้ไง”
“ได้สินิก้า” แพทริคเข้ามาโอบเอวบาง “แค่เธอต้องการ ทุกอย่างก็เป็นไปได้หมด”
แล้วถ้าพ่อเธอรู้ล่ะ จะเป็นเช่นไร…
“เธอไม่ต้องกังวลเรื่องพ่อหรอก”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกอ่านใจฉันสักที เอ็ดเวิร์ด” ตั้งแต่คลุกคลีกับพวกเขามา หนึ่งสิ่งที่เธอรู้ คือพวกเขาอ่านใจมนุษย์ได้