เพราะกฎหมายที่บังคับคนโสดแต่งงาน ประธานหนุ่มจึงต้องจำใจแต่งกับเลขาจอมเฉิ่มข้างตัว "ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่รักฉัน" "แล้วจะหาที่ไหนล่ะครับ" "นายไง" ประธานไม่รู้เลยว่าเลขาแอบรักตนอยู่...
ชาย-ชาย,เลือดสาด,ไทย,อื่นๆ,แอคชั่น,นิยายวาย,มาเฟีย,ประธานบริษัท,BL,แอคชั่น,เปลี่ยนแปลงตัวเอง,แต่งงาน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พรบ.คุ้มครองคนโสดเพราะกฎหมายที่บังคับคนโสดแต่งงาน ประธานหนุ่มจึงต้องจำใจแต่งกับเลขาจอมเฉิ่มข้างตัว "ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่รักฉัน" "แล้วจะหาที่ไหนล่ะครับ" "นายไง" ประธานไม่รู้เลยว่าเลขาแอบรักตนอยู่...
สิงค์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ นิสัยเอาแต่ใจ ผีเข้าผีออก ไม่มีใครอยากเข้าใกล้นอกจากเลขาผู้มีความอดทนสูง วันหนึ่งรัฐบาลประกาศกฎหมายใหม่
‘พรบ.คุ้มครองคนโสด’
เขาจึงต้องหาคู่แต่งงานให้เร็วที่สุด! หน้าที่ปวดหัวจึงตกเป็นของเลขาธนินไปโดยปริยา
“หาเมียให้ฉัน เอาไว้บังหน้ารัฐบาล จะเป็นใครก็ได้”
“ท่านประธานอยากได้แบบไหนล่ะครับ”
“คนที่เข้าใจฉัน ไม่ยุ่งวุ่นวายกับฉัน ไม่ว่าฉันจะกลับบ้านดึก หายไปกับผู้หญิงหรืออะไรก็ตาม และที่สำคัญต้องไม่รักฉัน ไม่เรียกร้องอะไรจากฉันนอกจากเงิน”
“คนแบบนั้นจะไปหาเจอง่าย ๆ ได้ยังไงครับ”
สิงค์หันมาหาเลขาจอมเฉิ่มที่แต่งตัวดี ๆ ยังไม่ทำ
“จริงสิก็มีอยู่คนหนึ่งนี่นา”
“ครับ?”
“นายไง เลขาธนิน เรามาแต่งงานกัน!”
“!!!!”
ประธานหนุ่มไม่รู้เลยว่าเขากำลังขอเลขาที่ 'แอบ' หลงรักตัวเองแต่งงาน แค่นี้ก็ไม่ตรงเงื่อนไขแล้ว!!
.
.
ไม่นานหลังจากนั้นเลขาหนุ่มก็หย่าแล้วหายตัวไปเงียบ ๆ พร้อมกับเด็กในท้อง ทุกอย่างเหมือนเป็นไปตามสัญญา ถ้าวันหนึ่งลูกไม่ไปเรียกท่านประธานว่าพ่อ!!!
"แม่ครับ นั่นพ่อใช่ไหม"
"ใช่ที่ไหนล่ะ นั่นเจ้านายเก่าแม่"
"งั้นทำไมเขาถึงหน้าเหมือนผมล่ะ!"
ธนินหมดคำจะพูด เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากบอกว่าท่านประธานคือผีบ้า
ลูกมนุษย์ไม่ควรคุยกับผีบ้าเด็ดขาด!!
คืนก่อน...
สิงค์กับธนินกลับบ้านมาในช่วงเวลาที่ทุกคนควรหลับใหล เพราะพระจันทร์ลอยเหนือเมฆได้หลายชั่วโมงแล้ว กระนั้นกลับมีสาวใช้และคนงานจำนวนมากยืนรอต้อนรับกันอยู่
พวกสาวใช้น่ะเข้าใจได้ คงเป็นห่วงอันดาจึงยืนรอเพื่อเอาใจช่วยเธอ เพราะคนที่สามารถขอร้องให้สิงค์ยกโทษให้มีเพียงจันต์ที่เป็นหัวหน้าสาวใช้ คนที่ตำแหน่งต่ำกว่านั้นต้องสงบปากสงบคำ ส่วนคนงานฝ่ายอื่น ๆ น่าจะมารอดูท่าทีมากกว่า
การลงโทษสาวใช้ครั้งนี้สามารถบอกสถานะของนายหญิงได้ ถ้าอันดาถูกลงโทษ หมายความว่าพวกเขาต้องเกรงนายหญิงตัวปลอมคนนี้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่...หมายความว่านายหญิงคนนี้เทียบไม่ได้กับสาวใช้เลย
คนในตระกูลพยัคฆ์แม้กระทั่งคนงานล้วนเป็นมาเฟีย คุณค่าของพวกเขามีมากกว่าคนธรรมดา และเวลาทำผิดก็มีการลงโทษที่รุนแรงกว่าคนธรรมดาด้วยเช่นกัน อาจเรียกได้ว่าทุกคนในคฤหาสน์นี้คือครอบครัว แล้วนายหญิงจะรับมือกับสัตว์ร้ายทั้งหลายแล้วกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้รึเปล่านะ
แน่นอนว่าคนงานทุกคนไม่มีใครคิดว่าตัวปลอมจะกลายมาเป็นตัวจริงอยู่แล้ว
สิงค์มองคนงานทุกคนที่ยืนก้มหน้าเรียงแถวหน้ากระดานเบื้องหน้าเขา
“เรื่องที่เกิดขึ้นปิดปากให้เงียบ อย่าให้เล็ดไปถึงข้างนอก ส่วนการสอบสวนความผิด” เขามองไปที่อันดา “จะเริ่มพรุ่งนี้”
กล่าวจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินกลับห้องตัวเองไป โดยธนินเดินตามไปติด ๆ
“เฮ้อ”
คนรับใช้ทุกคนถอนหายใจ นึกว่าจะโดนนายท่านดุวันนี้ซะแล้ว แน่นอนว่าจันต์กับอันดาไม่กลัวเลยว่าจะโดนวันไหน พวกเธอหมายมั่นไว้ในใจว่าคนที่โดนกำจัดไม่ใช่พวกเธอแต่เป็นธนิน
“คุณช่วยฉันได้แน่นอนใช่ไหมคะ” อันดาจับไหล่ของจันต์อย่างประจบ
“แน่นอนอยู่แล้ว แค่คนอ่อนแอธรรมดาจะสู้สัตว์ร้ายแบบพวกเราได้ยังไง”
“คุณธนินไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิดนะคะ เขาร้ายกว่าที่ตาเห็น”
“ร้ายยังไงก็แค่ลูกแมวที่ยังไม่เคยเข้าถ้ำเสือ เรารอตะครุบเหยื่อเถอะ พรุ่งนี้ธนินต้องโดนจัดการ” จันต์เหยียดยิ้มร้าย
คนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นหนอนบ่อนไส้ที่ตระกูลแมงป่องส่งมาน่ะเหรอนายหญิง หึ คนงานที่นี่จงรักภักดีกับพยัคฆ์เป็นที่สุด ย่อมไม่ยอมให้ภัยอันตรายเข้ามาแพร่งพรายใส่พยัคฆ์แน่
หลังจากจบเรื่องทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน จันต์ที่เป็นหัวหน้าสาวใช้อยู่ปิดไฟก่อนจะเดินกลับห้องนอนตัวเอง
ระหว่างทางนั้นมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากหน้าต่างบานใหญ่สาดส่องเข้ามาเป็นช่วง ๆ หญิงวัยกลางคนถือตะเกียงน้ำมันเป็นตัวส่องทาง
ประเทศทาร์ลักซ่าเป็นเกาะที่อยู่ห่างไกล ทรัพยากรมีจำกัด บางอย่างจึงใช้ของดั้งเดิมอย่างตะเกียงหรือฟืน โชคดีที่อุณหภูมิของที่นี่ไม่หนาวนักจึงไม่ต้องหยิบฟืนมาใช้บ่อย
เครื่องทำความร้อนที่เรียกว่าฮิตเตอร์ยังไม่ถูกนำเข้ามามากนัก แถมคุณท่านยังไม่ชอบเท่าไหร่ด้วย ท่านชอบผิงไฟหน้าปล่องควันแล้วอ่านหนังสือมากที่สุด
เดินไม่นานก็ถึงห้องพัก เธอเปิดประตูเข้าไปเหมือนทุกที ทว่าสิ่งที่เห็นกลับทำให้หัวคิ้วของหญิงวัยกลางคนขมวดเข้า
ธนินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงของเธอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า ต่างจากคนที่ดูอ่อนแอและนิ่งเงียบอย่างที่แสดงออกก่อนหน้านี้
“ไง กลับห้องช้านะ คุณจันต์”
“นะ...นายหญิงเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงคะ”
ธนินลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดต่อหน้าหัวหน้าสาวใช้
“อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่มาเตือนเฉย ๆ ว่าความลับของเธอ คนสำคัญของเธอ จะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับการกระทำของเธอเองนะคุณจันต์”
“นายหญิงพูดเรื่องอะไรคะ ถ้าคุณยังพร่ำเพ้ออยู่ฉันจะเรียกนายท่านนะคะ!” จันต์เริ่มใช้เสียงดังราวกับเธอถือไพ่เหนือกว่าทั้ง ๆ ที่ตัวสั่นอยู่
“อย่าทำเป็นไขสือไปหน่อยเลย คงไม่อยากรู้หรอกใช่ไหมว่าถ้าคุณท่านกับคุณสิงค์รู้ว่าเธอมีความลับอะไรแล้วจะส่งผลยังไง คุณจันต์เป็นคนฉลาดนี่นา”
“นายหญิงเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาจะทำอะไรฉันได้คะ!”
“ใช่ พนักงานบริษัททำไม่ได้ แต่นายหญิงของพยัคฆ์ขาวทำได้นะ ลองดูไหมล่ะ ลูกชายวัยกำลังน่ารักเลยไม่ใช่เหรอ”
ตุบ!
จันต์คุกเข่าลง ตัวสั่นหงก ๆ “ฉันยินดีทำตามที่นายหญิงต้องการทุกอย่างค่ะ ขอร้อง ฮึก ขอร้องอย่าบอกความลับของฉันหรือยุ่งกับลูกชายของฉันเลยนะคะ”
“หึ ฉันดีใจนะที่คุณจันต์เป็นคนพูดรู้เรื่อง อันที่จริงฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง ว่าอะไรไปก็ไม่น่าเชื่อถือ เธอคงรู้อยู่แล้วว่าตำแหน่งพนักงานบริษัทหรือตำแหน่งนายหญิงของพยัคฆ์ขาวมันไม่ช่วยให้ใครเชื่อคำพูดของฉัน แต่ว่า...ถ้าฉันถึงขั้นรู้ความลับของเธอ หมายความว่าหลักฐานเองก็มีเช่นกัน หลักฐานน่ะไม่โกหกหรอก ต่อให้ใช้โจรห้าร้อยหรือขอทานข้างทางพูด ตราบใดที่มีหลักฐานครบ พวกเขาก็เชื่อ”
ธนินยิ้มบางให้คนที่คุกเข่าบนพื้น “คิดอย่างงั้นไหมคุณจันต์”
“ค่ะ ใช่ค่ะ เป็นอย่างที่นายหญิงพูดทุกอย่าง”
“เธอคงเหนื่อยแล้ว วันนี้ฉันกลับก่อนแล้วกัน ฝันดีล่ะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มตามมารยาทตามปกติของธนิน แต่มันช่างน่ากลัวจนสลักลึกถึงขั้วหัวใจ จนกระทั่งบานประตูปิดลง ใบหน้าของนายหญิงก็ชัดกระจ่างแจ้งในความทรงจำ
นายหญิงไม่ใช่ดอกไม้ขาวตั้งแต่แรก เขาแค่แสดงด้านอ่อนแอ สงบปากสงบคำให้เห็น...แล้วจึงค่อยเผยออกมาว่าดอกไม้ดอกนี้...มีหนามแหลมคม
“ช่างเหมาะกับการเป็นนายหญิงของพยัคฆ์เสียจริง” จันต์ถอนหายใจ “คงน่ายินดีไปแล้ว ถ้าฉันไม่ใช่คนทรยศของตระกูลพยัคฆ์”
กลับมาในปัจจุบัน จันต์รู้ถึงจุดประสงค์ที่นายหญิงธนินมาเตือนแล้ว เธอจับมืออันดาแล้วพามาคุกเข่าขอโทษ คนคนนี้น่ากลัวกว่าที่ตาเห็น หากไปสะกิดมากเข้า เกรงว่าฝ่ายที่ถูกตะครุบจะเป็นเธอเสียเอง อีกอย่างนี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องมาโดนหางเลขไปพร้อมกับคนใต้อาณัติเลย
“นายหญิง ฉันขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว ครั้งหน้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกค่ะ” อันดาโค้งหัวแล้วโค้งหัวอีก
เธอรู้แล้วว่าหัวหน้าสาวใช้ตัดสินใจปล่อยมือ ไม่ยอมช่วยเธออีกต่อไป คุณจันต์เป็นคนรักพวกพ้องและคนในตระกูลพยัคฆ์มาก ๆ การที่เธอตัดสินใจทิ้งแปลว่าธนินเป็นคนที่อันตรายกว่าที่คิด การดึงดันต่อเป็นการกระทำที่โง่เขลา คนที่เธอควรเกาะขาต่อจากนี้คือนายหญิงต่างหาก!
ธนินหันไปหาสามีตัวเอง “เห็นไหมครับ เธอรู้สึกผิดแล้ว ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ อันดาคงไม่ทำพลาดครั้งที่สองหรอกครับ ใช่ไหมอันดา”
คำถามนี้ราวกับคำเตือนที่บอกว่า ถ้ามีครั้งหน้า เธอจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว
อันดาโค้งหัวอีกสามรอบ “ค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดี ไม่ผิดพลาดเป็นครั้งที่สองแล้วค่ะ”
“หึ ใจอ่อนซะจริงนะ”
“ถึงนายหญิงของพยัคฆ์ขาวจะไม่ควรแสดงด้านอ่อนแอให้ใครเห็น แต่นี่ไม่ใช่ความอ่อนแอครับ มีเมตตาต่างหาก ไม่งั้นพวกเขาคงกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ผมน่ะสิ”
‘ตอนนี้ก็ไม่กล้าเข้าใกล้!’ จันต์กับอันดาคิดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย
สิงค์ถอนหายใจ “ก็เป็นการตัดสินใจที่สมกับเป็นนายดี”
ถ้าธนินเป็นนายหญิงตัวจริงเขาคงจะดุ แต่อีกฝ่ายเป็นแค่ตัวแทนที่รอวันหย่า การเป็นศัตรูกับคนของพยัคฆ์คงไม่ใช่การตัดสินที่ฉลาดในสายตาคนธรรมดา นับว่าวางตัวดี รู้สถานะตัวเอง
ถึงอย่างงั้นเขาก็อดหงุดหงิดในใจไม่ได้ ถึงธนินวางท่าสักหน่อย สั่งลงโทษสาวใช้ที่คิดทำร้ายสักนิด เขาก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้วและจะไม่ให้คนพวกนี้แตะต้องธนินหลังจากนั้นได้ด้วย
เจียมตัวในเรื่องไม่เป็นเรื่องจริง ๆ!
ว่ากันตามตรง ภรรยาของพยัคฆ์ขาวทุกรุ่นต้องเป็นที่ปรึกษาให้สามี คล้ายกุนซือ[1]ในสนามรบของจีน ทั้งเข้มแข็งและไร้ความอ่อนข้อ ถึงอย่างงั้นก็ต้องเคารพสามี ทว่านายหญิงคนก่อนอย่างมารดาของเขา เธอบกพร่องไปหลายอย่าง
เป็นใบ้ นิสัยอ่อนโยนใจดีและอ่อนแอ แต่เธอกลับสามารถสั่งไทกริส พ่อของเขาและคุมคนในตระกูลพยัคฆ์ได้ อริญญาจึงเป็นข้อยกเว้นพิเศษ
เรียกได้ว่ามีจิตใจเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน...
น่าเสียดายที่เธอถูกอังเตย์ ผู้นำตระกูลแมงป่องดำฆ่าทิ้งจนทำให้โลกทั้งใบของไทกริสและสิงค์พังทลาย พ่อของเขาเก็บตัวเงียบในห้อง แม้กระทั่งงานแต่งของเขา ไทกริสก็ไม่เข้าร่วม
ธนินเป็นนายหญิงตัวจริงไม่ได้ เขาต้องการคนที่แข็งแกร่ง ไม่ไหวติงต่อสิ่งใด เพื่อให้ปกป้องตัวเองได้และไม่ทำให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีก
“คุณท่านไม่ลงมาทานข้าวเหรอครับ” ธนินเอ่ยถามหลังจากเห็นสามีเงียบไปนาน
“ปกติเขากินข้าวในห้อง ไม่ออกมาหรอกถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ”
เลขาหนุ่มเลิกคิ้ว จริงด้วยสิ ตั้งแต่นายหญิงคนก่อนเสียชีวิต คุณท่านก็เอาแต่เก็บตัวเงียบนี่นา
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาจะสอบสวนนายแน่ ถ้านายเป็นหนอนบ่อนไส้จริงถึงจะแต่งงานกันแล้วฉันก็หย่าแล้วหาคนมาใหม่ได้”
“ต้องไม่ใช่อยู่แล้วครับ ถ้าผมเป็นคนร้ายตัวจริงคงไม่วางยาในงานแต่งตัวเองให้น่าสงสัยหรอกครับ”
“ไม่ล่ะ เพราะเป็นงานแต่งตัวเองนี่แหละมันเลยน่าสงสัย นายอาจจะวางยาในงานแต่งเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาก็ได้” สิงค์ชี้หน้าธนิน “เพราะไม่ว่านายจะแก้ตัวยังไง ตราประจำตระกูลแมงป่องดำที่เจอในกระเป๋าเสื้อก็เป็นของจริงอยู่ดี” กล่าวจบผู้นำตระกูลพยัคฆ์ก็ลุกออกจากโต๊ะกินข้าว
นายหญิงของพยัคฆ์กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะวิ่งตามสามีไป
“คุณสิงค์ รอด้วยสิครับ!”
แม้จะแต่งงานกันแล้วพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้ไปฮันนีมูน แถมยังต้องไปบริษัทเพื่อทำงานต่อด้วย
ในอีกด้านหนึ่งภายในพื้นที่ลับของพยัคฆ์
กลุ่มลูกน้องของมาเฟียกำลังถือเลื่อยและแผ่นไม้ขนาดใหญ่ในมือ มีอาวุธปืนและของอันตรายอยู่ทั่วทุกมุม พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืด กลิ่นบุหรี่และควันขาวลอยอบอวลรอบห้อง
กลุ่มของมาเฟียเปรียบเสมือนครอบครัว พวกเขาจะกีดกันทุกภัยอันตรายที่เข้ามายุ่งกับหัวหน้าของพยัคฆ์ขาว และรู้สึกภูมิใจในกลุ่มของตัวเองมาก ๆ บางคนเป็นเด็กกำพร้า บางคนมีเบื้องหลังชีวิตที่อยากลืม บางคนสืบทอดเจตนารมณ์มาจากพ่อแม่
เพราะงั้นการรับใครสักคนมาเป็นนายหญิงจึงต้องคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน เพราะถือว่าก่อนเป็นนายหญิงก็เป็นคนนอกมาก่อน ทว่าธนินดันเข้ามาในฐานะ ‘นายหญิงตัวปลอม’ ไหนจะมีข้อพิพาทเรื่องวางยาหัวหน้าตระกูลแมงมุมแดงอีก
ทำลายตระกูลพันธมิตรก็เหมือนตัดแข้งขาของพยัคฆ์ ทุกคนจึงไม่ยินดีกับเจ้านายใหม่คนนี้ อย่างไรคุณสิงค์ก็ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นนายหญิงจริง ๆ แถมอีกไม่นานก็ต้องหย่าออกไป พวกเขาย่อมไม่จำเป็นต้องเคารพ
“อีกเดี๋ยวธนินจะมาที่นี่สินะ” โรซาร์ดหมุนที่จับเลื่อยไปมา
“คุณโรซาร์ดจะสั่งสอนนายหญิงเหรอครับ”
“สั่งสอนอะไรกัน พูดให้น่ากลัวไปได้ ฉันไม่ทำอันตรายคนธรรมดาหรอก”
“หึ คำพูดไม่สมกับเป็นมาเฟียเลยนะครับ”
“ฉันก็แค่อยากทำให้เขารู้สถานะตัวเองและไม่คิดว่าตำแหน่งนายหญิงนั่นเป็นของตัวเองจริง ๆ เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มในชุดคนงานยิ้มเย็นออกมา
[1] กุนซือ ที่ปรึกษาให้แม่ทัพขณะทำสงคราม