เพราะกฎหมายที่บังคับคนโสดแต่งงาน ประธานหนุ่มจึงต้องจำใจแต่งกับเลขาจอมเฉิ่มข้างตัว "ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่รักฉัน" "แล้วจะหาที่ไหนล่ะครับ" "นายไง" ประธานไม่รู้เลยว่าเลขาแอบรักตนอยู่...

พรบ.คุ้มครองคนโสด - บทที่ 6 สอบสวนคนวางยา โดย กระต่ายปากแดง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,เลือดสาด,ไทย,อื่นๆ,แอคชั่น,นิยายวาย,มาเฟีย,ประธานบริษัท,BL,แอคชั่น,เปลี่ยนแปลงตัวเอง,แต่งงาน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พรบ.คุ้มครองคนโสด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,เลือดสาด,ไทย,อื่นๆ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,มาเฟีย,ประธานบริษัท,BL,แอคชั่น,เปลี่ยนแปลงตัวเอง,แต่งงาน

รายละเอียด

เพราะกฎหมายที่บังคับคนโสดแต่งงาน ประธานหนุ่มจึงต้องจำใจแต่งกับเลขาจอมเฉิ่มข้างตัว "ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่รักฉัน" "แล้วจะหาที่ไหนล่ะครับ" "นายไง" ประธานไม่รู้เลยว่าเลขาแอบรักตนอยู่...

ผู้แต่ง

กระต่ายปากแดง

เรื่องย่อ

สิงค์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ นิสัยเอาแต่ใจ ผีเข้าผีออก ไม่มีใครอยากเข้าใกล้นอกจากเลขาผู้มีความอดทนสูง วันหนึ่งรัฐบาลประกาศกฎหมายใหม่

‘พรบ.คุ้มครองคนโสด’

เขาจึงต้องหาคู่แต่งงานให้เร็วที่สุด! หน้าที่ปวดหัวจึงตกเป็นของเลขาธนินไปโดยปริยา

“หาเมียให้ฉัน เอาไว้บังหน้ารัฐบาล จะเป็นใครก็ได้”

“ท่านประธานอยากได้แบบไหนล่ะครับ”

“คนที่เข้าใจฉัน ไม่ยุ่งวุ่นวายกับฉัน ไม่ว่าฉันจะกลับบ้านดึก หายไปกับผู้หญิงหรืออะไรก็ตาม และที่สำคัญต้องไม่รักฉัน ไม่เรียกร้องอะไรจากฉันนอกจากเงิน”

“คนแบบนั้นจะไปหาเจอง่าย ๆ ได้ยังไงครับ”

สิงค์หันมาหาเลขาจอมเฉิ่มที่แต่งตัวดี ๆ ยังไม่ทำ

“จริงสิก็มีอยู่คนหนึ่งนี่นา”

“ครับ?”

“นายไง เลขาธนิน เรามาแต่งงานกัน!”

“!!!!”

ประธานหนุ่มไม่รู้เลยว่าเขากำลังขอเลขาที่ 'แอบ' หลงรักตัวเองแต่งงาน แค่นี้ก็ไม่ตรงเงื่อนไขแล้ว!!

.

.

ไม่นานหลังจากนั้นเลขาหนุ่มก็หย่าแล้วหายตัวไปเงียบ ๆ พร้อมกับเด็กในท้อง ทุกอย่างเหมือนเป็นไปตามสัญญา ถ้าวันหนึ่งลูกไม่ไปเรียกท่านประธานว่าพ่อ!!!

"แม่ครับ นั่นพ่อใช่ไหม"

"ใช่ที่ไหนล่ะ นั่นเจ้านายเก่าแม่" 

"งั้นทำไมเขาถึงหน้าเหมือนผมล่ะ!" 

ธนินหมดคำจะพูด เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากบอกว่าท่านประธานคือผีบ้า

ลูกมนุษย์ไม่ควรคุยกับผีบ้าเด็ดขาด!!

สารบัญ

พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 1 พรบ.คุ้มครองคนโสด,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 2 ตามหาเจ้าสาว,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 3 นายหญิงของพยัคฆ์,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 4 สาวใช้รู้สถานะตัวเอง,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 5 นายหญิงตัวปลอม,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 6 สอบสวนคนวางยา,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 7 ลงโทษ NC,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 8 โรซาร์ดมาช่วยน้องสาว,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 9 นายหญิงมาแล้ว!,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 10 ผู้มาเยือนบนโต๊ะอาหาร,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 11 นมขิงตกพ่อสามี,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 12 แต่งสวย,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 13 สำรวจ NC,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 14 หัวหน้าสาวใช้โดนทิ้งแล้ว,พรบ.คุ้มครองคนโสด-บทที่ 15 วินาทีลอบสังหารบนพื้นถนน

เนื้อหา

บทที่ 6 สอบสวนคนวางยา

ห้องทำงานของประธานบริษัทพยัคฆ์ค่อนข้างครบครัน มีทั้งตู้เย็น ทีวีและห้องนอนแยกพร้อมห้องอาบน้ำ ทว่าเลขาหนุ่มกลับไม่กล้าใช้ห้องนอนของคุณสิงค์ แถมยังไม่กล้าถามด้วย เขาจึงนอนลงบนโซฟาหน้าเตียงแทน

แน่นอนว่าโซฟานอกห้องนอนของคุณสิงค์มีอยู่แล้ว แต่มันไว้สำหรับรับแขก หากใครเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอคุณเลขานอนขดอยู่คงตกใจไม่น้อย

เพราะงั้นสิงค์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจใครพอเปิดประตูห้องแยกเข้ามาจึงตกใจกับสภาพเลขานิดหน่อย

“ก็ว่าหายไปไหน มานอนอยู่ในห้องนี้นี่เอง” ชายหนุ่มเงยหน้ามองเตียงที่ว่างเปล่าไร้รอยยับ “ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงนะ”

                คิดได้ดังนั้นเขาก็อุ้มเลขาหนุ่มขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่มอย่างเงียบและเบาที่สุด ไม่อยากให้อีกฝ่ายตื่นแล้วฝืนทำงานต่อ สาเหตุที่ทำไม่ใช่เพราะรักใคร่อะไรหรอกนะ เพราะที่นอนไม่ค่อยได้ใช้ มันน่าเสียดายต่างหาก เตียงที่ไม่มีคนนอนจะเกิดมาทำไม!

                สิงค์มองซ้ายมองขวาเหมือนทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้งานของเขาเสร็จแล้วเพราะเลขาคนนี้ช่วยลดงานไปได้มากโข ผลลัพธ์จึงไม่มีอะไรให้ทำในตอนนี้

                ร่างสูงนั่งลงข้างเตียงแล้วสำรวจภรรยาในนามที่พึ่งแต่งเข้ามา ผิวขาวเนียน อกแน่น อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อที่ถูกดูแลอย่างดี ก้นกลมงอนน่าสัมผัส ธนินมีรูปร่างแบบที่เขาชอบ

                ทว่าใบหน้า...ถูกบดบังด้วยเส้นผมสีวอลนัทเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คนบุคลิกดีอย่างธนินทำไมถึงทำผมทรงนี้กันนะ ถึงอย่างงั้นริมฝีปากก็เป็นสีชมพูอมแดง ดูนุ่มและน่า...ให้ตายเถอะ เขาคิดอะไรอยู่

                “สงสัยจะเพ้อเจ้อไปแล้วจริง ๆ”

                สิงค์เหลือบมองธนินอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่ปกตินิ่งเป็นหุ่นยนต์ แม้กระทั่งรอยยิ้มยังจอมปลอมแต่เวลานอนกลับขดตัวเป็นก้อนคล้ายเต่าในกระดอง ให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูอย่างน่าประหลาด

                ชายหนุ่มก้มลงไปจนใบหน้าของเราแทบจะติดกัน ราวกับต้องมนต์สะกดบางอย่าง อยากจูบริมฝีปากนุ่มนั้น...

                กึก!

                สิงค์ชะงัก เขาคิดจะทำอะไร ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!!

                หูของผู้นำพยัคฆ์แดงฉานด้วยความขวยเขิน ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเพราะทำอะไรไม่ถูก

                นานสักพักเลขาหนุ่มถึงจะลืมตาขึ้นมา เขาจับริมฝีปากของตัวเองพลางเม้มปาก “เกือบจะจูบแล้วแท้ ๆ ทำไมไม่ทำต่อนะ”

                หรือเพราะเขาไร้เสน่ห์เกินไป?

                “ฉันยินดีเป็นของเล่นแก้เบื่อให้เขาแท้ ๆ” ว่าแล้วธนินก็ค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย ใช่แล้ว เขาปลดกระดุมออกเพราะอยากล่อลวงสามีนิดหน่อย ไม่ได้คิดว่าคุณสิงค์จะหลงเขาหรอก มันก็แค่...ทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุขขณะที่อยู่ในสัญญาจอมปลอมนี้

                ติ๊ด ๆ

                ดวงตาคู่สวยหันไปมองต้นเสียง เห็นโทรศัพท์ของคุณสิงค์ดังอยู่เป็นเนือง สงสัยจะลืมเอาไว้เพราะรีบวิ่งออกไป

                บนหน้าจอมีชื่อคนโทรเขียนเอาไว้อยู่

                ‘น้องกอร์น’

                เพื่อนสมัยเด็กและ...อดีตคู่หมั้นของสามีเขา

                เลขาหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะยกยิ้มขึ้น “อ่า แย่จังเลยนะ”

                ชายหนุ่มนั่งทำงานต่อในห้องสักพักใหญ่เจ้านายถึงจะกลับเข้ามา สีหน้าของอีกฝ่ายกลับมาเป็นปกติแล้ว

                “เมื่อกี้คุณกอร์นโทรมาบอกว่าอยากกินข้าวด้วยครับ”

                “หืม จริงสิ ฉันไม่ได้ออกไปกินข้าวกับเขานานแล้ว คงต้องไปสักหน่อย”

                “จะกลับเข้าบริษัทอีกไหมครับ”

                “คงไม่แล้ว นายจะไปด้วยไหมล่ะ เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อของเขาขนาดนั้น ในฐานะผู้ต้องสงสัยคงต้องแสดงความจริงใจสักหน่อยไม่ใช่เหรอ”

                ยังคิดว่าเขาเป็นคนวางยาคุณไตยชิตอยู่สินะ

                “ให้ผู้ต้องสงสัยไปกินข้าวกับลูกชายเหยื่อ มันคงจะกระอักกระอ่วนไม่น้อยเลยนะครับ”

                “หึ นั่นสินะ ยังไงก็ต้องสอบสวนก่อน เย็นนี้นายนั่งรถกลับตระกูลคนเดียวก็แล้วกัน”

                “รับทราบครับ”

                เห็นไหมเล่า คุณสิงค์น่ะไม่มีทางรักเขาหรอก เผลอ ๆ นายหญิงตัวจริงก็คงเป็นคุณกอร์น อาจเพราะเด็กคนนั้นยังเรียนไม่จบ คุณสิงค์ก็เลยยืดเวลาออกไปแล้วเอาเขามาแทน

                เพราะถึงเจ้าตัวจะบอกว่าอยากได้ภรรยาตัวแทนที่ไม่สนใจเวลาเขาไปควงผู้หญิงคนอื่นหรือไม่กลับบ้านนาน ๆ แต่คุณสิงค์กลับไม่จริงจังกับใครเลย ควงวันเดียวก็เบื่อ ช่วงไหนงานหนักก็แทบไม่ออกไปหิ้วใคร ราวกับไม่รู้จักความรัก

                หรือไม่ก็เพราะหัวใจของคุณสิงค์ถูกมอบให้คนอื่นไปแล้ว และคนคนนั้นอาจเป็นคุณกอร์น ลูกชายของหัวหน้าตระกูลแมงมุมแดงที่โดนวางยาในงานแต่งของเลขาหนุ่ม

                ธนินยังไม่ทันจะโทรเรียกคนขับรถ ลีมูซีนคันสีดำก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบริษัทอย่างรวดเร็วราวกับรออยู่ก่อนแล้ว

                เขาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้

                “เย็นนี้คุณกลับไปก่อนก็ได้นะครับ ผมมีธุระเลยยังไม่กลับตอนนี้”

                “เอ่อ...ผมไปส่งที่ที่นายหญิงอยากไปได้นะครับ”

                หืม? แทนที่จะดีใจได้กลับไว ๆ หรือฟังคำสั่งเขาที่เป็นนายหญิง กลับดึง‍ดันจะไปส่งงั้นเหรอ นั่นสินะ คนขับรถเป็นคนของพยัคฆ์ คงอยากจับตาดูเขาล่ะสิ ยังไงตำแหน่งผู้ต้องสงสัยก็ยังไม่หลุดออกจากบ่านี่นา

                “ก็เอาสิ”

                คิมหันต์ดูตกใจเล็กน้อยที่เขาตกลง แต่ก็ตอบรับแต่โดยดี

                ว่าแต่ได้ยินแค่ชื่อมาตลอด พึ่งเคยเห็นคิมหันต์ครั้งแรกเมื่อเช้า นี่เหรอคนที่ขับรถให้คุณสิงค์ตลอด ผิวขาวทั้งตัว หน้าตาดี ร่างกายสมส่วน ราศีจับจนแอบคิดเลยว่ามาเฟียตระกูลนี้ไม่ธรรมดาทุกคนจริง ๆ

               

                อีกด้านหนึ่งในร้านอาหารหรู

                โต๊ะกลมติดกระจกบนชั้นบนสูงของตึกระฟ้าเป็นจุดที่วิวดีที่สุดสำหรับการทานอาหาร ส่วนมากถ้าไม่เป็นลูกค้า คนสำคัญ ก็คงเป็นคู่รักที่มากินอาหารที่นี่ เสียงช้อนกระทบกับจานดังเบา ๆ คลอไปกับเสียงเพลงภายในร้าน

                ทว่าโต๊ะที่สิงค์กับกอร์นนั่งอยู่กลับเงียบเชียบจนเรียกได้ว่าเหมือนป่าช้า สิงค์เห็นท่าทีผิดปกติของคนน้อง จึงหยุดมือที่กำลังทานอาหาร

                “น้องกอร์นเป็นอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย หรือว่าคุณพ่ออาการทรุด”

                เขากำลังคิดว่าที่น้องกอร์นนัดทานข้าววันนี้อาจเป็นเพราะอาการของคุณไตยชิตก็ได้

                “คุณพ่อไม่เป็นอะไรมากครับ แต่ว่าภรรยาของพี่ ฮึก”

                สิงค์ขมวดคิ้ว “ธนินทำไม เกิดอะไรขึ้น”

                “ฮึก ภรรยาของพี่เขา...” กอร์นน้ำตาร่วงแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์บางอย่างให้สิงค์ฟัง

 

                ณ ตระกูลพยัคฆ์ขาว

                ธนินกลับคฤหาสน์มาในช่วงเย็นหน่อย ๆ แต่ก็คงไม่ถึงกับมืดค่ำ เขากวาดสายตามอง ไม่เห็นวี่แววของสามี ปกติถ้าเห็นเขากลับบ้านช้ากว่าตัวเองคงมาบ่นแล้ว แปลว่ายังอยู่กับกอร์นสินะ

                อันที่จริงเวลาเจ้านายกลับถึงบ้าน คนงานทุกคนต้องออกมาต้อนรับ ทว่าเขาเป็นนายหญิงตัวปลอมที่รอวันหย่า จึงไม่มีใครสนใจและธนินก็ไม่ว่าอะไรด้วย

                “นายหญิง!” อันดาวิ่งมาหาเขาทันทีที่เห็น

                “อันดา?”

                “ยินดีต้อนรับกลับค่ะ ตอนนี้คุณท่านกำลังรออยู่ในห้องรับแขก นายหญิงจะอาบน้ำก่อนไหมคะ”

                “ไม่ล่ะ ไปหาคุณท่านเลยก็ได้ เขารอสอบสวนฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่นา” ธนินยกยิ้ม จะว่าไปอันดาเหมือนจะเปลี่ยนมาจงรักภักดีกับเขาแล้วสินะ หรือไม่ก็...โดนคุณจันต์ตัดหางปล่อยวัด

                ห้องรับแขกค่อนข้างกว้างและหรูหรา เหมาะสำหรับโชว์อำนาจและความมั่งคั่งให้ผู้มาเยือนได้เห็น ในขณะเดียวกันก็มีตราประจำตระกูลพยัคฆ์บ่งบอกถึงความภูมิใจของตระกูลทั่วทุกมุมห้อง แปลว่าสั่งทำทุกชิ้น คงแพงน่าดู

                ธนินนั่งลงตรงข้ามกับพ่อสามี อีกฝ่ายดูแก่กว่าความเป็นจริงนัก คงเพราะเศร้าโศกจากการสูญเสียภรรยาใบ้ให้กับมัจจุราชที่ชื่ออังเตย์ ผู้นำตระกูลแมง‍ป่อง‍ดำ

ด้านข้างชายวัยกลางคนมีคนสนิทนั่งประกบอยู่ รูปร่างท้วม หนวดหนา ผิวเข้มเป็นบางแห่งราวกับใช้ชีวิตท่ามกลางสนามรบที่มีแดด...ถึงทาร์ลักซ่าจะเป็นประเทศที่มีอากาศอบอุ่นค่อนไปทางหนาวก็เถอะ รู้มาว่าเขาชื่อแจสเปอร์

“ขอโทษที่ไม่ได้ไปทักทายตั้งแต่เมื่อวานนะครับ”

“ช่างเถอะ ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นสะใภ้อยู่แล้ว ก็แค่ลูกจ้างที่จ่ายเงินมาตบ‍ตารัฐบาล” ไทกริสประสานมือเข้าด้วยกัน ดูน่าเกรงขามขึ้นอีกหลายส่วน “มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ทำไมลูกจ้างธรรมดา ๆ ในบริษัทถึงมีสิ่งนี้อยู่ในการครอบครอง”

แจสเปอร์เลื่อนตราประจำตระกูลแมงป่องดำมาตรงหน้าธนิน มันมีรูปร่างเป็นแมง‍ป่อง‍สีดำลวดลายทอง มองจากตรงไหนก็รู้ว่าเป็นของจริง ตราประจำตระกูลไม่สามารถทำเลียนแบบได้เพราะใช้เทคนิคพิเศษ วัตถุพิเศษที่แม้กระทั่งค้อนยังทุบไม่ลง

“ถ้าผมบอกว่าไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าได้ยังไงจะเชื่อไหมครับ”

“คนร้ายที่ไหนก็พูดแบบนั้น”

“ผมไม่ใช่คนวางยาผู้นำตระกูลแมงมุมแดงแน่นอนครับ ท่านคิดว่าพนักงานธรรมดา ๆ อย่างผมจะทำอะไรได้”

“หึ รู้ไหมว่าสิ่งที่ตระกูลแมงป่องดำเชี่ยวชาญที่สุดก็คือพิษ พิษทุกชนิดไม่ว่าจะระดับเด็กอนุบาลหรือถึงชีวิต ไตยชิตโดนคนของแมงป่องดำทำร้ายแน่นอนและหลักฐานก็คือเข็มกลัดที่พบในตัวเธอยังไงล่ะ”

“คุณไตยชิตอาการเป็นยังไงบ้างครับ”

ปัง!

มือหนาของมาเฟียเฒ่าตบโต๊ะ “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ!”

“ผมคิดว่าอาการของคุณไตยชิตสามารถระบุตัวคนร้ายได้ครับ ผมเองก็ต้องหาทางหลุดพ้นจากข้อสงสัยเช่นกัน”

“เธอกำลังบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำสินะ แต่เธอรู้ไหม พวกเราจัดงานแต่งแบบปิด ไม่มีใครอื่นนอกจากตระกูลพันธมิตรที่ร่วมงานกันบ่อย ๆ พวกเราต่างไม่มีปัญหาภายในกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะวางยากันเอง แต่พอมีเธอเข้ามามันก็เกิดปัญหาทันที ถ้าฉันยอมให้เพราะเห็นว่าเป็นสะใภ้ แล้วจะมองหน้าผู้นำตระกูลแมงมุมแดงติดได้ยังไง”

กำลังจะบอกว่ามีเขาคนเดียวที่สามารถวางแผนพวกนี้ได้สินะ เฮ้อ เหมือนกลับมาจุดเริ่มต้นเลย

                “ผมเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาครับ ไม่มีส่วนร่วมในอาหารของแขก แถมคนของพยัคฆ์ก็ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วด้วย แต่พยัคฆ์ไม่ได้ทำ รัฐบาลก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ แล้วแมงมุมแดงล่ะครับ”

                “เธอคิดว่าไตยชิตวางยาตัวเองงั้นเหรอ นั่นพิษร้ายแรงนะ”

                “พิษร้ายแรงแต่ถ้ามียาแก้ก็อีกเรื่องนี่ครับ”

                “ธนิน!”

                เห็นสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของพ่อสามี เขาก็ถอนหายใจ “ก็ได้ครับ งั้นคนที่วางยาพิษคือแมงป่องดำ ส่วนสาเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้วเพราะเป็นศัตรูกัน คำถามคือทำได้ยังไงต่างหาก”

                “กำลังจะบอกในเรื่องที่ฉันรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ ใครก็รู้ว่าแมงป่องดำเป็นคน‍ร้าย ฉันแค่อยากให้เธอคายความลับออกมาว่าเป็นคนของแมงป่องดำต่างหาก!” ไทกริสชี้หน้าเขา “ฉันรู้นะว่าเธอแวะที่อื่นก่อนกลับบ้าน สายของฉันบอกว่ารถของตระกูลไม่ได้ตรงกลับคฤหาสน์ทันที เธอแอบติดต่อกับตระกูลแมงป่องดำงั้นเหรอ ใจกล้าดีนี่ธนิน”

                เหมือนพ่อสามีจะไม่คิดเชื่อเขาแต่แรก สิ่งที่ทำไม่ใช่การสอบสวนแต่เป็นการบีบบังคับให้เขารับสารภาพ ซึ่งก็ยอมรับตามตรงว่าเขาไม่มีหลักฐาน จู่ ๆ ก็โดนโยนความผิด ใครจะไปเตรียมหลักฐานได้ อาบน้ำตื่นเช้ามาก็วิ่งไปแต่งงานเลยนี่

                “ผมไปติดต่อทำธุระของบริษัทครับ หากท่านไม่เชื่อจะตรวจสอบรายการสั่งซื้อก็ได้ ผมไม่ได้ใช้เงินตัวเองเบิกอยู่แล้ว ทุกอย่างถูกจดในนามบริษัท”

                “ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเธอไม่โมเมเอง”

                “เรียกคนขับรถมาสิครับ เขาตอบคำถามท่านได้แน่นอน”

                “แจสเปอร์ ไปเรียกคนขับรถมา”

                “ครับ”

ชายร่างท้วมค่อมหัวแล้วออกจากห้องไป ไม่นานเขาก็ลากคิมหันต์มาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณท่านได้สำเร็จ

“บอกมาซะ นายหญิงไปไหนมา”

ชายร่างสมส่วนมีท่าทีหวาดกลัว “นะ...นายหญิงแค่ไปติดต่อธุระของบริษัทครับ คุณท่านสามารถตรวจสอบใบสั่งซื้อในมือผมได้เลย”

ไทกริสรับใบนั้นมาแต่ยังไม่เปิดอ่าน “ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ข่มขู่คนขับรถของฉัน แววตาเขาดูหวาดกลัวมากเลยนะ”

ธนินถอนหายใจ “เลิกเล่นละครเถอะครับ คุณแจสเปอร์ตัวจริง

กึก...

ทุกคนในห้องชะงักทันทีที่เจ้าของผมสีวอลนัทกล่าวจบ

“เธอพูดเรื่องอะไร”

“คนขับรถตัวจริงคือผู้ชายร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างคุณท่าน ส่วนคุณแจสเปอร์...ก็มาขับรถให้ผมวันนี้ไงครับ พวกท่านถือโอกาสที่ผมยังไม่คุ้นเคยกับคนของพยัคฆ์เพื่อสลับตัวทั้งสองคน สาเหตุที่ท่านไม่ได้สืบสวนผมตั้งแต่เมื่อเช้าแต่เป็นตอนเย็นเพราะต้องการจับตาดูพฤติกรรม ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างผมมีเหรอจะได้ไปทำงานอย่างสบายใจแล้วตอนเย็นกลับมาโดนสอบสวน ยิ่งไม่ใช่ความผิดเล็กน้อยที่จะผัดวันประกันพรุ่งได้ด้วย มองยังไงก็แปลก” 

“เธอดูออกได้ยังไง”

สีหน้าของไทกริสเปลี่ยน จากที่เบื่อหน่ายและรอให้เขาหลุดปากเพื่อจะจับตัว กลายเป็นสีหน้าจริงจังระคนระแวง ราวกับพึ่งรู้ตัวว่าจะประมาทให้เขาไม่ได้แล้ว

นี่ตั้งใจจะหลุดพ้นจากข้อสงสัยนะ ไม่ใช่เพื่อให้น่าสงสัยกว่าเดิม...

“จริงอยู่ที่คนของพยัคฆ์เป็นมาเฟียทุกคน แม้กระทั่งคนขับรถเพราะงั้นคงแยกที่ความสามารถไม่ได้ ทว่า...สีผิวของคนที่ขับรถให้ผมเมื่อเช้ามันสม่ำเสมอไปครับ”

“สีผิวงั้นเหรอ?”

“เมื่อเช้าคุณแจสเปอร์ใส่เสื้อแขนยาว ผมคุยเล่นกับเขาเพื่อถามว่าขับรถมานานรึยัง แดดร้อนรึเปล่าถกแขนเสื้อดูสิจะได้สบายตัว พอเขายอมถกแขนเสื้อขึ้นผมถึงได้เห็นว่ามันไม่ได้คล้ำแดดเลย ทั้ง ๆ ที่คนขับรถมักจะโดนแดดเผาแขนมากที่สุดแท้ ๆ ทว่า...คุณคิมหันต์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณท่านกลับมีผิวดำแดดเป็นจุด ๆ โดยเฉพาะตรงแขนครับ มาเฟียที่นี่ใส่สูทสีดำที่ดูดซับแสงได้ง่าย คุณจึงพับแขนเสื้อขึ้นจนติดเป็นนิสัยยังไงล่ะ”  

                คิมหันต์ตัวจริงชะงัก รู้สึกเหมือนทำผิดพลาดจนแผนการต้องล่ม ส่วนแจสเปอร์ตัวจริงที่แสร้งเป็นคนขับรถก็เหงื่อตกเป็นเม็ด

                “ผมขอโทษที่ทำพลาดครับคุณท่าน” แจสเปอร์โค้งหัว

                “ผมเองก็เผลอถกแขนเสื้อ ขอโทษด้วยครับ” คิมหันต์โค้งหัว

                ไทกริสสะบัดมือ “ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันประมาทเอง” ชายวัยกลางคนหันมองธนินให้ชัด ๆ อีกที “นายหญิงของพยัคฆ์ต้องเป็นคนช่างสังเกตถึงจะควบคุมคนในบ้าน รวมถึงสอดส่องอันตรายภายในได้ ถือว่าเธอทำได้ดี ฉันจะไม่ส่งตัวเธอให้ตระกูลแมงมุมแดง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอพ้นผิด พูดกันตามตรงแค่มีเข็มกลัดในกระเป๋าเสื้อก็สามารถโดนกำจัดได้ในทันทีโดยไม่ต้องสอบสวนด้วยซ้ำ

                ไม่ว่าเธอจะเป็นหนอนบ่อนไส้จริง ๆ รึเปล่า แต่นายหญิงที่ปล่อยให้ศัตรูประชิดตัวจนโดนป้ายความผิดได้ง่าย ๆ จะไปปกป้องพยัคฆ์ได้ยังไง ถึงอย่างงั้นเธอก็เป็นตัวปลอมที่สักวันต้องหย่า ฉันจะมองข้ามมันไปก่อนแล้วกัน”

                ธนินก้มหัว “ขอบคุณที่เมตตาครับ ในเมื่อไขข้อข้องใจได้แล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อน”

                หลังธนินเดินออกจากห้องไป ทุกคนก็ถอนหายใจพร้อมกัน

                ‘รู้สึกเหมือนมีแรงกดดันบางอย่างออกมาจากตัวของธนินเลย’

                คนคนนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาแท้ ๆ

                “ท่านจะเอายังไงกับเขาต่อดีครับ” แจสเปอร์หันไปถาม

                “ผมเองก็ไม่คิดว่าเขาจะดูออกขนาดนั้นจึงไม่ได้แสดงละเอียดมาก” คิมหันต์ดึงเสื้อมาปิดอย่างรวดเร็ว  

                “อย่างที่เห็นพวกเราผิดพลาดเพราะมองเขาเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา สำหรับมาเฟียแล้วการดูถูกคู่ต่อสู้เพราะคิดว่าตนแกร่งกว่า นำตนเองไปสู้ความตายมานักต่อนัก ฉันคงแก่มากแล้วจริง ๆ ถึงได้ลืมคิด”

                ‘เพราะรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอนั่นต่างหาก’ คนสนิทกับคนขับรถคิดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย

                ธนินไม่ใช่ผู้ชายร่างบาง เขามีกล้ามเนื้อ ถึงจะไม่ได้หนาเท่าคุณสิงค์หรือมาเฟียที่นี่ก็เถอะ ทว่าสภาพภายนอกและทรงผมเหมือนคนมืดมนเก็บตัว ทุกคนจึงถูกหลอกให้คิดว่าธนินคือคนอ่อนแอโดยอัตโนมัติ

                “แล้วสรุปเขาไปทำธุระอะไรกันแน่” คิมหันต์ขมวดคิ้ว  

                “มันก็แบบว่า...” แจสเปอร์หลบตา 

                ไทกริสไม่รอคำตอบ เขาคลี่กระดาษออกเผยให้เห็นเนื้อความข้างใน ก่อนที่คิ้วของชายวัยกลางคนจะเลิกขึ้น

                “นี่มัน...”