เพราะกฎหมายที่บังคับคนโสดแต่งงาน ประธานหนุ่มจึงต้องจำใจแต่งกับเลขาจอมเฉิ่มข้างตัว "ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่รักฉัน" "แล้วจะหาที่ไหนล่ะครับ" "นายไง" ประธานไม่รู้เลยว่าเลขาแอบรักตนอยู่...
ชาย-ชาย,เลือดสาด,ไทย,อื่นๆ,แอคชั่น,นิยายวาย,มาเฟีย,ประธานบริษัท,BL,แอคชั่น,เปลี่ยนแปลงตัวเอง,แต่งงาน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พรบ.คุ้มครองคนโสดเพราะกฎหมายที่บังคับคนโสดแต่งงาน ประธานหนุ่มจึงต้องจำใจแต่งกับเลขาจอมเฉิ่มข้างตัว "ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่รักฉัน" "แล้วจะหาที่ไหนล่ะครับ" "นายไง" ประธานไม่รู้เลยว่าเลขาแอบรักตนอยู่...
สิงค์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ นิสัยเอาแต่ใจ ผีเข้าผีออก ไม่มีใครอยากเข้าใกล้นอกจากเลขาผู้มีความอดทนสูง วันหนึ่งรัฐบาลประกาศกฎหมายใหม่
‘พรบ.คุ้มครองคนโสด’
เขาจึงต้องหาคู่แต่งงานให้เร็วที่สุด! หน้าที่ปวดหัวจึงตกเป็นของเลขาธนินไปโดยปริยา
“หาเมียให้ฉัน เอาไว้บังหน้ารัฐบาล จะเป็นใครก็ได้”
“ท่านประธานอยากได้แบบไหนล่ะครับ”
“คนที่เข้าใจฉัน ไม่ยุ่งวุ่นวายกับฉัน ไม่ว่าฉันจะกลับบ้านดึก หายไปกับผู้หญิงหรืออะไรก็ตาม และที่สำคัญต้องไม่รักฉัน ไม่เรียกร้องอะไรจากฉันนอกจากเงิน”
“คนแบบนั้นจะไปหาเจอง่าย ๆ ได้ยังไงครับ”
สิงค์หันมาหาเลขาจอมเฉิ่มที่แต่งตัวดี ๆ ยังไม่ทำ
“จริงสิก็มีอยู่คนหนึ่งนี่นา”
“ครับ?”
“นายไง เลขาธนิน เรามาแต่งงานกัน!”
“!!!!”
ประธานหนุ่มไม่รู้เลยว่าเขากำลังขอเลขาที่ 'แอบ' หลงรักตัวเองแต่งงาน แค่นี้ก็ไม่ตรงเงื่อนไขแล้ว!!
.
.
ไม่นานหลังจากนั้นเลขาหนุ่มก็หย่าแล้วหายตัวไปเงียบ ๆ พร้อมกับเด็กในท้อง ทุกอย่างเหมือนเป็นไปตามสัญญา ถ้าวันหนึ่งลูกไม่ไปเรียกท่านประธานว่าพ่อ!!!
"แม่ครับ นั่นพ่อใช่ไหม"
"ใช่ที่ไหนล่ะ นั่นเจ้านายเก่าแม่"
"งั้นทำไมเขาถึงหน้าเหมือนผมล่ะ!"
ธนินหมดคำจะพูด เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากบอกว่าท่านประธานคือผีบ้า
ลูกมนุษย์ไม่ควรคุยกับผีบ้าเด็ดขาด!!
ห้องทำงานของประธานบริษัทพยัคฆ์ค่อนข้างครบครัน มีทั้งตู้เย็น ทีวีและห้องนอนแยกพร้อมห้องอาบน้ำ ทว่าเลขาหนุ่มกลับไม่กล้าใช้ห้องนอนของคุณสิงค์ แถมยังไม่กล้าถามด้วย เขาจึงนอนลงบนโซฟาหน้าเตียงแทน
แน่นอนว่าโซฟานอกห้องนอนของคุณสิงค์มีอยู่แล้ว แต่มันไว้สำหรับรับแขก หากใครเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอคุณเลขานอนขดอยู่คงตกใจไม่น้อย
เพราะงั้นสิงค์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจใครพอเปิดประตูห้องแยกเข้ามาจึงตกใจกับสภาพเลขานิดหน่อย
“ก็ว่าหายไปไหน มานอนอยู่ในห้องนี้นี่เอง” ชายหนุ่มเงยหน้ามองเตียงที่ว่างเปล่าไร้รอยยับ “ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงนะ”
คิดได้ดังนั้นเขาก็อุ้มเลขาหนุ่มขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่มอย่างเงียบและเบาที่สุด ไม่อยากให้อีกฝ่ายตื่นแล้วฝืนทำงานต่อ สาเหตุที่ทำไม่ใช่เพราะรักใคร่อะไรหรอกนะ เพราะที่นอนไม่ค่อยได้ใช้ มันน่าเสียดายต่างหาก เตียงที่ไม่มีคนนอนจะเกิดมาทำไม!
สิงค์มองซ้ายมองขวาเหมือนทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้งานของเขาเสร็จแล้วเพราะเลขาคนนี้ช่วยลดงานไปได้มากโข ผลลัพธ์จึงไม่มีอะไรให้ทำในตอนนี้
ร่างสูงนั่งลงข้างเตียงแล้วสำรวจภรรยาในนามที่พึ่งแต่งเข้ามา ผิวขาวเนียน อกแน่น อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อที่ถูกดูแลอย่างดี ก้นกลมงอนน่าสัมผัส ธนินมีรูปร่างแบบที่เขาชอบ
ทว่าใบหน้า...ถูกบดบังด้วยเส้นผมสีวอลนัทเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คนบุคลิกดีอย่างธนินทำไมถึงทำผมทรงนี้กันนะ ถึงอย่างงั้นริมฝีปากก็เป็นสีชมพูอมแดง ดูนุ่มและน่า...ให้ตายเถอะ เขาคิดอะไรอยู่
“สงสัยจะเพ้อเจ้อไปแล้วจริง ๆ”
สิงค์เหลือบมองธนินอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่ปกตินิ่งเป็นหุ่นยนต์ แม้กระทั่งรอยยิ้มยังจอมปลอมแต่เวลานอนกลับขดตัวเป็นก้อนคล้ายเต่าในกระดอง ให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มก้มลงไปจนใบหน้าของเราแทบจะติดกัน ราวกับต้องมนต์สะกดบางอย่าง อยากจูบริมฝีปากนุ่มนั้น...
กึก!
สิงค์ชะงัก เขาคิดจะทำอะไร ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!!
หูของผู้นำพยัคฆ์แดงฉานด้วยความขวยเขิน ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเพราะทำอะไรไม่ถูก
นานสักพักเลขาหนุ่มถึงจะลืมตาขึ้นมา เขาจับริมฝีปากของตัวเองพลางเม้มปาก “เกือบจะจูบแล้วแท้ ๆ ทำไมไม่ทำต่อนะ”
หรือเพราะเขาไร้เสน่ห์เกินไป?
“ฉันยินดีเป็นของเล่นแก้เบื่อให้เขาแท้ ๆ” ว่าแล้วธนินก็ค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย ใช่แล้ว เขาปลดกระดุมออกเพราะอยากล่อลวงสามีนิดหน่อย ไม่ได้คิดว่าคุณสิงค์จะหลงเขาหรอก มันก็แค่...ทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุขขณะที่อยู่ในสัญญาจอมปลอมนี้
ติ๊ด ๆ
ดวงตาคู่สวยหันไปมองต้นเสียง เห็นโทรศัพท์ของคุณสิงค์ดังอยู่เป็นเนือง สงสัยจะลืมเอาไว้เพราะรีบวิ่งออกไป
บนหน้าจอมีชื่อคนโทรเขียนเอาไว้อยู่
‘น้องกอร์น’
เพื่อนสมัยเด็กและ...อดีตคู่หมั้นของสามีเขา
เลขาหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะยกยิ้มขึ้น “อ่า แย่จังเลยนะ”
ชายหนุ่มนั่งทำงานต่อในห้องสักพักใหญ่เจ้านายถึงจะกลับเข้ามา สีหน้าของอีกฝ่ายกลับมาเป็นปกติแล้ว
“เมื่อกี้คุณกอร์นโทรมาบอกว่าอยากกินข้าวด้วยครับ”
“หืม จริงสิ ฉันไม่ได้ออกไปกินข้าวกับเขานานแล้ว คงต้องไปสักหน่อย”
“จะกลับเข้าบริษัทอีกไหมครับ”
“คงไม่แล้ว นายจะไปด้วยไหมล่ะ เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อของเขาขนาดนั้น ในฐานะผู้ต้องสงสัยคงต้องแสดงความจริงใจสักหน่อยไม่ใช่เหรอ”
ยังคิดว่าเขาเป็นคนวางยาคุณไตยชิตอยู่สินะ
“ให้ผู้ต้องสงสัยไปกินข้าวกับลูกชายเหยื่อ มันคงจะกระอักกระอ่วนไม่น้อยเลยนะครับ”
“หึ นั่นสินะ ยังไงก็ต้องสอบสวนก่อน เย็นนี้นายนั่งรถกลับตระกูลคนเดียวก็แล้วกัน”
“รับทราบครับ”
เห็นไหมเล่า คุณสิงค์น่ะไม่มีทางรักเขาหรอก เผลอ ๆ นายหญิงตัวจริงก็คงเป็นคุณกอร์น อาจเพราะเด็กคนนั้นยังเรียนไม่จบ คุณสิงค์ก็เลยยืดเวลาออกไปแล้วเอาเขามาแทน
เพราะถึงเจ้าตัวจะบอกว่าอยากได้ภรรยาตัวแทนที่ไม่สนใจเวลาเขาไปควงผู้หญิงคนอื่นหรือไม่กลับบ้านนาน ๆ แต่คุณสิงค์กลับไม่จริงจังกับใครเลย ควงวันเดียวก็เบื่อ ช่วงไหนงานหนักก็แทบไม่ออกไปหิ้วใคร ราวกับไม่รู้จักความรัก
หรือไม่ก็เพราะหัวใจของคุณสิงค์ถูกมอบให้คนอื่นไปแล้ว และคนคนนั้นอาจเป็นคุณกอร์น ลูกชายของหัวหน้าตระกูลแมงมุมแดงที่โดนวางยาในงานแต่งของเลขาหนุ่ม
ธนินยังไม่ทันจะโทรเรียกคนขับรถ ลีมูซีนคันสีดำก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบริษัทอย่างรวดเร็วราวกับรออยู่ก่อนแล้ว
เขาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้
“เย็นนี้คุณกลับไปก่อนก็ได้นะครับ ผมมีธุระเลยยังไม่กลับตอนนี้”
“เอ่อ...ผมไปส่งที่ที่นายหญิงอยากไปได้นะครับ”
หืม? แทนที่จะดีใจได้กลับไว ๆ หรือฟังคำสั่งเขาที่เป็นนายหญิง กลับดึงดันจะไปส่งงั้นเหรอ นั่นสินะ คนขับรถเป็นคนของพยัคฆ์ คงอยากจับตาดูเขาล่ะสิ ยังไงตำแหน่งผู้ต้องสงสัยก็ยังไม่หลุดออกจากบ่านี่นา
“ก็เอาสิ”
คิมหันต์ดูตกใจเล็กน้อยที่เขาตกลง แต่ก็ตอบรับแต่โดยดี
ว่าแต่ได้ยินแค่ชื่อมาตลอด พึ่งเคยเห็นคิมหันต์ครั้งแรกเมื่อเช้า นี่เหรอคนที่ขับรถให้คุณสิงค์ตลอด ผิวขาวทั้งตัว หน้าตาดี ร่างกายสมส่วน ราศีจับจนแอบคิดเลยว่ามาเฟียตระกูลนี้ไม่ธรรมดาทุกคนจริง ๆ
อีกด้านหนึ่งในร้านอาหารหรู
โต๊ะกลมติดกระจกบนชั้นบนสูงของตึกระฟ้าเป็นจุดที่วิวดีที่สุดสำหรับการทานอาหาร ส่วนมากถ้าไม่เป็นลูกค้า คนสำคัญ ก็คงเป็นคู่รักที่มากินอาหารที่นี่ เสียงช้อนกระทบกับจานดังเบา ๆ คลอไปกับเสียงเพลงภายในร้าน
ทว่าโต๊ะที่สิงค์กับกอร์นนั่งอยู่กลับเงียบเชียบจนเรียกได้ว่าเหมือนป่าช้า สิงค์เห็นท่าทีผิดปกติของคนน้อง จึงหยุดมือที่กำลังทานอาหาร
“น้องกอร์นเป็นอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย หรือว่าคุณพ่ออาการทรุด”
เขากำลังคิดว่าที่น้องกอร์นนัดทานข้าววันนี้อาจเป็นเพราะอาการของคุณไตยชิตก็ได้
“คุณพ่อไม่เป็นอะไรมากครับ แต่ว่าภรรยาของพี่ ฮึก”
สิงค์ขมวดคิ้ว “ธนินทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“ฮึก ภรรยาของพี่เขา...” กอร์นน้ำตาร่วงแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์บางอย่างให้สิงค์ฟัง
ณ ตระกูลพยัคฆ์ขาว
ธนินกลับคฤหาสน์มาในช่วงเย็นหน่อย ๆ แต่ก็คงไม่ถึงกับมืดค่ำ เขากวาดสายตามอง ไม่เห็นวี่แววของสามี ปกติถ้าเห็นเขากลับบ้านช้ากว่าตัวเองคงมาบ่นแล้ว แปลว่ายังอยู่กับกอร์นสินะ
อันที่จริงเวลาเจ้านายกลับถึงบ้าน คนงานทุกคนต้องออกมาต้อนรับ ทว่าเขาเป็นนายหญิงตัวปลอมที่รอวันหย่า จึงไม่มีใครสนใจและธนินก็ไม่ว่าอะไรด้วย
“นายหญิง!” อันดาวิ่งมาหาเขาทันทีที่เห็น
“อันดา?”
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ ตอนนี้คุณท่านกำลังรออยู่ในห้องรับแขก นายหญิงจะอาบน้ำก่อนไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ไปหาคุณท่านเลยก็ได้ เขารอสอบสวนฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่นา” ธนินยกยิ้ม จะว่าไปอันดาเหมือนจะเปลี่ยนมาจงรักภักดีกับเขาแล้วสินะ หรือไม่ก็...โดนคุณจันต์ตัดหางปล่อยวัด
ห้องรับแขกค่อนข้างกว้างและหรูหรา เหมาะสำหรับโชว์อำนาจและความมั่งคั่งให้ผู้มาเยือนได้เห็น ในขณะเดียวกันก็มีตราประจำตระกูลพยัคฆ์บ่งบอกถึงความภูมิใจของตระกูลทั่วทุกมุมห้อง แปลว่าสั่งทำทุกชิ้น คงแพงน่าดู
ธนินนั่งลงตรงข้ามกับพ่อสามี อีกฝ่ายดูแก่กว่าความเป็นจริงนัก คงเพราะเศร้าโศกจากการสูญเสียภรรยาใบ้ให้กับมัจจุราชที่ชื่ออังเตย์ ผู้นำตระกูลแมงป่องดำ
ด้านข้างชายวัยกลางคนมีคนสนิทนั่งประกบอยู่ รูปร่างท้วม หนวดหนา ผิวเข้มเป็นบางแห่งราวกับใช้ชีวิตท่ามกลางสนามรบที่มีแดด...ถึงทาร์ลักซ่าจะเป็นประเทศที่มีอากาศอบอุ่นค่อนไปทางหนาวก็เถอะ รู้มาว่าเขาชื่อแจสเปอร์
“ขอโทษที่ไม่ได้ไปทักทายตั้งแต่เมื่อวานนะครับ”
“ช่างเถอะ ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นสะใภ้อยู่แล้ว ก็แค่ลูกจ้างที่จ่ายเงินมาตบตารัฐบาล” ไทกริสประสานมือเข้าด้วยกัน ดูน่าเกรงขามขึ้นอีกหลายส่วน “มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ทำไมลูกจ้างธรรมดา ๆ ในบริษัทถึงมีสิ่งนี้อยู่ในการครอบครอง”
แจสเปอร์เลื่อนตราประจำตระกูลแมงป่องดำมาตรงหน้าธนิน มันมีรูปร่างเป็นแมงป่องสีดำลวดลายทอง มองจากตรงไหนก็รู้ว่าเป็นของจริง ตราประจำตระกูลไม่สามารถทำเลียนแบบได้เพราะใช้เทคนิคพิเศษ วัตถุพิเศษที่แม้กระทั่งค้อนยังทุบไม่ลง
“ถ้าผมบอกว่าไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าได้ยังไงจะเชื่อไหมครับ”
“คนร้ายที่ไหนก็พูดแบบนั้น”
“ผมไม่ใช่คนวางยาผู้นำตระกูลแมงมุมแดงแน่นอนครับ ท่านคิดว่าพนักงานธรรมดา ๆ อย่างผมจะทำอะไรได้”
“หึ รู้ไหมว่าสิ่งที่ตระกูลแมงป่องดำเชี่ยวชาญที่สุดก็คือพิษ พิษทุกชนิดไม่ว่าจะระดับเด็กอนุบาลหรือถึงชีวิต ไตยชิตโดนคนของแมงป่องดำทำร้ายแน่นอนและหลักฐานก็คือเข็มกลัดที่พบในตัวเธอยังไงล่ะ”
“คุณไตยชิตอาการเป็นยังไงบ้างครับ”
ปัง!
มือหนาของมาเฟียเฒ่าตบโต๊ะ “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ!”
“ผมคิดว่าอาการของคุณไตยชิตสามารถระบุตัวคนร้ายได้ครับ ผมเองก็ต้องหาทางหลุดพ้นจากข้อสงสัยเช่นกัน”
“เธอกำลังบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำสินะ แต่เธอรู้ไหม พวกเราจัดงานแต่งแบบปิด ไม่มีใครอื่นนอกจากตระกูลพันธมิตรที่ร่วมงานกันบ่อย ๆ พวกเราต่างไม่มีปัญหาภายในกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะวางยากันเอง แต่พอมีเธอเข้ามามันก็เกิดปัญหาทันที ถ้าฉันยอมให้เพราะเห็นว่าเป็นสะใภ้ แล้วจะมองหน้าผู้นำตระกูลแมงมุมแดงติดได้ยังไง”
กำลังจะบอกว่ามีเขาคนเดียวที่สามารถวางแผนพวกนี้ได้สินะ เฮ้อ เหมือนกลับมาจุดเริ่มต้นเลย
“ผมเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาครับ ไม่มีส่วนร่วมในอาหารของแขก แถมคนของพยัคฆ์ก็ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วด้วย แต่พยัคฆ์ไม่ได้ทำ รัฐบาลก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ แล้วแมงมุมแดงล่ะครับ”
“เธอคิดว่าไตยชิตวางยาตัวเองงั้นเหรอ นั่นพิษร้ายแรงนะ”
“พิษร้ายแรงแต่ถ้ามียาแก้ก็อีกเรื่องนี่ครับ”
“ธนิน!”
เห็นสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของพ่อสามี เขาก็ถอนหายใจ “ก็ได้ครับ งั้นคนที่วางยาพิษคือแมงป่องดำ ส่วนสาเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้วเพราะเป็นศัตรูกัน คำถามคือทำได้ยังไงต่างหาก”
“กำลังจะบอกในเรื่องที่ฉันรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ ใครก็รู้ว่าแมงป่องดำเป็นคนร้าย ฉันแค่อยากให้เธอคายความลับออกมาว่าเป็นคนของแมงป่องดำต่างหาก!” ไทกริสชี้หน้าเขา “ฉันรู้นะว่าเธอแวะที่อื่นก่อนกลับบ้าน สายของฉันบอกว่ารถของตระกูลไม่ได้ตรงกลับคฤหาสน์ทันที เธอแอบติดต่อกับตระกูลแมงป่องดำงั้นเหรอ ใจกล้าดีนี่ธนิน”
เหมือนพ่อสามีจะไม่คิดเชื่อเขาแต่แรก สิ่งที่ทำไม่ใช่การสอบสวนแต่เป็นการบีบบังคับให้เขารับสารภาพ ซึ่งก็ยอมรับตามตรงว่าเขาไม่มีหลักฐาน จู่ ๆ ก็โดนโยนความผิด ใครจะไปเตรียมหลักฐานได้ อาบน้ำตื่นเช้ามาก็วิ่งไปแต่งงานเลยนี่
“ผมไปติดต่อทำธุระของบริษัทครับ หากท่านไม่เชื่อจะตรวจสอบรายการสั่งซื้อก็ได้ ผมไม่ได้ใช้เงินตัวเองเบิกอยู่แล้ว ทุกอย่างถูกจดในนามบริษัท”
“ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเธอไม่โมเมเอง”
“เรียกคนขับรถมาสิครับ เขาตอบคำถามท่านได้แน่นอน”
“แจสเปอร์ ไปเรียกคนขับรถมา”
“ครับ”
ชายร่างท้วมค่อมหัวแล้วออกจากห้องไป ไม่นานเขาก็ลากคิมหันต์มาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณท่านได้สำเร็จ
“บอกมาซะ นายหญิงไปไหนมา”
ชายร่างสมส่วนมีท่าทีหวาดกลัว “นะ...นายหญิงแค่ไปติดต่อธุระของบริษัทครับ คุณท่านสามารถตรวจสอบใบสั่งซื้อในมือผมได้เลย”
ไทกริสรับใบนั้นมาแต่ยังไม่เปิดอ่าน “ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ข่มขู่คนขับรถของฉัน แววตาเขาดูหวาดกลัวมากเลยนะ”
ธนินถอนหายใจ “เลิกเล่นละครเถอะครับ คุณแจสเปอร์ตัวจริง”
กึก...
ทุกคนในห้องชะงักทันทีที่เจ้าของผมสีวอลนัทกล่าวจบ
“เธอพูดเรื่องอะไร”
“คนขับรถตัวจริงคือผู้ชายร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างคุณท่าน ส่วนคุณแจสเปอร์...ก็มาขับรถให้ผมวันนี้ไงครับ พวกท่านถือโอกาสที่ผมยังไม่คุ้นเคยกับคนของพยัคฆ์เพื่อสลับตัวทั้งสองคน สาเหตุที่ท่านไม่ได้สืบสวนผมตั้งแต่เมื่อเช้าแต่เป็นตอนเย็นเพราะต้องการจับตาดูพฤติกรรม ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างผมมีเหรอจะได้ไปทำงานอย่างสบายใจแล้วตอนเย็นกลับมาโดนสอบสวน ยิ่งไม่ใช่ความผิดเล็กน้อยที่จะผัดวันประกันพรุ่งได้ด้วย มองยังไงก็แปลก”
“เธอดูออกได้ยังไง”
สีหน้าของไทกริสเปลี่ยน จากที่เบื่อหน่ายและรอให้เขาหลุดปากเพื่อจะจับตัว กลายเป็นสีหน้าจริงจังระคนระแวง ราวกับพึ่งรู้ตัวว่าจะประมาทให้เขาไม่ได้แล้ว
นี่ตั้งใจจะหลุดพ้นจากข้อสงสัยนะ ไม่ใช่เพื่อให้น่าสงสัยกว่าเดิม...
“จริงอยู่ที่คนของพยัคฆ์เป็นมาเฟียทุกคน แม้กระทั่งคนขับรถเพราะงั้นคงแยกที่ความสามารถไม่ได้ ทว่า...สีผิวของคนที่ขับรถให้ผมเมื่อเช้ามันสม่ำเสมอไปครับ”
“สีผิวงั้นเหรอ?”
“เมื่อเช้าคุณแจสเปอร์ใส่เสื้อแขนยาว ผมคุยเล่นกับเขาเพื่อถามว่าขับรถมานานรึยัง แดดร้อนรึเปล่าถกแขนเสื้อดูสิจะได้สบายตัว พอเขายอมถกแขนเสื้อขึ้นผมถึงได้เห็นว่ามันไม่ได้คล้ำแดดเลย ทั้ง ๆ ที่คนขับรถมักจะโดนแดดเผาแขนมากที่สุดแท้ ๆ ทว่า...คุณคิมหันต์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณท่านกลับมีผิวดำแดดเป็นจุด ๆ โดยเฉพาะตรงแขนครับ มาเฟียที่นี่ใส่สูทสีดำที่ดูดซับแสงได้ง่าย คุณจึงพับแขนเสื้อขึ้นจนติดเป็นนิสัยยังไงล่ะ”
คิมหันต์ตัวจริงชะงัก รู้สึกเหมือนทำผิดพลาดจนแผนการต้องล่ม ส่วนแจสเปอร์ตัวจริงที่แสร้งเป็นคนขับรถก็เหงื่อตกเป็นเม็ด
“ผมขอโทษที่ทำพลาดครับคุณท่าน” แจสเปอร์โค้งหัว
“ผมเองก็เผลอถกแขนเสื้อ ขอโทษด้วยครับ” คิมหันต์โค้งหัว
ไทกริสสะบัดมือ “ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันประมาทเอง” ชายวัยกลางคนหันมองธนินให้ชัด ๆ อีกที “นายหญิงของพยัคฆ์ต้องเป็นคนช่างสังเกตถึงจะควบคุมคนในบ้าน รวมถึงสอดส่องอันตรายภายในได้ ถือว่าเธอทำได้ดี ฉันจะไม่ส่งตัวเธอให้ตระกูลแมงมุมแดง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอพ้นผิด พูดกันตามตรงแค่มีเข็มกลัดในกระเป๋าเสื้อก็สามารถโดนกำจัดได้ในทันทีโดยไม่ต้องสอบสวนด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเธอจะเป็นหนอนบ่อนไส้จริง ๆ รึเปล่า แต่นายหญิงที่ปล่อยให้ศัตรูประชิดตัวจนโดนป้ายความผิดได้ง่าย ๆ จะไปปกป้องพยัคฆ์ได้ยังไง ถึงอย่างงั้นเธอก็เป็นตัวปลอมที่สักวันต้องหย่า ฉันจะมองข้ามมันไปก่อนแล้วกัน”
ธนินก้มหัว “ขอบคุณที่เมตตาครับ ในเมื่อไขข้อข้องใจได้แล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อน”
หลังธนินเดินออกจากห้องไป ทุกคนก็ถอนหายใจพร้อมกัน
‘รู้สึกเหมือนมีแรงกดดันบางอย่างออกมาจากตัวของธนินเลย’
คนคนนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาแท้ ๆ
“ท่านจะเอายังไงกับเขาต่อดีครับ” แจสเปอร์หันไปถาม
“ผมเองก็ไม่คิดว่าเขาจะดูออกขนาดนั้นจึงไม่ได้แสดงละเอียดมาก” คิมหันต์ดึงเสื้อมาปิดอย่างรวดเร็ว
“อย่างที่เห็นพวกเราผิดพลาดเพราะมองเขาเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา สำหรับมาเฟียแล้วการดูถูกคู่ต่อสู้เพราะคิดว่าตนแกร่งกว่า นำตนเองไปสู้ความตายมานักต่อนัก ฉันคงแก่มากแล้วจริง ๆ ถึงได้ลืมคิด”
‘เพราะรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอนั่นต่างหาก’ คนสนิทกับคนขับรถคิดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย
ธนินไม่ใช่ผู้ชายร่างบาง เขามีกล้ามเนื้อ ถึงจะไม่ได้หนาเท่าคุณสิงค์หรือมาเฟียที่นี่ก็เถอะ ทว่าสภาพภายนอกและทรงผมเหมือนคนมืดมนเก็บตัว ทุกคนจึงถูกหลอกให้คิดว่าธนินคือคนอ่อนแอโดยอัตโนมัติ
“แล้วสรุปเขาไปทำธุระอะไรกันแน่” คิมหันต์ขมวดคิ้ว
“มันก็แบบว่า...” แจสเปอร์หลบตา
ไทกริสไม่รอคำตอบ เขาคลี่กระดาษออกเผยให้เห็นเนื้อความข้างใน ก่อนที่คิ้วของชายวัยกลางคนจะเลิกขึ้น
“นี่มัน...”