บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์

รวมเรื่องสั้น - ตอนที่ 1 ล่าปีศาจเสือสมิง โดย ลักกี้ หยาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รวมเรื่องสั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์

ผู้แต่ง

ลักกี้ หยาง

เรื่องย่อ

สารบัญ

รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 1 ล่าปีศาจเสือสมิง,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 2 ล่าเหี้ยมไอ้เข้พันธุ์นรก,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 3 บ้านแสนสุข,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 4 ลูกซองเจาะกะโหลกปีศาจ,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 5 การตกหลุมรักของคุณหนูจอมเวท,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 6 เพื่อนแท้ เพื่อนตาย,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 7 หน้ากากแก้ว,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 8 ไม่เคยหนีพ้น (1/2)

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ล่าปีศาจเสือสมิง

เมื่อมนุษย์เลือกที่จะละทิ้ง

สิ่งที่ถูกต้องมันก็ไม่สมควรที่จะได้รับ

การละเว้นหรือการให้อภัยใด ๆ ทั้งสิ้นจาก

บทลงโทษ

รณจักร



รณจักร สะดุ้งตื่นขึ้นบนเตียงเพราะได้กลิ่นหอมบางอย่างที่โชยมาจากตู้อบขนม เขาลุกจากเตียงและแหวกผ้าม่านออก เห็นแม่กำลังนำคุกกี้ที่พึ่งทำเสร็จออกจากตู้อบ แค่กลิ่นของมันก็ทำให้กระเพาะของรณจักรปั่นป่วนพอแล้ว ยิ่งเห็นตัวคุกกี้ตรงหน้ามันก็ช่างยั่วยวนชวนให้เขาอดไม่ได้ ที่จะไม่เผลอเดินเข้าไปคว้าคุกกี้ตรงข้าม แต่แม่เขามือไวกว่าจึงตีมือลูกชายทันทีที่เข้ามาในรัศมีการมองเห็น

"แม่ ตีผมทำไม ผมเจ็บนะ" รณจักรโอดครวญ พลางเอามืออีกข้างลูกมือที่โดนตี

"ช่วยไม่ได้นี่ ใครใช้ให้ลูกมาแอบขโมยคุกกี้ของแม่ล่ะ" แม่พูดและยกถาดคุกกี้ไปวางบนโต๊ะ "อีกอย่างนะมันเป็นของลูกค้าแม่ด้วย จะมาหยิบกินมั่ว ๆ ไม่ได้"

เด็กหนุ่มยักไหล่ให้แม่และตัดสินใจจะกลับไปนอนต่อ แต่ก็ถูกแม่บ่นว่าจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน และสั่งให้เขาอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปช่วยงานพ่อด้วย รณจักรจึงต้องทำตามคำสั่งของแม่อย่างช่วยไม่ได้ หลังจากจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็ออกมาจากรถบ้านเพื่อมาหาพ่อที่กำลังนั่งหั่นเนื้อเตรียมทำอาหาร พ่อหันมามองลูกชายตัวแสบแวบหนึ่ง และหันมาจัดการเนื้อต่อ

"เหอะ กว่าจะเสร็จตื่นนะคุณชาย" พ่อพูดเสียงประชดประชัน ทั้งที่ยังยืนหั่นเนื้อลงกระทะเตรียมทอด "หลับสบายละสิท่า"

"อืม" เขาตอบและตั้งใจจะมาช่วย แต่พ่อยกมือปรามไว้

"แกน่ะ อยู่เฉย ๆ ไปเลย" พ่อว่า "พ่อจัดการเองได้" 

"เดี๋ยวแม่ก็ว่าผมสิ" รณจักรบอก

"ไม่หรอก เดี๋ยวพ่อคุยเอง"

เวลาผ่านไปหลังจากที่รณจักรรับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่อยู่ข้างรถบ้าน ซึ่งจอดอยู่ไม่ห่างจากจุดตั้งเต็นท์มากนัก นาทีต่อมารณจักรก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางเขากับพ่อ นาทีนั้นมือของสองพ่อลูกค่อย ๆ เอื้อมมาจับด้ามปืนที่แนบไว้อยู่อย่างระมัดระวัง เผื่อว่าจะมีเหตุร้ายไม่คาดคิดเกิดขึ้น

"ใจคอจะชักปืนขึ้นมายิงกันเลยหรือ ไอ้น้อง" เสียงของบุคคลปริศนาทักขึ้น ทำให้รณจักรกับพ่อรีบลดปืนลงในทันที 

"โธ่ ก็พี่เล่นมาไม่ส่งเสียงแบบนี้ ผมกับพ่อก็ระแวงสิครับ รุ่นพี่" รณจักรบอกและเริ่มทำตัวตามสบายมากขึ้น เมื่อรู้ว่าแขกผู้มาเยือนคือใคร

ฮิรุม่า เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันตั้งแต่รณจักรสามารถผ่านทดสอบหน่วยรบพิเศษอาร์ทิสส์ แต่คนอยู่ละทีมเท่านั้น แต่ฮิรุม่ามีหน้าที่อีกอย่างซึ่งเรียกว่า "แกนกลาง" มีหน้าที่คอยแจ้งภารกิจแก่นักรบภายในหน่วยรบอาร์ทิสส์ และแน่นอนว่าการปรากฏของฮิรุม่า ย่อมต้องหมายความว่ามีภารกิจส่งมาถึงรณจักร ทั้งสองตัดสินใจแยกตัวไปคุยกันตามลำพัง เพื่อไม่ให้แม่ได้ยินด้วย

ทั้งสองเลือกที่จะคุยกันตรงริมแม่น้ำแทน ฮิรุม่าหยิบจดหมายซองขาวให้รณจักร เด็กหนุ่มสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์บนซอง เป็นรูปด้วงสีดำสนิทซึ่งเขาจำได้ว่า สิ่งนี้เป็นตราสัญลักษณ์ของ คลื่นกระแทกโลกา ชายผู้ที่สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ในโลกต่างมิติต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ หากจดหมายนี้มาจากคลื่นกระแทกโลกา ย่อมต้องแปลว่าภารกิจนั้นอยู่โลกอื่น ไม่ใช่โลกที่รณจักรคุ้นเคย

เขายอมรับว่านี้เป็นภารกิจที่ยากไม่น้อย สำหรับยุวชนทหารที่กำลังจะได้เป็นทหารชั้นประทวน 

"ภารกิจของผมคือต้องไปต่างโลกเหรอครับ" รณจักรถาม

"ใช่ คลื่นกระแทกโลกา เจาะจงเลือกนายซะด้วย" สักพักฮิรุม่าก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งอะไรบางอย่างออก "ไม่สิ ต้องบอกว่าเลือกนายกับเพื่อนนายอีกสี่คนด้วยตัวเองเลย"

"อะไรนะ" รณจักรร้องอย่างแปลกใจ

"เออ ได้ยินไม่ผิดหรอกและตอนนี้เจ้าสี่คนนั่นก็ผ่านการทดสอบหมดแล้ว เหลือแค่นายคนเดียว" ฮิรุม่าตอบ

รณจักรก้มมองจดหมายของคลื่นกระแทกโลกา ซึ่งอยู่ในมือของเขาตอนนี้ "แปลว่าผมต้องผ่านบททดสอบให้ได้ก่อน แล้วถึงจะรู้ภารกิจจริงใช่ไหม" เขาถาม

"ถ้ายังไม่แน่ใจก็อย่าพึ่งตอบตกลง นายมีเวลาคิดสองวัน"

"ไม่ครับ" เขาตอบเสียงหนักแน่น "ผมจะทำครับพี่"

"แน่ใจหรือ"

รณจักรพยักหน้ายืนยันแล้ว ฮิรุม่าจึงไม่ขัดข้องและชี้แจ้งเพิ่มเติมว่า ถ้าเขาพร้อมรับทดสอบนี้ก็จงเผาจดหมายฉบับนี้ แล้วคลื่นกระแทกโลกาจะส่งคนมารับเอง เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วฮิรุม่าก็ขอตัวกลับ โดยแวะเอาถุงคุกกี้จากแม่ของรณจักรกลับไปด้วย ครู่ต่อมารณจักรก็ส่งจดหมายขาวให้พ่อกับแม่ดู ทั้งสองรู้ดีว่าจดหมายนี้เป็นของใคร และถึงแม้ในใจของทั้งสองจะไม่อยากให้รณจักรไป แต่ก็รู้ดีว่าคงขัดขวางไม่ได้จึงทำได้แค่อวยพรขอให้เขาโชคดี

เมื่อพ่อแม่ไม่ขัดค้านใด ๆ รณจักรก็ตัดสินใจเผาจดหมายชองขาวตามที่ฮิรุม่าบอก สิ่งที่เกิดขึ้นคือแสงสีขาวสว่างวาบพุ่งขึ้นฟ้า แตกกระจายบนท้องฟ้าเหมือนกับพลุในงานเทศกาล สี่นาทีต่อมาเบื้องหน้าของรณจักรก็มีประตูสีขาว ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตามด้วยเสียงบิดลูกกลอน บานประตูเปิดออกเผยให้เห็นชายฉกรรจ์ สวมชุดสูทสีดำผูกเนคไทท่าทางภูมิฐานเดินออกมา พร้อมก้มหัวโค้งคำนับรณจักร

"สวัสดีครับคุณรณจักร" ชายคนนั่นกล่าวทักทาย "เจ้านายผมกำลังรอคุณอยู่ โปรดตามกระผมมา"

รณจักรพยักหน้าและเดินตามชายชุดสูทเข้าไปในบานประตูสีขาว ก่อนที่มันจะปิดสนิทและหายไปจากตรงนั้น


🐅🐅🐅🐅


รณจักรพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนวิหารที่รายล้อมไปด้วยระบบจักรวาล ชายชุดสูทนำทางเขามายังลานกว้างของวิหาร ซึ่งมีชายคนหนึ่งกำลังนั่งจิบชามองดูระบบจักรวาล ที่เคลื่อนผ่านวิหารไป-มาเมื่อชายชุดสูทเดินมากระซิบข้างหูชายคนดังกล่าวก็ลุกจากเก้าอี้ และหันมาเผชิญหน้ากับรณจักร เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับชายผู้ท่องต่างโลกมานับไม่ถ้วน

คลื่นกระแทกโลกาเป็นชายวัยฉกรรจ์ที่อายุราว ๆ ยี่สิบเก้าหรือสามสิบต้น ๆ แต่รณจักรเชื่อว่าอายุจริงของอีกฝ่ายน่าจะเกินหลักร้อยไปแล้ว เขาแต่งกายด้วยเสื้อโปโลสีน้ำเงิน สวมกางเกงขายาวสีดำกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล คลื่นกระแทกโลกาเดินมาจับมือกับรณจักรเชิงเป็นมิตร ซึ่งมันทำให้เด็กหนุ่มลดความประหม่าลงได้

"สวัสดี รณจักร" คลื่นกระแทกโลกาเอ่ยทักทาย "ในที่สุดก็ได้เจอตัวสักที หลังจากที่ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าจากพี่ชาย"

"พี่ชาย... ท่านเคยเจอพี่ยักษ์มาก่อนเหรอครับ" รณจักรถาม

"ใช่" คลื่นกระแทกโลกาตอบ "พี่ชายเจ้าสร้างผลงานไว้น่าประทับใจไม่น้อย" ชายวัยฉกรรจ์ก็เดินมาเผชิญหน้ากับรณจักร

"เอาล่ะมาดูสิว่า ฝีมือของเจ้าจะทำให้ข้าประทับใจหรือไม่"

พูดจบคลื่นกระแทกโลกาก็ปรบมือเสียงดังสามครั้ง ปรากฏเป็นลูกโลกที่มีขนาดเท่าลูกเทนนิสลอยกลางอากาศ รณจักรรู้สึกทึ่งในพลังของคลื่นกระแทกโลกา ในขณะที่เจ้าตัวกำลังครุ่นคิดและเพ่งมองที่โลกขนาดจิ๋วตรงหน้า พลางใช้มือปัดขวา-ซ้าย ให้ความรู้สึกเหมือนคนกำลังเลือกซื้อของ สี่นาทีต่อมาคลื่นกระแทกโลกาก็นำโลกดวงหนึ่งออกมา และยื่นให้รณจักรดู

ลักษณะของมันเหมือนโลกที่รณจักรจากมาทุกอย่าง แต่แตกกันแค่พื้นที่น้ำทะเลเยอะกว่าโลกของเขา "ผมต้องไปที่โลกนี้เหรอครับ" 

คลื่นกระแทกโลกาพยักหน้า "ด่านทดสอบของข้าก็ไม่ซับซ้อนอะไรมาก แค่เจ้าต้องหาทางเอาชีวิตรอดในรังของปีศาจเสือสมิง ที่สิงสถิตในป่าแห่งนี้"

และภาพต่อมาคือป่าพงไพรเขียวขจี แลดูอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย แต่มันกลับให้ความรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ในป่า และรณจักรรู้ดีว่าเขาต้องกำจัดมันให้ได้ "พร้อมหรือยัง พ่อหนุ่ม" คลื่นกระแทกโลกาถามขึ้น

รณจักรพยักหน้าตอบแทน 

"จำไว้นะเจ้าต้องเอาตัวรอดในป่าที่มีแต่เสือสมิง และต้องฆ่าจ่าฝูงของมันให้ได้ด้วย" 

"แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่า ตัวไหนคือจ่าฝูงครับ" เขาถาม

"ง่ายมากเลย ถ้าเสือสมิงตนนั้นมันตัวใหญ่กว่าเสือสมิงในฝูง ก็แปลว่านั้นแหละคือจ่าฝูง"

คลื่นกระแทกโลกาหันไปพยักหน้าให้ชายชุดสูท ซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างได้เดินมามองคริสตันสีขาวใส่มือรณจักรพร้อมอธิบายว่า สิ่งนี้เรียกว่าหินนำทางหากรณจักรต้องการไปที่ไหน ก็ให้คริสตันชิ้นนี้นำทางให้ และกำชับว่าห้ามทำหายเด็ดขาดมิฉะนั้นจะถือว่าไม่ผ่าน

เมื่ออธิบายทุกอย่างครบแล้ว คลื่นกระแทกโลกาก็โยนลูกโลกไปกลางอากาศ นาทีต่อมามันก็กลายสภาพเป็นเหมือนประตูมิติปรากฏตรงหน้ารณจักร เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้า-ออกและก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูมิติ โดยมีเสียงของคลื่นกระแทกโลกาดังไล่หลังมา

"ขอให้โชคดีนะพ่อหนุ่ม ฆ่าเจ้าสมิงนั้นให้ได้ล่ะ"



🐅🐅🐅🐅



"ที่นี่คือ.... ป่า .... สินะ" รณจักรพึมพำออกมาเบา ๆ 

ตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางป่าดงพงไพรที่เรียกได้ว่า หันขวา-ซ้ายก็จะมีแต่ป่าเท่านั้น รณจักรนำคริสตันออกและใช้มัน นำทางเขาไปยังทางออก แสงจากคริสตันพุ่งออกมาเป็นเส้นตรง รณจักรจึงเดินตามแสงดังกล่าว ระหว่างทางเด็กหนุ่มสังเกตเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน และเมื่อแสงเริ่มน้อยลง รณจักรก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอันตรายบางอย่าง หากยังออกจากป่าตรงนี้ไม่ได้ก็ต้องหาที่หลบที่ปลอดภัยที่สุด

ปัง !

เสียงปืนดังมาจากข้างหน้าที่รณจักรกำลังจะไปพอดี เขาจึงรีบวิ่งตรงไปตามเสียงปืนอย่างไม่รีรอ สามนาทีต่อมาภาพที่รณจักรเห็นคือชายสามคนพร้อมปืนในมือ ดูจากการแต่งตัวแล้วรณจักรคิดว่าน่าจะเป็นนายพราน สีหน้าแต่ละคนล้วนอยู่ในอารมณ์ที่กลัวสุดขีด รณจักรยังไม่ทันจะขยับเท้าเดิน หนึ่งในสามนายพรานก็หันมาทางเด็กหนุ่ม

"ไอ้หนู ! ข้างหลังเอ็ง"

เสียงร้องเตือนของนายพรานตรงจังหวะพอดีกับรณจักรที่รับรู้สัญญาณอันตราย เขาก้มตัวลงต่ำมากทำให้หลบกรงเล็บ ของเสือตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เทียบกับรถมอร์เตอไซค์บึ๊กไบร์ รณจักรคว้าปืนลูกโม่ที่แนบข้างตัวออกมา และลั่นไกยิงอัดเข้ากลางลำตัวของมัน กระสุนพุ่งออกจากปลายกระบอกพุ่งเข้าหน้าท้องของเสือ ผลคือมันทะลุออกกลางลำตัวของเสือ ผิวหลังมันปริแตกกระจายและล้มลงนอนกับพื้น

รณจักรที่ยังไม่ทันได้หายใจก็ได้ยินเสียงเสือคำรามลั่นป่า เขาหันขวับไปทางขวามือก็เห็นเสือโคร่งที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวที่เขาจัดการไป มันจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาพยาบาท คงเพราะเขาพึ่งฆ่าพวกของมันไป แต่ในเสี้ยววินาทีหนึ่งจู่ ๆ พลังฟีนิกซ์ในตัวรณจักรก็ขานรับเสียงโทรจิตที่แล่นเข้ามา

[มึง.... บังอาจฆ่าเมียกู !]

"เดี๋ยวนะ ! เมียเหรอ" รณจักรอุทานและหันไปมองเสือที่เขาพึ่งจัดการไป

เด็กหนุ่มต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะบริเวณที่ควรเป็นร่างเสือ มันกลับกลายเป็นร่างหญิงสาวอายุราว ๆ ยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้า นอนจมกองเลือด โดยตรงกลางท้องมีรูกระสุนปืนยิงเจาะทะลุ รณจักรจึงรู้ในทันทีว่าเสือทั้งสองคือเสือสมิงแต่ไม่ใช่เป้าหมายของเขา สามนายพรานที่แม้จะอยู่ในอาการหวาดกลัว แต่ก็ไม่คิดทิ้งรณจักรเพื่อเอาตัวรอด ทั้งสามวิ่งหนีมาสมทบกับเด็กหนุ่มและจ่อปืนไปที่เสือตัวนั้น

หนึ่งในสามนายพรานหันมามองร่างไร้วิญญาณของหญิงสาว "ไปสู่สุขคตินะ นังจวน" รณจักรที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาเงยหน้ามองนายพรานคนนั้น

"น้ารู้จักผู้หญิงคนนี้เหรอครับ" เขาถาม

"เออ มันชื่อจวน มันเป็นคนในหมู่บ้านข้านี่แหละ" นายพรานตอบ

"เคยเป็นต่างหาก" นายพรานอีกคนแย้ง "และที่มันต้องกลายเป็นเสือสมิง ก็เพราะไอ้ดำที่เป็นเสือสมิง" พูดจบก็ชี้ไปที่เสือสมิงตรงหน้า

เสือตนนั้นส่งเสียงคำรามดังก้องป่าและวิ่งตรงเข้ามาทางกลุ่มนายพราน รณจักรคิดว่าปืนในมือนายพรานน่าจะโค่นมันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นปืนของเขามันก็อีกเรื่องหนึ่ง เด็กหนุ่มยกปืนขึ้นและลั่นไกไปหนึ่งนัด เสียงปืนดังสนั่นแข่งกับเสียงลมเสียงไม้ กระสุนไฟธาตุวายุพุ่งตรงเจาะกลางกบาลของเสือสมิงอย่างแม่นยำ และทะลุออกทางด้านหลัง เลือดกับเศษเนื้อกระจายกลางอากาศ เสือโคร่งหงายท้องลงไปนอนกับพื้น สามนายพรานพร้อมใจกันหันมามองรณจักร

"เฮ้ย ไอ้หนุ่ม เอ็งไม่เลวนี่หว่า" นายพรานที่อาวุโสที่สุดเอ่ยขึ้น 

"ขอบคุณครับลุง" รณจักรน้อมรับคำชมจากนายพรานอาวุโส

รณจักรหันมามองเสือสมิงที่เขาพึ่งจัดการไป บัดนี้มันได้กลายสภาพเป็นชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเขา ตรงกลางหน้าผากมีรอยกระสุนที่เกิดจากปืนของเขา ครู่ต่อมารณจักรก็หันมาเห็นว่าสามนายพรานตัดสินใจ แบกร่างหญิงสาวไปวางที่รถเกวียณจอดทิ้งไว้ แต่ทั้งสามไม่คิดจะนำร่างชายอีกคนกลับไปด้วย

เหตุผลคือพวกเขาตั้งใจจะนำร่างหญิงสาวกลับคืนสู่ครอบครัว แต่กับไอ้ดำหรือก็คือเสือสมิงก็เดิมทีเป็นคนนอกหมู่บ้าน กอปรกับมันคือผู้ที่เปลี่ยนจวนเป็นเสือสมิง การนำร่างมันกลับไปที่หมู่บ้านไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะเสือสมิงพรากชีวิตชาวบ้านไปมาก จากนั้นสามนายพรานก็ชักชวนรณจักรเข้าหมู่บ้าน

ระหว่างทางรณจักรได้ทำการรู้จักกับทั้งสามซึ่งก็คือ พรานทิน พรานบุญ และ พรานทอง ทำอาชีพล่าสัตว์กับหาของป่า ซึ่งวันนี้พวกเขามาหาของป่าเพื่อนำไปขายในตัวเมือง แต่โชคร้ายดันเจอคู่ผัวเมียเสือสมิงโผล่มาดักทำร้าย ตามความเข้าใจของทั้งสามคือ รณจักรน่าจะมาจากตัวเมืองจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากพวกเขาเจอนักท่องเที่ยวหลงทาง แล้วมักนำตัวไปส่งที่หมู่บ้านแล้วรอเจ้าหน้าที่มารับ

"ว่าแต่เอ็งน่ะ ใจกล้าไม่เบาเลยนะ" พรานทินพูดกับรณจักร "ปกติพวกนักท่องเที่ยว ไม่ค่อยกล้าเดินป่าในเวลาใกล้มืดหรอก"

"ทำไมครับ" รณจักรถาม "เพราะเสือสมิงหรือครับ"

"ใช่" พรานทองผู้อาวุโสที่สุดเป็นคนตอบ "มันฆ่านักท่องเที่ยวไปหลายคน แต่พวกคนเมืองไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้นักหรอก"

ทั้งสี่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็มาถึงหมู่บ้าน รณจักรพบว่าเขาตกเป็นเป้าของสายตาพอสมควร อาจเพราะการแต่งกาย ด้านพรานบุญอาสาจะนำร่างจวนกลับคืนสู่อ้อมอกครอบครัว เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จากนั้นพรานทองก็พารณจักรมาพบกับพ่อเงิน ผู้ใหญ่ของหมู่บ้านแห่งนี้และรู้สึกแปลกใจที่เขามาที่นี้ตามลำพัง โดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย ยิ่งเมื่อรู้ว่าเขาพึ่งอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปด

รณจักรจำได้จากเพื่อน ๆ หลายคนที่มาต่างโลกว่า อย่าพยายามทำตัวแตกต่างเป็นอันขาด รณจักรจึงตัดสินใจปล่อยตามน้ำไปก่อน ซึ่งพ่อเงินแนะนำให้เด็กหนุ่มไปพักบ้านของพรานทองก่อน เนื่องจากตอนนี้พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว ให้เดินทางกลับเองคงจะไม่เหมาะ ซึ่งพรานทองเห็นด้วยจึงพารณจักรไปที่บ้านของตน ตลอดเวลาที่อยู่ในหมู่บ้าน เขารับรู้ถึงสายตาของชาวบ้านที่มองมาทางเขา

"อย่าถือสาพวกมันเลย พ่อหนุ่ม" พรานทองเอ่ย "นานมากแล้วที่หมู่บ้านเรา ไม่ค่อยมีแขกต่างบ้านต่างเมืองมาเยือนเลย"

รณจักรพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปสะดุดตาที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังถือตะกร้าผลไม้มากับหญิงสาวคนหนึ่ง โดยทั้งสองเดินตรงมาที่บ้านของพรานทอง ภายหลังพรานทองก็แนะนำให้รณจักรรู้จักกับบัวผัน ลูกสาวเพียงคนเดียวของพรานทอง ส่วนชายหนุ่มชื่อ แก้ว คนรักของบัวผันที่อีกไม่นานก็จะตบแต่งเป็นเขยพรานทอง สมาชิกคนสุดท้ายคือ แตงกวา เมียของพรานทอง

ครอบครัวพรานทองให้การต้อนรับรณจักรเป็นอย่างดี โดยแตงกวาได้พาเขามานอนพักห้องนอนที่ว่างอยู่ ภายหลังเขาจึงรู้ว่าห้องนี้เคยเป็นห้องนอนของใบไม้ ลูกชายคนเล็กของพรานทองกับแตงกวา ซึ่งถูกฆ่าโดยจ้าวเสือสมิงที่เป็นผู้นำฝูงเสือสมิง รณจักรได้แต่เห็นใจครอบครัวพรานทอง ทว่าเขาต้องโฟกัสที่ด่านทดสอบซะก่อน

ซึ่งเขาวางแผนว่าจะแอบมองไปอย่างเงียบ ๆ และตามหารังของเสือสมิง หลังจากที่พรานทองกับครอบครัวพากันเข้านอนแล้ว รณจักรซึ่งรอโอกาสนี้ก็ค่อย ๆ เปิดหน้าต่างห้อง เพื่อจะปีนออกมาแต่แล้วรณจักรก็เห็นแสงไฟ ที่ออกมาจากหลังบ้านพรานทอง ซึ่งก็คือบัวผันนั้นเองท่าทางน่าสงสัยของหญิงสาว สร้างความสงสัยให้แก่รณจักรมาก

[จะไปไหนน่ะ ดึกขนาดนี้ด้วย] เขาคิด

รณจักรตัดสินใจสะกดรอยตามบัวผันไปแบบเงียบ ๆ และพบว่าหญิงสาวเดินออกจากเขตหมู่บ้านเข้าไปในป่า ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับเด็กหนุ่มมากขึ้นไปอีก เขาพยายามแอบสะกดรอยตามอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งบัวผันหยุดเดินและส่องไฟตะเกียงไปรอบ ๆ คล้ายเหมือนมองหาใครอยู่ รณจักรรีบซ่อนตัวและคว้าปืนออกมา เผื่อกรณีเกิดเหตุร้าย

"พี่แก้ว... ฉันมาหาแล้วนะจ๊ะ" หญิงสาวเอ่ยเรียกใครบางคนในความมืด

รณจักรขมวดคิ้วเพราะชื่อที่หญิงสาวเรียกหาคือชายหนุ่มคนรัก เหตุใดกันถึงมานัดเจอนอกหมู่บ้านที่กำลังเจอเสือสมิงอาละวาด จังหวะนั้นเองรณจักรก็สัมผัสได้ถึงอันตราย ซึ่งกำลังย่างกายไปหาบัวผัน เด็กหนุ่มคิดแค่เพียงว่าต้องไปช่วยหญิงสาวก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

"น้องบัวผัน ดีจังที่น้องมาหาพี่ตามสัญญา"

บัวผันหันไปด้านขวาก็เห็นแก้วยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ยังไม่ทันจะเปิดบทสนทนา หญิงสาวรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาและสติเริ่มเลือนราง แก้วเดินมาพยุงร่างของหญิงสาวพร้อมฉีกยิ้มอันผิดธรรมชาติออกมา เสี้ยววินาทีนั้นเองรณจักรยกปืนขึ้นเพื่อลั่นไกใส่ แต่เสียงปืนดังขึ้นทั้งที่เขาพึ่งยกปืนขึ้นเล็ง ตามด้วยเสียงของพรานทอง

"ไอ้เดรัจฉาน ! ปล่อยลูกเดี๋ยวนี่" 

แก้วที่โอบอุ้มร่างบัวผันก็หัวเราะเสียงดัง "มึงโง่มากไอ้พรานเฒ่าที่มาคนเดียว จงกลายเป็นอาหารสาวกของกูซะ" พูดจบด้านหลังของแก้วก็มีเสือหลายตัวปรากฏตัว พวกมันทั้งตัวใหญ่และมีดวงตาสีแดงฉานเหมือนโลหิต พรานทองหาได้หวั่นเกรงเพราะใจต้องการช่วยลูกสาวมากกว่า 

"มึงจะเอาลูกกูไปไหน เอาลูกกูคืนมา"

"ก็เอามาทำเมียสิว่ะ"

รณจักรที่ได้ยินก็นึกถึงหญิงสาวชื่อจวน และแก้วคือเสือสมิงที่เป็นเป้าหมาย ไม่ต้องรีรออะไรอีกต่อไป เขาออกมาจากที่ซ่อนและลั่นไกไปหนึ่งนัด กระสุนไฟธาตุวายุพุ่งตรงไปที่แก้วอย่างแม่นยำ พรานทองหันมาด้านหลังและมีท่าทางตกใจที่เห็นรณจักรอยู่ด้วย เด็กหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร จึงรีบตัดบทก่อน "อย่าพึ่งถามอะไรเลยลุง ช่วยลูกลุงก่อน"

พรานทองพยักหน้าและยกปืนขึ้นเตรียมสู้ ไม่นานเสือสมิงสองตนก็วิ่งตรงมาทางพรานทอง แต่ทักษะการยิงพรานทองก็ไม่ธรรมดา กระสุนจากปืนลูกซองยิงเข้าตัวเสือสมิงทั้งสอง ผลคือพวกมันลงไปนอนชักดิ้นชักง้อ ราวกับกระสุนปืนคือน้ำกรด รณจักรแม้จะสงสัยแต่ก็ขี้เกียจถาม กอปรกับสถานการณ์ตรงนี้ มันไม่เหมาะที่จะมาสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

เขาใช้ปืนจัดการสังหารเสือสมิงทั้งสองทิ้ง พรานทองตกใจกับความเด็ดขาดของอีกฝ่าย สร้างความสงสัยให้พรานเฒ่าว่า เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นใครกันแน่ ครู่ต่อมารณจักรสัมผัสได้ถึงจิตสังหารพุ่งออกมาจากมุมมืด ตรงที่แก้วหายไปในความมืดสามนาทีต่อมา เสือสมิงก็ค่อย ๆ ย่างเท้าเดินออกมาในความมืด มันมีขนาดที่ตัวใหญ่กว่าเสือสมิงอีกสองตน ดวงตาแดงก่ำกระหายเลือดจ้องมาที่รณจักรไม่วางตา

"ลุงไปช่วยลูกสาวก่อนเลย" เขาตะโกนบอกแต่จ้องที่เสือสมิงแก้ว

"แล้วเอ็งล่ะ" พรานทองถามกลับ

"ไอ้เดรัจฉานตัวนี้ ผมจัดการเอง"

พรานทองแม้จะไม่อยากทิ้งรณจักร แต่ใจหนึ่งก็ห่วงลูกสาวทำให้นายพราน จำต้องให้รณจักรสู้กับเสือสมิงเเก้วตามลำพัง ด้านเจ้าเสือสมิงก็ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ เป็นเชิงดูถูก กี่รายแล้วที่มีคนพยายามโค่นตนแต่ก็ทำไม่สำเร็จสักครั้ง เช่นเดียวกับรณจักรที่จะโดนถูกมันปลิดชีพ ทว่าสิ่งที่เสือสมิงแก้วไม่รู้คือ

รณจักรไม่ใช่คนในโลกนี้

เมื่อมีแค่เขากับเสือสมิงก็ถึงเวลาที่รณจักรต้องจัดการกับมันเสียที ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงเข้มเหมือนเปลวไฟ ที่พร้อมจะแผดเผาศัตรูตรงหน้า เสือสมิงแก้วซะงักเมื่อสบเข้าตาสีอัคคีเข้า ความน่าสะพรึ่งกลัวที่มันไม่เคยสัมผัสถาโถมเข้ามามากมาย แต่สุดท้ายเสือสมิงแก้วก็เลือกจะพุ่งจู่โจมใส่รณจักร

รอยยิ้มปรากฏบนหน้าเด็กหนุ่มและนาทีต่อมา มีเปลวไฟลุกท่วมปืนลูกโม่ของรณจักร และมันก็กลายสภาพเป็นปืนรูปร่างแปลก ๆ เหมือนลูกซองแต่มีลำกล้องทั้งหมดสามลำกล้อง รณจักรใช้สองมือประคองปืนไว้และลั่นไกทันที กระสุนสามนัดพุ่งตรงไปที่หัวของเสือสมิงแก้ว นัดแรกทะลุเข้าที่ขาหน้าขวา นัดที่สองทะลุเข้าจมูกและนัดสุดท้ายเข้าหน้าผาก

แต่เสือสมิงแก้วกลับไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่าย ๆ รณจักรรู้ดีว่าแค่นี้ยังฆ่ามันไม่ได้ เจ้าเสือร้ายพยายามจะยันร่างลุกขึ้น แต่ก็ทำได้ลำบากเพราะขาหน้าที่บาดเจ็บ เสียงปืนดังอีกรอบพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้องของเสือสมิง คราวนี้มันทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความทรมาน เสือสมิงรู้สึกเจ็บปวดมากกว่ากระสุนและอาวุธใด ๆ ที่มันเจอ นาทีต่อมาก็มีบางอย่างเหยียบหน้ามันไว้ ซึ่งมันก็คือปลายกระบอกปืนสามลำกล้องของรณจักร

ปัง !

กระสุนทั้งสามยิงอัดเข้าหัวเสือสมิงในระยะเผาขน ด้วยความแรงของไฟธาตุวายุส่งผลให้หัวของมันหายไป เหลือแค่เพียงลำตัวของเสือที่ไม่กี่อึดใจมันก็กลายสภาพเป็นร่างมนุษย์ที่ไม่มีหัว สักพักเสียงปรบมือก็ดังขึ้น รณจักรหันขวับไปมองพร้อมหันปากปืนไปด้วย พบว่าเจ้าของเสียงปรบมือคือชายชุดสูทลูกน้องของคลื่นกระแทกโลกา

"สวัสดีอีกครั้งครับคุณรณจักร" ชายชุดสูทกล่าว "เจ้านายสั่งให้ผมมารับคุณครับ"

รณจักรพยักหน้าและเดินตามชายชุดสูทคนดังกล่าว พอดีกับที่พรานทองอุ้มบัวผันวิ่งออกมา และได้เห็นภาพที่ไม่คิดว่าตนจะได้เห็น รณจักรหายไปกับแสงสีขาว ทำเอาพรานเฒ่าอดคิดไม่ได้ว่าหรือเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นเทวดา ที่ถูกส่งมาเพื่อจัดการเสือสมิง เมื่อคิดแบบนั้นพรานทองพนมมือยกขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมเปร่งเสียง "สาธุ" สามครั้ง และพาลูกสาวเดินทางกลับไปยังหมู่บ้าน

นับแต่นั้นมาหมู่บ้านของพรานทองก็กลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ไม่มีใครพบเจอเสือสมิงอีกเลยพร้อมกับเรื่องเล่าขาน ถึงเทวดาหนุ่มตนหนึ่งถูกส่งมาเพื่อปราบเสือสมิง ก็ถูกเล่ากันปากต่อปากยันชั่วลูกชั่วหลาน


จบบริบูรณ์

🐅🐅🐅🐅


ติดตามเรื่องราวของรณจักรได้ต่อใน นักรบพันธุ์โหด ตอน มือปราบสั่งตาย กับ หน่วยรบเพชฌฆาต ตอน บุกถล่มอาณาจักรมนุษย์กินคน เร็ว ๆ นี้