บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์

รวมเรื่องสั้น - ตอนที่ 5 การตกหลุมรักของคุณหนูจอมเวท โดย ลักกี้ หยาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รวมเรื่องสั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์

ผู้แต่ง

ลักกี้ หยาง

เรื่องย่อ

สารบัญ

รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 1 ล่าปีศาจเสือสมิง,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 2 ล่าเหี้ยมไอ้เข้พันธุ์นรก,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 3 บ้านแสนสุข,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 4 ลูกซองเจาะกะโหลกปีศาจ,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 5 การตกหลุมรักของคุณหนูจอมเวท,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 6 เพื่อนแท้ เพื่อนตาย,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 7 หน้ากากแก้ว,รวมเรื่องสั้น-ตอนที่ 8 ไม่เคยหนีพ้น (1/2)

เนื้อหา

ตอนที่ 5 การตกหลุมรักของคุณหนูจอมเวท

เธอคือคนเดียว

ที่จะอยู่ในหัวใจของฉัน

แค่เธอคนเดียว... ต้องเป็นเธอเท่านั้น

ฟินทัน


ทั้งที่วันนี้เป็นวันที่ ฟินทัน จะได้พักนอนอยู่บ้าน แต่กลับถูกมารดาลากตัวมางานเลี้ยงวันเกิดของหลานสาว ซึ่งหลานที่ว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่ามารดาผู้ล่วงลับ พี่น้องคนอื่น ๆ พากันหนีเอาตัวรอด สุดท้ายจึงมีแค่ฟินทันที่จำต้องมาร่วมงาน อย่างน้อยก็ยังมีบิดาอยู่เป็นเพื่อน ในตอนแรกเขาตั้งใจจะอยู่วงนอกของงาน เพราะไม่อยากยุ่งกับพวกคนไฮโซเท่าไหร่ แต่แล้วมีบางอย่างดึงดูดความสนใจของเด็กหนุ่ม เขาหันไปทางขวามือแลเห็นว่ามีฝูงชน กำลังมุงดูบางอย่างด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ


นาทีนั้นเด็กหนุ่มเห็นแสงสีฟ้าอ่อน ๆ แวบไปมาอยู่กลางมุงคนดู ฟินทันตัดสินใจเดินเข้าไปและฝ่าวงล้อมจนเริ่มเห็น แสงสีฟ้าเด่นชัดมากขึ้นจนในที่สุดเขาก็อยู่วงใน และได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งสวมชุดเดรสกระโปรงสีขาวยาวกุมหัวเข่า ไว้ผมยาวสีน้ำตาลและดวงตาสีฟ้าอ่อน แต่สิ่งที่ฟินทันสนใจคือแสงสีฟ้าที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วมันมาจากสัตว์วิเศษตนหนึ่ง


ลักษณะคล้ายสุนัขจิ้งจอกที่มีขนสีฟ้า ฟินทันคิดว่าแสงสีฟ้าน่าจะเป็นพลังออร่าของมัน เด็กหนุ่มจำได้จาก จามาล เพื่อนที่เป็นทหารจอมเวท เคยเล่าให้ฟังว่าการจะอัญเชิญสัตว์เทพ ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างมาก เพราะต้องควบคุมสัตว์เทพไม่ให้ออกอาละวาด หรือเผลอไปทำร้ายคนอื่นเพราะในอดีตเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้ว แต่เท่าที่ฟินทันสังเกต ดูเหมือนเธอจะควบคุมได้ดีไม่น้อย


ระหว่างเขาได้ยินคนที่มุงดูอยู่กำลังพูดชื่นชมเด็กสาว และทำให้เขารู้อีกว่าเธอคนนี้มีชื่อว่า แอชลีย์ คอร์นวอลล์ หรือที่ใครหลายคนเรียกเธอว่า "เลดี้แอชลีย์" เป็นบุตรีของ เอิร์ลคอร์นวอลล์ แถมยังเป็นพระสหายคนสนิทของ เจ้าหญิงไอซ่า แห่งอาณาจักรยูเนียร์ ครู่ต่อมาเสียงปรบมือดังขึ้น ซึ่งมันมาจากเอิร์ลคอร์นวอลล์นั้นเอง เขาเดินมายืนเคียงข้างเด็กสาวด้วยสีหน้าชื่นชมและภูมิใจในตัวลูกสาว


"ถ้าแม่ยังอยู่ พ่อเชื่อว่าแม่ต้องภูมิใจ" เขากล่าวเสียงอ่อนโยน "เก่งมากเลยลูก"


"ขอบคุณคะ ท่านพ่อ" แอชลีย์พูดและส่งยิ้มหวานให้บิดา


น่าแปลกทั้งที่เธอยิ้มให้บิดาแต่ทำไมใจของฟินทันต้องสั่นสะท้านด้วย เขาจึงรีบตั้งสติและกำลังจะหมุนตัวออกจากฝูงชน แต่ก็มีเสียงดังไล่หลังเขา


มันคือเสียงของมารดาเขานั้นเอง


[บ้าเอ้ย ! ซวยแล้วไง] 


ฟินทันหันมาสบตากับมารดาที่อยู่ในชุดเดรรสกระโปรงยาวสีครีมอ่อน และประดับประดาด้วยเครื่องเพชรอันวิจิตร สมฐานะที่มารดามาจากตระกูลผู้ดี เขายิ้มอันจืดชืดให้กับคนตรงข้าม ส่วนมารดาสั่นศีรษะด้วยความเอ็นดูในตัวลูกชาย


"แม่กับพ่อตามหาลูกตั้งนาน เดี๋ยวแม่ก็ทิ้งไว้ที่นี่หรอก" มารดาพูด


"อ้าว จะกลับกันแล้วหรือครับ" เขาถาม


"ใช่ พ่อเขามีงานต้องทำและแม่ก็ได้ทำหน้าที่ของแม่แล้ว คงไม่ต้องอยู่นานแล้วล่ะ" มารดาตอบ


"โอเค ครับ"


ทว่ายังไม่ทันที่สองแม่ลูกจะก้าวเท้าเดินออกจากห้อง เอิร์ลคอร์นวอลล์จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาผู้ล่วงลับ โดยเจอกันครั้งสุดท้ายคืองานศพของภรรยา แล้วนับแต่นั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เอิร์ลไม่รอช้ารีบวิ่งตามและร้องเรียกอีกฝ่าย 


"แยนนิเฟอร์ นั่นคุณใช่ไหม" เอิร์ลคอร์นวอลล์ร้องทัก


ฟินทันเหลียวหลังหันมามองเจ้าภาพงานที่พึ่งเอ่ยชื่อมารดาออกมา เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและหันไปมองคนข้าง ๆ ดูจากสีหน้าแล้ว มารดาน่าจะรู้จักกับชายตรงหน้าแต่ก็ไม่อาจทราบได้ว่า รู้จักกันในฐานะอะไร ด้านหลังของเอิร์ลเด็กสาวผู้เป็นบุตรีเดินตามมาสมทบ


"เอิร์ล จำฉันได้หรือคะ" มารดาเอ่ยถามด้วยเสียงแปลกใจ


"ทำไมผมจะจำไม่ได้ล่ะ เพราะคุณทำให้เครสซิด้ายอมแต่งงานกับผม" เอิร์ลคอร์นวอลล์กล่าว และยิ้มออกมาเมื่อได้นึกถึงเรื่องราวในอดีต


แน่นอนว่ามารดาของฟินทันก็ยิ้มเหมือนกัน 


"แหม เรื่องมันผ่านมานานมากเลย ฉันดีใจนะคะที่เอิร์ลยังจำได้" 


ตอนแรกฟินทันไม่อยากยุ่งกับวงสนทนา แต่ความสงสัยใคร่รู้เอาชนะเด็กหนุ่มจนได้ ฟินทันจึงหันไปถามมารดา "แม่ครับ เขาคือใครครับ"


คำถามของเขาสะดุดใจมารดาไม่น้อย พลางเพิ่งนึกชึ้นได้ว่า ฟินทันไม่รู้จักอีกฝ่าย มารดาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบคำถาม


"ฟินทัน ท่านคือเอิร์ลคอร์นวอลล์" มารดากล่าวแนะนำ "และเป็นสามีของเพื่อนแม่เอง รวมทั้งเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้ด้วย"


ฟินทันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะพบว่าเอิร์ลคอร์นวอลล์ มองเขาด้วยแววตาที่ดูจะสนใจอะไรบางอย่างในตัวเขา แต่สิ่งที่สะกดเด็กหนุ่มก็คือสายตาของแอชลีย์ ที่สบตากับฟินทันพอดีก่อนจะเบี่ยงหลบไปทางอื่นด้วยท่าทีเขินอาย ส่วนเขายืนเกาหัวด้วยความฉงนใจ


"เด็กหนุ่มคนนี้ลูกชายของคุณหรือ" เอิร์ลคอร์นวอลล์ถาม "หล่อเหลาไม่เบาเลยนี่"


"ท่านเอิร์ลเดาถูกแล้วคะ เขาชื่อฟินทัน" มารดากล่าวแนะนำตัวเขา "เป็นลูกชายของฉันกับเชมัสคะ" 


"เชมัส... ทหารชาวฟรอนเทียร์ผู้นั่นนะหรือ" เอิร์ลคอร์นวอลล์ถาม "เขาอยู่ไหนแล้วล่ะ ผมติดหนี้บุญคุณสามีคุณไว้มากโข"


ฟินทันสะดุดประโยคนี้ประกอบกับท่าทางแปลก ๆ ของมารดาอีก ครู่ต่อมาบิดาก็เดินมาสมทบเพื่อที่จะพากันออกจากงาน และมีการสนทนาพูดคุยกับท่านเอิร์ล ซึ่งฟินทันไม่อาจรู้หัวข้อในการสนทนาได้ แต่หากลางสังหรณ์ของเขาไม่ผิดละก็


มันต้องเกี่ยวข้องกับบุตรีของท่านเอิร์ลอย่างแน่นอน


❤️❤️❤️❤️


หลังจากเหตุการณ์ในงานเลี้ยงคราวนั้น ฟินทันสังเกตว่าระยะหลังมาทางฝั่งโน้น เริ่มส่งบัตรเชิญร่วมดื่มชามาที่บ้านครอบครัวญาติฝ่ายมารดาบ่อยขึ้น แต่ฟินทันเลือกที่จะไม่ไปเพราะเขาพอแล้ว กับงานเลี้ยงของพวกชนชั้นสูง ตอนนี้บิดาเดินทางกลับฟรอนเทียร์ เหลือแค่เขากับพี่ ๆ น้อง ๆ และมารดาที่ยังพักในคฤหาสน์ตระกูลบริดเจอร์ ซึ่งเป็นญาติฝั่งมารดา นานครั้งที่พวกเขาจะมาเยี่ยม


เท่าที่ฟินทันสังเกตเห็นคือกิจกรรมการดื่มชา ดูจะเป็นกิจวัตรประจำวันของบรรดาเด็กสาวที่ต้องเข้าสังคม จนบางครั้งเด็กหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเธอจะสนทนาเรื่องอะไรกันบ้าง แต่มันก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่ม ในแบบที่ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อน นับตั้งแต่ฟินทันได้เจอกับแอชลีย์ คอร์นวอลล์ 


ไม่มีวันไหนที่เขาไม่นึกถึงเธอเลย และทุกครั้งที่ภาพของเด็กสาวปรากฏขึ้นมา ใจเขาก็มักเต้นแรงและเต้นไม่เป็นจังหวะ


"ฟินทัน" 


เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งรับลมเย็น ๆ ที่สวนก็หันมาด้านหลัง พบว่าเจ้าของเสียงคือ เจเนเวีย ลูกสาวของ ไวน์เคาร์นบริดเจอร์ มีศักดิ์เป็นลุงแท้ ๆ ของฟินทัน แต่ถึงกระนั้นเขากับพี่น้องคนอื่นก็ไม่ค่อยสนิทกับเจเนเวียเท่าไหร่ จึงเป็นเรื่องแปลกที่ญาติคนนี้เดินมาหา


"ว่าไง มีเรื่องอะไรเหรอ" ฟินทันถาม


"มี นายมีเวลาจะคุยกับฉันไหม" เจเนเวียถาม "รับรองรบกวนเวลาของนายไม่นาน"


ฟินทันพยักหน้ารับและหันมาทาง เฟรชเชอร์ พี่ชายฝาแฝดของฟินทันที่หน้าไม่ค่อยคล้ายกัน เพราะเกิดไข่คนละใบแถมนิสัยใจคอก็ต่างกันด้วยเช่นกัน เมื่อแฝดพี่พยักหน้าให้ในทำนองว่า "ไปเถอะ" ฟินทันจึงลุกเดินตามหลังเจเนเวียไปคุยส่วนตัวอีกทีหนึ่งของสวน


"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า" ฟินทันถาม ยังคงนึกแปลกใจที่ญาติลูกพี่ลูกน้องคนนี้อยากสนทนากัลเขา


"ฉันจะไม่พูดอ้อมโลกนะ" เจเนเวียพูด "คืองี้นะนายจำเลดี้แอชลีย์ที่งานวันเกิดของ เลดี้เอลซ่า ได้ไหม"


"จำได้สิ คนที่แสดงทักษะการอัญเชิญสัตว์เทพสินะ"


"ใช่"


"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ"


"เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็ม ๆ" 


"ยังไง"


"แอชลีย์อยากรู้จักกับนาย"


คำตอบที่ได้รับทำเอาฟินทันยืนนิ่งเป็นหุ่นไปสามนาที จนได้สติเพราะเสียงเจเนเวีย จากนั้นญาติคนนี้ก็เล่าต่อว่าในตอนไปดื่มชาพูดคุยกัน ตอนแรกมันก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นการพบปะแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น กระทั่งตอนเจ้าหญิงไอซ่าเสด็จมาดื่มชาด้วยจู่ ๆ เลดี้แอชลีย์ก็ถามเจเนเวียถึงญาติห่าง ๆ ที่มีชื่อว่า "ฟินทัน" และท่าทางจะสนอกสนใจเด็กหนุ่มพอสมควร


ทำเอาเพื่อนสาว ๆ พากันกระเซ้าหยอกว่าเจ้าตัวต้องตกหลุมรักฟินทันแน่นอน ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากเชิญเขาไปร่วมดื่มชากับเจเนเวียด้วยในครั้งนี้ ทว่าฟินทันยังดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย


แต่เจเนเวียไม่คิดเช่นนั้น


"นายดูถูกตัวเองเกินไป ฟินทัน" เจเนเวียว่า


"ฉันแค่พูดความจริง แล้วอีกอย่างฉันไม่ค่อยชอบวิถีคนชนชั้นสูงด้วย"


เจเนเวียมองญาติตัวเอง "นี่นาย คงไม่คิดว่ากิจวัตรทุกอย่างของฉัน คือวิถีชนชั้นสูงไปเสียหมด"


ฟินทันพยักหน้า "หรือไม่จริง"


เจเนเวียกุมขมับไปหนึ่งครั้ง


"เอางี้นะ นายแค่เดินคุยทำความรู้จักกับเลดี้แอชลีย์เพื่อนฉันไปก่อน ฉันว่าเธอแค่ตื่นเต้นที่ฉันมีญาติเป็นคนต่างถิ่นน่ะ"


ฟินทันสังหรณ์ใจว่ามันอาจไม่จบแค่นี้ ภาพที่ท่านเอิร์ลบิดาของเลดี้แอชลีย์ให้ความสนใจในงานเลี้ยง เป็นอะไรที่ชวนกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เขาไม่ได้รังเกียจเลดี้แอชลีย์เพราะดูจากคลื่นมานา มันเป็นพลังเวทบริสุทธิ์มากดังนั้นเธอไม่คิดร้ายกับใครแน่นอน แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ ส่วนตัวแล้วฟินทันอยากให้มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มิใช่เกิดจากญาติผู้ใหญ่ยัดเยียดมาให้


"แล้วเธอต้องไปดื่มชากับเลดี้แอชลีย์หรือเปล่า" เขา


เจเนเวียพยักหน้าตอบ


"แล้วจะไปตอนไหน"


"ตอนบ่ายโมง ถ้านายตอบตกลงว่าจะไป ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ฉันจะรอนายที่หน้าบ้าน"


หลังใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีในที่สุด ฟินทันในลุดใส่เสื้อคอปกมีกระดุมสีฟ้าอ่อน สวมกางเกงขายาวสีดำแต่รองเท้า ยังคงเป็นผ้าใบเมื่อเขาพร้อมแล้ว เจเนเวียก็พาเด็กหนุ่มขึ้นรถรีมูชีนสีดำ เพื่อเดินทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลคอร์นวอลล์ ระหว่างทางเด็กหนุ่มคิดว้าวุ่นอยู่ในสมอง พลางเกิดความคิดสุดบรรเจิดว่า เขาควรกระโดดออกจากรถตอนนี้ดีไหม แม้ว่าสุดท้ายฟินทันก็ไม่ทำตามสิ่งที่คิด


เวลาผ่านไปสามชั่วโมงครึ่งในที่สุด ฟินทันก็เข้าสู่เขตคฤหาสน์คอร์นวอลล์ โดยรถแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ ซึ่งเจ้าบ้านกำลังรอต้อนรับอยู่หนึ่งในนั้นมีเลดี้แอชลีย์ยืนข้างท่านเอิร์ล เธออยู่ในชุดกระโปรงสีครีมอ่อนยาวกุมเข่า บนเรือนผมยังคงติดกิ๊บรูปดอกไม้ ฟินทันจ้องมองเลดี้แอชลีย์อย่างไม่วางตา


เสียงหัวใจที่เต้นแรงและรัวเร็ว จนฟินทันรู้สึกหายใจลำบาก ราวกับเลือดในร่างกายซูดฉีดเร็วเกินไป แต่แล้วสติของฟินทันก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เพราะเสียงเรียกของเจเนเวีย


"มัวทำอะไรอยู่น่ะ ลงมาได้แล้ว"


ฟินทันรีบลงจากรถเพื่อมาทักทายเจ้าบ้านในทันที แวบหนึ่งเขาเห็นเลดี้แอชลีย์ยิ้มให้


"สวัสดีครับ ท่านเอิร์ล" ฟินทันทักทายและทำความเคาระด้วยการก้มศีรษะ


เอิร์ลคอร์นวอลล์เดินมาตบไหล่เด็กหนุ่ม 


"ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ของฉัน ฟินทัน" เอิร์ลคอร์นวอลล์กล่าว "มารู้จักกับครอบครัวของฉัน"


และเขาก็โดนเอิร์ลคอร์นวอลล์พาไปแนะนำสมาชิกในครอบครัวทีละคน ทำให้ฟินทันรู้ว่าท่านเอิร์ลมีลูกทั้งหมดหกคน ชายห้าคนและหญิงสองคนซึ่งเลดี้แอชลีย์เป็นคนสุดท้อง เท่าที่ฟินทันสังเกตท่านเอิร์ลจะสนิทกับเธอมาก อาจเพราะเลดี้แอชลีย์มีใบหน้าคล้ายภรรยาผู้ล่วงลับ


เด็กหนุ่มโค้งตัวลงเพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติแก่เลดี้แอชลีย์


"สวัสดีครับ เลดี้แอชลีย์" เขากล่าวทักทาย "ผมมีชื่อว่า ฟินทัน บาลด็อก ยินดีที่ได้รู้จักครับ"


เด็กสาวส่งยิ้มหวานให้


"สวัสดีคะ ฉันชื่อ แอชลีย์ คอร์นวอลล์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"


ไม่รู้ทำไมแต่รอยยิ้มของเธอ มันช่างสะกดใจเขายิ่งนัก


❤️❤️❤️❤️


ภาพในความทรงจำเกี่ยวกับมารดาที่แอชลีย์จดจำได้ตั้งแต่เด็ก คือความรักอันบริสุทธิ์ของบิดาและมารดา ทั้งสองประคองรักกันเรื่อยมาจนถึงวันสิ้นลมของมารดา เธอจำได้ว่าในฝังงานศพบิดาไม่ยอมมาร่วมงาน เอาแต่ขังตนไว้ในห้องของตนเอง เพราะไม่อาจยอมรับความสูญเสียได้ บิดาใช้เวลาเยียวยาตนเองอยู่พักใหญ่ จนกลับมาเข้มแข็งตามเดิม


ในบรรดาพี่น้องทั้งห้าคนคงมีแค่ แบรนดอน พี่ชายคนโตที่แทบไม่หลั่งน้ำตาออกมา จนแขกในงานต่างชุบชิบว่า เขาช่างไร้หัวใจไม่คิดแม้แต่จะแสดงความอาลัยต่อมารดาในวันสุดท้าย ใช่ ทุกคนตัดสินพี่ชายเธอเช่นนั้น แต่ที่ไม่มีใครรู้เลยคือ หลังจบงานศพมารดา แอชลีย์ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากห้องของแบรนดอน


เมื่อแอชลีย์อายุครบสิบเอ็ดปีก็ถูกส่งไปร่ำเรียนไสยเวทย์ ที่สถาบันเวทมนตร์ชั้นนำของยูเนียร์ เป็นที่เกี่ยวกับที่เอลซ่าพี่สาวของเธอ สถาบันเวทมนตร์นาม "มาธา" เป็นโรงเรียนประจำที่แอชลีย์ต้องกินนอนอยู่ที่นั้น เป็นเวลาอย่างน้อยแปดปี และสถาบันแห่งนี้นี่เองที่ทำให้แอชลีย์ได้พบกับเจ้าหญิงไอซ่า และกลายเป็นพระสหายของพระองค์


และตอนนี้แอชลีย์กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ห้า เธอกับเอลซ่าพี่สาวเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ แถมมันใกล้วันเกิดครบสิบแปดของเอลซ่าแล้ว บิดาจึงตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงและจะให้สองสาวโชว์ ทักษะการใช้เวทมนตร์ให้ผู้มาร่วมงานได้เห็น ซึ่งเอลซ่าไม่ค่อยปลื้มนัก


"ทำไมล่ะพี่" แอชลีย์ถาม "พี่เก่งจะตาย ใครเห็นก็ต้องชื่นชมอยู่แล้ว"


เอลซ่าส่ายหน้า "ไม่ล่ะ พี่โชว์มาพอแล้วตอนเรียนในสถาบัน พี่ขอพักบ้าง" จากนั้นก็มองมาที่น้องสาว "แต่พี่อยากเห็นพัฒนาการของเธอนะ"


"เอ๋ ?"


"ไม่ต้องมาทำหน้างงใส่พี่เลย ตอนเรียนด้วยกันพี่ฟังแต่อาจารย์เล่า แต่เธอไม่เคยเเสดงให้พี่ดูเลย กลัวพี่อิจฉาหรือไง"


"เปล่าเสียหน่อย" 


"ถ้าอย่างนั้นตอนอยู่ในงานก็ปล่อยของเต็มที่เลย พี่อยากเห็นจริง ๆ นะ" เอลซ่าพูด "ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่เธอให้พี่ละกัน"


❤️❤️❤️❤️


ก่อนงานเลี้ยงวันเกิดของเอลซ่าจะเริ่ม บิดาได้ส่งบัตรเชิญไปยังหมู่สังคมชนชั้นสูง เพราะความโดดเด่นที่เอลซ่าเคยทำไว้ในสถาบัน ส่งผลให้มีแขกมาร่วมงานมากมาย แอชลีย์ถูกพี่เลี้ยงพามาจับแต่งตัวเพื่อเตรียมไปต้อนรับแขก หลังจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ เธอต้องมารวมตัวกับพี่ ๆ ก่อนงานเริ่ม 


ไม่ถึงสิบนาทีแขกมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ เอลซ่าได้รับความสนใจมากมายจากแขกในงาน รองลงมาก็เป็นพี่ชายทั้งสี่คนที่หน้าตาหล่อเหลา ดึงดูดสาว ๆ ได้ไม่ยากเย็น แอชลีย์ตัดสินใจจะปลีกตัวออกจากงาน เพื่อเตรียมตัวแสดงทักษะเวทอัญเชิญ ที่ตัวเธอร่ำเรียนและฝึกฝนมาอย่างหนัก


ทว่าเพราะรีบเดินเร็วเกินไปทำให้เธอ เผลอสะดุดเท้าของตัวเอง และกำลังจะล้มกระแทกกับพื้น เสี้ยววินาทีนั้นเดชะบุญที่มีคนคว้ามือแอชลีย์ และดึงร่างของเธอ ให้กลับมายืนได้เช่นเดิม โดยคนที่ช่วยเธอไว้ เป็นเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกัน วินาทีที่สบตากันแอชลีย์ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงมาก แอชลีย์รีบแยกตัวออกห่างจากอีกฝ่าย


"เป็นอะไรหรือเปล่า" เด็กหนุ่มถาม "บาดเจ็บตรงไหนไหม" 


แอชลีย์สั่นศีรษะ "ไม่คะ ขอบคุณมากนะคะถ้าไม่ได้คุณช่วย ฉันแย่แน่ ๆ"


"อืม ยังไงก็ระวัง ๆ หน่อย อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นง่าย"


พูดจบเด็กหนุ่มคนดังกล่าวก็เดินจากไป ปล่อยให้แอชลีย์ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่นานเพราะพี่เลี้ยงมาตามตัวทำให้เธอตั้งสติ และรีบไปเตรียมตัวเพื่อแสดงทักษะเวทของตัวเอง


ในลานห้องโถงจัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ แอชลีย์อันเชิญสัตว์เทพตัวเล็ก ๆ ออกมาและเล่นกับมันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง ท่ามกลางเสียงชื่นชมไม่ขาดสาย สายตาของเด็กสาวก็หันมาสบตาเข้ากับเด็กหนุ่มคนเดิม ผู้ที่พึ่งจะช่วยเธอเอาไว้ กำลังยืนดูการแสดงของเธออยู่ นาทีนั้นความประหม่าก่อตัวในใจแอชลีย์ ทว่าเธอก็สามารถแสดงโชว์ต่อจนจบ


เสียงปรบมือดังทั่วห้องโถงพอดีกับที่บิดา เดินมายืนข้างแอชลีย์ด้วยแววตาอ่อนโยน แต่แล้วแอชลีย์ก็เห็นเด็กหนุ่มคนนั้น กำลังคุยกับผู้หญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นมารดาของเขา ที่สำคัญเหมือนทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากงาน หากไม่ใช่เพราะบิดาร้องทักสองแม่ลูกคู่นั้น


ในบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสอง ทำให้แอชลีย์จำผู้หญิงคนนี้ได้ เลดี้แยนนิเฟอร์ บริดเจอร์ น้องสาวของไวเคาร์นบริดเจอร์ บิดาของเจเนเวียเพื่อนสนิทในกลุ่มที่สถาบัน และเลดี้แยนนิเฟอร์เป็นเพื่อนสนิทกับมารดาด้วย ส่วนเด็กหนุ่มที่ช่วยแอชลีย์ไว้เป็นบุตรชายของเธอ นามว่า ฟินทัน แต่บทสนทนาจำต้องยุติลง เพราะทั้งสองขอตัวกลับกันก่อน


โดยแอชลีย์ยืนมองแผ่นหลังของฟินทัน ที่ค่อย ๆ เดินออกจากคฤหาสน์จนลับตาไป จนถึงตอนนี้ใจของเด็กสาวก็ยังคงเต้นไม่หยุด ไม่รู้ทำไมแต่แอชลีย์อยากทำความรู้จักกับอีกฝ่าย ซึ่งตัวเลือกเดียวคือต้องถามจากเจเนเวีย


ดังนั้นกิจกรรมการดื่มชาในพรุ่งนี้ เธอจะถามเจเนเวียเรื่องนี้


❤️❤️❤️❤️