บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์

รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง - ตอนที่ 8 ล่าปีศาจแครมปัส โดย ลักกี้ หยาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น,นักเขียนรถแห่,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นักเขียนรถแห่,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์

รายละเอียด

รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง โดย ลักกี้ หยาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์

ผู้แต่ง

ลักกี้ หยาง

เรื่องย่อ

สารบัญ

รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 1 ล่าปีศาจเสือสมิง,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 2 ล่าเหี้ยมไอ้เข้พันธุ์นรก,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 3 บ้านแสนสุข,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 4 ลูกซองเจาะกะโหลกปีศาจ,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 5 การตกหลุมรักของคุณหนูจอมเวท,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 6 เพื่อนแท้ เพื่อนตาย,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 7 หน้ากากแก้ว,รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยาง-ตอนที่ 8 ล่าปีศาจแครมปัส

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ล่าปีศาจแครมปัส

การได้กระทืบปีศาจ

มันคืองานอดิเรกที่ฉันรักมากสุด ๆ

หยางเสี่ยวฟง

 

 

เมืองเจลลี่ฟิช ตั้งอยู่ฝั่งใต้ของประเทศพรอนเทร่า มันติดอยู่กับป่าไม้และธรรมชาติเป็นเหตุให้เมืองนี้เงียบสงบ ปราศจากความวุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่ แต่บัดนี้มันมิเป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ข่าวการหายตัวของเด็ก ๆ ในเมืองเริ่มลุกลามใหญ่โตขึ้นเรื่อย จนทางการต้องรีบส่งตำรวจสายสืบที่เป็นเพลเยอร์หรือผู้มีพลังพิเศษมาจัดการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สายสืบไซม่อน กับ สายสืบอัสคาน 

แม้ทั้งสองจะเป็นเพลเยอร์แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย แต่ทั้งสองคือตัวเลือกเดียวที่สถานีตำรวจในเมืองนี้มี และเพราะสกิลการแกะรอยของสายสืบอัสคาน ทำให้รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคือ ปีศาจแครมปัส ซึ่งมันจะอาศัยอยู่ถ้ำในป่าลึก ดังนั้นการจะบุกเข้าไปก็ไม่ใช่เรืองง่าย เพราะตำรวจที่นี้ส่วนใหญ่เป็นแค่คนธรรมดา 

สายสืบไซม่อนกับสายสืบอัสคานจำต้องฝึกฝนในโปรแกรมโหด เพื่อที่จะตามล่าปีศาจแครมปัส แต่มันคงกินเวลานานเกินไป ส่งผลให้ชาวเมืองทนไม่ไหวจึงออกล่ากันเอง สุดท้ายพวกเขาก็สามารถจับชายจรจัดคนหนึ่งได้ พร้อมทั้งมั่นอกมั่นใจว่าชายคนนี้แหละคือปีศาจแครมปัส ทางตำรวจจึงค้นทุกซอกทุกมุม ในที่อยู่อาศัยของ อากิบะ ที่มีแค่เต็นท์โง่ ๆ พื้นที่แคบเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะหลบตัวเด็กได้ 

เมื่อไม่มีหลักฐานทางตำรวจก็ต้องปล่อยตัวอากิบะไป แต่สายสืบไซม่อนกลับกักตัวชายคนดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย เพียงไม่กี่สิบนาทีก็มีการแจ้งมาว่ามีเด็กถูกลักพาตัวไปอีกคน ชื่อ ฟิลลิป และมีพยานที่รอดมาได้คือ รีเบคก้า น้องสาวอายุเพียงแปดปี ซึ่งมีอาการภาวะออทิสติกและอยู่ในอาการหวาดกลัว เนื่องจาก โดมินิค พ่อแท้ ๆ อาละวาดใส่อารมณ์ อีกทั้งยังตีตราใส่เด็กน้อยอีกว่าเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ฟิลลิปโดนจับตัว

ภายหลังสองคู่หูจึงแยกพ่อลูกออกจากกัน และสถานการณ์บีบบังคับจนเรียกได้ว่าไร้หนทาง สายสืบอัสคานจึงตัดสินใจ ส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากเพื่อนทางไกล ซึ่งเป็นเพลเยอร์เหมือนกัน และถนัดงานล่าพวกนี้ด้วย สายสืบอัสคานเล่าว่าเพราะเพื่อนคนนี้ ทำให้เขาตามแกะรอยปีศาจตนนี้ได้ ทว่าถึงกระนั้นสายสืบไซม่อนกลับเห็นต่าง

สายสืบไซม่อนไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามายุ่ง มิฉะนั้นทั้งเขาและสายสืบอัสคาน อาจโดนตราหน้าว่าเป็นพวกไร้น้ำยา

"ช่างหัวคนพวกนั้นเถอะ" สายสืบอัสคานพูด "เราต้องช่วยเด็ก ๆ เหล่านั้นนะ" 

สายสืบไซม่อนพูดไม่ออก "แล้วเพื่อนนายคนนี้... ไว้ใจได้ใช่ไหม"

"ได้สิ" สายสืบอัสคานมั่นใจ "ก่อนฉันจะได้มาเป็นคู่หูนาย ฉันกับเขาเคยช่วยทำคดีบูชายัญสี่ธาตุนักบวช"

"ถ้านายมั่นใจก็ลองให้เขามาช่วยงานนี้ดู" 

สายสืบอัสคานพยักหน้า "ถือว่านายตกลงแล้วนะ"

"เออ"

"ทำตัวดี ๆ กับเขาด้วยล่ะ" 

สายสืบไซม่อนหันมาแยกเขี้ยวใส่คู่หู

"มาทำตัวเป็นแม่ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"

 

😈😈😈😈

 

สนามบินประจำเมืองเจลลี่ฟิช

สองคู่หูตำรวจสายสืบยืนรออยู่ที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า ระหว่างทางเดินสายสืบอัสคานเล่าให้ฟังว่า เขารู้จักกับ "เพื่อนทางไกล" คนนี้ได้อย่างไร สายสืบไซม่อนรู้สึกตกใจไม่น้อย เมื่อได้รู้ว่าคนที่เข้ามาช่วยไขคดีกับสายสืบอัสคาน แท้จริงแล้วเป็นทหารจากฟรอนเทียร์ ซึ่งตอนเจอกันครั้งแรก อีกฝ่ายยังเป็นแค่ยุวชนทหารเท่านั้น

ทว่าปัจจุบันได้กลายเป็นทหารชั้นประทวนไปแล้ว และที่สำคัญทางฝั่งโน้นตอบรับคำขอจากสายสืบอัสคานทันที ภายหลังสายสืบไซม่อนพึ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อว่า หยางเสี่ยวจุน และจากในข้อความตอบกลับ เหมือนเจ้าตัวจะพาอีกคนมาด้วย เป็นน้องชายฝาแฝดชื่อ หยางเสี่ยวฟง

ด้วยความที่สายสืบไซม่อนไม่เคยเจอคู่แฝดแซ่หยางมาก่อน ก็หลงนึกว่าหน้าจะคล้ายกัน เฉกเช่นฝาแฝดที่เคยพานพบ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทั้งหยางเสี่ยวจุนและหยางเสี่ยวฟง หน้าตาแทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้นิสัยใจคอก็ไม่เหมือนกันด้วย

จากการพูดคุยกันหยางเสี่ยวจุนแฝดพี่จะมีลักษณะคือ เป็นคนสุภาพและสุขุมสงบนิ่ง ขณะที่แฝดน้องอย่างหยางเสี่ยวฟง อาจไม่ใช่คนพูดจาสุภาพ แต่ก็มีความสุขุมเหมือนแฝดพี่ ซึ่งก็คงมีแค่นี้ที่ทั้งคู่มียกเว้นความดุดัน ที่สายสืบไซม่อนสัมผัสได้จากตัวอีกฝ่าย มันมีมากกว่าแฝดพี่เสียอีก

บางอย่างได้เตือนสายสืบหนุ่มว่าอย่าคิดเป็นศัตรูกับคนนี้เด็ดขาด ระหว่างเดินทางทางฝ่ายสายสืบอัสคานก็อธิบาย เกี่ยวกับคดีปีศาจแครมปัสให้คู่แฝดฟัง

"ขอข้อมูลเด็กที่หายไปคนล่าสุด" หยางเสี่ยวจุนพูดจากเบาะหลัง

สายสืบไซม่อนส่งแท็ปเล็ตให้อีกฝ่าย "ฟิลลิปอายุสิบเอ็ดปี เป็นลูกชายคนโตของโดมินิค ประกอบอาชีพเป็นคนขับรถส่งของ" 

"ลูกอีกคนล่ะ" หยางเสี่ยวฟงถามบ้าง

"ชื่อรีเบคก้าอายุแปดปี เธอรอดจากปีศาจแครมปัส คงเพราะพี่ชายน่าจะพาซ่อนตัว เลยรอดมาได้อย่างหวุดหวิด" สายสืบอัสคานเป็นคนตอบ

"ซ่อนตัวหรือ..." หยางเสี่ยวจุนทวนคำ "นายเจอรีเบคก้าที่ไหน"

"เธอหลบอยู่ในถังขยะ" สายสืบไซม่อนบอก พลางนึกถึงสีหน้าของเด็กหญิงที่ตัวสั่นในถังขยะสีดำ

"ช่วงนั้นเป็นเวลากี่โมง" 

"หนึ่งทุ่มสามสิบนาที" 

หยางเสี่ยวฟงขมวดคิ้วนิด ๆ "เดี๋ยวนะ หนึ่งทุ่มเนี่ยสำหรับเด็กคือดึกมากเลยนะ ไปทำอะไรข้างนอก"

"เราดึงภาพกล้องวงจรปิดแถวนั้น เห็นว่าสองพี่น้องไปร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน จากการที่เราสอบปากคำพนักงานในร้านที่อยู่กะวันนั้น ให้การว่า เด็กผู้หญิงที่มาด้วยร้องอย่างดีใจที่พี่ชายจะซื้อขนมให้"

"ขนมเหรอ"

"ใช่ เป็นมาร์ชเมลโล่น่ะ ของโปรดของเธอ"

หยางเสี่ยวจุนใช้ความคิดอยู่สามนาที ระหว่างที่ดูภาพสองพี่น้อง กำลังเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไป แสดงว่าปีศาจแครมปัสคงดักรอ ระหว่างทางกลับบ้านแน่ ฟิลลิปเลือกที่จะเสียสละพารีเบคก้า ไปซ่อนตัวไว้ในถังขยะ และตัวเองก็ล่อปีศาจแครมปัสไปให้ห่าง ๆ จุดที่รีเบคก้าซ่อนตัวอยู่ แสดงให้เห็นว่าฟิลลิปรักน้องสาวมากแค่ไหน

ขณะเดียวกันสายสืบอัสคานได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า รีเบคก้าในตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้การดูแลของนักจิตวิทยาเด็ก มีการแยกพ่อกับเด็กออก สืบเนื่องจากเกรงว่ารีเบคก้าอาจถูกพ่อทำร้ายเพราะไฟแห่งโทสะ โดมินิคกล่าวโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ

ส่วนอากิบะคนจรอยู่ภายใต้การคุ้มครอง ประชาชนชาวเมืองเจลลี่ฟิชบางส่วน ยังปักใจเชื่อว่าอากิบะคือคนร้าย หรือไม่ก็เป็นปีศาจแครมปัสจำแลงกายมา หยางเสี่ยวจุนพยักหน้ารับเรื่องและหันมาทางแฝดน้อง 

"นายมีความเห็นว่าไง" เขาถามความเห็น 

"ฉันอยากเจอรีเบคก้า เฝื่อเธอจะมีสารบางอย่างบอกกับเรา" หยางเสี่ยวฟงพูด

"สาร... งั้นหรือ" สายสืบไซม่อนทวนคำ

"ใช่ เด็กพิเศษแต่ละคนจะมีวิธีสื่อสารของตัวเองไม่เหมือนกัน บางทีเธออาจบอกเรื่องที่เกิดขึ้น แต่แค่เราไม่เข้าใจ"

"ได้ ฉันจะพานายไปพบเธอ"

 

😈😈😈😈

 

รีเบคก้านั่งก้มหน้าก้มตาวาดภาพบนสมุดเล่มเปล่า แทบไม่สนใจว่าจะมีใครมาเยี่ยมเธอ และไม่เเม้แต่จะแหงนหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ เพราะติดการฝึกพลังเพลเยอร์ ทำให้สองสายสืบไม่ได้มีโอกาสคุยกับ มาเรีย นักจิตวิทยาผู้ดูแลเด็กหญิง พึ่งจะมีก็วันนี้นี่แหละทำเอาสายสืบทั้งคู่รู้สึกผิดไม่น้อย 

มาเรียนำสมุดบันทึกที่รีเบคก้าวาดจนครบหน้ามามอบให้แก่หยางเสี่ยวฟง เมื่อเปิดหน้าสมุดออกพบเป็นภาพวาดต่าง ๆ ซึ่งโดยรวมแล้ว ถือว่ารีเยคก้ามีพรสวรรค์ในการวาดไม่น้อย ภาพวาดแต่ละหน้าบ่งบอกถึงกิจวัตรประจำวัน ทั้งไปโรงเรียนกลับบ้านอยู่กับพี่ชาย ส่วนใหญ่จะมีภาพวาดฟิลลิปอยู่เกือบทุกหน้ากระดาษ ขณะที่โดมินิคผู้เป็นพ่อมีน้อยมาก

อาจเพราะพ่อต้องทำงานและวันหยุดน้อย จึงมีเวลาอยู่กับลูกทั้งสองน้อยมาก หยางเสี่ยวฟงพลิกหน้าต่อไปก็เห็น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังอุ้มทารกอยู่โดยมีเด็กชายนั่งข้าง ๆ มาเรียจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า นี่คือ ลินดา ภรรยาของโดมินิคแม่ผู้ให้กำเนิดฟิลลิปและรีเบคก้า ปัจจุบันเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนตร์

ฟังถึงตรงนี้ก็พอทำให้คู่แฝดเข้าใจถึงสภาวะความเครียดของโดมินิคได้ ระหว่างที่หยางเสี่ยวฟงเปิดดูภาพวาดไปเรื่อย ๆ เขาพบว่ามีกระดาษบางหน้ามีรอยฉีกขาด "มาเรีย มันมีหน้าที่ขาดไป เหมือนมีคนฉีกนะ"

นักจิตวิทยาสาวหันมาดูหน้าบนสมุดที่ขาด "ออ รีเบคก้าเป็นคนทำ จากการประเมินแล้วเธออาจกำลังนึกถึงเหตุการณ์ไม่ดี จึงตัดสินใจฉีกมันทิ้ง" มาเรียตอบ

"เหตุการณ์ที่พี่ชายเธอโดนลักพาตัวหรือครับ" สายสืบไซม่อนถาม

"หรือตอนที่พ่อพาลโมโหใส่เธอ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้คะ" มาเรียพูด

"เศษกระดาษจากหน้าที่รีเบคก้าฉีก เธอได้วาดอะไรลงไปหรือยังครับ" สายสืบอัสคานถาม

มาเรียพยักหน้าและเดินไปที่โต๊ะทำงาน ดึงเศษกระดาษออกมายื่นให้สายสืบหนุ่ม มันเป็นภาพวาดไม่สมบูรณ์ เนื่องจากรีเบคก้าฉีกมันทิ้งเสียก่อน หยางเสี่ยวจุนมองมาที่เด็กหญิงผู้ซึ่งเอาแต่วาดภาพ เขาเดินมาหาเธอและก้มตัวลงนั่งข้างเธอ

"ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะพาพี่ชายของเธอกลับมาเอง" ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนโยน

รีเบคก้ายังคงวาดภาพต่อแต่แล้วไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา ท่าทางเร่งรีบมากและพอหายใจสะดวกแล้ว ก็รีบรายงานต่อสายสืบไซม่อนทันที ตอนนี้มีรับแจ้งว่ามีเด็กหายไปถึงสี่คน แถมสถานการณ์ในตอนนี้ก็สามารถเรียกได้ว่าวิกฤติ เพราะชาวเมืองต่างเริ่มไม่พอใจ และพากันรวมกลุ่มจะมาประท้วงหน้าสถานี สายสืบอัสคานจึงสั่งให้รีบย้ายอากิบะไปที่อื่น ทั้งหมดพากันรุกหน้าไปยังห้องคุ้มครองพยาน อากิบะและเจ้าหน้าที่ที่คอยคุ้มกันมีหกคน

สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่พวกเขา อย่างไรก็ตามอากิบะไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทว่าในนาทีนั้นเองที่หยางเสี่ยวฟงเห็นชายจรจัด ก็พูดทำลายบรรยากาศของความวุ่นวาย

"เราต้องไปล่าปีศาจแครมปัสตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นรายต่อไปอาจเป็นรีเบคก้า" หยางเสี่ยวฟงพูด

"ข้อนี้เห็นด้วย" หยางเสี่ยวจุนพูดและหันมาทางสายสืบอัสคาน "พาไปที่ป่านั้นที"

"ได้เลย พวกนายน่ะ" สายสืบไซม่อนหันมาทางเจ้าหน้าตำรวจคนอื่น ๆ "ไปเตรียมอาวุธให้พร้อม เราจะไปช่วยเด็กคนอื่น"

จังหวะที่ทุกคนกำลังจะมุ่งหน้าไปขึ้นรถ หยางเสี่ยวฟงก็พูดขัดขึ้นว่า "มีอยู่คนหนึ่งที่ต้องไปกับพวกเราในการล่าปีศาจแครมปัส"

ทั้งมองหยางเสี่ยวฟงเป็นตาเดียว

"ใคร"

 

😈😈😈😈

 

สองพี่น้องแซ่หยางใช้สกิลตามแกะรอยปีศาจแครมปัส จนเข้าไปถึงด้านในลึกของป่าซึ่งสายสืบอัสคานจำได้ว่า มันเป็นเขตหวงห้ามที่หากไม่ได้อนุญาตไม่มีสิทธิเข้ามา อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายคนไม่เข้าใจคือ ทำไมถึงต้องพาอากิบะมาด้วย ชายคนจรเร่ร่อนที่เป็นใบ้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายในคดีนี้ 

อากิบะที่เดินตามมาเงียบ ๆ ก็เอาแต่มองหยางเสี่ยวฟงตลอดทาง สายสืบไซม่อนคิดว่าอีกฝ่ายคงมีคำถามไม่ต่างกับพวกเขา ทว่าทุกคำถามของความสงสัย คงต้องพับเก็บเอาไว้ก่อนเพราะไม่กี่วินาทีต่อมา หยางเสี่ยวจุนสัมผัสได้ถึงปีศาจแครมปัสตนหนึ่ง ซึ่งกำลังพุ่งตรงไปยังโพรงถ้ำที่เป็นเป้าหมายของพวกเขา มันทำให้สายสืบไซม่อนมั่นใจว่าอาจเป็นตัวที่ก่อเหตุเมื่อครู่ แล้วจึงหันไปสั่งเจ้าหน้าที่คนอื่นให้เตรียมอาวุธให้พร้อม

ขณะเดียวกันหยางเสี่ยวฟงก็หันกลับมาทางอากิบะ "นี่อาจเป็นการไถ่บาปของท่าน จัดการซะ" ประโยคดังกล่าวสร้างความงุนงง ให้กับทุกคนไม่น้อยแต่แล้วพริบตานั้นเอง หยางเสี่ยวจุนก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตามด้วยหยางเสี่ยวฟงและอากิบะ ผ่านไปสามนาทีสายสืบอัสคานตั้งสติได้ ก็รีบบอกให้ทุกคนรีบตามทั้งสาม

ปีศาจแครมปัสเร่งฝีเท้าอย่างว่องไว โดยมันกระชับกระเป๋าในมือแน่นราวกับกลัวมันจะหายไป กระเป๋าดิ้นไปดิ้นมาเหมือนมีบางอย่าง พยายามจะออกมาจากกระเป๋า แต่มันก็ไม่มีท่าทางจะสนใจและยังคงมุ่งหน้าไปยังโพรงถ้ำของมัน

"ลักพาตัวลูกของคนอื่นแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันผิดกฎหมาย"

ปีศาจแครมปัสหันไปต้นเสียงก็ถึงกับเบิกตาโต และมันก็ถูกหยางเสี่ยวจุนแทงศอกกระแทกหน้าของมัน แรงศอกทำเอามันชะงักล้มลงกับพื้น เจ้าปีศาจร้ายตกใจไม่น้อยเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนทำมันเจ็บตัวได้ ไม่เพียงแค่นั้นสี่นาทีหรืออาจน้อยกว่า มีใครบางคนพุ่งเข้าประชิดตัวปีศาจแครมปัสด้วยความรวดเร็ว มันใช้กรงเล็บตะปบศัตรูแต่ก็เป็นเพียงความว่างเปล่า

"มึงสินะตัวก่อเหตุ" หยางเสี่ยวฟงพูดเสียงเย็น เขายืนข้างพี่ชายของตน

แต่สิ่งที่ปีศาจแครมปัสจ้องมองอยู่ คือสิ่งที่หยางเสี่ยวฟงถืออยู่เสียมากกว่า กระเป๋าเป้สะพายหลังของมัน บัดนี้อยู่ในมือของฝ่ายตรงเสียแล้ว ปีศาจแครมปัสจับจ้องทั้งสองด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ หยางเสี่ยวจุนบิดหันมาทางแฝดน้องของตน "ไปช่วยพวกสายสืบอัสคานเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง" 

หยางเสี่ยวฟงพยักหน้าและสะพายกระเป๋าของปีศาจแครมปัส "เออ แล้วเจอกัน" และเมื่อชายหนุ่มพร้อมกระเป๋ากำลังจะไป เจ้าปีศาจรีบพุ่งตัวเข้ามาขัดขวางไว้ แต่ก็ช้ากว่าหยางเสี่ยวจุน ซึ่งโผล่ตัวมาดักทางมันราวกับล่วงรู้อยู่แล้วว่ามันจะกระทำสิ่งใด และเขาก็เหวี่ยงหมัดขวาอัดเข้าหน้าปีศาจแครมปัส จนมันเซถอยไปตามแรงเหวี่ยงของหมัด

"กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น" เขาพูดและเปร่งพลังมานาซึ่งก็คือพลังกระแสไฟฟ้าออกมา

ปีศาจแครมปัสกู่ก้องส่งเสียงคำรามก้องกังวานทั่วป่า และพุ่งตรงเข้าโจมตีใส่หยางเสี่ยวจุนทันที มันใช้กรงเล็บอันแหลมคมตะปบโจมตีไม่ยั้ง ฝั่งหยางเสี่ยวจุนยังหาช่องตอบโต้ไม่ได้ จึงเลือกที่จะหลบหลีกไปก่อน เมื่อโจมตีไปอีกครั้งต่อกี่ครั้งไม่โดนศัตรูเลย ส่งผลให้เจ้าปีศาจแพะคลุ้มคลั่งมากขึ้น อีกทั้งการโจมตีก็เริ่มดุดันตามไปด้วย แต่หยางเสี่ยวจุนก็ไม่หวั่นเเกรง

เขาเบี่ยงหลบขวาในจังหวะที่มันใช้กรงเล็บ หวังจะจวงแทงเขา เสี้ยววินาทีนั้นหยางเสี่ยวจุนสวนกลับเจ้าปีศาจแพะ ด้วยการจับไหล่ของมันและใช้เท้าซ้ายถีบเข้าที่น่องขามีขน แรงถีบของเพลเยอร์จะสูงกว่าของคนทั่วไป ดังนั้นผลคือกระดูกของปีศาจแครมปัส ทิ่มทะลุออกมานอกขา ทว่ามันยังไม่ทันจะอ้าปากร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด

หยางเสี่ยวจุนก็ทำการอุดปากด้วยการ เหวี่ยงหมัดอัดเข้าหน้ามันอีกรอบ แต่แล้วปีศาจแครมปัสก็จับแขนของชายหนุ่มไว้ พร้อมกับเอาเขาแหลมคมบนหัวพุ่งตรงมาที่หัวของหยางเสี่ยวจุน หวังให้หัวของอีกฝ่ายแหลกคาเขาของมัน

กลุ่มสายสืบอัสคานต่างแตกตื่นเล็กน้อยกับเสียงดังสนั่นเมื่อครู่ ยกเว้นหยางเสี่ยวฟงที่สนใจโพร่งถ้ำตรงหน้า ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สิบนาทีก่อน ชายหนุ่มที่มาพร้อมกระเป๋าเป้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคือเด็ก ๆ ที่ปีศาจแครมปัสลักพาตัว สายสืบไซม่อนจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสี่คน พาเด็ก ๆ กลับส่งถึงมือพ่อแม่

เมื่อจัดการกับเรื่องเด็ก ๆ แล้วฝั่งหยางเสี่ยวฟง ก็ไม่รอช้าเขาใช้สกิลของผู้ใช้เวทย์ เปิดทางทลายมนตราของปีศาจแครมปัสหมดสิ้น นาทีนั้นเองที่ทุกคนได้ยินเสียงดังจากด้านใน อากิบะคือคนแรกที่เลือกจะเข้าไปในถ้ำ หยางเสี่ยวฟงคือคนที่สอง ตามด้วยสองสายสืบกับลูกทีม พวกเขาใช้เวลาไปเพียงสิบหกนาทีก็มาถึงด้านในสุด มันคือรังของปีศาจแครมปัสที่ไว้ใช้อาศัย

สายตาของพวกเขาก็เห็นกรงเหล็กที่มีเด็ก ๆ นั่งกอดกันด้วยความกลัว หนึ่งในนั้นมีฟิลลิปพี่ชายของรีเบคก้านั่งอยู่รวมอยู่ด้วย ทว่าสิ่งที่หยางเสี่ยวฟงและอากิบะสนใจคือ เศษซากกระดูกและเศษเสื้อผ้านับสิบนับร้อย กองสุมรวมกันอยู่ฝั่งหนึ่งซึ่งมีหม้อต้มและอุปกรณ์ทำอาหาร เพียงเท่านี้มันก็บ่งบอกได้ว่า ชะตากรรมของเด็ก ๆ ก่อนหน้านี้เป็นเช่นไร

ในเสี้ยววินาทีนั้นเองปีศาจแครมปัสที่แอบซ่อนตัวอยู่ ก็พุ่งตัวเข้าจู่โจมใส่หยางเสี่ยวฟงจากด้านข้าง ทว่าพริบตานั้นชายหนุ่มก็เอามือคว้าจับคอมันกลางอากาศ แถมยังยกร่างอันใหญ่ของมันขึ้นได้สบาย ๆ ขณะเดียวกันก็มีอีกสองตนที่มีขนาดใหญ่กว่า ในมือถือมีดอิโต้เตรียมเข้าทำร้ายอากิบะ

สายสืบอัสคานเห็นดังนั้นก็ทำท่าจะรีบเข้าไปช่วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือสองฝ่ามือของชายจรจัด เกิดแสงสว่างวาบขึ้นจนแสบตา สองปีศาจแครมปัสต่างรีบเอามือขึ้นมาบังแสงไว้ จากนั้นมือขวาของอากิบะก็ปรากฏดาบเล่มหนึ่ง มันส่องประกายแสงสีทองออกมา และเมื่ออากิบะตวัดคมดาบออกไป แสงออร่าสีทองพุ่งออกจากปลายดาบ ตรงเข้าแผดเผาปีศาจแครมปัสทั้งสองตนอย่างไร้ปราณี

มันทั้งสองดิ้นทุรนทุรายอยู่ห้าถึงหกนาที ก่อนจะล้มลงนอนแน่นิ่งกลายเป็นเพียง เศษซากสีดำไหม้จากการโดนเผา ส่วนปีศาจแครมปัสที่โดนหยางเสี่ยวฟงจับไว้ ก็ถูกแรงบีบฝ่ามือซึ่งจับคอไว้บีบแรงจนมันคอหักคามือไปแล้ว เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นที่สายสืบไซม่อน เห็นแววตาของชายหนุ่มที่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้ม กลับมาเป็นสีดำตามเดิม ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปหรือไม่

"มันจบแล้วใช่ไหม" หนึ่งในลูกทีมของสายสืบอัสคานถามขึ้น

"อืม มันจบแล้ว" เป็นเสียงของอากิบะ "ข้าสัมผัสได้ว่าที่นี้ ไม่มีพวกมันหลงเหลืออยู่อีกแล้ว"

กลุ่มสายสืบอัสคานพากันยืนอึ้งไม่มีใครเคลื่อนไหวใด ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสำหรับพวกเขา อากิบะคือชายจรจัดที่เป็นใบ้เร่ร่อนขอทานในเมืองมานาน จู่ ๆ กลับแสดงปาฎิหาริย์รวมทั้งพูดได้แบบนี้ เป็นใครก็ต้องมีตะลึงแต่หยางเสี่ยวฟงเลือกทำลายบรรยากาศนี้ ด้วยการเรียกสติให้ทุกคนนำเด็ก ๆ รวมทั้งโครงกระดูกและเศษเสื้อผ้าไปด้วย เพื่อระบุตัวตน

เดชะบุญที่สองสายสืบกับลูกทีมตั้งสติได้ และรีบเด็ก ๆ ออกจากถ้ำ สายสืบไซม่อนหันมาถามหยางเสี่ยวฟงที่ไม่เดินตามมา "นายคิดจะทำอะไรน่ะ"

"ทำลายที่นี้ทิ้งซะ ! เพื่อไม่ให้ปีศาจแครมปัสตนอื่นใช้ถ้ำนี้เป็นที่อยู่" หยางเสี่ยวฟงตอบ 

เมื่ออยู่กับแค่สองคนมีหรือที่อากิบะจะไม่ไถ่ถาม "เจ้ารู้ตัวตนของข้าได้อย่างไร" 

"เพชรน่ะ ต่อให้จมบ่อขี้ที่เหม็นแค่ไหน สุดท้ายมันก็คือเพชร" หยางเสี่ยวฟงตอบ

อากิบะพ่นลมหายใจออกทางจมูกเเสดงให้เห็นว่า ไม่ค่อยพอใจในคำตอบของชายหนุ่มเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามอากิบะตัดสินใจขอชำระถ้ำแห่งนี้เอง จึงขอให้หยางเสี่ยวฟงออกจากถ้ำไปอีกคน ซึ่งเจ้าตัวยังไม่ไปจนกว่าจะได้คำตอบบางอย่าง

"ผมสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง บาปอันใดเน้อที่ทำให้แคสเทียสนักรบทูตสวรรค์ ถึงต้องมาเป็นชายจรจัดเร่ร่อนอยู่ในเมืองที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้"

อากิบะหรือ แคสเทียส หันขวับมาทางชายหนุ่มรอบสอง "นี่เจ้าไม่เพียงรู้สถานะของข้า ยังรู้ด้วยงั้นหรือว่าข้าคือใคร"

"ถ้าท่านตอบคำตอบผม... ตัวผมก็จะตอบคำถามท่าน ยุติธรรมไหม"

อากิบะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเพียงแค่ว่า ที่ตนละทิ้งฐานะทูตสวรรค์มาเป็นชายจรจัด ก็เพื่อลงโทษตนในบาปที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย เพราะมัวแต่สนใจหน้าที่ในการปราบปีศาจ มิได้แยแสต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมาสังเวยในงานปราบปีศาจของตน แคสเทียสจึงตัดสินใจละทิ้งฐานะทูตสวรรค์มาอยู่ในโลกมนุษย์ เพื่อชดใช้บาปที่เคยก่อไว้

ส่วนทางฝั่งหยางเสี่ยวฟงก็อธิบายให้อีกฝ่ายว่า สาเหตุที่เขารู้ว่าอากิบะคือแคสเทียส ก็เพราะว่าตอนเจอกันที่สถานี ชายหนุ่มมองเห็นละอองสีทองเปร่งประกายรอบตัวอากิบะ เพลเยอร์ทั่วไปหรือบุคคลธรรมดาไม่มีทางเห็นแน่ แต่หยางเสี่ยวฟงเป็นเพลเยอร์ ที่ได้ครอบครองพลังยมทูตเพชฌฆาต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเห็นตัวตนของอากิบะได้

"งั้นเจ้าออกไปเถอะ ข้าจะจัดการทางนี้เอง" พูดจบร่างของอากิบะก็เรืองแสงสีทองออกมา กลับกลายเป็นบุรุษรูปงาม พร้อมปีกที่สยายออกมาจากแผ่นหลัง

"ท่านจะไปแล้วสินะ" หยางเสี่ยวฟงถาม

"ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้ว คงมิอาจอยู่ที่นี้ในฐานะ "อากิบะ" ได้อีก" แคสเทียสถอดถอนหายใจ "และเพื่อปกป้องพวกเขาด้วย"

หยางเสี่ยวฟงพยักหน้าเข้าใจแต่เขาก็เลือกที่จะทิ้งประโยคบางอย่างไว้ เผื่อว่านักรบทูตสวรรค์จะตกผลึกบางอย่างได้

"อดีตน่ะเราแก้ไขมันไม่ได้หรอกนะท่าน ไม่ว่าท่านจะลงโทษตัวท่านยาวนานแค่ไหนก็ตาม แต่ปัจจุบันกับอนาคตท่านสามารถทำให้ ไม่ต้องซ้ำรอยเหมือนอดีตได้"

 

😈😈😈😈

 

"ไซม่อน ดูนั่นสิ" สายสืบอัสคานร้องบอกและชี้ให้ดู

หลังหยางเสี่ยวฟงเดินออกมาจากถ้ำได้ไม่นาน โพรงถ้ำที่เคยมืดมิดน่ากลัวบัดนี้มันได้ส่องแสงสว่างจ้าสีทองอร่าม และพวยพุ่งขึ้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหายไป เมื่อทุกคนหันกลับมาทางโพรงถ้ำพบว่ามันกลายเป็นเพียงหินก้อนใหญ่เท่านั้น ไม่มีโพรงถ้ำ ไม่มีปีศาจแครมปัสไล่จับเด็ก ๆ อีกต่อไป แน่นอนอากิบะชายจรจัดก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน

หยางเสี่ยวจุนคือคนสุดท้ายที่มารวมกลุ่ม ในมือขวาเขาถือเขาแพะอันแหลมคมมาด้วย กลางหน้าผากของชายหนุ่ม มีรอยแดงช้ำเหมือนโดนอะไรบางอย่างกระแทกมา แต่หยางเสี่ยวจุนไม่ค่อยแยแสมันนัก และโบกมือทักทายให้กับทุกคน

"หัวนายไปโดนอะไรมาน่ะ" สายสืบอัสคานถาม

"ไม่มีอะไร แค่ฉันเอาหัวโขกกับไอ้แครมปีสมาก็แค่นั้น"

เกิดความเงียบปกคลุมเล็กน้อย แต่ก็ถูกทำลายด้วยการถูกเรียกสติ โดยสายสืบไซม่อนเพราะเขาต้องการจบคดีนี้เสียที ทุกคนต่างพาเด็ก ๆ เดินทางออกจากป่า หยางเสี่ยวจุนกับหยางเสี่ยวฟงเลือกที่จะอยู่ท้ายขบวน เพื่อระวังหลังให้

"นายจะเอาเขามันไปทำอะไร" หยางเสี่ยวฟงถาม "แค่ดาบของพ่อยังไม่พออีกหรือ"

หยางเสี่ยวจุนก้มลงมองของในมือ "เดี๋ยวก็รู้เองแหละ" และยักไหล่ให้แฝดน้อง

หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองสายสืบได้นำโคร่งกระดูกกับเศษเสื้อผ้า เพื่อตรวจสอบ DNA ก่อนจะนำส่งให้กับครอบครัว นับว่าเป็นบรรยากาศที่โศกเศร้าไม่น้อย เมื่อเทียบกับพ่อแม่บางคู่ที่ได้ลูกกลับมามีลมหายใจ ฟิลลิปกับรีเบคก้าได้อยู่ภายใต้การดูแลของภาครัฐ สืบเนื่องจากโดมินิคมีพฤติกรรม ที่สุ่มเสี่ยงจะทำร้ายลูกทั้งสอง จึงมีคำสั่งให้เขาเข้าบำบัดด้านความเครียดก่อน

หัวปีศาจแครมปัสที่หยางเสี่ยวฟงนำออกมาด้วย ได้เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าอากิบะคือผู้บริสุทธิ์ ทว่าก็ไม่มีใครรู้ว่าชายจรจัดคนนี้หายไปไหน กอปรกับสองสายสืบและลูกทีมที่ติดตาม รวมไปถึงเด็ก ๆ ต่างได้รับปากกับคู่แฝดว่า จะไม่ปริปากพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำของอากิบะ คำตอบที่ชาวเมืองเจลลี่ฟิชได้คือ อากิบะออกเดินทางไปจากเมืองนี้แล้ว

เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลงแล้วก็ถึงเวลาที่คู่แฝดต้องเดินทางกลับ โดยสายสืบอัสคานเป็นคนมาส่งทั้งคู่คนเดียว เพราะสายสืบไซม่อนต้องจัดการสะสางสรุปคดีให้ทางเบื้องบน ทั้งสามมาถึงสนามบินในที่สุด ก่อนจากลาสายสืบอัสคานขอบคุณหยางเสี่ยวจุนอีกครั้งที่ตอบข้อความ และตามมาช่วยปิดคดี 

"ไว้เจอกันใหม่นะ อัสคาน เอาแบบไม่ต้องมีเรื่องคดีมาเกี่ยว แล้วเรามานั่งดื่มกัน" หยางเสี่ยวจุนพูด

สายสืบอัสคานยิ้ม "ฉันเห็นด้วย แล้วจะรอวันนั้นนะ"

 

จบ

😈😈😈😈