บททดสอบการเอาชีวิตรอดของนักล่าต่างสายพันธุ์
แอคชั่น,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น,นักเขียนรถแห่,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รวมเรื่องสั้น by ลักกี้ หยางถ้าหากว่ากาแฟของฉัน
สามารถบรรเทาความทุกข์ในใจ
ของทุกคนได้.... ฉันก็มีความสุขมากเลยคะ
คุณนิ่ม
"คุณนิ่ม ผมขอกาแฟดำแก้วหนึ่งกับขนมปังไส้กรอกสองชิ้น"
"ได้คะ รอสักครู่นะคะ"
หญิงสาวเจ้าของนามว่า คุณนิ่ม รับออเดอร์จากลูกค้าก็หมุนตัวมาด้านหลังเคาร์นเตอร์ พร้อมกับชงกาแฟดำใส่แถ้วมีหูสีขาว แล้วนำมาวางลงที่จานรองแก้ว และนำขนมปังขนาดกลางสองชิ้นวางข้างแก้วกาแฟ จากนั้นคุณนิ่มก็ยื่นให้กับพนักงานเสิร์ฟที่รออยู่ โดยคุณนิ่มบอกหมายเลขโต๊ะของลูกค้า เพื่อให้พนักงานเสิร์ฟกาแฟถูกโต๊ะ
แม้ร้านกาแฟจะตั้งอยู่แถบชานเมือง แต่ก็ยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย แถมส่วนใหญ่มักจะเป็นลูกค้าที่คุ้นหน้าคุ้นตา บางคนถึงกับยอมขับรถจากตัวเมือง เพียงเพื่อมากินกาแฟร้านของคุณนิ่ม อาจเพราะรสชาติการชงกาแฟของเธอ หรือเพราะรอยยิ้มอันเป็นมิตรที่จริงใจที่มีให้กับลูกค้า แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่ทุกคนจะได้สัมผัสคือบรรยากาศสบาย ๆ ภายในร้าน และให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
เสียงกริ้งบนประตูหน้าร้านดังขึ้น ทำให้พนักงานและคุณนิ่มหันไปทางเข้า "ยินดีต้อนรับคะ" ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาเป็นผู้ชายสามคน โดยหนึ่งในสามได้หันมาทางคุณนิ่ม พร้อมส่งยิ้มหวานมาให้หญิงสาว
ทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาที่เคาร์นเตอร์ คุณนิ่มก็กล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
"สวัสดีคะ คุณนิกร" คุณนิ่มทักทาย
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อ "นิกร" ยังคงส่งยิ้มหวานมาให้คุณนิ่ม "สวัสดีครับ คุณนิ่ม" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเก๊กหล่อจนคนข้าง ๆ แสดงสีหน้าหมั่นไส้
ตรงข้ามกับคุณนิ่มที่หัวเราะออกมาแผ่วเบา "ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ทั้งสามคนเลย" เธอพูด
"ครับ ช่วงนี้เป็นวันหยุดพวกผมเลยได้พักครับ" คนที่ตอบคือเด็กหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างนิกร
คุณนิ่มพยักหน้า "งั้นวันนี้สั่งเมนูอะไรดีคะ"
นิกรตอบโดยไม่ลังเล "ขอไอติมรสเรนโบว์กับไอติมรสช็อคโกแลต แล้วก็เค้กกล้วยหอมให้น้องชายผมสองคนนี้" ไม่ว่าเปล่ายังเดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มทั้งสอง พร้อมเอาสองมือจับหัวเบา ๆ
ด้านคุณนิ่มก็จดเมนูตามที่ได้รับ พร้อมเงยหน้ามองนิกร "แล้วของคุณนิกรละคะ"
"ผมขอเป็นโกโก้เย็นเพิ่มวิปปิ้งครีม และเค้กกล้วยหอมสามชิ้นนะครับ" นิกรบอก
"แหม คุณนิกรวันนี้ทานของหวานเยอะเป็นพิเศษนะคะ ทุกทีจะเอาแค่โกโก้เย็นอย่างเดียว"
"วันหยุดทั้งทีผมก็อยากกินให้เต็มที่ และที่สำคัญคือ..." นิกรมองหน้าคุณนิ่มพลางทำหน้าหวานเยิ้มใส่ "แค่ได้ยินเสียงคุณแล้ว โกโก้ของผมก็หวานโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลแล้วครับ"
"ไอ้หน้าหม้อเอ้ย"
นิกรหันขวับมาทางฝั่งขวาเพราะต้นเสียงมาจากน้องชายของเขาเอง ซึ่งอีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มที่ดูอายุน้อยสุดแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ จึงสั่งเพิ่มเติมกับคุณนิ่มแค่ว่า "ผมกับพี่แน็ป ขอน้ำเปล่านะครับ" จากนั้นก็พากันลากพี่ชายที่มัวแต่สนใจคุณนิ่มมานั่งรอที่โต๊ะ คุณนิ่มที่เห็นก็สั่นศีรษะเบา ๆ และเดินมาอยู่เคาร์นเตอร์ตามเดิม
น้ำฝน พึ่งทำงานที่นี้เป็นวันแรกก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สามหนุ่มนี้เป็นใครกันและดูท่าทางจะสนิทกับคุณนิ่มพอสมควร และเมื่อความอยากรู้อยากเห็นเป็นฝ่ายชนะ น้ำฝนเดินเลี่ยงไปหา โม ผู้ช่วยที่ทำงานกับคุณนิ่มมานาน "สามคนนั้นเป็นใครเหรอคะ พี่โม" โมที่ได้ยินก็หันกลับมาทางพนักงานที่พึ่งทำงานวันนี้วันแรก
"สามคนนั้นนะหรือ" โมมองโต๊ะที่สามหนุ่มนั่งอยู่ "คนที่กำลังจีบคุณนิ่มน่ะ ชื่อ นิกร การุณวงศ์ อีกสองคนเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณนิกรชื่อ นิติพัฒน์ กับ นิชฌาน การุณวงศ์"
คำตอบที่ได้จากผู้ช่วยผู้จัดการทำเอาน้ำฝนอ้าปากค้าง แม้น้ำฝนจะเป็นพลเรือนมิใช่ชาวฟรอนเทียร์แต่เธอก็รู้จักสามคนนี้ นิกร การุณวงศ์ ทหารหนุ่มอนาคตไกลที่ได้สร้างวีรกรรมมามากมาย ตั้งแต่ยังเป็นยุวชนทหารจนตอนนี้นิกรได้กลายเป็นทหารชั้นประทวน เลื่อนยศมาเป็นสิบเอกไม่นานมานี้ นอกจากทักษะด้านการรบแล้วนิกรยังมีสร้างชื่อด้วยการ เข้าเเข่งขันกระเพาะเหล็กในร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่ง
ซึ่งผลคือนิกรสามารถกินได้ทั้งหมด 190 จานและยังไม่มีใครโค่นสถิตินี้ได้เลย นอกจากนิกรแล้วเขายังมีพี่สาวชื่อ นันทา การุณวงศ์ ซึ่งเธอก็อยู่ในหน่วยรบพิเศษเหมือนกับน้องชาย กล่าวกันว่านันทาเป็นทหารจอมเวทย์ที่เก่งมาก ๆ เพราะสามารถอัญเชิญสัตว์วิญญาณระดับสูงได้ นิติพัฒน์ การุณวงศ์ น้องชายของนิกร อายุห่างกันเพียงสองปีเเละยังมีนิสัยแตกต่างจากพี่ชายโดยสิ้นเชิง
บุคลิกภายนอกของนิติพัฒน์ใครเห็นต่างก็คิดตรงกันว่า เขาดูเหมือนคนเย็นชากับทุกสถานการณ์ (ยกเว้นเวลาอยู่กับนิกร) และมีฝีมือการสู้รบไม่ด้อยกว่านิกรเลย ที่สำคัญอีกไม่นานนิติพัฒน์ก็จะพ้นสภาพยุวชนทหารเลื่อนเป็นชั้นประทวน นิชฌาน การุณวงศ์ น้องคนเล็กสุดที่ยังเป็นยุวชนทหารอยู่ คงต้องรออีกสี่ปีถึงจะได้เลื่อนชั้นประทวน
คุณนิ่มรู้จักทั้งสามตั้งแต่สมัยที่มาตั้งร้านกาแฟใหม่ ๆ โดยตอนนั้นคุณนิ่มถูกพวกนักเลงคุกคาม และนิกรก็เป็นคนมาช่วยเธอเอาไว้ นับแต่นั้นมานิกรก็มักมาอุดหนุนร้านกาแฟคุณนิ่มจนถึงปัจจุบัน และด้วยนิสัยทะเล้นชอบหลี้สาวของนิกร คุณนิ่มไม่ค่อยถือสาอะไรอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รักษาระยะห่างกับชายหนุ่ม เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาขี้ปากชาวบ้าน
ทางฝั่งโต๊ะสามพี่น้องซึ่งนั่งรอเมนูที่สั่งไว้ มาเสิร์ฟที่โต๊ะนิติพัฒน์ตัดสินใจคว้าสมุดออกมา เพื่ออ่านบทสรุปของภารกิจ ที่เป็นของเขาคนเดียวและกำลังจะได้ลงภาคสนามเร็ว ๆ นี้ ส่วนนิชฌานก้มหน้าเล่นเกมบนหน้าจอโทรศัพท์ มีเพียงนิกรที่เอาแต่มองไปรอบร้าน ก่อนจะมองไปทางคุณนิ่มที่กำลังชงโกโก้อยู่
"เลิกมองคุณนิ่มสักทีได้ไหม พี่นิกร" นิติพัฒน์พูดและเงยหน้ามองพี่ชาย "กลัวคนในร้านไม่รู้เหรอว่าพี่จีบคุณนิ่มอยู่"
นิกรหันมาแยกเขี้ยวใส่น้องชาย "ใครมันจะไปเหมือนแกล่ะ แน็ป" นิกรพูดและพ่นลมออกทางจมูก "คนแบบแกน่ะ คงขายไม่ออกแน่ ๆ เพราะสาว ๆ หนีหายหมด"
นิชฌานหันมาเถียงนิกรทันควัน "มันก็ไม่แน่นะพี่นิกร"
"ยังไง" นิกรถาม
"ก็ลองคิดดูสิ ขนาดพี่พลที่พี่บอกว่าจีบหญิงไม่เก่งเท่าพี่ ยังมีเเฟนก่อนพี่เลย" นิชฌานพูดขึ้น
และประโยคนี้ทำเอาคิ้วของนิกรกระตุกนิด ๆ ฝั่งนิติพัฒน์ก็ผสมโรงต่ออีกคน "อย่าว่าแต่พี่พลเลย พี่แห้วแซงหน้าก่อนที่พี่พลจะมีคู่อีก"
นิกรชักเริ่มรู้สึกอยากกระโดดถีบเจ้าน้องชายตัวแสบทั้งสอง กระเด็นออกนอกร้านเหลือเกินหากไม่ติดว่าร้านนี้เป็นร้านกาแฟของคุณนิ่ม จึงทำได้แค่ส่งเสียงหัวเราะ "หึ" ในลำคอ ครู่ต่อมาน้ำฝนก็นำออเดอร์ที่ทั้งสามสั่งไว้มาส่งถึงโต๊ะ ด้วยความที่เธอมาทำงานวันแรก ก็ย่อมไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสามหนุ่มอยู่แล้ว หลังทำหน้าที่เสร็จน้ำฝนก็รีบไปต้อนรับลูกค้าคนใหม่ทันที
ลูกค้าที่เข้ามาใหม่เป็นชายหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับนิกร มีสีผมดำและไว้ทรงซอยสั้นแสกข้างขวา สวมเสื้อคอกลมสีฟ้ากับกางเกงยีนต์ขายาวสีดำ มีผิวแทนน้ำผึ้งอ่อน ๆ พร้อมสะพายกระเป๋ากีต้ามาด้วย สามพี่น้องจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นนักดนตรีที่อาจเตรียมไปแสดงที่ไหนสักแห่ง ทว่าสิ่งที่นิกรสังเกตคือ สีหน้าและแววตาของหนุ่มนักดนตรีกลับดูไร้ชีวิตชีวา
ซึ่งมันคงไม่ดีแน่หากนักดนตรีหนุ่มไปแสดงโชว์ในสภาพนี้ แถมยังนั่งเหม่อลอยไปด้านนอก และไม่ใช่แค่นิกรที่สังเกตเห็น คุณนิ่มที่อยู่หลังเคาร์นเตอร์ก็เห็นแบบเดียวกัน ทางฝั่งน้ำฝนที่พยายามถามออเดอร์จากนักดนตรีหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดจะหันมาสนใจพนักงานเลย สุดท้ายคุณนิ่มก็เดินออกมาจากด้านหลังเคารฯเตอร์
"น้ำฝน ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จัดการเอง" คุณนิ่มพูดเสียงนุ่มนวล "น้ำฝนดูแลโต๊ะอื่นได้เลย"
"ได้ค่ะ" น้ำฝนรับคำและเดินไปดูโต๊ะอื่น
หลังจากนั้นคุณนิ่มก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวด้านหลังร้าน เวลาผ่านไปเพียงเก้านาทีหรืออาจเร็วกว่านั้น ตัวนิกรก็ไม่มั่นใจนักแต่สุดท้ายหญิงสาวก็เดินออกมา พร้อมกับโกโก้ร้อน ๆ กับขนมปังสามชิ้นมาเสิร์ฟที่นักดนตรีคนนั้นนั่งอยู่ นิกรจะไม่แปลกใจหากชายหนุ่มจะแสดงสีหน้าฉงนใจ เพราะเขายังไม่ได้สั่งออเดอร์เลย คุณนิ่มยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตรเสมอ ใครที่เห็นต่างก็ต้องสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเธอ
"ขะ ขะ ขอโทษครับ" ชายหนุ่มเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก "คือผมยังไม่ได้...."
คุณนิ่มยิ้ม "ไม่เป็นไรคะ ถือซะว่าเป็นการบริการจากทางร้านเรานะค่ะ" พูดจบก็วางถ้วยโกโก้กับขนมปังสามชิ้นลงที่โต๊ะ "ถ้าหากต้องการอะไรเพิ่มเติม เรียกฉันหรือพนักงานได้ตลอดนะคะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ จากนั้นคุณนิ่มก็เดินหายเข้าไปข้างในร้านต่อ น้ำฝนที่เห็นเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล ก็เริ่มจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมลูกค้าส่วนใหญ่ถึงยอมมานั่งกินร้านกาแฟของคุณนิ่ม แม้ว่ามันจะอยู่เกือบชานเมืองก็ตาม
"โอ้โห้ คุณนิ่มเนี่ยใจดีจังเลย" น้ำฝนพึ่มพำเบา ๆ หลังส่งลูกค้าอีกสองคนเดินออกจากร้าน
"น้ำฝน" โมร้องเรียกที่หน้าประตูทางเข้าร้าน "มาช่วยพี่หน่อยสิ เดี๋ยวของที่ทางร้านสั่งไว้ใกล้มาถึงแล้ว"
"ค่าาาา"
น้ำฝนรีบวิ่งตามหลังโมไปรอรถขนส่งที่ใกล้มาถึง ขนาดเดียวกันนิกรก็ยังคงมองไปที่ประตูทางเข้าข้างในร้านที่คุณนิ่มเพิ่งจะเดินเข้าไป
☕️☕️☕️☕️
คุณนิ่มที่ตอนนี้เธออยู่ในห้องครัวของร้าน กำลังลงมือทำเค้กสองถึงสามชิ้น โดยตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนผสมแป้งอยู่ ทว่าในช่วงที่เธอใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน จู่ ๆ รอบตัวของหญิงเกิดประกายเเสงสีขาวขึ้น กลายเป็นตราวงแหวนเวทย์และปรากฏละอองสีขาว กระจายไปทั่วบนขนม รวมทั้งเครื่องดื่มที่ทางร้านให้บริการลูกค้า
หญิงสาวยืนครุ่นคิดถึงชายหนุ่มคนเมื่อครู่ เธอจำได้ว่าเขาคนนี้เคยมากินโกโก้ร้อน ๆ กับผู้หญิงอีกคนซึ่งคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ก็คงจะเป็นคนรักของนักดนตรีหนุ่ม มีช่วงหนึ่งที่คู่รักคู่นี้แวะเวียนมาใช้บริการร้านกาแฟคุณนิ่มบ่อยครั้ง หากจำไม่ผิดก็น่าจะสองเดือนกว่า ทว่าพอเข้ากลางเดือนที่สาม คุณนิ่มก็ไม่ได้เจอทั้งสองคนอีกเลย จนวันนี้..... วันที่ชายหนุ่มเข้ามาในร้านคนเดียว
แม้จะไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปพบเจอเรื่องอันใดมา คุณนิ่มก็ได้แต่หวังว่าเขาจะดีขึ้นและมีกำลังใจที่จะก้าวข้ามมันไปได้
"แหม ผมรู้สึกอิจฉาไอ้หมอนี้จัง"
เสียงทักจากด้านหลังดังขึ้นคุณนิ่มหันขวับไปมอง ก็พบว่าเจ้าของเสียงก็คือนิกรเจ้าหนุ่มจอมทะเล้นนั่นเอง หญิงสาวแค่เพียงยิ้มให้นิกรและหันมาทำขนมต่อ
"คุณนิกรอิจฉาเขาทำไมกันคะ" คุณนิ่มถาม "ถ้าเทียบกันแล้ว คุณมีเสน่ห์มากกว่าเขาอีกนะ"
นิกรยืนพิงขอบประตูในท่วงท่าสบาย ๆ "ถึงผมจะมีเสน่ห์กว่าเขา แต่ก็ไม่เคยได้รับการบริการแบบ "พิเศษ" จากคุณนิ่มเลย" นิกรทำเสียงให้ดูน่าสงสาร
คุณนิ่มที่ได้ยินก็สั่นศีรษะเบา ๆ "อิจฉาไม่เข้าเรื่องเลยนะคะ เขาคนนั้นกำลังแย่และต้องการความช่วยเหลือ"
"ผมรู้ว่าคุณนิ่มเป็นคนจิตใจดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่นและยังมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น" จู่ ๆ น้ำเสียงของนิกรก็กลายเป็นจริงจัง จนคุณนิ่มตั้งหลักไม่ทัน "แต่ว่าหากคุณทำอะไรแบบนี้ มันอาจทำให้สถานะของคุณสุ่มเสี่ยงที่จะโดนเปิดเผย"
"สถานะของฉันนะหรือ"
"ใช่ เรื่องที่คุณคือผู้สืบสายเลือดจากจอมเวทย์ตระกูลอินดูคาลา"
คุณนิ่มชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อตระกูลดังกล่าว ไม่นานภาพในอดีตก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของหญิงสาว คุณนิ่มจดจำได้ดี อินดูคาลา เป็นตระกูลจอมเวทย์ที่มีชื่อเสียงและอำนาจ โดดดังมากในแถบทางใต้ของตะวันตกเฉียงเหนือ วันหนึ่ง นิรมาล อินดูคาลา ได้เดินทางมายังประเทศเล็ก ๆ อย่างแคว้นทานตะวัน เขาบังเอิญได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง ในร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง
นิรมาลตกหลุมรักหญิงสาวตั้งแต่แรกพบ และภายหลังได้รู้ว่าเธอมีชื่อว่า พนอ ครอบครัวของเธอเปิดธุรกิจขายเบเกอรี่ ซึ่งนิรมาลก็มักแวะเวียนมาอุดหนุนขนมของร้านครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นประจำ จนเวลาผ่านพ้นไปทั้งสองก็พัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นคู่รักกันในที่สุด ทว่าความรักของทั้งสองถูกกีดกันโดยผู้นำตระกูลอินดูคาลา เนื่องจากทางฝั่งนั้นได้เตรียมหญิงคู่หมายไว้แล้ว แน่นอนว่านิรมาลต่อต้านไม่ยอม
เรื่องจึงบานปลายถึงขั้นมีการออกไล่ล่ากันเกิดขึ้น นิรมาลพาครอบครัวของพนอมาตั้งหลักที่ไดโอนีซุส ซึ่งในเวลาต่อมาพนอก็ตั้งท้องและคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง และเด็กทารกคนนั้นก็คือคุณนิ่ม มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตราวงแหวนเวทย์ของเธอ ถึงได้เหมือนกับของตระกูลอินดูคาลา และไม่มีทางที่จะเลียนแบบได้เพราะมันคือตราวงแหวนเวทย์ ที่สืบทอดผ่านสายเลือดระหว่างพ่อหรือแม่สู่ลูกเท่านั้น
อีกความทรงจำหนึ่งที่คุณนิ่มไม่เคยลืมคือ ในที่สุดฝั่งตระกูลอินดูคาลาตามหานิรมาลพบ หากแต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะคนที่มาเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน ได้มาโน้มน้าวให้นิรมาลกลับไปยังบ้านตระกูลเพื่อโค่นผู้นำ และถ้าเขาได้เป็นผู้นำแทนคนเก่า ฐานะของแม่กับเธอจะได้รับเกียรติในฐานะนายหญิงและทายาทของตระกูล แน่นอนว่านิรมาลรับข้อเสนอ
อีกทั้งยังยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมารับสองแม่ลูก แต่สุดท้ายนิรมาลก็ไม่กลับมาเสียทีจนพนอร้อนใจ จึงตัดสินใจพาคุณนิ่มที่อายุได้สิบปี เดินทางไปยังบ้านตระกูลอินดูคาลา และต้องพบกับความจริงอันโหดร้าย ช่วงเวลานั้นเป็นตอนที่ทางบ้านตระกูลอินดูคาลา กำลังมีงานมงคลซึ่งนิรมาลพ่อของคุณนิ่ม เข้าพิธีแต่งงานกับหญิงคนอื่น
พนอช้ำใจมากจึงพาคุณนิ่มมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในประเทศฟรอนเทียร์ และเปิดร้านกาแฟที่นี้มานับแต่นั้น
"คุณนิกรเลยอยากให้ฉันเลิกใช้เวทย์ที่พ่อเป็นคนสอน เลิกใช้ในการช่วยเหลือผู้คนสินะคะ" คุณนิ่มพูดแต่มือยังคนผสมทำเค้กอยู่
นิกรถอนหายใจ "มันเพื่อตัวคุณเองนะ อีกอย่างผมไม่แน่ใจว่าทางฝั่งโน้นจะคิดยังไง"
"พวกเขาจะคิดยังไง ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ"
"คุณนิ่ม"
"ฉันแค่อยากเดินตามรอยคุณพ่อ.... คุณพ่อในความทรงจำของฉันคะคุณนิกร"
เมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบไปเธอจึงพูดต่อไป
"สำหรับฉันแล้วคุณพ่อน่ะ ท่านเป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้คนที่กำลังลำบาก ฉันในวัยเด็กจึงมีความตั้งใจอย่างทำเช่นนั้น"
"แม้ว่าคุณนิ่มกับแม่จะถูกเขาทิ้ง แต่ก็ยังคงมองเขาเป็นฮีโร่อยู่หรือครับ" นิกรถาม
คุณนิ่มหันกลับมามองชายหนุ่ม "ฟังดูเหมือนคุณอยากให้ฉันเกลียดเขามากกว่า การเคารพนับถือซะอีก"
"ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น"
คุณนิ่มยิ้ม "ฉันรู้คะ และรู้ว่าทำแบบนี้มันเสี่ยงอันตรายแค่ไหน.... แต่ถ้าหากว่ากาแฟของฉัน มันสามารถบรรเทาความทุกข์ในใจของทุกคนได้ แค่นี้ฉันก็พอใจแล้วคะ"
นิกรรู้ดีว่าคุณนิ่มค่อนข้างดื้อพอสมควร และเพราะเหตุนี้ทางพ่อของเขา พลตรีวิจิตร ถึงได้ส่งโมมา เพื่อทำหน้าที่อารักขาคุณนิ่ม สืบเนื่องจากพนอแม่ของเธอคือรุ่นน้องของ นัทธ์ฤดี แม่ของนิกร
"ในเมื่อผมไม่อาจเปลี่ยนใจคุณได้" นิกรพูดในขณะที่หมุนตัวกลับหลังหัน "ผมมีข่าวจะแจ้งให้ทราบ"
"หือ เรื่องอะไรหรือคะ"
"ตัวตนของคุณรู้ไปถึงหูของผู้นำตระกูลอินดูคาลาแล้ว แต่เขามีความรู้สึกหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่อาจมีใครรู้ได้ คุณต้องระวังตัวไว้นะ"
คุณนิ่มที่ได้ยินก็ทำท่าจะถามต่อ แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะโดยน้ำฝน ที่ดินเข้ามาเพื่อแจ้งเรื่องของที่ถูกนำมาส่ง ทำให้การสนทนาหยุดชะงักแค่นี้ หญิงสาวเดินตามพนักงานตรงไปยังหน้าร้าน เพื่อขนมันเข้าไปข้างในร้านซึ่งระหว่างนั้นเอง คุณนิ่มได้สังเกตเห็นว่านักดนตรีหนุ่ม ที่ในตอนแรกยังมีสีหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
ทว่าบัดนี้เขาเริ่มมีสีหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ราวกับได้รับพลังใจจากในร้านกาแฟก็ไม่ปาน คุณนิ่มที่เห็นลูกค้าคนนี้ดีขึ้น เธอก็รู้สึกโล่งอกอย่างมาก และหันไปโฟกัสกับข้างของที่ทางร้านสั่งไว้ คุณนิ่มทำการชำระเงินกับพนักงานเสร็จ ตรงจังหวะพอดีกับที่โมบอกให้น้ำฝน เข็นรถที่มีสินค้าต้องใช้เข้าไปในร้าน
ทันทีที่เห็นโมเดินมาหาคุณนิ่มก็เพิ่งจำได้ว่า ยังค้างบทสนทนาไว้กับนิกร แต่พอหญิงมองกลับเข้าไปในร้านก็ไม่พบสามพี่น้องนั่งอยู่แล้ว
"คุณนิกรกับน้องชายทั้งสอง ออกจากร้านไปแล้วละคะ" โมบอกและกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง "คุณนิกรบอกข่าวแล้วสินะคะ"
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย "โมรู้ก่อนฉันอีกหรือนี่"
"ต้องขออภัยด้วยคะ พอดีฉันได้รับคำสั่งมาอีกทีไม่ได้ตั้งใจปิดบังคุณนิ่มเลยคะ"
"ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ"
ครู่ต่อมานักดนตรีหนุ่มก็เดินออกมาจากร้าน พร้อมเงินสำหรับโกโก้และขนมปัง และกล่าวขอบคุณหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของร้าน จากนั้นชายหนุ่มก็เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม โมที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้แต่ถอนหายใจ "คุณนิกรคงจะเตือนเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ คุณนิ่ม"
"อืม ฉันรู้" คุณนิ่มพูดและหันมาทางโม "แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนะ ฉันคงหนีไม่พ้นหรอก"
"แต่คุณนิ่ม..."
"จำได้ไหม สมัยที่ฉันยังเด็กพ่ออุตส่าห์พาครอบครัวหนีไปตั้งสุดขอบโลก พวกเขายังตามเจอเลย นับประสาอะไรกับที่นี้ล่ะ"
คุณนิ่มหันกลับไปมองที่ร้านกาแฟอีกครั้ง ความตั้งใจของเธอคือ ต้องการให้ร้านนี้เป็นที่พักผ่อนของผู้คนที่เจอเรื่องราวที่เลวร้ายมา แม้กาแฟในร้านอาจช่วยพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างก็ขอให้ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของผู้คนได้มากหรือน้อยมันก็ยังดี สักพักหญิงสาวก็หันมาทางโม
"เข้าไปในร้านกันเถอะโม เรามีอะไรตั้งมากมายต้องทำในวันนี้เยอะเลย" คุณนิ่มพูด "น้ำฝนยังมือใหม่ อย่าพึ่งให้ทำงานหนักเลย"
โมที่ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจและเดินตามคุณนิ่มกลับเข้าร้านกาแฟ
☕️☕️☕️☕️