ความนับถือที่พวกเจ้าประเดประดังเข้ามานั้นล้วนถวายความสิ้นหวังแด่ตัวข้าทั้งสิ้น

ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น) - 3/4 . โดย เขียวขจีคือควายกินหญ้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตะวันตก,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,พารานอมอล,ดาร์กแฟนตาซี,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตะวันตก,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,พารานอมอล

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดาร์กแฟนตาซี,แฟนตาซี

รายละเอียด

ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น) โดย เขียวขจีคือควายกินหญ้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความนับถือที่พวกเจ้าประเดประดังเข้ามานั้นล้วนถวายความสิ้นหวังแด่ตัวข้าทั้งสิ้น

ผู้แต่ง

เขียวขจีคือควายกินหญ้า

เรื่องย่อ

ขอบคุณนักอ่านที่สนใจเรื่องต่อกิ่งกันเป็นราชานะครับ เรื่องค่อนข้างสั้นแต่แบ่งออกมาเป็นสี่ตอนในเว็บนี้เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น เตือนตัวใหญ่ ๆ เลยว่า เนื้อหาโหดพอสมควร มี TW ตามนี้เลยครับ...



Trigger Warning: Amputation (การตัดชิ้นส่วนอวัยวะ), Blood (เลือด), Brutality (ความโหดร้ายทารุณ), Corpse (ซากศพ), Surreal Gore (ความรุนแรงทางกายแบบเหนือจริง)



สามารถติชมผลงานได้ตามสะดวกครับ ถ้ากดไลค์ให้ผมจะขอบคุณมากติดตามผลงานได้ที่เฟจเฟสบุ๊ค "เขียวขจีคือควายกินหญ้า" ได้นะครับ

สารบัญ

ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น)-1/4 .,ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น)-2/4 .,ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น)-3/4 .,ต่อกิ่งกันเป็นราชา (เรื่องสั้น)-4/4 .

เนื้อหา

3/4 .



ผ่านมาหนึ่งเดือนจนถูกแต่งตั้งเป็นกษัตริย์เต็มตัวแล้ว ภาพจำก็ยังตามหลอกตามหลอนทุกครั้งที่ตาข้าปิดลง ข้าเดินโดดเดี่ยวยามค่ำคืนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงการครองราชย์จะไม่ใช่งานสาหัสสากรรจ์อย่างที่ข้าคิดเอาไว้แต่แรก หากแต่การฝันร้ายซ้ำไปมาจนร่างกายอ่อนเพลียโอนเอนเป็นท่อนไม้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเสียแต่น้อย



สิ่งนั้นที่ตาข้ารับรู้คืออะไรกันแน่



ข้าไม่น่าสั่งฝังดินไปเลย ข้าน่าจะเผามันให้ไหม้กลายเป็นกองธุลี เจ้าอสุรกาย...แสร้งป่าวประกาศการสวรรคตว่าถูกลอบปลดพระชนม์ก็มีแต่พวกไพร่เศร้าสลดร้องไห้ ด้วยเหตุผลใดกันเล่า พวกเจ้าไม่ยินดีกันหรือ? สัตว์ประหลาดผู้ไม่ได้แยแสชีวิตของพวกเจ้าได้วายชีวาสิ้นไป



หากไม่ต้องเจรจาติดต่อค้าขายกับอาณาจักรอื่น ข้าก็ได้แต่ตัวติดอยู่บนที่นอนเฉกเช่นบัดนี้ ราวกับความจริงที่ว่าตัวข้าเป็นบุตรชายของอสุรกายคอยบีบคอข้าจนหายใจไม่ได้ทั่วท้อง ข้ายกมือก่ายหน้าผากหวังบรรเทาทรมาน ทันใดนั้นเองที่เสียงประตูแง้มดังเอี๊ยด…เจ้าข้ารับใช้หนุ่มนั่น หลังข้าสังหารปีศาจลงได้ก็เข้ามาขอบพระทัยสั้น ๆ ไม่ยอมแถลงความสงสัยหนักอึ้งในศีรษะข้าแม้เพียงนิด คงหวังใช้งานข้าเต็มที่ถึงเอาแต่ป้อนน้ำป้อนข้าวให้ตัวข้ารอดไปวัน ๆ คราวนี้คงเอาอาหารมายัดปากอีก เมื่อกำลังจะไล่มันออกไปจากห้องนั่นเอง ตาข้าก็มองเห็นของผิดแผกบนจานอาหารที่มันถือมา



“แคสเซียน นั่นไม่ใช่ขนมปัง สิ่งสั้นป้อมนี้คืออะไรกัน?”




“นิ้วหัวแม่โป้งที่ราษฎรถวายมาให้พ่ะย่ะค่ะ”




“.....” “เราเองไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน...ให้เราได้พักเสียเถิด เราวิงเวียนไปทั้งตัว แล้วเรื่องการปกครองขุนนางทำแทนข้าได้ดีหรือไม่”




"ฝ่าบาทมิได้ฟังความผิดไปพ่ะย่ะค่ะ นี่คือนิ้วมือตัดจากศพเพื่อถวายความจงรักภักดี นี่เป็นหนึ่งธรรมเนียมหลักอันปฏิบัติมาตลอดเชื้อราชวงศ์ของพระองค์ท่าน”




สติอันเลือนรางของข้าถูกจิกกระตุ้นตื่นราวมีเข็มจิ้มทะลุของแข็งใต้ศีรษะ




“หากเจ้ากล่าวเลอะเลือนในยามนี้ เราจะบั่นหัวเจ้าทิ้งเสีย”



“มิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าฝ่าบาทคงจดจำภาพในคืนวันนั้นได้แม่นยำ ที่งอกอยู่ตามพระสรีระนั่นเป็นข้อสนับสนุนคำกล่าวอ้างเพ้อเจ้อของกระหม่อม ขอให้เชื่อกระหม่อมผู้อยู่ใต้บัญชาของกษัตริย์องค์ก่อนมาช้านานเถิด ด้วยสัตย์สาบานว่าจะคอยปกปักราชวงศ์นี้สืบไป”



ปากข้าสรรหาวาจามาโต้แย้งไม่ได้ จังหวะเดียวกันกับที่แคสเซียนแสดงลิ่มและค้อนในมือทั้งสองข้างให้ข้าได้เห็น



“จะเป็นความทารุณเพียงช่วงอึดใจเดียวพ่ะย่ะค่ะ”



แล้วหมอนั่นก็ลงมือกดตัวข้าไว้กับกำแพงแน่นเสียดิ้นไม่หลุด วางปลายลิ่มบนเหนือคิ้วข้างซ้าย



ปัก! ปัก!



ข้านั้นทั้งโหวงเหวงและสับสนเหลือเกิน ต่อให้โลหิตไหลเปรอะเปื้อนแทนน้ำตาแล้วยังไร้ซึ่งสัมผัสเจ็บปวดอย่างใด “เจ้าทำสิ่งใดกัน?” ทราบเพียงว่ากะโหลกข้าเกิดเป็นรูโบ๋ให้แคสเซียนยัดเจ้าก้อนเนื้อขยะแขยงอันอ้างว่าเป็นนิ้วนั้นกลบช่องว่าง




“พระบิดาของฝ่าบาทประดับความศรัทธาของปวงชนไว้ตามตัวอย่างหลบซ่อน กระหม่อมมีความเห็นว่านั่นไม่สง่างามเสียเลย ตรงข้ามกับฝ่าบาท อันเขาของนิ้วมือจะงอกเงยแตกกิ่งก้านสาขาสง่างามดั่งกวางผู้หนุ่มร่างกำยำ ผึ่งผายคู่ควรต่อการครองแผ่นดินไพศาล ทรงพละกำลังของอาชา เป็นปราชญ์แห่งทุกหมู่ใต้หล้า...”



“เจ้าทำสิ่งนี้กับบิดาแห่งเราเช่นเดียวกันหรือ” ข้าเอาแคลงใจเข้าแทรกตัด



“พ่ะย่ะค่ะ สายเลือดฝ่าบาทมีฤทธิ์วิเศษสืบมาเมื่อหลายชั่วคนแล้ว เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทั้งจิตใจและกายหยาบของเหล่าชาวประชา พวกไพร่รู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดีจึงถวายอวัยวะพลีกายมาประดับประดาอย่างสม่ำเสมอไม่มีขาด แขน ขา ตา นิ้ว จากคนเป็นบ้าง จากคนตายบ้าง ขอฝ่าบาทโปรดน้อมรับความศรัทธาอย่างปีติยินดีเรื่อยไป ทั้งหมดกระหม่อมขอกล่าวทูลเพียงเท่านี้



“ที่ว่ากล่าวมา หมายความว่ากษัตริย์คนเก่าสืบเชื้อสายอสุรกายมาตั้งแต่กำเนิด เช่นนั้นใช่หรือไม่ ช่วยแถลงไขเราเสียที”



เจ้าแคสเซียนเอาแต่ยิ้มเยาะให้ข้า ไร้คำเอื้อนเอ่ยใด ๆ ตอบกลับ



ข้าคงนึกว่าฝันพร่ำเพ้อไป หากเช้าวันต่อมานิ้วนั่นไม่ได้ติดหนึบเป็นแง่งบนหน้าผาก ข้าแตะมันได้โดยไม่มีความแสบแผลตกค้างไว้ สองรอยแผลสมานรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ คงเป็นเวทมนตร์อย่างที่แคสเซียนว่าไว้จริง ๆ




บิดาแห่งข้า…ท่านมีร่างของชาวไพร่กี่คนกันบนตัวท่านกัน?




ดวงตะวันอยู่เหนือหัวข้าจึงมองว่าเป็นเพลาดีในการเที่ยวตรวจตราบ้านเมือง ข้าแต่งตัวทำทีเป็นสามัญชน เมื่อข้าเยือนถึงสถานที่คนพลุกพล่านพวกไพร่ก็ยังไม่สังเกตเห็นตัวข้า เดินวุ่นตามตรอกซอกซอยไปทำงานกันขยันขันแข็ง จนกระทั่งข้าจรไปเรื่อยถึงย่านการค้า ค่อยมีพ่อค้าคนหนึ่งรับรู้ว่าตัวข้าคือกษัตริย์จากชิ้นของนิ้วที่ติดอยู่บนหัว ตะโกนลั่นเรียกฝูงชน




“ราชาเสด็จ! ราชาเสด็จมา!”



พอรู้ตัวถึงก้มลงแทบจะจมดินฝังลงไปในแทบเท้าข้า ข้าต้องตรัสให้หยุดพฤติกรรมนั้นเสีย ข้าแค่เอ้อระเหยมานานต้องมาดูความเป็นไปของชาวเมืองบ้าง ไม่ได้ถือในอำนาจอย่างกษัตริย์องค์ก่อนผู้ชั่วช้าสามานย์ ทว่าพวกไพร่ไม่ยอม เอาแต่ร้องห่มร้องไห้กันระงมว่าเป็นเกียรติในชั่วชีวิตนี้ที่ได้พบท่าน ข้าไม่รู้ว่าควรจะทำเยี่ยงไรดีให้คนพวกนี้หยุดเคารพข้าเสียที พวกเขามอบความรักใคร่ให้ข้ายิ่งกว่าที่พระบิดาได้มอบให้ข้าเสียอีก น่ากระอักกระอ่วนเหลือเกิน




และ ณ บัดนั้น ก้อนเนื้อในกระโหลกศีรษะของข้าดิ้นพล่านเป็นเสียงดังยิ่งกว่าเดิม เมื่อสายตาข้าเหลือบเห็นเด็กตัวเล็กสามคนร่วมกันอุ้มยายเฒ่าคนหนึ่งมาหา นางมาในท่านอนซมซาน ข้าจำใบหน้าของนางได้แม่นยำ นางคือคนที่เข้ามาขวางบิดาเราในวันพิธีกรรม




ยายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือโรยแรงว่าปลื้มปริ่มยิ่งที่ได้พบฝ่าบาท ยังคงไม่หลงลืมที่ตัวข้าครั้งเป็นองค์ชายรับดอกไม้เอาไว้ทั้งที่ไม่ได้เป็นของขวัญสวยหรูเท่าอวัยวะประดับร่าง น้ำหยดเล็กไหลลงช้า ๆ จากตาสู่พื้นธรณี "ขอถวาย บูชายัญทั้งร่างและวิญญาณนี้แด่องค์ราชัน" เอ่ยสั่งเสียแล้วนางก็ปิดตาสิ้นใจด้วยรอยยิ้มสุดท้ายประดับไว้บนโลกา




ดวงตาข้าหรี่ลงของมันเองด้วยความสังเวช ข้าไม่มีทางเลือกมากนอกจากรับความศรัทธานั้นและรีบอุ้มรับร่างกลับไปหาแคสเซียน จนร่างไร้วิญญาณของหญิงชราถูกวางลงบนโถงทางเดินของปราสาท จุดเดียวกับเหตุการณ์สังหารเมื่อหลายคืนก่อน แคสเซียนยิ้มพลางเดินเอ้อระเหยไปหยิบอุปกรณ์กลับมาแล้ว ทว่าก่อนที่เขาจะลงมือ ข้าจำเป็นต้องโพล่งถามระบายความอัดอั้นตันใจ




“แคสเซียน ทำไมคนพวกนี้ถึงได้ยินดีถวายชีวิตและเลือดเนื้อให้แก่เรา แทนที่จะเป็นผู้ทรงอำนาจอย่างขุนนางหรือบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เหตุใดพวกเขาถึงรักชอบในตัวเราถึงเพียงนั้น”




“ฝ่าบาท ความรักอันยิ่งใหญ่มิต้องใช้เหตุผลใด ๆ มาประกอบพ่ะย่ะค่ะ”




“เราสงสัยจึงใคร่ถาม หากคนพวกนั้นเพียงปฏิบัติตามธรรมเนียม หากคนพวกนั้นเพียงรักตัวกลัวตายเป็นกิจวัตร จงบอกเราเสียเถิด”




“ฝ่าบาทมิได้ชมความเทิดทูนในแววตาของพสกนิกรหรือ การบูชายัญนี้ทั้งหมดก็เพื่อฝ่าบาท ด้วยเหตุใดจึงเคลือบแคลงสงสัย?”




“เราเห็น พวกเขามองเราเยี่ยงเราเป็นพระเจ้า และเราชิงชังที่เป็นเช่นนั้น”




แคสเซียนควักลูกตาศพ กระชากจนเส้นเลือดขาดในคราวเดียว




เขาเฉือนหั่นร่างแบ่งเป็นชิ้น ๆ หั่นแขนออกสองข้าง หั่นขาออกสองข้าง รวดเร็วเพราะกระดูกคนชราเปราะหักง่ายกระมัง ทุกส่วนสำคัญถูกแบ่งวางเป็นระเบียบ แคสเซียนนำปลายลิ้มแตะตัวข้าอีกครั้ง คราวนี้จ่อไปที่ส่วนใต้รักแร้ซ้ายก่อน เสียงปักดังเป็นจังหวะซ้ำไปซ้ำมา เทียบกับคราวที่แล้วจำนวนครั้งของการตอกลิ่มนั้นนานขึ้นเป็นทวีคูณ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อข้ามีแขนขาเพิ่มมาเป็นอีกหนึ่งคู่ ความล้าทำกายขยับกายมิได้ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไปหายายเฒ่า




“เป็นเกียรติแก่เจ้า ขอให้พระเจ้ารักเจ้าสืบไป”




ข้าเอ่ยกับร่างไร้วิญญาณที่เหลือเพียงส่วนตัวและศีรษะ