เมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น
รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(อ่านฟรี 60 วัน)นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดาเมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น
“เจอแล้วครับนาย” เสียงชายคุยโทรศัพท์ขณะสังเกตการณ์อยู่ด้านหน้าโฮมสเตย์ ปลายสายที่ชายผู้นี้คุยอยู่เผยให้เห็น ชายสวมชุดภูมิฐาน นั่งอยู่ห้องสำนักงานแห่งหนึ่งที่ดูหรูหราสมฐานะ แน่ใจใช่ไหม ปลายสายได้เน้นย้ำกับชายที่ส่งไปสังเกตการณ์
“ดี!!! เอ็งคอยจับตาดูให้ดีรอคำสั่งจากข้า” ชายผู้เป็นนายยิ้มด้วยท่าทีพอใจ ในที่สุดก็เจอสักที คราวนี้แหละพวกเอ็งหนีข้าไม่พ้นแน่
ช่วงเช้าวันต่อมา แม่ลูก ได้เข้าไปจ่ายตลาดในหมู่บ้านเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าของคณะทัวที่เข้าพักอาศัย จึงทำให้โฮมสเตย์ นอกจากสถานที่ตั้ง การบริการ แล้วนั้นยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่อร่อยถูกปากเหล่าผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ
“คุณทิม วันนี้มาซื้ออะไรจ๊ะ วันนี้เนื้อป้าสดใหม่ทั้งนั้นเลยนะ”
ป้าจี๊ดร้านขายเนื้อเจ้าประจำ ที่ทิมพิกาอุดหนุนเป็นประจำ ด้วยบุคลิกท่าทางของป้าจี๊ด ทำให้สนิทกับทิมพิกาไม่อยากนัก ป้าจี๊ดจึงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงของทิมพิกา ที่ไร้ญาติมิตร ณ ที่แห่งนี้เมื่อสมัยมาอยู่ใหม่ได้ไม่นาน
“นั้นหนูลดาหนิ โตเป็นสาวแล้วสวยนะเนี่ยเรา"
“แน่นอนสิค่ะ หนูเรียนมหาลัยแล้วนะค่ะ”
“มหาลัยหรอ รุ่นเดี่ยวกับหลานป้าเลยรายนั้นหนะเรียนการโรงแรมจะถึงช่วงฝึกงานพอดี ป้าฝากหลานป้า ฝึกงานที่โฮมสเตย์ด้วยนะคุณทิม”
"ไม่มีปัญหาค่ะป้ายังไงให้เข้ามาติดต่อที่ โฮมสเตย์ได้เลยนะค่ะ" ทิมพิกายิ้ม และเดินเลือกซื้อ ของต่อภายในตลาด
“แม่ๆ เหมือนมีคนมองเราอยู่เลย”
ลดาสะกิดทิมพิกา ท่าทีของชายฉกรรจ์ที่มีท่าทีหน้าสงสัย ไม่น่าไว้วางใจ ไหนหละแม่ไม่เห็นมีสักคน ทิมพิกาพูดเสร็จ ลดาได้มองไปที่ชายน่าสงสัยยืนอยู่เมื่อครู่ แต่พบเพียงที่ว่างเปล่า
“เมื่อกี้เห็นอยู่เลยนะแม่”
“ไม่มีหรอก ไปกันเถอะแม่ซื้อของเสร็จละ”
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคณะทัวเริ่มทยอยขึ้นรถ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข พร้อมพูดคุยช่วงเวลา ที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อรถของคณะทัวผ่านพ้นรั้วของโฮมสเตย์ แต่ทว่า ลดาได้สังเกตเห็นชายคนเดิมที่เจอ ที่ตลาดขับวนเวียนอยู่บริเวณโฮมสเตย์
“แม่สองคนที่ตลาดเหมือนตามเรามาเลยแม่”
“จริงหรอ แบบนี้เริ่มจะไม่ดีแล้วนะ”
ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน ทิมพิกาและลดา ได้เดินทางไปยัง สถานีตำรวจ ในตัวอำเภอที่ไม่ห่างจากโฮมสเตย์มากนัก สวัสดีครับคุณทิม ตำรวจกล่าวทักทายขณะที่ทิมพิกาเปิดประตูเข้ามายังภายในห้อง
“สวัสดีค่ะดาบทอง”
“มีอะไรให้ช่วยครับคุณทิม”
ทิมพิกาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดาบทองทราบ ในขณะที่ ลดาเดินไปเข้าห้องน้ำ และขณะที่ลดาได้ทำธุรส่วนตัวเสร็จทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดัง 'ตุ๊บ! เสียงกระแทกดังขึ้น
“โอ้ย...”
“เป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหมครับคุณ”
ตำรวจหนุ่มรีบเข้าไปพยุง ลดาลุกขึ้น ลดาไม่ได้ตอบตำรวจหนุ่มคนนั้นแต่ทำหน้าบึ้ง แต่ด้วยหน้าตาที่น่ารักนั้น ตำรวจหนุ่มอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ก่อนที่ลดาจะเดินเข้าห้องไปหาแม่ของตนแม่...เสียงลากยาวของลดา พร้อมกับเข้าไปกอดทิมพิกา
“เป็นอะไร แม่เห็นเราไปชนพี่เขาเอง”
ทิมพิกายิ้มกับท่าทีของลูกสาวที่ออดอ้อนตน ขณะเดียวกันตำรวจหนุ่มได้เดินเข้ามาตาม พร้อมทักทายดาบทอง ที่กำลังลงบันทึกประจำวันให้กับทิมพิกา
“สวัสดีครับดาบ”
“อ่าวมาแล้วหรอหมวด เข้าไปรายงานตัวกับสารวัตรด้านในก่อน เดี๋ยวค่อยแจกแจงงานอีกที”
“ครับผม” ตำรวจหนุ่มได้เดินออกไปจากห้อง ตำรวจใหม่หรอคะ ทิมพิกาถามดาบทอง ใช่ครับพอดีพึ่งได้บรรจุใหม่ย้ายมาวันนี้วันแรกครับ
“หน้าตาหล่อเลยนะเนี่ย เดี๋ยวที่ สน. คงมีแต่สาวๆ แน่”
“นั้นสิครับ เอกสารเสร็จแล้วครับ เดี๋ยวทางเราจะให้ เจ้าหน้าที่คอยตรวจตราพื้นที่แถวโฮมสเตย์ เป็นพิเศษ นะครับ”
“ขอบคุณค่ะดาบทอง”
ทิมพิกา และลดา เดินทางกลับโฮมสเตย์ ไม่นานลดาต้องกลับเรียนที่มหาวิทยาลัย เป็นปีสุดท้าย แม่หนูไปก่อนนะ ลดาลาแม่ของตน เดินทางปลอดภัยนะลูกดูแลตัวเองดีๆ ละ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาแม่นะ ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ออกไปจุดหมายปลายทางนั้นก็คือมหาลัยที่ลดาได้ศึกษาอยู่ ในปีสุดท้ายของการเรียนต้องทำรายงานโปรเจคจบเกี่ยวกับคณะบริหาร สายงานของตนทำให้ต้องใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย กับเพื่อนร่วมคณะอีกสองคน นั้นก็คือ มิ้น และมายด์ ฝาแฝดที่เป็นเพื่อนสนิทของลดา วันนี้ดึกอีกแน่เลยแก มิ้นได้กล่าวทักขึ้นพร้อมรับชะตากรรมของพวกตนที่ต้องทำรายงานดึกดื่น ในขณะที่ห้องสมุดเหลือเพียงพวกตนเพียงสามคน
“บรรยากาศมันก็น่ากลัวจริงๆ อ่ะแก”
“นั้นสิ ไม่มีใครสักคนมีแต่พวกเราเนี่ย”
มายด์กล่าวตอบก่อนที่จะหันซ้าย หันขวาด้วยอาการหวาดกลัว ยิ่งสถานที่ที่มีเพียงสามคนแล้วยิ่งชวนขนหัวลุกเข้าไปใหญ่ วันนี้เรากลับก่อนเถอะแก มายด์กล่าว เวลาย่างเข้าสี่ทุ่มทั้งสามคนรีบเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้องสมุดในมือถือกุญแจห้องสมุดตามคำสั่งที่อาจารย์ บรรณารักษ์ ได้กำชับทั้งสามไว้ ก่อนถึงหน้าประตูทางเข้านั้นกลับมีเสียงดัง กรุ้งกริ้งๆ คล้ายเสียงกระพวน ตามหลังทั้งสาม เมื่อทั้งสามได้ยินเสียงนั้นทำให้ทั้งสามเร่งฝีเท้า
“พวกแกเสียงมันตามหลังเรามา”
ลดาพูดขึ้นก่อนที่จะหันหลังกลับไปดู และภาพที่เห็นคือร่างหญิงสาวใส่ชุดนักศึกษา ผมยาวรุงรังปิดหน้า ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด ใส่กระโปรงยาวถึงเข่า เผยให้เห็นที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ใส่กระพวนสีทอง
“จะกลับแล้วหรอ...”
เสียงที่เย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นทักทายทั้งสาม ทั้งสามไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพบว่าหญิงสาวนั้นรีบวิ่งตามมาติดๆ หลังจากทั้งสามวิ่งใกล้ถึงทางเข้านั้น ได้มีมือมาจับที่ไหล่ของลดา ก่อนที่จะเกิดแสงสีแดง และสีเหลือง ส่องสว่างจ้า ด้วยความตกใจลดา และหญิงปริศณา ได้สลบไปพร้อมกัน ทำให้มิ้น และมายด์ ทำตัวไม่ถูกจากที่ตกใจวิ่งหนี กลับต้องมาดูแลเพื่อน และสิ่งที่พวกตนวิ่งหนีตอนแรก เมื่อทั้งสองได้พาลดา และหญิงสาวนอนพัก บริเวณเก้าอี้ระเบียงใกล้ๆ ห้องสมุดนั้นเองทำให้ทั้งสองได้เห็นใบหน้าภายใต้ผมที่ปิดบังของหญิงสาวปริศณาทำให้ทั้งคู่ต้องตะลึงหญิงสาวที่มีใบหน้าที่สะสวยดังสาวเมืองกรุง
“มิ้นดูสิ สวยมากเลยแก” มายด์กล่าวชวนให้ มิ้นได้ยลโฉมใบหน้านั้น
“ยัยลดาก็ไม่แพ้กันนะเนี่ยน่ารักทั้งคู่เลย” มิ้นกล่าวก่อนที่จะก้มไปหยิกแก้มลดา
“มายด์ มาดูชื่อ พาขวัญ ป...”
ขณะที่มิ้นกำลังจะดูนามสกุลของหญิงสาวที่ชื่อพาขวัญ ก็ได้ลืมตาขึ้น...