เมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น
รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดาเมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น
บทนำ
- กาลครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มได้ติดตามเดินทางพร้อมคณะชาวตะวันตก ได้เดินทางไปยังป่าอันแสนไกล เพื่อตามหาเพรช พลอย จินดา ที่สวยงามเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับให้กับเหล่า ลูกๆ ของตนนั้น ชายหนุ่มและคณะได้เดินทางหาสมบัติเหล่านี้ เป็นวัน เป็นเดือน จนย่านกลายเป็นปี ในที่สุดแผนที่ได้นำเหล่าคณะหยุดที่ถ้ำแห่งหนึ่งกลางป่าลึกที่มีธรรมชาติรายล้อม ดูช่างสวยงาม คณะและชายหนุ่มไม่รอช้า ได้เข้าไปข้างในถ้ำหวังว่าจะมีสมบัติมหาศาล ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อได้เข้าไปยังตัวถ้ำ ทั้งคณะและชายหนุ่มได้พบกับสมบัติดั่งใจหวัง แต่แล้วกับมีสมบัติที่แสนจะวิเศษนั้นคือ อัญมณีทั้ง ๗ เม็ดที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ ที่มิอาจจะประเมินค่าของ อัญมณีเหล่านั้นได้ แต่แล้วความโลภที่กัดกินภายในใจ หรือเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นก็ตาม ได้ทำให้เหล่าคณะมีความต้องการที่จะครอบครองสมบัติไว้เพียงผู้เดียว ก่อให้เกิด โศกอนาถกรรมขึ้นเหล่าคณะได้ฆ่าฟัน เพื่อแย่งชิงสมบัติทำให้ถ้ำสั่นไหวอย่างรุนแรงจนได้ถล่มลงมา กลับมีเพียงชายหนุ่ม ที่หนีรอดออกมาได้ แต่ภายในมือของเขานั้นกลับมีกล่องไม้โบราณ ทีได้บรรจุเหล่าอัญมณีเหล่านั้นไว้ -
ปี พ.ศ.2500 ณ ห้องแถวครึ่งไม้ครึ่งปูนแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง ประเทศไทย
“เป็นยังไงบ้างนิทานที่พ่อเล่าไป” ชายวัยกลางคน พร้อมกับลูกๆ ที่น่ารักของเขาทั้ง ๗ คน ได้นั่งล้อมชายผู้เป็นพ่อเล่าเรื่องนิทานก่อนนอนด้วยสายตาตื่นเต้น
“แล้วอัญมณีนั้นอยู่ไหนแล้วค่ะ” เด็กสาวหนึ่งในนั้นได้เอยถามด้วยความสงสัย
“นั้นก็เป็นความลับนะ พอลูก ๆ โตพอเดียวก็จะรู้เอง”
“ได้เวลานอนแล้วเด็ก ๆ” ผู้เป็นแม่ได้กล่าวตัดบทสนทนา ก่อนที่เด็กๆ จะเข้าห้องนอน
“เจอแล้วครับนาย” เสียงชายคุยโทรศัพท์ขณะสังเกตการณ์อยู่ด้านหน้าโฮมสเตย์ ปลายสายที่ชายผู้นี้คุยอยู่เผยให้เห็น ชายสวมชุดภูมิฐาน นั่งอยู่ห้องสำนักงานแห่งหนึ่งที่ดูหรูหราสมฐานะ แน่ใจใช่ไหม ปลายสายได้เน้นย้ำกับชายที่ส่งไปสังเกตการณ์
“ดี! เอ็งคอยจับตาดูให้ดีรอคำสั่งจากข้า...” ชายผู้เป็นนายยิ้มด้วยท่าทีพอใจ ในที่สุดก็เจอสักที คราวนี้แหละพวกเอ็งหนีข้าไม่พ้นแน่
ช่วงเช้าวันต่อมา แม่ลูก ได้เข้าไปจ่ายตลาดในหมู่บ้านเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าของคณะทัวร์ที่เข้าพักอาศัยจึงทำให้โฮมสเตย์นอกจากสถานที่ตั้งและการบริการแล้วนั้นยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารรับรอง ที่อร่อยถูกปากเหล่าผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ
“คุณทิม วันนี้มาซื้ออะไรจ๊ะ วันนี้เนื้อป้าสดใหม่ทั้งนั้นเลยนะ” ป้าจี๊ดร้านขายเนื้อเจ้าประจำ ที่ทิมพิกาอุดหนุนเป็นประจำ ด้วยบุคลิกท่าทางของป้าจี๊ด ทำให้สนิทกับทิมพิกาไม่อยากนัก ป้าจี๊ดจึงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงของทิมพิกา ที่ไร้ญาติมิตร ณ ที่แห่งนี้เมื่อสมัยมาอยู่ใหม่ได้ไม่นาน
“นั้นหนูลดาหนิ โตเป็นสาวแล้วสวยนะเนี่ยเรา"
“แน่นอนสิค่ะ หนูเรียนมหาลัยแล้วนะคะ”
“มหาลัยหรือ รุ่นเดี่ยวกับหลานป้าเลยรายนั้นหนะเรียนการโรงแรม จะถึงช่วงฝึกงานพอดี ป้าฝากหลานป้า ฝึกงานที่โฮมสเตย์ด้วยนะคุณทิม”
“ไม่มีปัญหาค่ะป้ายังไงให้เข้ามาติดต่อที่ โฮมสเตย์ได้เลยนะคะ” ทิมพิกายิ้ม และเดินเลือกซื้อ ของภายในตลาดต่อไป...
“แม่ๆ เหมือนมีคนมองเราอยู่เลย” ลดาสะกิดทิมพิกา ท่าทีของชายฉกรรจ์ที่มีท่าทีหน้าสงสัย ไม่น่าไว้วางใจ
“ไหนหละแม่ไม่เห็นมีสักคน” เมื่อบทสนทนาของทิมพิกาจบลง ลดาได้มองไปที่ชายน่าสงสัยยืนอยู่เมื่อครู่ แต่พบเพียงที่ว่างเปล่า
“เมื่อกี้เห็นอยู่เลยนะแม่”
“ไม่มีหรอก ไปกันเถอะแม่ซื้อของเสร็จละ”
เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ คณะทัวร์เริ่มทยอยขึ้นรถ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข พร้อมพูดคุยช่วงเวลาที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเมื่อรถของคณะทัวร์ผ่านพ้นรั้วของโฮมสเตย์ แต่ทว่าลดาได้สังเกตเห็นชายคนเดิมที่เจอ ที่ตลาดขับวนเวียนอยู่บริเวณโฮมสเตย์
“แม่ สองคนที่ตลาดเหมือนตามเรามาเลยแม่”
“จริงหรือ แบบนี้เริ่มจะไม่ดีแล้วนะ”
ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน ทิมพิกาและลดา ได้เดินทางไปยัง สถานีตำรวจ ในตัวอำเภอที่ไม่ห่างจากโฮมสเตย์มากนัก สวัสดีครับคุณทิม ตำรวจกล่าวทักทายขณะที่ทิมพิกาเปิดประตูเข้ามายังภายในห้อง
“สวัสดีค่ะดาบทอง”
“มีอะไรให้ช่วยครับคุณทิม” ทิมพิกาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดาบทองทราบ ในขณะที่ ลดาเดินไปเข้าห้องน้ำ และขณะที่ลดาได้ทำธุรส่วนตัวเสร็จกำลังจะเดินกลับไปหาแม่ของตน ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดัง ตุ๊บ! เสียงกระแทกดังขึ้น
“โอ้ย...”
“เป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหมครับคุณ” ตำรวจหนุ่มรีบเข้าไปพยุง ลดาลุกขึ้น ลดาไม่ได้ตอบตำรวจหนุ่มคนนั้นแต่ทำหน้าบึ้ง แต่ด้วยหน้าตาที่น่ารักนั้น ตำรวจหนุ่มอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ก่อนที่ลดาจะเดินเข้าห้องไปหาแม่ของตน “แม่...” เสียงลากยาวของลดา พร้อมกับเข้าไปกอดทิมพิกา
“เป็นอะไร แม่เห็นเราไปชนพี่เขาเอง” ทิมพิกายิ้มกับท่าทีของลูกสาวที่ออดอ้อนตน ขณะเดียวกันตำรวจหนุ่มได้เดินตามเข้ามาติด ๆ พร้อมทักทายดาบทอง ที่กำลังลงบันทึกประจำวันให้กับทิมพิกา
“สวัสดีครับดาบ”
“อ่าวมาแล้วหรือหมวด เข้าไปรายงานตัวกับสารวัตรด้านในก่อน เดี๋ยวค่อยแจกแจงงานอีกที”
“ครับผม” ตำรวจหนุ่มได้เดินออกไปจากห้อง ตำรวจใหม่หรือคะ ทิมพิกาถามดาบทอง ใช่ครับพอดีพึ่งได้บรรจุใหม่ย้ายมาวันนี้วันแรกครับ
“หน้าตาหล่อเลยนะเนี่ย เดี๋ยวที่ สน. คงมีแต่สาวๆ แน่”
“นั้นสิครับ เอกสารเสร็จแล้วครับ เดี๋ยวทางเราจะให้เจ้าหน้าที่คอยตรวจตราพื้นที่แถวโฮมสเตย์เป็นพิเศษนะครับ”
“ขอบคุณค่ะดาบทอง” ทิมพิกา และลดา เดินทางกลับโฮมสเตย์ ไม่นานลดาต้องกลับเรียนที่มหาวิทยาลัย เป็นปีสุดท้าย แม่หนูไปก่อนนะ ลดาลาทิมพิกา
“เดินทางปลอดภัยนะลูกดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาแม่น่ะ” ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ออกไปจุดหมายปลายทาง ก็คือมหาลัยที่ลดาได้ศึกษาอยู่ ในปีสุดท้ายของการเรียนต้องทำรายงานโปรเจคจบเกี่ยวกับคณะบริหาร สายงานของตนทำให้ต้องใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย กับเพื่อนร่วมคณะอีกสองคน นั้นก็คือ มิ้น และมายด์ ฝาแฝดที่เป็นเพื่อนสนิทของลดา วันนี้ดึกอีกแน่เลยแก มิ้นได้กล่าวทักขึ้นพร้อมรับชะตากรรมของพวกตนที่ต้องทำรายงานดึกดื่น ในขณะที่ห้องสมุดเหลือเพียงพวกตนเพียงสามคน
“บรรยากาศมันก็น่ากลัวจริงๆ อ่ะแก”
“นั้นสิ ไม่มีใครสักคนมีแต่พวกเราเนี่ย” มายด์กล่าวตอบก่อนที่จะหันซ้าย หันขวาด้วยอาการหวาดกลัว ยิ่งสถานที่ที่มีเพียงสามคนแล้วยิ่งชวนขนศีรษะลุกเข้าไปใหญ่
“วันนี้เรากลับกันก่อนเถอะ” มายด์กล่าว ในขณะที่เวลาย่างเข้าสี่ทุ่ม ทั้งสามคนรีบเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้องสมุดในมือถือกุญแจห้องสมุดตามคำสั่งที่อาจารย์บรรณารักษ์ ได้กำชับทั้งสามไว้ ก่อนถึงหน้าประตูทางเข้านั้นกลับมีเสียงดัง “กรุ้งกริ้งๆ” คล้ายเสียงกระพรวน ตามหลังทั้งสาม เมื่อทั้งสามได้ยินเสียงนั้นทำให้ทั้งสามเร่งฝีเท้า
“พวกแกเสียงมันตามหลังเรามาหรือเปล่า” ลดาพูดขึ้นก่อนที่จะหันหลังกลับไปดู และภาพที่เห็นคือร่างหญิงสาวใส่ชุดนักศึกษา ผมยาวรุงรังปิดหน้า ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด ใส่กระโปรงยาวถึงเข่า เผยให้เห็นที่ข้อเท้าข้างขวา ใส่กระพวนสีเงิน
“จะกลับแล้วหรือ...” เสียงที่เย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นทักทายทั้งสาม ทั้งสามไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพบว่าหญิงสาวนั้นรีบวิ่งตามมาติดๆ หลังจากทั้งสามวิ่งใกล้ถึงทางเข้านั้น ได้มีมือมาจับที่ไหล่ของลดา ก่อนที่จะเกิดแสงสีแดง และสีเขียว ส่องสว่างจ้า ด้วยความตกใจลดา และหญิงปริศนา ได้สลบไปพร้อมกันทำให้มิ้น และมายด์ ทำตัวไม่ถูกจากอาการตกใจวิ่งหนีไปไม่ห่างนัก กลับต้องมาดูแลเพื่อน และสิ่งที่พวกตนวิ่งหนีตอนแรก เมื่อทั้งสองได้พาลดา และหญิงสาวนอนพัก บริเวณเก้าอี้ระเบียงใกล้ๆ ห้องสมุดนั้นเองทำให้ทั้งสองได้เห็นใบหน้าภายใต้ผมที่ปิดบังของหญิงสาวปริศณาทำให้ทั้งคู่ต้องตะลึงหญิงสาวที่มีใบหน้าที่สะสวยดังสาวเมืองกรุง
“มิ้นดูสิ สวยมากเลยแก” มายด์กล่าวชวนให้ มิ้นได้ ยลโฉมใบหน้านั้น
“ยัยลดาก็ไม่แพ้กันนะเนี่ยน่ารักทั้งคู่เลย” มิ้นกล่าวก่อนที่จะก้มไปหยิกแก้มลดา
“มายด์ มาดูชื่อ พาขวัญ ป...” ขณะที่มิ้นกำลังจะดูป้ายชื่อนักศึกษา ของหญิงสาวที่ชื่อพาขวัญ แต่ทันใดนั้น เด็กสาวก็ได้ลืมตาขึ้น...