เมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา - ตอนที่ ๑๗ ๑๗ โดย แมวสลิดศรีสยาม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา โดย แมวสลิดศรีสยาม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น

ผู้แต่ง

แมวสลิดศรีสยาม

เรื่องย่อ

บทนำ

-กาลครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มได้ติดตามเดินทางพร้อมคณะชาวตะวันตก ได้เดินทางไปยังป่าอันแสนไกล เพื่อตามหาเพรช พลอย จินดา ที่สวยงามเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับให้กับเหล่า ลูกๆ ของตนนั้น ชายหนุ่มและคณะได้เดินทางหาสมบัติเหล่านี้ เป็นวัน เป็นเดือน จนย่านกลายเป็นปี ในที่สุดแผนที่ได้นำเหล่าคณะหยุดที่ถ้ำแห่งหนึ่งกลางป่าลึกที่มีธรรมชาติรายล้อม ดูช่างสวยงาม คณะและชายหนุ่มไม่รอช้า ได้เข้าไปข้างในถ้ำหวังว่าจะมีสมบัติมหาศาล ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อได้เข้าไปยังตัวถ้ำ ทั้งคณะและชายหนุ่มได้พบกับสมบัติดั่งใจหวัง แต่แล้วกับมีสมบัติที่แสนจะวิเศษนั้นคือ อัญมณีทั้ง ๗ เม็ดที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ ที่มิอาจจะประเมินค่าของ อัญมณีเหล่านั้นได้ แต่แล้วความโลภที่กัดกินภายในใจ หรือเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นก็ตามได้ทำให้เหล่าคณะมีความต้องการที่จะครอบครองสมบัติไว้เพียงผู้เดียว ก่อให้เกิด โศกอนาถกรรมขึ้นเหล่าคณะได้ฆ่าฟัน เพื่อแย่งชิงสมบัติทำให้ถ้ำสั่นไหวอย่างรุนแรงจนได้ถล่มลงมา กลับมีเพียงชายหนุ่มที่หนีรอดออกมาได้ แต่ภายในมือของเขานั้นกลับมีกล่องไม้โบราณ ทีได้บรรจุเหล่าอัญมณีเหล่านั้นไว้-

 

สารบัญ

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑ ๑,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒ ๒,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตทนที่ ๓ ๓,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๔ ๔,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๕ ๕,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๖ ๖,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๗ ๗,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๘ ๘,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๙ ๙,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๐ ๑๐,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๑ ๑๑,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๒ ๑๒,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๓ ๑๓,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๔ ๑๔,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๕ ๑๕,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๖ ๑๖,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๗ ๑๗,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๘ ๑๘,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๙ ๑๙,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ดอนที่ ๒๐ ๒๐,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๑ ๒๑,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๒ ๒๒

เนื้อหา

ตอนที่ ๑๗ ๑๗

๑๗

 

                พัฒชะงักเท้าที่หน้าประตู หันกลับมาเผชิญหน้ากับมาร์ค ธราเทพ และพาขวัญที่มองมาอย่างจับจ้อง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเล็กน้อยแต่ยังคงเก็บอาการด้วยท่าทีสุขุม

“ผม… ผมได้รับแจ้งเหตุจากทางวิทยุของตำรวจครับ ว่าเกิดอุบัติเหตุบริเวณนั้น ก็เลยรีบไปตรวจสอบ”  พัฒตอบเสียงเรียบ พยายามควบคุมท่าทางให้เป็นปกติ

“แต่จากที่ผมดูเวลาที่เกิดเหตุ กับเวลาที่คุณพัฒมาถึง มันดูค่อนข้าง…” มาร์คเว้นระยะเล็กน้อย สังเกตปฏิกิริยาของพัฒ “…เร็วเกินไปนะครับ เหมือนกับว่าคุณรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้”

บรรยากาศในห้องเงียบงัน ธราเทพและพาขวัญมองหน้ากันอย่างกังวล พัฒกลืนน้ำลายลงคอ

“คุณมาร์คเข้าใจผิดแล้วครับ ผม… ผมอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นพอดี เลยไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็ว” พัฒพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะไม่หนักแน่นพอที่จะลบล้างความสงสัยของมาร์คได้

“ใกล้แค่ไหนกันครับ ถึงได้ไปถึงที่เกิดเหตุภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากที่รถประสบอุบัติเหตุ?” มาร์คยังคงถามต่อ ไม่ลดละ

พัฒถอนหายใจ “ผม… ผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะมันอาจจะกระทบต่อรูปคดีได้ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น”

พูดจบ พัฒก็รีบเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้มาร์ค ธราเทพ และพาขวัญอยู่กับความสงสัย

“ผมว่าเขาต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ” มาร์คพูดขึ้นหลังจากที่พัฒออกไป

“แต่เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดเขาได้เลย” ธราเทพตอบอย่างหนักใจ

“เราต้องหาหลักฐานให้ได้” มาร์คพูดอย่างหนักแน่น “ผมเชื่อว่าเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกัน เรื่องของพิรัต เรื่องของทิมพิกา และเรื่องที่ลดาหายตัวไป”

ตัดภาพกลับมาที่ลดา เธอสามารถแกะเชือกที่มัดมือออกได้สำเร็จ เธอเดินสำรวจห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง พยายามหาทางออก แต่ก็พบว่าทุกทางถูกปิดตาย

สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกหน้าต่างเล็กๆ ที่เธอเคยสังเกตเห็น ลดาแนบหูฟัง เสียงนั้นแผ่วเบา แต่ก็พอจับใจความได้

“…ต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนรุ่งสาง ไม่งั้นแผนของเราจะล้มเหลวแน่…” เสียงชายคนหนึ่งพูด

“…แล้วเรื่องผู้หญิงคนนั้นล่ะ จะเอายังไงดีพี่?” อีกเสียงหนึ่งถาม

“…เก็บไว้ก่อน เอาไว้ต่อรอง…” เสียงแรกตอบ

ลดาใจเต้นแรง เธอรู้แล้วว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย และต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

 

ในขณะเดียวกัน ทีมสืบสวนของตำรวจที่พอรู้จักกับมาร์ค มาร์คได้ไหว้วานให้เร่งสืบสวนคดีของพิรัตและทิมพิกา พวกเขาพบหลักฐานบางอย่างที่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มอิทธิพลมืดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าของวัตถุโบราณข้ามชาติ

“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแล้ว” หัวหน้าชุดสืบสวนพูดขึ้น

“นั้นสิครับถ้าคดีเกี่ยวข้องกับการค้าวัตถุโบราณแบบนี้ ทางหน่วยเราพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเต็มที่ครับ” มาร์คกล่าวกับชุดสืบสวนที่ตนสนิท ที่กำลังคอยสืบเรื่องนี้อย่างลับ ๆ ด้วยเหตุที่ว่ามาร์คไม่ไว้ใจพัฒ ที่กำลังตกเป็นเป้าสงสัยของตน

 

เมื่อลดาได้ยินบทสนทนาของคนร้าย เธอรู้ว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว เธอต้องหาทางหนีโดยเร็วที่สุด ลดาสำรวจห้องอีกครั้งอย่างละเอียด เธอพบว่าหน้าต่างบานเล็กที่เธอแอบดูอยู่นั้น มีกลอนที่เก่าและผุพัง เมื่อเสียงด้านนอกเงียบลงพร้อมกับเสียงรถที่ขับออกไปเรื่อย ๆ ลดาตัดสินใจที่จะลองเสี่ยง เธอพยายามดันหน้าต่าง แต่กลอนก็ยังคงแน่นหนา เธอจึงใช้คัตเตอร์เล็กๆ ที่เธอซ่อนไว้ กรีดไปตามร่องรอยผุพังของกลอนอย่างใจเย็น แม้จะยากลำบากและเจ็บมือ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้

ในที่สุด กลอนก็หลุดออก ลดาเปิดหน้าต่างออกช้าๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เธอพบว่าด้านนอกเป็นป่ารกทึบ แต่ก็พอมีช่องทางที่จะเดินลัดเลาะไปได้ ลดาปีนออกไปอย่างระมัดระวัง เท้าของเธอเหยียบลงบนดินที่ชื้นแฉะและใบไม้ที่ร่วงหล่น เธอพยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม

ลดาตัดสินใจที่จะเดินไปตามทางที่เธอเห็นจากหน้าต่าง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นถนนลูกรัง เธอเดินอย่างรวดเร็วแต่เงียบเชียบ พยายามหลบหลีกกิ่งไม้และสิ่งกีดขวางต่างๆ เธอภาวนาในใจขออย่าให้ใครมาพบเธอในขณะที่ลดาหลบหนี แต่แล้วคนร้ายสองคนขับรถกลับมายังกระท่อมที่ขังลดาไว้ 

“ทำไมยังไม่ตื่น เอ็งลองเข้าไปตรวจข้างในดูสิ...” ชายคนหนึ่งพูดด้วยความกังวลลดารีบเร่งฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ห่างไปจากตนไม่มากนัก

“เราก็มัดไว้ออกจะแน่นนะพี่ แถมทางออกก็ปิดไว้แน่นหมดแล้วด้วย....” อีกคนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป พวกเขาก็พบว่าห้องว่างเปล่า พร้อมกับบานหน้าต่างที่เปิดอ้าออก

“บ้าจริง! หนีไปได้ยังไง!” ชายคนหนึ่งอุทานด้วยความตกใจ

“รีบตามไป! ก่อนที่เธอจะไปถึงถนนใหญ่!” อีกคนสั่งเสียงเข้ม

คนร้ายทั้งสองรีบวิ่งออกไปตามหาร่องรอยของลดาในป่า

ในที่สุดลดาได้วิ่งจนมาถึงถนนเส้นหลัก แต่ก็ยังไร้วี่แววคนสันจร มีเพียงแสงไปของชาวบ้านที่พอเห็นได้ไกล ๆ ลดาตัดสินใจวิ่งไปทางแสงไฟนั้นโดยที่ไม่รังเลพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาทางด้านหลัง เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ 

ลดาหันกลับไปมอง เธอเห็นคนร้ายสองคนวิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด เธอตัดสินใจวิ่งหนีสุดชีวิต เธอวิ่งไปตามถนนลูกรัง โดยมีแสงไฟจากบ้านเรือนเป็นเป้าหมาย เมื่อคนร้ายวิ่งเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ ใบหน้าที่ตนคุ้นเคยก็เห็นได้เด่นชัดขึ้น “พี่พัฒ...ทำไมพี่พัฒถึง...” ลดาคิดในใจ

“น้องลดา...หยุดก่อน...” เสียงพัฒ ที่เรียกมาจากด้านหลัง แต่ด้วยสันชาตญาณ บอกให้ลดาอย่าหยุดวิ่งเป็นอันเด็ดขาด ระยะทางอีกเพียงไม่กี่ร้อยเมตรความหวังที่จะรอดเพียงอย่างเดียวของลดา ใกล้จะถึงแล้วนั้นเอง...เสียงฝีเท้าได้หยุดลง “ปั้ง!” เสียงดังลั่นสนั้นท่ามกลางป่าอันเงียบสงัด ดังก้องไปทั้งป่า...