สมัยนี้แล้วยังมีจดหมายลูกโซ่อยู่อีกเหรอ? — ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องงมงาย ถ้ามันไม่ได้มีอาถรรพ์... ใครก็ได้บอกผมที ว่าทำไมเงาที่อยู่นอกหน้าต่างตอนนี้ ถึงได้ดูเหมือนกันคน(?)ในจดหมายเลย...

In Danger สัมผัสมรณะ - บทที่ 2 ทายทัก (3) โดย wandery @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ชาย-ชาย,อาชญากรรม,นิยายวาย,ไสยศาสตร์,วิญญาณ,สัมผัสพิเศษ,ฆาตกรรม,มนตร์ดำ,สยองขวัญ,เล่นของ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

In Danger สัมผัสมรณะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ชาย-ชาย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ไสยศาสตร์,วิญญาณ,สัมผัสพิเศษ,ฆาตกรรม,มนตร์ดำ,สยองขวัญ,เล่นของ

รายละเอียด

สมัยนี้แล้วยังมีจดหมายลูกโซ่อยู่อีกเหรอ? — ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องงมงาย ถ้ามันไม่ได้มีอาถรรพ์... ใครก็ได้บอกผมที ว่าทำไมเงาที่อยู่นอกหน้าต่างตอนนี้ ถึงได้ดูเหมือนกันคน(?)ในจดหมายเลย...

ผู้แต่ง

wandery

เรื่องย่อ

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

สถานที่ เหตุการณ์ และตัวละครเป็นเรื่องสมมติ มิได้พาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด มีการแต่งเรื่องราวที่เกินจริงเพื่อให้นิยายมีความสนุกและระทึกมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

 

แนะนำเรื่อง:

ในคืนที่แสนจะปกติแต่ไม่ปกติ เมื่อจดหมายลูกโซ่ถูกส่งเข้าอีเมลรัว ๆ จน 'ภูมิ์วา' ไม่สามารถพิมพ์รายงานต่อได้ ความรำคาญทำให้เขาเปิดอ่านมันในที่สุด แต่ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่อีเมลธรรมดา เพราะมันมีส่งผีมาด้วย...

สารบัญ

In Danger สัมผัสมรณะ-แนะนำเรื่อง และ ตัวละครหลัก, In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 0 บทนำ, In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 1 จดหมายลูกโซ่ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 1 จดหมายลูกโซ่ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 2 ทายทัก (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 2 ทายทัก (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 2 ทายทัก (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 3 อุปาทาน (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 3 อุปาทาน (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 4 ลางมรณะ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 4 ลางมรณะ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 4 ลางมรณะ (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 5 มนตร์ดำ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 5 มนตร์ดำ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 5 มนตร์ดำ (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 6 ปัดเป่า (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 6 ปัดเป่า (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 6 ปัดเป่า (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 7 วันโกน (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 7 วันโกน (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 7 วันโกน (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 8 โจมตี (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 8 โจมตี (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 9 ฝันบอกเหตุ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 9 ฝันบอกเหตุ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 9 ฝันบอกเหตุ (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 10 ไสยขาว (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 10 ไสยขาว (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 10 ไสยขาว (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (4), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 12 ลักพา, In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 13 สัมผัสมรณา (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 13 สัมผัสมรณา (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (4), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (4) [END], In Danger สัมผัสมรณะ-ตอนพิเศษ : หัวใจของเธียรไธ, In Danger สัมผัสมรณะ-Extra End

เนื้อหา

บทที่ 2 ทายทัก (3)

ต้องขอบคุณร้าน All Day Long จริง ๆ ที่เป็นที่พักพิงให้กับผมเมื่อคืน ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่สามารถผ่านพ้นค่ำคืนอันทรหดมาได้ เมื่อคืนหลังจากที่สองคนนั้นกลับไป ผมก็ไม่เห็นผู้หญิงในจดหมายลูกโซ่อีกเลย สงสัยว่าคงจะเป็นเพราะที่ที่ผมอยู่มีแสงไฟและมีคนอยู่เยอะแน่นอน ผมยังเชื่อแบบนั้นอยู่

ผมกลับไปที่หอของตัวเองจัดการอาบน้ำแต่งตัว และไม่ลืมที่จะปิดคอมพิวเตอร์ก่อนออกมา โชคดีจริง ๆ ที่จ่ายรายเดือนให้กับโปรแกรม Microdraft ข้อมูลรายงานที่ผมพิมพ์ไปจึงถูกบันทึกอัตโนมัติ ก่อนออกจากห้องผมมองสภาพบานประตูที่พังยับเยิน ผมครุ่นคิดมาตลอดทางว่าจะจัดการกับมันอย่างไร

เฮ้อ จะบอกผู้ดูแลหอว่ายังไงดีนะ 

ผมบิดมอเตอร์ไซค์จนมาจอดอยู่หน้าร้านกาแฟที่มีพี่รามิลกำลังยกป้ายเมนูอาหารมาวางตั้งที่หน้าร้าน ผมส่องกระจกรถมองขอบตาของตัวเองที่ดำเป็นหมีแพนด้าก่อนจะถอดหมวกกันน็อคแล้วยกมือไหว้สวัสดีพี่รามิล

“ไม่ได้นอนเหรอ” พี่รามิลถาม “บอกแล้วให้ยืมชีทพี่ไป”

ผมหัวเราะแหะ ๆ ก่อนจะเปิดประตูร้านเข้าไปเจอไอ้รัญที่มีสภาพอย่างคนไม่ได้นอนเหมือนกัน

“หวัดดีมึง โทรมเหมือนเดิม”

ไอ้รัญเท้าสะเอวก่อนจะตอบกลับผมมาว่า

“มึงก็โทรมเหมือนกันนั่นแหละ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนมึงแก้รายงานจนไม่ได้นอน?”

“...อืม”

แก้รายงานก็ส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ผมไม่ได้นอน มันไม่ใช่รายงานนี่สิ...

“กูบอกละ ให้ยืมชีทกูไป ไม่งั้นตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา มึงคงได้นอนเต็มอิ่มแล้ว”

ว่าแต่กู! ดูสภาพตัวเองด้วย ไอ้รัญ! ถึงปัญหามึงกับปัญหากูมันจะไม่เหมือนกันก็เถอะ!

ไอ้เพื่อนรักส่ายหัวก่อนจะไล่ให้ผมไปเปลี่ยนชุด อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเปิดร้าน การหลั่งไหลของลูกค้าจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้า

ระหว่างที่เข้าไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์ม ผมก็ได้แต่คิดทบทวนกับตัวเองว่าเรื่องที่เพิ่งเผชิญมาเมื่อคืน มันเป็นเพราะว่าร่างกายของผมเหนื่อยเกินไปจนเกิดหลอนขึ้นมาหรือเปล่า ยังไงไอ้เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนั้นมันก็ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วนี่ ทว่าความคิดมันก็ย้อนแย้งกันในหัวเมื่อนึกได้ว่าประตูตรงระเบียงมันพังจริง ๆ

ผมปิดตู้ล็อกเกอร์ของตัวเองแล้วเดินออกไปหน้าเคาน์เตอร์ ได้ยินเสียงของพี่รามิลกำลังคุยกับใครบางคนด้วย คงจะเป็นเพื่อนคนนั้นที่พี่เขาเตือนว่า ‘อย่าไปยุ่ง’ ละมั้ง

ผมเดินมาหยุดตรงเคาน์เตอร์พร้อมกับเห็นภาพที่ทำให้อาการตากุ้งยิงเกือบกำเริบ พี่รามิลนี่เป็นคนเปิดเผยเกินไปหรือเปล่า ไอ้รัญถูกดึงไปนั่งตัก แม้มันจะตีพี่รามิลไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้ดูต่อต้านแม้แต่น้อย

มึงมันก็ใจง่าย ไอ้รัญ!

แต่แล้วปัญหาทางสายตาของผมก็หายไปเมื่อ ผมมองไปยังใครอีกคนที่นั่งตรงข้ามพี่รามิล

โห... โคตรหล่อ

“สวัสดีครับ พี่ชื่อเธียรไธ เรียกว่าพี่เธียรเฉย ๆ ก็ได้”

และนั่นคือประโยคเดียวที่เข้ามาในหูของผม ขณะที่ตัวเองกำลังตะลึงกับรูปลักษณ์ของคนตรงหน้า เสียงของพี่รามิลและไอ้รัญลดต่ำลงราวกับถูกหรี่ ต่างจากเสียงของคนที่เพิ่งแนะนำตัวเองให้กับเพื่อนผมเลย

ผู้ชายคนนั้นตัวสูงพอ ๆ กับพี่รามิลแต่ว่าไว้ผมยาวกว่า พี่เขาตัดผมทรงวูฟคัต ใส่จิวที่หู แล้วก็ไอ้ยิ้มมีเขี้ยวที่ดูเหมือนหมาป่านั่นมันอะไรกัน เพื่อนพี่รามิลใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำแล้วพับแขนขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ได้ดูแต่งตัวสบาย ๆ อย่างพี่รามิลที่สวมเสื้อโอเวอร์ไซส์ สงสัยจังว่าเพื่อนพี่รามิลทำงานอะไร สไตล์การแต่งตัวมันถึงได้ดูดีขนาดนี้

ไอ้รัญยืนคุยอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์

“มึง คนนั้นใครวะ” ผมถามออกไป ทั้งที่ตัวเองก็ได้ยินชัดสองหูอยู่แล้วว่าคนนั้นคือเพื่อนพี่รามิล

“นั่นพี่เธียร เป็นเพื่อนพี่รามิล”

“คนที่พี่รามิลบอกว่าจะมาหาอ่ะนะ โคตรหล่อเลย เพราะแบบนี้เลยบอกไม่ให้เราเข้าไปยุ่งเหรอ หวงเพื่อนจังวะ”

เป็นเพื่อนพี่รามิลจริงด้วย แล้วทำไมถึงห้ามไม่ให้เราเข้าไปยุ่งวะ?

ผมคิดอยู่ในใจถึงเหตุผลที่ถูกห้าม แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก นอกจากเหตุผลที่ว่าหวงเพื่อนเพราะเพื่อนหล่อเกินไป

“เช็ดปากด้วย น้ำลายจะไหลแล้ว”

เมื่อถูกไอ้รัญทักมาแบบนั้น ผมก็เลยรีบหุบปากที่กำลังอ้าค้างของตัวเองทันที ก่อนจะหันไปถามเพื่อนสนิทว่า

“ไอ้รัญ กูถามอะไรมึงหน่อย”

“ถามมาดิ”

ผมเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าเพื่อถามบางอย่างกับมัน ปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของผีสาง สิ่งลี้ลับหรืออะไรก็ตามที่ฟังดูเหนือธรรมชาติ ด้วยเหตุนั้นผมก็เลยกังวลนิดหน่อยว่ามันอาจจะหัวเราะกับคำถามของผม

“มึงเคยเจอเรื่องเหนือธรรมชาติไหมวะ”

ไม่รู้ว่าผมทำหน้าแบบไหนตอนถามมัน แต่ใบหน้าที่ดูอึ้งของมันก็เริ่มทำให้ผมประหม่านิดหน่อย ก็แหงสิ จู่ ๆ คนแบบผมเนี่ยนะ จะถามอะไรแบบนั้น

“เคย”

ดวงตาของผมเบิกโตเล็กน้อย ผมสบตาไอ้รัญที่ไม่ได้หัวเราะผม แต่กลับมองมาด้วยสายตาจริงจัง ราวกับกำลังตอกย้ำให้ผมรู้ว่าบางทีเรื่องแบบนี้มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องไร้สาระก็ได้

“แสดงว่ามีอยู่จริงสินะ”

“อะไรมีอยู่จริงวะ” ไอ้รัญถาม

“จะว่ายังไงดี... ก็แบบเรื่องเหนือธรรมชาติ... อย่างวิญญาณ”

ไอ้รัญกลืนน้ำลายก่อนจะถามเข้าประเด็น “มึงเจอผีมาเหรอ”

“ไอ้รัญ! มึงอย่าพูดดัง กูกลัว!”

ผมกลัวจริง ๆ นะ ภาพเมื่อคืนที่ผมโดนวิ่งไล่ยังติดตาอยู่เลย

“โทษทีว่ะ” ไอ้รัญลูบหลังผมเบา ๆ

ผมสูดลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะถามมันต่อไปอีกว่า

“ไอ้รัญ มึงเคยได้จดหมายลูกโซ่ไหม”

“จดหมายอะไรนะ?” ไอ้รัญเอียงคอถาม

“จดหมายลูกโซ่”

“จดหมายลูกโซ่?”

ผมพยักหน้าก่อนจะว่าต่อ “คืองี้... มึงต้องเชื่อเรื่องที่กูจะเล่านะ”

ไอ้รัญพยักหน้ารับคำ แม้สีหน้าของมันจะดูงงงวยมากก็ตาม

“เมื่อคืนกูได้รับจดหมายลูกโซ่”

“แล้ว...”

“มันส่งผีมาด้วย”

“...”

ถ้าไม่อึ้งก็คงแปลก ไอ้รัญเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะจับไหล่ผมแล้วพูดว่า

“กูเชื่อมึง”

ผมมองแววตาของเพื่อนรักที่มีแต่ความจริงใจ ดวงตาคู่นั้นไม่ใช่ดวงตาของคนโกหก มันเชื่อผมจริง ๆ และผมขอบคุณมันมากที่เชื่อเรื่องที่ผมเล่า ผมคิดว่ามันต้องเคยเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมาเหมือนกันแน่นอน เพียงแต่อาจจะเจอคนละรูปแบบ อย่างน้อยผู้ประสบภัยเรื่องเหนือธรรมชาติก็ไม่ได้มีแค่ผม แต่ว่าหลังจากนี้จะเอาไงต่อดีล่ะ

“อ๊ะ!”

ผมเหลือบไปเห็นพอดีว่าพี่เธียรดื่มกาแฟหมดแล้ว นิสัยซุกซนของตัวเองก็เลยเผลอแสดงออกมา ผมปลีกตัวออกจากไอ้รัญแล้วเดินเข้าไปหาพี่เธียรอย่างว่องไว

“เดี๋ยวผมเก็บให้นะครับ”

เพื่อนพี่รามิลมาหาทั้งที ขอตีสนิทหน่อยก็แล้วกัน!

ผมส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ไปหาพี่เธียร ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟใส่ถาดช้า ๆ บอกเลยนะ ว่าไม่เคยมีใครทนรับพลังทำลายล้างของรอยยิ้มผมได้หรอก พี่เธียรต้องหลงผมบ้างแหละ!

สายตาของเราทั้งคู่มองสบกัน ทว่าสายตาที่พี่เธียรมองกลับมาที่ผมมันดูแปลก ๆ สายตามันดูแข็งกร้าวราวกับมองใครอีกคนที่ไม่ใช่ผม...

และเพราะสถานการณ์มันอึดอัดเกินไป ผมจึงหันหลังเดินกลับเคาน์เตอร์ แต่พี่เธียรที่เพิ่งทำให้ผมกลัวก็คว้าข้อมือของผมเอาไว้

“ครับ?”

ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าเหงื่อเม็ดเล็กกำลังผุดพรายที่หน้าผากของผม

“น้องครับ...”

น้ำเสียงของพี่เธียรนิ่งจนทำให้ผมขนลุก นัยน์ตาสีดำคู่นั้นมองผ่านตัวผมไปเหมือนมองคนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งที่มันก็เป็นพื้นที่ว่างเปล่า

“...พี่ว่าน้องกำลังจะตาย”

ได้ยินแบบนั้น ความทรงจำของเมื่อคืนก็ไหลกรูเข้ามาในหัวทันที หรืออาถรรพ์จดหมายลูกโซ่... มันจะมีจริง

“เฮ้ย! ไอ้เธียร มึงไปพูดแบบนั้นกับน้องเขาได้ยังไง”

พี่รามิลรีบปรามเพื่อนของตัวเอง ส่วนไอ้รัญก็รีบเดินออกจากเคาน์เตอร์มาหาผมที่กำลังหน้าถอดสี

“ไอ้เธียร”

พี่รามิลเรียกอีกครั้งจนพี่เธียรสะดุ้ง พี่เขาลุกขึ้นก่อนจะขอตัวกลับก่อน

“ไว้เจอกัน ไอ้มิล”

“โอเคมึง”

หลังจากที่พี่เธียรเดินออกไปจากร้าน บรรยากาศน่าอึดอัดเมื่อครู่ก็ทำเอาผมเกือบหายใจไม่ออก ผมทรุดตัวลงกับพื้นจนไอ้รัญต้องช่วยพยุงให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

“ไอ้ภู มึงไหวไหม”

ผมพยายามควบคุมจังหวะการหายใจแล้วตั้งสติตัวเองให้มั่น ก่อนจะหันไปถามมันว่า

“มึงเห็นใช่ไหม พี่เขาไม่ได้มองกู”

มันพยักหน้าเบา ๆ ส่วนพี่รามิลคนที่เตือนเราว่าอย่าไปยุ่ง ก็กำลังทำหน้าเครียดแล้วถามพวกเราว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ผมเล่าเรื่องที่ผมเพิ่งจะประสบพบเจอมาให้สองคนนั้นฟัง พี่รามิลที่มักจะเก็บอารมณ์ทางสีหน้าไม่มิดก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ทางด้านไอ้รัญเองก็บีบมือผมเบา ๆ เพื่อพยายามทำให้ผมผ่อนคลาย

พี่รามิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจบอกเหตุผลกับพวกเรา ถึงเรื่องที่ห้ามไม่ให้เราไปยุ่งกับพี่เธียร

“มันมองเห็นอะไรแปลก ๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว คนนอกมองเข้ามาก็จะคิดว่ามันเป็นคนประหลาด มันเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก จะมีก็แค่พี่กับไอ้นัทนี่แหละ พักหลังมามันก็ไม่ค่อยทักใครแบบนั้นแล้วนะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...”

ฟังถึงประโยคนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที ถ้าการที่พี่เธียรมองเห็นอะไรแบบนั้น แล้วยังมาทักว่าผมกำลังจะตายอีก... ไอ้จดหมายลูกโซ่บ้า ๆ นั่นก็คงจะไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ แล้ว

“แล้วผมควรจะทำยังไงดีครับ”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวไอ้เธียรก็ต้องกลับมาช่วย”

พี่รามิลมองมาที่ผมพร้อมกับพูดปลอบ แม้คำพูดของพี่เขาจะไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยก็ตาม

“เพราะมันทนเห็นใครตายไม่ได้หรอก”

 

 

 

 

⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰⋆⃟⋆ ⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰ ⋆⃟⋆⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰

ภูบอก พี่รามิลพาเครียดมากกว่าเดิมอีก