สมัยนี้แล้วยังมีจดหมายลูกโซ่อยู่อีกเหรอ? — ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องงมงาย ถ้ามันไม่ได้มีอาถรรพ์... ใครก็ได้บอกผมที ว่าทำไมเงาที่อยู่นอกหน้าต่างตอนนี้ ถึงได้ดูเหมือนกันคน(?)ในจดหมายเลย...
สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ชาย-ชาย,อาชญากรรม,นิยายวาย,ไสยศาสตร์,วิญญาณ,สัมผัสพิเศษ,ฆาตกรรม,มนตร์ดำ,สยองขวัญ,เล่นของ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
In Danger สัมผัสมรณะสมัยนี้แล้วยังมีจดหมายลูกโซ่อยู่อีกเหรอ? — ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องงมงาย ถ้ามันไม่ได้มีอาถรรพ์... ใครก็ได้บอกผมที ว่าทำไมเงาที่อยู่นอกหน้าต่างตอนนี้ ถึงได้ดูเหมือนกันคน(?)ในจดหมายเลย...
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
สถานที่ เหตุการณ์ และตัวละครเป็นเรื่องสมมติ มิได้พาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด มีการแต่งเรื่องราวที่เกินจริงเพื่อให้นิยายมีความสนุกและระทึกมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
แนะนำเรื่อง:
ในคืนที่แสนจะปกติแต่ไม่ปกติ เมื่อจดหมายลูกโซ่ถูกส่งเข้าอีเมลรัว ๆ จน 'ภูมิ์วา' ไม่สามารถพิมพ์รายงานต่อได้ ความรำคาญทำให้เขาเปิดอ่านมันในที่สุด แต่ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่อีเมลธรรมดา เพราะมันมีส่งผีมาด้วย...
“สรุปว่าพี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่คณะไหน ถึงตามมาเจอได้”
ผมถามคนที่เอาแต่เงียบมาตลอดทางตั้งแต่ลากตัวผมเข้ารถได้ ทว่าคนข้าง ๆ มัวแต่มองทางข้างหน้าไม่หันมามองผมเลยสักนิด ถึงจะเข้าใจก็เถอะว่าขับรถมันต้องดูทาง แต่อย่างน้อยช่วยสนใจคนที่พี่เพิ่งลักพาตัวมาด้วยสิ!
เอ๊ะ? แต่ผมก็สมยอมมาเองนี่หว่า ฮึ่ย! หงุดหงิด!
ขณะที่ผมเอาแต่บ่นกับตัวเองในใจ คนข้าง ๆ เมื่อเลี้ยวรถออกจากตัวมหาวิทยาลัยได้ก็เริ่มเปิดปากพูดกับผม
“หอไปทางไหน”
“ครับ?”
“พี่ถามว่าหอน้องไปทางไหน”
เปิดปากได้สักทีนะ
“ผมอยู่หอใน”
ผมตอบก่อนจะชี้นิ้วโป้งกลับเข้าไปในมหาวิทยาลัย ก็ถ้าตัวเองยอมคุยกับผมแต่แรกก็คงไม่ต้องมาหัวเสียกลับรถแบบนี้หรอก!
พี่เธียรเหล่มองผมก่อนจะหันไปดูทางต่อ
“เลี้ยวไปทางไหน บอกมาสิ”
มุมปากของผมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็ละลายภูเขาน้ำแข็งของคนข้าง ๆ ได้แล้ว หรือไม่ผมก็คิดไปเองว่าทำได้… เพราะมันละลายไปแค่ยอดเท่านั้น
ระหว่างทางผมชวนพี่เขาคุยไปด้วย เล่านู่นเล่านี่ให้ฟังเกี่ยวกับความลำบากของชีวิตนักศึกษา แต่ว่าไอ้คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนแล้วกลับทำแค่พยักหน้ารับ ทำไมพี่เธียรที่อยู่กับผมตอนนี้ ถึงไม่ดูช่างพูดเหมือนคนที่อยู่กับพี่รามิลเลยล่ะ?
ผมถอนหายใจพร้อมกับพองแก้ม สองแขนกอดอกตัวเองก่อนจะหันมานั่งหน้าตรงทำทีว่าไม่สนใจคนข้าง ๆ อีกแล้ว
ความเร็วของรถชะลอลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าหอพัก พี่เธียรดับเครื่องยนต์แล้วหันมาหาผม
ตอนนั้นผมคิดในใจว่า ถึงพี่เขาจะง้อยังไง ผมก็จะไม่ยอมเปิดปากคุยด้วยเด็ดขาด ผมต้องเอาคืนให้พี่เธียรรู้ว่าความรู้สึกของคนโดนเมินมันเป็นยังไง!
แต่แล้วความคิดของผมก็แตกกระเจิง เมื่อถูกอีกฝ่ายเอามือมาสัมผัสใบหน้าก่อนจะบีบแก้มผมเบา ๆ ให้หันไปมองเขา ปากของผมถูกทำให้เผยอขึ้นเล็กน้อยตามแรงบีบ
คนตัวโตจับแก้มผมหันไปทางขวาทีก่อนจะหันไปทางซ้าย ส่วนสายตาก็จ้องมองสำรวจใบหน้าของผมอย่างละเมียดละไม ดวงตาสีดำของพี่เธียรไล่มองผมตั้งแต่หัวคิ้ว ดวงตา จมูก ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก
นี่ถ้าผมคิดถูก... ตอนนี้ผมกำลังจะถูกพี่เขาจูบใช่ไหม?
เพราะสมองมันคิดอะไรเตลิดไปแบบนั้น กลางอกก็เลยร้อนวูบวาบด้วยความตื่นเต้น แก้มทั้งสองเริ่มเห่อร้อนเมื่อเจ้าของกำลังนึกถึงเรื่องน่าอาย
พี่เธียรขยับหน้าเข้ามาใกล้ พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยหลับตาก่อนจะยกปากขึ้นเล็กน้อย ทว่าค้างอยู่ในท่านั้นหลายนาที ก็ไม่มีอะไรมาสัมผัส ดวงตาคู่เล็กก็เลยเปิดขึ้น ก่อนจะเห็นว่าอีกคนกำลังมองผมด้วยสายตางุนงง
“น้องทำอะไรน่ะ”
ผมที่เพิ่งรู้ตัวว่าคิดไปเองจึงจับมือพี่เขาที่บีบแก้มอยู่ออก ส่วนอีกคนที่คงรู้ว่าผมคิดเรื่องอะไรก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
“หน้าหมองมาก ...ส่วนความมโนก็มากเหมือนกัน”
ได้ยินแบบนั้นผมก็ลมออกหูเลย มโนอะไรกัน? ตัวเองนั่นแหละมาทำให้คนอื่นเขาคิดลึก!
แต่ว่า… แค่หน้าหมอง มันก็ไม่ต้องดูใกล้ขนาดนั้นไหม?!
พี่เธียรเดินตามผมขึ้นมาที่ห้องเงียบ ๆ หลังจากที่ผมแวะไปเอากุญแจที่ทอยฝากไว้ให้ตรงเคาน์เตอร์ใต้หอ ผู้ดูแลหอพักมองคนแปลกหน้าตัวสูงที่มากับผม แต่เขาก็ทำได้แค่มอง เพราะคนที่มาด้วยเป็นผู้ชาย ลองให้คนที่มาด้วยเป็นผู้หญิงสิ มีหวังผมถูกหักคะแนนหอพักแน่ แม้คะแนนของผมตอนนี้จะเริ่มร่อยหรอจนแทบไม่มีให้หักแล้วก็ตาม เพราะผมมักจะกลับดึกเลยเวลาเที่ยงคืนซึ่งเป็นเวลาปิดหอ หลัง ๆ มาผมก็เลยตัดปัญหาการกลับดึกไปเป็นกลับเช้าซะเลย!
แต่จะว่าไป... คืนนั้นที่ผมหนีตาย ผมไม่เห็นผู้ดูแลหอเลยแฮะ
แกร๊ก
ผมไขกุญแจประตูห้องแล้วผลักประตูเข้าไป
“เดี๋ยวก่อน”
พี่เธียรพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือหนาจับแขนของผมไว้ ก่อนที่ตัวเองจะก้าวเข้าไปก่อน ผมเงยหน้ามองคนที่ยังไม่เคยแนะนำตัวกันแบบจริงจังก่อนจะถามออกไป
“ทำไมเหรอครับ? นี่ห้องผมนะ”
“แป๊บนึง”
พี่เธียรเดินเข้าไปก่อนจะมองไปยังประตูระเบียงที่ตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นบานใหม่แล้ว จากนั้นพี่เขาก็มองรอบห้องอย่างช้า ๆ ก่อนจะไปหยุดสายตาอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์
“เข้ามาได้” พี่เธียรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนผมขนลุก “แล้วล็อกประตูด้วย”
ผมทำตามที่พี่เขาบอกอย่างว่าง่ายจนผมยังงงตัวเอง พี่เธียรเลื่อนเก้าอี้เกมมิ่งสีดำออกมาก่อนจะนั่งลงแล้วหมุนมันหันหน้ามาทางผม
“หมุนตัวให้พี่ดูหน่อย”
“ครับ?”
พี่เธียรเลิกคิ้วส่งสายตาว่าตัวเองจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง และนั่นมันทำให้ผมหงุดหงิดเอามาก ๆ
อะไรของพี่คนนี้กันเนี่ย? จู่ ๆ ก็มาหาที่คณะ พามาส่งหอ จับแก้ม... แล้วก็ยังมาบอกให้หมุนตัวให้ดูเนี่ยนะ?!
แม้จะไม่เข้าใจความคิดของคนตรงหน้า แต่สุดท้ายผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะสายตาหมาป่าของอีกฝ่ายทำให้ผมไม่กล้าสบตา
“แน่นมาก”
ผมหันขวับไปมองพี่เธียรที่จู่ ๆ ก็พูดอะไรน่าอายออกมา คนตัวโตวางศอกบนที่พักแขนบนเก้าอี้ก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบคางตัวเอง
“อะ… อะไรของพี่เนี่ย?!”
นี่อย่าบอกนะ ว่าที่พี่เขามาหาผมถึงที่นี่เพราะตั้งใจจะมาทำเรื่องแบบนั้นน่ะ?
“คิดไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“พ… พี่นั่นแหละ! คิดจะทำอะไรกันแน่?!”
พี่เธียรถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อว่า
“ไอ้ที่แน่นน่ะ พลังงานลบ”
“ฮะ? พลังงานลบ?”
“ใช่ ตอนนี้ทั่วทั้งตัวของน้อง มีแต่พลังงานลบ”
ผมนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งกับคำว่าพลังงานลบ และเพราะพี่เธียรเห็นว่าผมกำลังทำหน้างง พี่เขาก็เลยช่วยขยายความเพิ่ม
“หรือเรียกอีกอย่างว่า ลางมรณะ”
⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰⋆⃟⋆ ⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰ ⋆⃟⋆⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰
พี่อย่าทำให้น้องคิดลึกสิ