สมัยนี้แล้วยังมีจดหมายลูกโซ่อยู่อีกเหรอ? — ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องงมงาย ถ้ามันไม่ได้มีอาถรรพ์... ใครก็ได้บอกผมที ว่าทำไมเงาที่อยู่นอกหน้าต่างตอนนี้ ถึงได้ดูเหมือนกันคน(?)ในจดหมายเลย...

In Danger สัมผัสมรณะ - บทที่ 4 ลางมรณะ (2) โดย wandery @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ชาย-ชาย,อาชญากรรม,นิยายวาย,ไสยศาสตร์,วิญญาณ,สัมผัสพิเศษ,ฆาตกรรม,มนตร์ดำ,สยองขวัญ,เล่นของ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

In Danger สัมผัสมรณะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ชาย-ชาย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ไสยศาสตร์,วิญญาณ,สัมผัสพิเศษ,ฆาตกรรม,มนตร์ดำ,สยองขวัญ,เล่นของ

รายละเอียด

สมัยนี้แล้วยังมีจดหมายลูกโซ่อยู่อีกเหรอ? — ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องงมงาย ถ้ามันไม่ได้มีอาถรรพ์... ใครก็ได้บอกผมที ว่าทำไมเงาที่อยู่นอกหน้าต่างตอนนี้ ถึงได้ดูเหมือนกันคน(?)ในจดหมายเลย...

ผู้แต่ง

wandery

เรื่องย่อ

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

สถานที่ เหตุการณ์ และตัวละครเป็นเรื่องสมมติ มิได้พาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด มีการแต่งเรื่องราวที่เกินจริงเพื่อให้นิยายมีความสนุกและระทึกมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

 

แนะนำเรื่อง:

ในคืนที่แสนจะปกติแต่ไม่ปกติ เมื่อจดหมายลูกโซ่ถูกส่งเข้าอีเมลรัว ๆ จน 'ภูมิ์วา' ไม่สามารถพิมพ์รายงานต่อได้ ความรำคาญทำให้เขาเปิดอ่านมันในที่สุด แต่ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่อีเมลธรรมดา เพราะมันมีส่งผีมาด้วย...

สารบัญ

In Danger สัมผัสมรณะ-แนะนำเรื่อง และ ตัวละครหลัก, In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 0 บทนำ, In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 1 จดหมายลูกโซ่ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 1 จดหมายลูกโซ่ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 2 ทายทัก (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 2 ทายทัก (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 2 ทายทัก (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 3 อุปาทาน (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 3 อุปาทาน (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 4 ลางมรณะ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 4 ลางมรณะ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 4 ลางมรณะ (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 5 มนตร์ดำ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 5 มนตร์ดำ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 5 มนตร์ดำ (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 6 ปัดเป่า (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 6 ปัดเป่า (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 6 ปัดเป่า (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 7 วันโกน (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 7 วันโกน (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 7 วันโกน (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 8 โจมตี (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 8 โจมตี (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 9 ฝันบอกเหตุ (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 9 ฝันบอกเหตุ (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 9 ฝันบอกเหตุ (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 10 ไสยขาว (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 10 ไสยขาว (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 10 ไสยขาว (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 11 พึงระวัง (4), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 12 ลักพา, In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 13 สัมผัสมรณา (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 13 สัมผัสมรณา (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 14 ปลดปล่อย (4), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (1), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (2), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (3), In Danger สัมผัสมรณะ-บทที่ 15 คลี่คลาย (4) [END], In Danger สัมผัสมรณะ-ตอนพิเศษ : หัวใจของเธียรไธ, In Danger สัมผัสมรณะ-Extra End

เนื้อหา

บทที่ 4 ลางมรณะ (2)

จากนั้นคนตัวโตก็เดินสำรวจห้องของผมทุกซอกทุกมุม โชคดีที่ผมก็จัดอยู่ในประเภทของคนเจ้าระเบียบคนหนึ่ง ห้องก็เลยเรียบร้อยไม่รกเหมือนห้องคนอื่น

พี่เธียรเดินออกไปดูตรงหน้าระเบียง สาดส่องสายตาดูรอบ ๆ ก่อนจะเดินเข้ามา แล้วบอกผมที่นั่งรออยู่บนเตียงให้ไปเปิดคอมพิวเตอร์

“พี่จะเล่นเกมเหรอครับ”

“หน้าพี่เหมือนคนติดเกมแบบไอ้มิลเหรอ”

ผมหน้าจ๋อยขณะลุกเดินมากดปุ่มเปิดเครื่องให้

คนเขาก็ถามดี ๆ ไหมล่ะ?!

ระหว่างรอเครื่องสตาร์ทผมหันไปถามอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้เกมมิ่ง

“ทำไมเวลาพี่พูดกับผมต้องทำเสียงเครียดด้วยครับ”

ทีตอนอยู่กับพี่รามิลวันนั้น พูดเป็นกันเองและคุยสนุกสุด ๆ แต่พอกับผมเท่านั้นแหละ!

พี่เธียหลุบตาลง คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะวางแขนลงบนเก้าอี้แล้วเอนตัวลงมา

“จะไม่ให้เครียดได้ไง น้องกำลังจะตายนะ”

“...”

สายตาที่เคยมองพี่เธียรค่อย ๆ เบนกลับไปมองจอมอนิเตอร์เมื่อทำการเปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว พี่เธียรบอกว่ายิ่งลางมรณะชัดมากแค่ไหน คนคนนั้นก็จะยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น

“ผมจะตายจริง ๆ เหรอครับ”

“ไม่รู้สิ”

คนที่ยืนพิงพนักเก้าอี้ถอนหายใจเบา ๆ

“บอกพี่สิ ว่าเรื่องมันเริ่มจากตรงไหน”

“ผมได้รับจดหมายลูกโซ่ครับ”

“ไม่ได้ไปมีเรื่องอะไรกับใครมาใช่ไหม”

“ไม่นะครับ”

“โอเค งั้นเปิดจดหมายให้พี่ดูหน่อย”

ผมค่อย ๆ เคลื่อนมือไปจับเมาส์ก่อนจะกดเปิดแอปพลิเคชันอีเมล หน้าตาอีเมลเด้งขึ้นมาพร้อมกับโชว์รายการข้อความที่ผมเปิดอ่านแล้ว และฉบับบนสุดที่แม้แต่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปกดอ่านมันเมื่อไร

‘ไม่ส่งต่อ ระวังตาย’

พี่เธียรมองแล้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะคว้าเมาส์ในมือของผมไปกดคลิกอ่าน

“คนขายเนื้อเหรอ เหอะ โคตรเชยเลย”

พี่เธียรพูดขณะที่ใช้เมาส์เลื่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไล่อ่านจดหมายลูกโซ่ฉบับล่าสุด ทว่าน้ำเสียงของพี่เธียรกลับปนไปด้วยความหงุดหงิด จนผมสงสัยว่า ทำไมพี่เขาจะต้องหงุดหงิดขนาดนั้น เพราะนี่มันไม่ใช่เรื่องของตัวเองด้วยซ้ำ

เนื้อความในจดหมายรอบนี้บอกว่าให้ส่งต่อ 15 คน จำนวนของมันมากกว่าฉบับแรกเสียอีก

พี่เธียรมองหน้าผมก่อนจะถามว่า

“น้องได้ส่งต่อให้ใครหรือเปล่า”

“ไม่ได้ส่งครับ”

ถ้าส่ง ผมคงรอดไปแล้วแหละ...

“ดีแล้ว”

“แล้ว... ที่พี่มาหาผม?”

พี่เธียรชะงักไปเล็กน้อย เขากดปิดหน้าต่างอีเมลก่อนจะเหลือบสายตามองหน้าต่าง ช่องประตู ช่องแอร์ และอะไรก็ตามที่มีรู

“วันนั้น... พี่เห็นเงาดำอยู่ข้างหลังน้อง”

“...”

อย่าบอกนะ ว่าผู้หญิงคอหักคนนั้นตามผมอยู่ตลอดเลย เพียงแค่ผมมองไม่เห็นเพราะว่าเธออยู่นอกระยะสายตา...

“มันเป็นของที่ถูกส่งมา”

ของงั้นเหรอ?

“พี่จะถามน้องอีกครั้ง”

ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ เตรียมใจรับคำถามที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะตอบได้หรือเปล่า

“น้องไม่ได้ไปทำอะไรใครไว้ใช่ไหม”

“ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะพี่ ผมไม่มีทางไปมีเรื่องหรือไปแกล้งใครจนโดนเกลียดหรอก”

ผมคิดจนปวดเซลล์สมองแล้วจริง ๆ แต่ก็นึกไม่ออกเลยสักครั้งว่าเคยไปทำอะไรใครไว้

“ไม่เป็นไร พี่ไล่ไปให้แล้ว”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็โล่งอก แต่โล่งอกได้ไม่นานหรอก...

“แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีอีกตัวหนึ่ง”

“อย่าบอกนะครับ”

พี่เธียรพยักหน้า “อืม คนขายเนื้อ”

ถ้าว่ากันตามจดหมายฉบับล่าสุด ข้อความในนั้นบอกว่า คนขายเนื้อจะมาหาตอนกลางวัน และถ้าสบตากันเมื่อไร คนขายเนื้อจะมาหั่นเนื้อให้ในตอนกลางคืน...

แค่คิดใจก็ตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม เพราะวันนี้ผมเพิ่งจะสบตาคนขายเนื้อนั่นไป ถึงจะไม่มีลูกตาให้สบก็เถอะ!

“ผมซวยแล้วพี่!”

ผมเผลอจับแขนพี่เขาเขย่าอย่างแรง จนอีกคนตกใจ

“น้องใจเย็นก่อน”

อุ้งมืออุ่นจับมือของผมก่อนจะบอกให้ผมตั้งสติ

“เพราะแบบนั้นพี่เลยมาที่นี่ไง”

“ครับ?”

ผมกะพริบตาปริบ ๆ แล้วมองคนตัวโตที่กำลังจัดแขนเสื้อที่เพิ่งถูกผมเขย่าจนยับไป

“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ด้วย”

“ฮะ?”

ถึงจะรู้ก็เถอะ ว่าการที่พี่เธียรมานอนห้องผม มันไม่ใช่ว่าพี่เขาอยากจะมาทำเรื่องอย่างว่า แต่ถึงอย่างนั้นการที่มีผู้ชายคนอื่นมาขอนอนค้างด้วย มันก็ทำให้ผมกระวนกระวายในใจไม่น้อย

พี่เธียรเดินลงหอไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะกลับขึ้นมาพร้อมกระเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้มหนึ่งใบ คนตัวโตวางกระเป๋าลงก่อนจะเดินสำรวจรอบห้องอีกครั้ง

ถ้าเปิดประตูเข้ามาแล้ว จะมองเห็นเตียงสองเตียงวางชิดผนังสองฝั่งด้านซ้ายและขวา เตียงขวามือคือเตียงผม ส่วนเตียงทางซ้ายคือเตียงเก่าไอ้รัญ บนหัวเตียงมีหน้าต่าง ประตูระเบียงตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเตียงของพวกเรา ส่วนพื้นที่ตรงปลายเตียงคือพื้นที่ของตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงาน

พูดแบบนี้มันดูเหมือนห้องแคบ แต่จริง ๆ แล้วอาณาเขตของห้องนั้นกว้างพอสมควร พื้นตรงกลางระหว่างเตียงสองเตียงกว้างพอที่จะตั้งวงเล่นไพ่กันได้เลยด้วยซ้ำ เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ตรงโต๊ะของไอ้รัญ และเพราะตอนนี้ไอ้เพื่อนรักของผมมันไม่ได้อยู่หอในแล้ว เตียงนอนของมันก็เลยว่างเปล่า

ผมบอกให้พี่เธียรนอนเตียงของไอ้รัญไป ส่วนตู้เสื้อผ้าของไอ้รัญก็ให้พี่เขาใช้ได้เลย ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ผมขอตัวออกไปอาบน้ำก่อน ระหว่างนั้นพี่เธียรก็เลยอาสาออกไปซื้อข้าวเย็นมาให้

โชคดีจัง วันนี้ได้กินฟรีด้วย

ห้องน้ำของหอในเป็นห้องน้ำแบบรวม ทุกคนที่พักอยู่ฝั่งเดียวกันจะมาใช้ห้องน้ำที่เดียวกัน โดยตัวห้องน้ำจะแบ่งออกเป็นโซนอาบน้ำและสุขา ปกติเวลานี้ไม่ค่อยมีใครมาอาบน้ำ ผมก็เลยถือโอกาสได้อาบน้ำคนเดียวอย่างสบายใจ

วันนี้ต้องทำให้หัวให้โล่งสักหน่อย เพราะเจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้

ขณะที่กำลังบีบยาสระผมใส่มือนั้น จู่ ๆ คำพูดของพี่เธียรก็เข้ามาในหัว แต่มันก็ติดใจผมอยู่จริง ๆ นั่นแหละ ก็คนที่พูดดันไม่ได้มีแค่พี่เธียรน่ะสิ!

‘น้องไม่ได้ไปทำอะไรใครไว้ใช่ไหม’

‘พี่ไม่ได้ไปทำให้ใครเกลียดมาใช่ไหมคะ’

เฮ้อ คิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ คนอย่างผมเนี่ยนะ? หรือว่าโดนเกลียดเพราะไปช่วยงานมหา’ ลัยเยอะวะ? โอ้ย! บ้าไปกันใหญ่แล้ว

แต่เรื่องที่ยังคาใจอยู่ไม่ได้มีแค่นั้นหรอก พี่รามิลบอกว่าพี่เธียรมองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นนี่ มันคงน่าขนลุกน่าดู เพราะแค่ผมเห็นหญิงคอหักกับคนขายเนื้อตาโบ๋ ผมก็แทบไม่ไหวแล้ว!

“โอ๊ะ!”

แชมพูที่ไหลเข้าตาเป็นตัวบอกเวลาว่าผมคิดนานไปแล้ว หลังจากที่จัดการล้างตัวเรียบร้อย ผมก็เดินกลับมายังห้องของตัวเอง

แต่จังหวะที่ผมกำลังเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูนั้น ผมได้ยินเสียงพี่เธียรกำลังคุยกับใครบางคน ผมแนบหูชิดกับบานประตู พร้อมนึกโกรธคนด้านในที่แอบพาใครไม่รู้เข้าห้องผมโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะเสียงที่ผมได้ยินคือเสียงผู้หญิง...

ซวยแล้วไง! ถ้าเกิดผู้ดูแลรู้เข้า มีหวังผมโดนหักคะแนนจนต่อหอพักปีต่อไปไม่ได้แน่!

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบเปิดประตูเข้าไปอย่างแรง แต่ปรากฏว่าภายในห้องกลับมีแค่พี่เธียรที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ

“พี่คุยกับใคร?”

“เปล่านี่”

พี่เธียรตอบพลางวางโทรศัพท์ลงบนเตียง

“ตาพี่อาบน้ำละ มื้อเย็นอยู่ตรงโน้นกินได้เลย เอ้อ! พี่ยืมสบู่หน่อยนะ”

พี่เธียรพูดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวและขวดครีมอาบน้ำของผมออกไป

ผมมองตามหลังพี่เขาอย่างสงสัย จะว่าพี่เธียรคุยโทรศัพท์ก็ไม่น่าใช่ เพราะเสียงที่ได้ยิน มันไม่เหมือนเสียงเวลาเปิดลำโพงพูดเลย และเพราะพี่เธียรออกไปแล้ว ผมเลยถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของพี่เขามาดู

แต่แล้วเงาสะท้อนที่ฉายบนหน้าจอก็ทำเอาผมเผลอปล่อยโทรศัพท์หลุดจากมือ มันตกลงมากระแทกเท้าของผมจนเจ็บระบม แต่ทว่าภาพที่เห็นเมื่อครู่กลับมีฤทธิ์เหมือนยาแก้ปวดชั้นดี

อะไรน่ะ...

และเพราะภาพมันยังติดอยู่ที่ตา ผมจึงไม่กล้าแม้แต่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นไปวางไว้ที่เดิม ด้วยกลัวว่าจะเห็นใครอีกคนที่ด้านหลังอีก

จากนั้นผมก็นั่งนิ่งอยู่ที่เตียงของตัวเองจนพี่เธียรกลับมา พี่เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียก มองโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้น ก่อนจะถามผมที่ยังไม่ได้กินมื้อเย็นว่า

“ยังไม่หิวเหรอ?”

 

 

 

 

⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰⋆⃟⋆ ⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰ ⋆⃟⋆⋆⋆⃟⊱✪⃝⃞⃝⊰

ใครน่ะ...