เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเพราะวันนี้ต้องเดินทางไปยังหอพักที่ติดต่อไว้ ฉันนั่งรถโดยสารไปลงตรงป้ายสวนสาธารณะแห่งหนึ่งหลังมหาลัยวิทยาลัย XX และเดินทางเท้าต่ออีกเล็กน้อยตามเส้นทางเท่าที่จำได้จากใบประกาศ และแล้วตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่หน้าอาคารไม้หลังหนึ่ง ซึ่งฉันมั่นใจเลยว่าอาคารที่ปรากฎอยู่นี้ต้องเป็นสถานที่ที่ถูกต้องแน่นอน
ฉันก้มมองนาฬิกาข้อมือแสดงเวลาเจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้านาที ยังไม่ถึงเวลาที่นัดคุณอรัญไว้ คงเพราะเมื่อเช้าฉันตื่นเร็วกว่าปกติเลยทำให้มาถึงสถานที่นัดหมายเร็วกว่ากำหนด ฉันน่าจะสำรวจอาคารตรงหน้าอีกสักหน่อยเพื่อฆ่าเวลา จากสภาพที่เห็นคงต้องเรียกที่นี่ว่า ‘หอพักเก่า’ มากกว่าคำว่าหอพักธรรมดาสินะ
ด้านนอกมีรั้วไม้สีขาวซีดห้อมล้อมอาณาเขตของหอพักไว้ รอบตัวอาคารเป็นพื้นที่สนามหญ้าสีเขียวขจีโล่งเตียน กลิ่นใบหญ้าที่เพิ่งโดนตัดโชยเข้าจมูกเล็กน้อย ด้านหน้าอาคารมีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่หนึ่งชุดคงมีไว้สำหรับบริการผู้เช่า เห็นแบบนั้นฉันเลยถือวิสาสะเอื้อมมือไปเปิดประตูรั้วอย่างเบามือเพราะกลัวว่าตัวเองจะทำรั้วไม้แสนเก่านี้พังลง ตรงดิ่งไปยังโต๊ะหินอ่อนตัวนั้น วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะก่อนจะเดินสำรวจอาคารอีกเล็กน้อย
หอพักนี้เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ตัวอาคารน่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ทั้งหมด ดูจากลักษณะโครงสร้างภายนอกและการออกแบบ อาคารคงถูกสร้างมานานแล้วแต่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทำให้สภาพยังคงแข็งแรงอยู่ถึงปัจจุบัน ถัดจากตัวอาคารมีต้นไทรต้นใหญ่รากห้อยย้อยระโยงระยางลงมาและแกว่งไกวไปตามแรงลม ราวกับมีใครกำลังเล่นหยอกล้อกับรากไทรเหล่านั้น
องค์ประกอบโดยรวมของหอพักช่างเชิญชวนให้เอาไปแต่งเรื่องราวระทึกขวัญสุดหลอนเสียจริง ความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวเมื่อครู่ทำให้ฉันคิดพล็อตนิยายที่น่าสนใจได้เรื่องหนึ่ง สองเท้ารีบเดินกลับมาที่โต๊ะหินอ่อน สองมือรีบเปิดกระเป๋าพร้อมหยิบสมุดจดบันทึกและปากกาขึ้นเขียนแนวคิดที่ผุดขึ้นจากความรู้สึกในตอนนี้ลงหน้ากระดาษก่อนที่ความคิดนั้นจะหายไป
และอาจเป็นเพราะเรื่องราวที่กำลังโลดแล่นอยู่ในความคิด ผนวกกับบรรยากาศรอบตัวที่มีสายลมคอยพัดมาเป็นระยะทำให้รู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย ฉันไม่รู้เลยว่าระหว่างที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการเขียนนั้นเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของคุณอรัญดังขึ้น
“สวัสดีครับคุณบัว” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคำทักทายนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบคุณอรัญยืนอยู่ไม่ไกล มือทั้งสองข้างของเขาถือแก้วเซรามิคใบหนาที่ภายในน่าจะเต็มไปด้วยนมสดอุ่น ฉันเดาว่าเป็นนมสดเพราะกลิ่นหอมของเครื่องดื่มในแก้วนั้นลอยมาตามลมทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระหายและอยากลิ้มลอง
“สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งตรงนี้ พอดีฉันตื่นเร็วกว่าปกติเลยมาถึงที่นี่ก่อนเวลานัด สงสัยตื่นเต้นกับการมาดูห้องใหม่ค่ะ” ฉันรีบเอ่ยคำขอโทษเพราะกลัวว่าการเข้ามาในอาณาเขตหอพักโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจทำให้เขาไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมว่างทั้งวันคุณบัวอยากอยู่นานแค่ไหนก็ตามสบายเลยถือซะว่ามานั่งเล่นครับ อีกอย่างการเปลี่ยนสถานที่หรือเปลี่ยนบรรยากาศอาจจะทำให้คุณเขียนงานดีขึ้นก็ได้นะครับ” คุณอรัญพูดพลางวางเครื่องดื่มทั้งสองแก้วลง พร้อมเลื่อนหนึ่งในนั้นมาให้ฉัน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม ขณะเดียวกันฉันก็ยื่นมือออกไปรับเครื่องดื่มอย่างเต็มใจและเอ่ยถามข้อสงสัยจากสิ่งที่ได้ยิน
“เขียนงานเหรอคะ คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันเป็นนักเขียน”
“ผมก็เดาไปเรื่อยแหละครับ ผมรู้ว่าคุณมาถึงที่นี่ตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงกว่าแล้ว ตอนนั้นผมเห็นคุณกำลังเขียนอะไรบางอย่างแบบตั้งอกตั้งใจเชียวเลยไม่กล้าเข้ามารบกวนแต่ตอนนี้เวลาเก้าโมงตรงซึ่งเป็นเวลาที่เรานัดกันไว้ เพราะฉะนั้นผมก็เข้ามารบกวนคุณได้แล้ว จริงมั้ยครับ” เขาพูดพลางระบายยิ้ม
“ค่ะ ตามนั้นเลยและก็อย่างที่คุณคิด ฉันเป็นนักเขียนค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังไม่เคยเขียนนิยายจบสักเรื่องเลยก็เถอะ แต่ฉันตั้งใจจะเป็นนักเขียนจริง ๆ นะคะ ถึงฉันจะยังไม่รู้ว่าควรเขียนงานเกี่ยวกับอะไร แต่งเรื่องราวแบบไหน เขียนจบแล้วจะมีคนอ่านผลงานของฉันมั้ย คิดไปคิดมาก็มีแต่ความกังวลเต็มไปหมดเลยค่ะ” ฉันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“แต่ตอนที่เดินเข้ามาสำรวจหอพักเมื่อเช้า ฉันคิดพล็อตนิยายแนวสยองขวัญได้เรื่องนึงค่ะ แถมยังเผลอคิดตอนจบไว้ดิบดี ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มเขียนอะไรเลย อารมณ์ประมาณว่าเขียนเรื่องจบเฉพาะในหัวแต่ความเป็นจริงไม่ได้เริ่มเขียนสักตัวเลยค่ะ” ฉันตอบไปตามตรงพร้อมหัวเราะเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความคิดเพ้อฝันของตัวเอง ในใจก็แอบคิดว่าจะมีนักเขียนท่านไหนเจอสถานการณ์แบบนี้เหมือนฉันบ้างมั้ยนะ
“เรื่องแนวสยองขวัญเหรอ เจ๋งเลยครับ ฟังดูน่าสนุกมากเลยนะเนี่ย แค่คุณเดินเข้ามาที่นี่ก็คิดเรื่องราวได้หนึ่งเรื่องแถมยังมองเห็นภาพตอนจบไว้อย่างชัดเจนแล้ว ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากเลยนะครับ ถึงแม้ตอนนี้คุณบัวจะไม่รู้ว่าต้องเขียนเรื่องราวยังไงแต่ผมคิดว่าสิ่งที่คุณคิดได้ในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีซึ่งสามารถเอาไปขยายผลและสานต่อได้ในอนาคตแน่นอนครับ”
“คุณมองโลกในแง่ดีจังเลยนะคะ ฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ” หลังจากที่ได้ฟังอีกหนึ่งมุมมองของคนตรงหน้าก็ทำให้หัวใจของฉันพองโตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจนเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ กับความคิดของเขา ต้องยอมรับเลยว่าความคิดนั้นทำให้ฉันมีแรงฮึดในการเขียนอีกครั้ง
ระหว่างนั่งคุยกับคุณอรัญประกอบกับการยกเครื่องดื่มแสนหอมขึ้นดื่มเป็นระยะ ชายตรงหน้ามักจะระบายยิ้มและคุยด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้บรรยากาศในการสนทนาไม่มีความอึดอัดเลย ตอนนี้ฉันรับรู้ได้ว่า การได้คุยกับใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึกดีและผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกันเป็นแบบนี้เองสินะ เราสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกสนานจนเวลาก็ล่วงเลยไป และนมสดแสนอร่อยที่มีเต็มแก้วได้หมดลง
“เอ่อ...เราไปดูห้องพักกันเลยดีมั้ยคะ” ฉันตัดสินใจเสนอความคิดนี้ออกไปเพราะเกรงว่าหากอยู่ที่นี่นานกว่านี้จะเป็นการรบกวนเวลาทำงานของคุณอรัญ ถึงแม้เขาจะบอกว่าว่างทั้งวันก็เถอะ อีกอย่างจุดประสงค์หลักที่ทำให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ณ เวลานี้คือการมาดูห้องที่ติดต่อไว้ ยิ่งสำรวจสภาพแวดล้อมของที่พักอาศัยและสภาพห้องพักเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็จะช่วยให้ฉันมีเวลาคิดหรือตัดสินใจเรื่องย้ายห้องได้ถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น
“โอเคครับ เชิญทางนี้เลย” คุณอรัญลุกขึ้นพร้อมหยิบแก้วเซรามิคที่ว่างเปล่าทั้งสองใบติดมือไปด้วย ฉันรีบเก็บสมุดจดบันทึกและปากกาใส่ในกระเป๋า ก่อนจะลุกตามเขาไป
สภาพแวดล้อมของที่นี่ถือว่าดีเลย บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายกว่าที่คิด ตั้งแต่ฉันมาถึงหอพักเมื่อตอนเช้าจนกระทั่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลากลางวัน ฉันยังไม่เห็นใครออกมาเดินเพ่นพ่านนอกห้องเลยต่างจากที่พักเก่าเป็นอย่างมาก ถ้าได้เช่าอยู่ที่นี่ฉันคงใช้ช่วงเวลานี้เขียนงานได้อย่างสบายใจ เหลือก็แต่สภาพห้องพักที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ในสภาพที่ดีรึเปล่า ถ้าห้องพักไม่ได้แย่อะไรฉันก็จะตัดสินใจเข้าอยู่ที่นี่ภายในวันนี้เลย
เมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารก็พบห้องกั้นเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ภายในมีชั้นวางของหนึ่งชั้นและตู้เก็บเอกสารสำหรับผู้ดูแลหนึ่งชั้น ด้านข้างมีตู้ล็อคเกอร์แบบเหล็กถูกแบ่งเป็นช่องเล็กขนาดพอเหมาะและมีการปิดป้ายระบุหมายเลขประจำช่องเอาไว้อย่างชัดเจน น่าจะเป็นเลขของห้องพักที่นี่ ซึ่งเท่าที่เห็นมีเลขแค่แปดช่องเป็นไปได้ว่าที่นี่มีห้องพักแปดห้องสินะ
ถัดจากห้องด้านหน้านั้น เดินลึกเข้ามาอีกหน่อยเลี้ยวซ้ายหักมุมก็จะเป็นโถงทางเดินตรงยาวสุดตัวอาคาร ซึ่งเป็นทางเดินโล่งไม่มีอะไรวางประดับอยู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งสองข้างของทางเดินมีประตูของแต่ละห้องพัก แบ่งเป็นฝั่งละสี่ห้องและประตูของห้องพักทั้งสองฝั่งหันหน้าเข้าหากัน
หลอดไฟตรงโถงทางเดินไม่ได้ถูกเปิดใช้งานอาจเป็นเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงเวลากลางวันทำให้ในอาคารมืดเล็กน้อย ขณะเดินผ่านประตูห้องแต่ละบานไปตามทางยาวก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นไม้ดังขึ้นเป็นครั้งคราวผนวกกับอากาศบริเวณนี้ที่ค่อนข้างอับชื้น ทำให้โถงทางเดินดูวังเวงพิกล บรรยากาศพวกนี้สร้างความขนลุกให้ฉันไม่น้อย
.
.
.
ปล. แวะมาพูดคุยกันได้ที่ Facebook > ภุมโม เป็นนักเขียน