เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
**คำเตือน**
อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสม นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
.
.
.
จากวันแรกที่ได้เริ่มงานในบริษัทใหม่จนถึงวันนี้ เวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว นับว่าเป็นเจ็ดวันที่การงานราบรื่นและคล่องตัวมากทีเดียว ช่วงแรกชายวัยทำงานยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ของทางบริษัทแต่เขาพยายามปรับตัวให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้ตัวเลยว่านั่นสร้างความประทับใจต่อผู้คนรอบข้างมากเพียงใด ทุกคนดีใจมากที่ได้เขามาร่วมงาน
ที่ผ่านมาชายวัยทำงานเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างเยอะขึ้นทำให้ชีวิตประจำวันของเขาดีขึ้นทีละน้อย เว้นก็แต่เรื่องอาการคันที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง เมื่อเช้าก่อนออกจากห้อง เขายังคงมีอาการคันยุบยิบทั่วตัวตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลาพัก ปรีชาเดินตรงไปยังโซนพักพนักงานเพื่อกดน้ำร้อนใส่แก้วเตรียมชงกาแฟ ก่อนจะได้ยินเสียงพนักงานสาวร่วมแผนกกล่าวทักทายทำเอาเขาสะดุ้งเล็กน้อย เธอมีชื่อว่ากวาง เป็นพนักงานรุ่นพี่มากฝีมือที่คอยชี้แนะเรื่องงานให้เขาอยู่เสมอ ถึงแม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าแต่เขาก็ให้เกียรติเธอในฐานะรุ่นพี่
“สวัสดีค่ะคุณชา ดื่มกาแฟตอนเที่ยงอีกแล้วเหรอคะ”
“...ครับ...ใกล้ช่วงบ่ายทีไรผมง่วงนอนทุกที...เลยกะว่าจะหาตัวช่วยหน่อยครับ...” ปรีชาตอบกลับอย่างสุภาพ ส่วนตัวเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่มีเธอคอยสอนงาน
“อุ๊ย! แขนคุณชาเปื้อนอะไรมาคะ นั่นใช่รอยเลือดรึเปล่า” ปรีชายกแขนทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นสำรวจทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะเห็นคราบสีแดงคล้ำขนาดเกือบเท่าเหรียญสิบบริเวณข้อศอกขวา เขารีบปลดกระดุมตรงข้อมือและพับแขนเสื้อขึ้นจนเผยให้เห็นว่าบริเวณนั้นเป็นแผลพุพองและมีเลือดสดซึมออกมา
“ตายแล้วคุณชา! เจ็บมั้ยคะ กวางว่าไปหาหมอดีกว่าค่ะ” พนักงานสาวรุ่นพี่อุทานเสียงดังด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าแผลจะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็สร้างความหวาดหวั่นให้เพื่อนร่วมงานไม่น้อย เธอคิดว่าปรีชาต้องรีบหาหมอโดยด่วนก่อนที่แผลจะแย่ไปกว่านี้
“…ไม่เป็นไรครับ...แผลแค่นี้เอง...คงไม่ต้องให้ถึงมือหมอหรอกครับ...อีกอย่างผมไม่รู้สึกเจ็บแผลเลยสักนิด...ค่อยกลับไปทำแผลที่ห้องก็ได้ครับ...ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง…” ปรีชาเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างจริงใจ ก่อนจะก้มหัวให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกลาและเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานพร้อมแก้วกาแฟในมือ
วันนี้ปรีชายังคงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม แถมงานยังเสร็จเร็วกว่าปกติ เขาจึงตัดสินใจขอเลิกงานก่อนเวลาโดยไม่ลืมบอกเรื่องแผลตรงข้อศอกขวาให้หัวหน้าได้รับรู้ เมื่อเห็นแผลของปรีชา หัวหน้าก็รีบอนุญาตคำขอทันทีและกำชับให้เขาไปโรงพยาบาลเพราะเกรงว่าหากปรีชาเป็นโรคผิวหนังที่สามารถติดต่อไปยังคนอื่นได้อาจทำให้บริษัทลำบาก จึงอยากให้เขาไปหาหมอเพื่อรับการรักษาโดยด่วนพร้อมทั้งบอกให้ชายวัยทำงานดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
แต่แทนที่ปรีชาจะไปหาหมอตามคำแนะนำของหัวหน้า เขากลับเดินทางกลับหอพักแทน ทันทีที่ถึงห้องก็ลงมือทำแผลด้วยความทุลักทุเล ทำแผลตรงข้อศอกนี่ยากเหมือนกันนะ เขาคิดหงุดหงิดในใจแต่ก็ทำแผลจนเสร็จ ชายวัยทำงานนอนแผ่บนเตียง พลางนึกว่าเขามีแผลนี้ได้ยังไง นึกทบทวนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีโอกาสได้แผลนี้มาจากเหตุการณ์ไหนบ้าง ทว่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขาจึงข่มตาหลับเพื่อเก็บแรงไว้สู้กับงานวันพรุ่งนี้
.
.
.
ตกดึกคืนนั้นปรีชารู้สึกเย็นวูบวาบตรงแผลเป็นครั้งคราว เขาเข้าใจว่าตัวเองคงรู้สึกหนาวจึงดึงผ้าห่มให้กระชับแน่นขึ้นและปิดร่างกายส่วนบนอย่างมิดชิด ทว่าเขายังคงรู้สึกชื้นแฉะตรงแผลเหมือนเดิม ชายวัยทำงานจึงจำใจลืมตาตื่นขึ้นกลางดึกเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ภาพที่เขาเห็นนั้นมีเพียงความมืดและไม่ชัดเจนเอาเสียเลย เขาจึงเอี้ยวตัวหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดไฟฉาย
แสงสว่างของไฟฉายจากมือถือถูกสาดส่องลงบนผ้าห่มที่ห่อหุ้มตัวเขาไว้และทำให้เห็นภาพตรงหน้าชัดยิ่งขึ้น ร่างสีดำทมิฬคร่อมอยู่บนขาทั้งสองข้างของเขา รูปร่างภายนอกคล้ายผิวหนังของศพที่ถูกแผดเผาจนเป็นสีดำไหม้เกรียมไปทุกส่วน ใบหน้าถูกหลอมรวมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวไม่อาจบ่งบอกได้เลยว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในขณะนี้คือตัวอะไร ร่างนั้นอ้าปากและใช้ลิ้นสากหยาบกระด้างสีม่วงเข้มโลมเลียไปรอบแผลของเขา ขณะเดียวกันก็มีของเหลวบางอย่างไหลเยิ้มออกมาจากปากนั้นและเปรอะเปื้อนไปทั่ว
ปรีชาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและดีดตัวออกจากเตียง ก่อนจะพุ่งตรงไปยังสวิตช์เพื่อกดเปิดไฟในห้องอย่างทุลักทุเล หลังจากที่ห้องสว่างจ้าด้วยแสงจากหลอดไฟ ปรีชารีบเดินไปหยิบแว่นสายตาขึ้นสวมใส่เพื่อจะมองภาพที่เห็นเมื่อครู่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หลังจากสวมแว่นสายตาเขาหันมองรอบข้างและเพ่งมองบนเตียงแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติหรือตัวอะไรอยู่บนนั้นเลย ที่สิ่งเห็นมีเพียงคราบเปียกชื้นจากเหงื่อและคราบน้ำหนองเล็กน้อยจากแผลตรงข้อศอกของเขาที่เปื้อนผ้าปูที่นอนเท่านั้นเอง
“...เมื่อกี้นี้...มันอะไรน่ะ…” น้ำเสียงสั่นเครือของปรีชาถูกเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
ชายวัยทำงานขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะความกลัว ทว่าจู่ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแผลตรงข้อศอกอีกครั้งจึงเดินไปล้างแผลในห้องน้ำพลางนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาอาจจะแค่ตาฝาดไปเองก็ได้เพราะตอนนั้นไม่ได้ใส่แว่น คิดแล้วก็ก้มตัวลงล้างแผลจนสะอาดเรียบร้อย ก่อนเงยหน้ามองตัวเองในกระจก
ปรีชามองสำรวจร่างกายของตัวเอง ตั้งแต่ใบหน้าซูบผอม ลำคอยาว หัวไหล่ ไหปลาร้า ไล่สายตาไปยังแผงอกที่ไร้กล้ามเนื้อและเห็นแต่กระดูก ก่อนจะจบลงตรงบริเวณหน้าท้องซึ่งก็ไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือความผิดปกติใด ๆ
แกร็ก ๆ แกร็ก ๆ แกร็ก ๆ แกร็ก ๆ
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็รู้สึกคันแผ่นหลังขึ้นมา เขาเลยไพล่มือไปด้านหลังและเกาอย่างแรง ทว่าเกาเท่าไหร่ก็ยังไม่หายจึงเผลอออกแรงเกามากขึ้นจนหายคันในที่สุด ด้วยความอยากรู้ว่าตอนนี้แผ่นหลังของตนมีรอยแดงจากการเกาเมื่อครู่มากน้อยเพียงใด จึงหันหลังให้กระจกและเอี้ยวตัวมองภาพแผ่นหลังที่สะท้อนอยู่ในนั้น
รอยแดงเป็นทางยาวที่ได้มาจากการเกาเมื่อครู่นั้นไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับชายวัยทำงานเท่าไหร่ แต่รอยผื่นแดงและรอยแผลพุพองที่แผ่ขยายเป็นวงกว้างกระจายอยู่ทั่วแผ่นหลังของเขาในตอนนี้นี่สิที่น่าประหลาดใจ ทันใดนั้นสมองก็คิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำเอาขนลุกซู่อีกครั้ง การที่เห็นตัวอะไรบางอย่างมาโลมเลียแผลนั้นเป็นเพราะเขาตาฝาดไปเอง
มันไม่มีอะไรทั้งนั้นอย่าคิดฟุ้งซ่าน เขานึกปลอบใจตัวเองและสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ ถอดแว่นสายตาวางไว้ที่เดิมและเดินไปปิดไฟ พลางคิดว่าพรุ่งนี้คงต้องไปหาหมอจริง ๆ แล้วเพราะแผลกลางแผ่นหลังค่อนข้างหนักพอสมควร เขาเลือกที่จะนอนคว่ำลงบนเตียงเพื่อป้องกันไม่ให้แผลแย่ไปกว่าเดิม ก่อนจะหลับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นปรีชาตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ เขาถอดชุดนอนและตรงไปอาบน้ำ ขณะที่เดินผ่านอ่างล้างหน้าก็หันหลังส่องกระจกเพื่อดูรอยแผลตรงแผ่นหลังและรู้สึกแปลกใจอีกครั้งเมื่อไม่เห็นแผลอะไรเลย หรือว่าเมื่อคืนจะตาฝาดไปจริง ๆ ทั้งเรื่องร่างสีดำทมิฬนั้น ไหนจะแผลกลางแผ่นหลัง สงสัยร่างกายคงสะสมความเครียดจากการทำงานจนทำให้เกิดภาพหลอน
คิดได้แบบนั้นชายวัยทำงานก็อาบน้ำด้วยความโล่งใจ ระหว่างนั้นเองเขารู้สึกคันต้นขากะทันหันจึงลงมือเกาทันทีและออกแรงเกามากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะต้องหยุดมือเพราะรู้สึกเจ็บจากการเกาที่รุนแรงเกินไป เขาก้มดูว่ามีแผลจากการเกาเมื่อครู่หรือไม่ก่อนจะเห็นแผลพุพองสีเขียวคล้ำตรงต้นขาอีกหนึ่งแผล ปรีชารีบหยิบผ้าขนหนูพันรอบเอวและเดินมานั่งตรงปลายเตียง
คิ้วของชายวัยทำงานขมวดเข้าหากันจนเป็นปมขณะพิจารณาแผลที่เกิดขึ้น เขาใช้นิ้วชี้สัมผัสลงบนแผลอย่างเบามือ วินาทีนั้นเนื้อแผลบางส่วนที่เปื่อยยุ่ยก็ย่นไปตามแรง เขาจึงยกนิ้วออกจากแผลแต่ก็มีเศษเนื้อติดนิ้วขึ้นมาด้วย เขามองเศษเนื้อนั้นและได้กลิ่นเหม็นเน่าที่ไม่อาจทนไหวจึงลุกไปล้างมือและหยิบชุดทำแผลที่ใช้เมื่อคราวก่อนมาทำความสะอาดแผลใหม่ที่ต้นขา
“…เราได้แผลมาจากไหนกันนะ…” ปรีชาเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะรีบเดินทางไปทำงานให้ทันเวลา
.
.
.
แวะมาพูดคุยกันได้ที่ Facebook > ภุมโม เป็นนักเขียน นะคะ