เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
**คำเตือน**
อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
.
.
.
ภาพที่ปรีชาเห็นอยู่ในขณะนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเพราะตอนที่เขาล้มลงศีรษะกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจังทำให้เลือดสดจากบาดแผลใหญ่ตรงหน้าผากไหลลงมาอาบดวงตาและบดบังการมองเห็น รวมถึงแว่นสายตาที่เขาสวมอยู่ก่อนหน้านี้ก็ถูกกระแทกจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยเช่นกัน
ปรีชาใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นจากพื้น แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบจากแท่งไม้ที่แทงทะลุขาอยู่ก็ตาม เขาคืบคลานออกจากเศษไม้และเมือกสีดำข้นพวกนั้นอย่างทุลักทุเล สายตามองตรงไปยังประตูห้องที่อยู่เบื้องหน้า ร่างกายผอมบางของเขาสะบักสะบอมไปหมด ทั้งตัวมีแต่ร่องรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำเป็นจ้ำเขียวคล้ำเต็มไปหมด ขณะคลานก็มีเลือดไหลออกจากแผลที่ต้นขาเป็นทางยาวแต่ท้ายที่สุดเขาก็มาถึงประตูห้องจนได้
ชายวัยทำงานนั่งพิงฝาผนังข้างตู้เย็น ก่อนจะเอื้อมมือดึงแท่งไม้ออกจากต้นขา บาดแผลเป็นรูลึกแสนเหวอะหวะ เลือดไหลออกมาไม่ขาดสาย ตอนนั้นเองที่น้ำตาของเขาหลั่งรินออกมา ทว่าไม่อาจบอกได้เลยว่านั่นคือน้ำตาจากความเจ็บปวดหรือน้ำตาจากความเศร้าโศกเสียใจกันแน่
ปรีชาเอื้อมมือซ้ายแตะลงบนลูกบิดประตู ก่อนจะหันมองร่างสีดำทมิฬนั้นอีกครั้ง ส่วนลึกภายในจิตใจบอกเขาว่าร่างนั้นอาจเป็นภรรยาสุดที่รักของเขา สมองก็นึกย้อนเรื่องราวที่เขาทำไว้ในอดีต ความจริงแล้วภรรยาของเขาถูกไฟครอกตายแต่ปรีชาไม่อาจเล่าเรื่องนี้ให้ใครรู้ได้เลย เขาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ประตูอีกนิดและเอาหน้าผากอิงบานประตู ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านน้ำตาที่กำลังไหลริน
“...ผมขอโทษ...ฮะ...ฮึกก...ขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ...ฮึกก...จะให้เรื่องเป็นแบบนั้นเลย…ฮืออ...ฮึกก...ผมขอโทษ…ฮะ...ฮืออ...ผมขอโทษ…” น้ำเสียงของปรีชาถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เขาพร่ำเอ่ยคำขอโทษปนแรงสะอื้นพลางโยกตัวไปมาราวกับคนเสียสติที่กำลังสารภาพบาปต่อหน้าใครสักคน
.
.
.
ย้อนความกลับไปเมื่อหลายปีก่อน…เขาและภรรยารู้จักกันตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจเริ่มคบหากันแบบคนรักช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตรักก็มีทั้งดีและร้ายปะปนกันไปแต่พวกเขาก็ข้ามผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ จนได้แต่งงานกัน
งานวิวาห์ถูกจัดขึ้น ณ ใจกลางหมู่บ้านท่ามกลางความปลื้มปิติยินดีของผู้คนมากมาย รู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยากันครบหนึ่งปีแล้วและตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ในเมืองใหญ่ หวังจะเริ่มต้นใช้ชีวิตที่นี่เพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน
ตัวเขาได้ทำงานในบริษัทที่ตนใฝ่ฝันจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เพียงไม่กี่ปีเขาก็ไต่เต้าจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โชคดีที่มีภรรยาแสนดีคอยเป็นกำลังใจให้เสมอทำให้ชีวิตของเขาดีในทุกด้าน ทว่าก็มีเรื่องราวที่สร้างรอยแตกร้าวให้ความสัมพันธ์อันแสนเปราะบางนี้
เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดการสาขาย่อยในต่างประเทศ ซึ่งเขาเต็มใจไปทำหน้าที่ตรงนั้นและได้ทำการยื่นเอกสารขอย้ายครอบครัวที่มีเพียงภรรยาไปอยู่ด้วย แต่หัวหน้าของเขาปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าเขายึดติดกับภรรยามากเกินไป ก่อนที่หัวหน้าจะยื่นข้อเสนอใหม่ให้แก่เขา
ข้อเสนอคือเขาต้องดูแลงานอีกชิ้นจนประสบความสำเร็จ หากทำได้ หัวหน้าจะสับเปลี่ยนตำแหน่งโดยให้เขาขึ้นเป็นหัวหน้า ขณะที่หัวหน้าจะยื่นเรื่องย้ายตัวเองไปดูแลในงานต่างประเทศแทน ซึ่งมารู้ภายหลังว่าหัวหน้าเพียงหลอกใช้งานเขาเท่านั้นเพราะในท้ายที่สุดเขาก็จะถูกส่งตัวไปทำงานต่างประเทศอยู่ดี
ชายหนุ่มจึงปฏิเสธข้อเสนอที่หัวหน้ามอบให้ เขาปฏิเสธการไปดูแลงานที่ต่างประเทศและปฏิเสธการทำงานชิ้นใหม่ด้วยซึ่งนั่นทำให้หัวหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาถูกหัวหน้าต่อว่าด่าทออย่างรุนแรงจนถูกไล่ออกจากงานในที่สุด การโดนไล่ออกจากงานในครั้งนั้นเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต
ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาคอยสั่งสมประสบการณ์ความสามารถ พยายามตั้งอกตั้งใจและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน รวมถึงให้เกียรติหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ สิ่งเหล่านั้นจะไม่มีค่าอะไรเลย น่าตลกเสียจริงที่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายลงในพริบตา เขายังคงสับสนมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเดินทางกลับบ้านโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นภรรยาร้องห่มร้องไห้อยู่บนโซฟาพร้อมเอกสารบางอย่างในมือ
เขารีบปรับสีหน้าทันทีและโอบกอดภรรยาอย่างอ่อนโยน...เธอป่วย…ทันทีที่รับรู้เรื่องนี้เขาก็ไม่อาจปริปากบอกเรื่องที่ตัวเองโดนไล่ออกให้เธอฟังได้ ตอนนี้ทำได้เพียงใช้เงินสำรองที่มีจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ภรรยา ซึ่งหากรวมเป็นยอดเงินแล้วตัวเลขค่อนข้างสูงทีเดียว และเนื่องจากเธอไม่ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจึงไม่สามารถเบิกเงินประกันได้ทำให้เงินสำรองเริ่มไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย จนเขาตัดสินใจทำบางอย่างลงไปเพราะความคิดชั่ววูบ
เขาแอบเจาะสายท่อที่ส่งแก๊สจากถังไปยังเตาในห้องครัว เพื่อให้แก๊สกระจายในไปอากาศ ก่อนจะบอกภรรยาว่าขอออกไปซื้อของข้างนอกสักพัก ตอนนั้นเขาคิดว่าหากภรรยาโดนรมแก๊สหรือสูดดมแก๊สในปริมาณที่มากพอ เธอจะต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างแน่นอนและนั่นอาจทำให้เบิกเงินประกันได้บางส่วน เขาก็จะได้มีเงินมาใช้จ่ายไปได้อีกสักระยะ เขามั่นใจมากว่าสามารถจัดการและควบคุมสิ่งที่ทำลงไปได้
ทางด้านภรรยาที่รู้ดีว่าสามีทำงานอย่างหนักทุกวันก็มีแผนเช่นเดียวกัน เธอตั้งใจจะทำเมนูโปรดของสามีระหว่างที่เขาไปข้างนอก ซึ่งตอนนี้เธอต้องรีบเตรียมอาหารมื้อพิเศษได้แล้ว
ภรรยาผู้น่าสงสารเดินเข้าครัวและสูดดมแก๊สโดยไม่รู้ตัว เธอหยิบจับวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร ก่อนจะมีอาการมึนหัวอย่างรุนแรงและล้มลง ขณะเดียวกันสติที่มีอยู่เลือนรางก็สั่งให้ร่างกายเอี้ยวตัวหลบจากเตาแก๊สตรงหน้า จังหวะนั้นเองที่มือบางของเธอเอื้อมคว้าหาสิ่งยึดเกาะตามสัญชาติญาณ ทว่าสิ่งนั้นคือวาล์วเปิดแก๊สและมันหมุนไปตามแรงล้มของเธอ…
เขาที่กำลังเดินทางกลับบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากผู้คนรอบข้างและจับใจความได้ว่ามีบ้านหลังหนึ่งไฟไหม้ ตอนนั้นหัวใจของเขาสั่นรัวอย่างน่าประหลาด พลางนึกหลอกตัวเองว่าคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิด สองขายาวรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เขาผลักและชนทุกคนที่ขวางทางจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงบ้านที่ไฟไหม้หลังนั้น…และใช่ นั่นคือบ้านของเขาเอง
เขาพุ่งกระโจนเข้าหาเปลวไฟอันร้อนแรงที่กำลังลุกโชนและโหมกระหน่ำตามแรงลมอย่างไร้สติ ชาวบ้านรวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างช่วยกันจับและรั้งตัวไว้ ร่างไร้เรี่ยวแรงของเขาทรุดลงกับพื้น อารมณ์มากมายถูกกลั่นกรองจากใจและหลั่งรินผ่านดวงตา ชายหนุ่มรู้สึกสำนึกผิดและคิดโทษตัวเองอยู่ในใจถึงการกระทำอันแสนขลาดของตน
เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเข้าควบคุมเปลวไฟได้เรียบร้อย จากบ้านที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากเปลวไฟ ตอนนี้เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ถูกย้อมไปด้วยกองเถ้าถ่านสีดำ เขาคลานเข้าไปหาซากเถ้าธุลีพวกนั้น เธออยู่ไหน...ภรรยาของเขาอยู่ที่ไหน
“พบหนึ่งศพตรงนี้ครับ!!!”
ทันทีที่เสียงตะโกนนั้นดังขึ้น ภาพเจ้าหน้าที่ที่วิ่งไปตรงนั้นก็กลายเป็นภาพช้า ทุกอย่างรอบตัวเหมือนจะหยุดนิ่งไป ไม่รับรู้และไม่ได้ยินเสียงใดอีกราวกับเครื่องฉายหนังที่ถูกกดหยุดเวลาไว้ ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนมึนงง สูญสิ้นสติ หมดสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่ง
.
.
.
เขาในวันนั้นใช้ชีวิตเรื่อยมาจนเป็นชายวัยทำงานในวันนี้ ปรีชากำลูกบิดประตูไว้แน่นพลางคิดว่าต่อให้สิ่งที่เขาทำลงไปจะผิดบาปมากขนาดไหน แต่ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่และเขายังต้องใช้ชีวิตต่อไป
ปรีชาตัดสินใจจะเปิดประตูออก จังหวะนั้นเองหลอดไฟกลางห้องที่ดับสนิทและเปิดไม่ติดมาโดยตลอดกลับส่องสว่างก่อนจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ และมีสะเก็ดไฟบางส่วนหล่นลงบนเมือกที่เปื้อนเนื้อตัวของชายวัยทำงาน วินาทีนั้นเองที่ร่างของชายวัยทำงานมีเปลวไฟสีแดงฉานลุกลามท่วมตัว
.
.
.
สภาพห้องเปรอะเปื้อน...เมือกสีดำเข้ม
รอยเลือดเป็นทางยาว...กลิ่นคาวคละคลุ้ง
เปลวไฟสีแดงฉาน...ลุกโชติช่วงชัชวาลย์
และร่างของชายวัยทำงานที่ดิ้นทุรนทุรายในกองเพลิง
.
.
.
ร่างผอมบางของปรีชาถูกความร้อนแผดเผาไปจนหมดเหลือเพียงร่องรอยไหม้เกรียมสีดำสนิท เส้นผมที่เคยมีบนศีรษะก็ถูกเผาไปจนเกลี้ยง ไหนจะร่องรอยบาดแผลฉกรรจ์ตรงหน้าผากและขาที่โดนไม้แทงทะลุนั่นอีก ทว่าเจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป สิ่งเดียวที่วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเขาคือความทรมานที่ตนพบเจออยู่ตอนนี้จะเหมือนกับที่ภรรยาของเขาได้พบเจอหรือไม่
...และแล้วค่ำคืนนี้ที่แสนยาวนานสำหรับปรีชาก็ได้จบลง…
.
.
.
“จบแล้วใช่มั้ยคะ อาจจะฟังดูไม่ดีแต่ฉันรู้สึกสะใจมากตอนที่รู้ว่าคุณชาโดนไฟครอกค่ะ เขาทำแบบนั้นกับภรรยาของตัวเองได้ยังไงกัน” ฉันพูดทันทีหลังจากเดาว่าเรื่องนี้น่าจะจบแล้ว
“คุณบัวดูหงุดหงิดนะครับเนี่ย”
“นิดหน่อยค่ะ ตอนแรกฉันลุ้นให้เขามีชีวิตใหม่ที่ดีตามความตั้งใจของเขานะคะ แต่พอรู้ว่าอดีตเขาทำอะไรเอาไว้ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูกค่ะ”
“แต่ไม่ว่าก่อนหน้านั้นจะต้องเจออะไรมา คนเราก็ต้องเดินหน้าต่อนี่ครับ” ฉันคิดตามคำพูดของคุณอรัญพูด
“ก็จริงค่ะ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาทำลงไปฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเขาล่ะคะที่ได้ใช้ชีวิตต่อ ไม่สมเหตุสมผลเลยค่ะ”
“คุณบัวกำลังจะบอกว่าคนที่แบกรับความรู้สึกผิดมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาและสำนึกได้ต่อสิ่งที่ทำลงไปด้วยใจจริง...ไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ชีวิตต่อไปงั้นเหรอครับ” สิ้นประโยคนั้น เราทั้งคู่ก็เงียบไปก่อนที่ฉันจะพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่อึดอัดนี้
“เฮ้อ! ช่างเถอะค่ะ คุณอรัญเล่าเรื่องถัดไปเลยได้มั้ยคะ ฉันอยากฟังเรื่องอื่นแล้ว”
“แปลกจัง เรื่องนี้คุณบัวไม่มีคำถามเหรอครับ”
“มีค่ะ ผีตัวนั้นจะใช่ภรรยาของคุณชาจริง ๆ รึเปล่า ทำไมเพิ่งมาหลอกเขาตอนที่ย้ายมาอยู่หอพักนี้ ไหนจะอาการคันและแผลที่โผล่ขึ้นมาตามร่างกายคุณชาอีก คำถามเยอะแยะเลยค่ะ...แต่ฉันไม่อยากถามยังไงไม่รู้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! งั้นผมเล่าเรื่องถัดไปเลยดีกว่าครับ”