เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
**คำเตือน**
อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
.
.
.
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราเช่นเดียวกับสัปดาห์กิจกรรมต้อนรับนักศึกษาใหม่ที่สิ้นสุดลง เด็กสาวจึงออดอ้อนให้แฟนหนุ่มพาไปซื้อน้ำยาทาเล็บสีใหม่เป็นการรับน้องกรณีพิเศษ เมื่อถึงร้านเด็กสาวก็เลือกอยู่นานกว่าจะได้สีที่ถูกใจ ซึ่งทางร้านรับประกันว่าน้ำยาทาเล็บยี่ห้อนี้ใช้ดีมาก สีติดทนเป็นเดือนไม่มีทางหลุดลอกแน่นอนและแถมเพชรเม็ดเล็กแสนสวยให้อมาติดประดับเล็บด้วยทำให้เด็กสาวพอใจและมีความสุขมาก
“ที่รักจะอยู่ห้องเค้าต่อมั้ย” แฟนหนุ่มเอ่ยถามเธอทันทีที่เดินออกจากร้าน
“น่าจะไปหอใหม่อ่ะ จ่ายเงินค่าหอไปแล้วต้องอยู่ให้คุ้ม...ถึงอาทิตย์ก่อนจะมีเรื่องแปลก ๆ ก็เถอะ” เด็กสาวทำท่าทีลังเลราวกับไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
“หืม แปลกยังไงไหนเล่าสิหรือที่รักคิดมากเรื่องเศษเล็บที่หายไปเมื่อวันก่อนอีกแล้ว” แฟนหนุ่มเริ่มเดาหัวข้อที่อยู่ในใจเธอ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือวันที่ท็อปไปเตรียมงานที่มหาลัยอ่ะ เค้ากลับไปเอาน้ำยาทาเล็บที่หอใหม่แล้วก็นอนที่นั่นคืนนึง”
“อาฮะ แล้วไงต่อ” แฟนหนุ่มเลิกคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกตรงไหน
“ช่างเถอะ” ทว่าเด็กสาวตัดสินใจเก็บเรื่องในคืนนั้นไว้เป็นความลับ แฟนหนุ่มรับรู้ได้ทันทีว่าคงมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแต่เขาเชื่อมั่นในตัวเธอจึงไม่เซ้าซี้และขับรถมาส่งเด็กสาวที่หอพัก
เขาจอดรถคันโปรดหน้ารั้วไม้สีขาว รอจนเด็กสาวเดินขึ้นหอพักจึงขับรถกลับ ทางด้านปาณิศาที่ตอนนี้เริ่มใจไม่สู้ดีแต่ยังคงเชื่อว่าผีไม่มีอยู่จริงก็หยิบน้ำยาล้างเล็บเทลงบนสำลีและเช็ดสีเก่าออกเพื่อทาสีใหม่พร้อมตกแต่งเพชรที่ได้มาอย่างชอบอกชอบใจ
“จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เรายังไม่ได้เจอคนอื่นเลยนะ...มันเป็นไปได้เหรอ จริงสิ! อย่างน้อยลุงแว่นคนนั้นต้องอยู่ห้องไหนสักห้องนึงแหละ” เธอเริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้คนในหอพักแห่งนี้ พลางนึกได้ว่าเคยเจอชายสวมแว่นคนหนึ่งและเขาอาจจะเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมหอของเธอ เด็กสาวจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องและมุ่งตรงไปยังห้องตรงข้ามเพื่อสุ่มดูว่าชายคนนั้นอยู่ห้องนี้หรือไม่ ก่อนจะง้างมือเคาะประตู
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีใครอยู่มั้ยคะ” เด็กสาวส่งเสียงเรียกหน้าประตู ในใจก็หวังให้โชคจะเข้าข้างเธอ
“ค่ะ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ” ประตูห้องถูกเปิดออกโดยสาววัยทำงานคนหนึ่ง สาวคนนั้นมีกระดาษชำระอุดรูจมูกทั้งสอง ดวงตาบวมเป่งจนเกือบปิด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง
“เปล่าค่ะ หนูเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เลยแวะมาทักทาย ว่าแต่คุณพี่โอเคมั้ยคะเนี่ย” เด็กสาวตอบอย่างสุภาพและถามไถ่คนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“พี่ไม่เป็นไรค่ะ ปกติก็จามเยอะอยู่แล้วแต่ช่วงนี้ได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ เลยจามหนักเข้าไปใหญ่ค่ะ” สาวคนนั้นตอบกลับน้ำเสียงอู้อี้
“อ๋อค่ะ หนูชื่อเปรียวนะคะอยู่ห้องตรงข้าม ถ้าพี่มีอะไรอยากให้ช่วยไปเรียกได้นะคะ” เด็กสาวแนะนำตัวเองเพื่อผูกมิตร สาวคนนั้นพยักหน้ารับรู้ก่อนจะปิดประตู
“แล้วลุงแว่นอยู่ห้องไหนล่ะเนี่ย” ปาณิศาบ่นกับตัวเอง
“ลุงแว่นเหรอครับ” เสียงนุ่มทุ้มของคุณผู้ดูแลดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาเด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมดพี่” เด็กสาวอดใจไม่ไหวจนต้องกล่าวตำหนิเขา
“พี่ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับแต่เมื่อกี้น้องเปรียวหมายถึงคุณปรีชารึเปล่า” คิ้วของปาณิศาขมวดเข้าหากันทันทีที่มีชื่อของใครบางคนถูกเอ่ยออกมา
“ปรีชาไหนคะ” เด็กสาวมั่นใจว่าเธอไม่รู้จักเจ้าของชื่อนั้น
“คุณปรีชาคือคนที่เดินชนน้องเปรียวเมื่อวันก่อนไงครับ” เมื่อรับรู้ว่าชื่อนั้นหมายถึงใครเด็กสาวก็พยักหน้าเข้าใจ ปรีชาคือคนที่เธอตามหาอยู่นี่เอง คุณผู้ดูแลต้องรู้แน่ว่าเขาอยู่ห้องไหน
“อ๋อลุงคนนั้นชื่อปรีชานี่เอง เขาพักอยู่ห้องไหนคะ หนูจะแวะไปทักทายสักหน่อย” เด็กสาวอยากรู้ว่าชายสวมแว่นคนนั้นพักอยู่ห้องไหนเพื่อให้มั่นใจว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่กับหญิงสาวห้องห้าแค่สองคน ทว่ากลับต้องตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
“พอดีก่อนหน้านี้ห้องเขาเกิดเหตุไฟไหม้นิดหน่อยครับ ตอนนี้เลยย้ายไปอยู่ที่อื่นน่ะ”
“อะไรนะคะ ไฟไหม้เหรอ หนูเพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่อาทิตย์เอง ลุงปรีชาอยู่ยังไงให้ห้องไฟไหม้เนี่ย” เด็กสาวถามออกไปพร้อมความงงงวย ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง
“แต่ภายนอกก็ดูปกติดีนี่คะ มองไม่ออกเลยว่าห้องไหนเคยเกิดไฟไหม้” ปาณิศาพูดเสียงใสพลางชะเง้อหน้ามองไปยังบานประตูห้องที่เหลือ
“ไฟไหม้นิดหน่อยเองครับไม่ใช่เพลิงไหม้ใหญ่โตอะไร เลยซ่อมห้องพักเสร็จไว”
“อ๋อซ่อมเสร็จแล้ว งั้นลุงจะกลับมาอยู่ที่นี่มั้ยคะ”
“ไม่ทราบเลยครับ” คุณผู้ดูแลส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้เธอ
“อะไรกัน ว่าจะแวะไปทักทายซะหน่อย” ปาณิศานึกเสียดายเพราะเธอไม่อยากให้ผู้ชายในหอมีแค่คุณผู้ดูแลคนนี้
“คุณชาอาจจะเจอห้องเช่าอื่นที่ถูกใจกว่าที่นี่ก็ได้ครับ...ว่าแต่น้องเปรียวเปลี่ยนสีเล็บมาเหรอครับเนี่ย พี่ว่าพี่ชอบสีชมพูเมื่อคราวก่อนมากกว่านะ” ชายตรงหน้าเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาแต่เด็กสาวไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องความชอบส่วนตัว
“เหรอคะ...แต่หนูชอบสีนี้มากกว่า” ปาณิศาตอบกลับคุณผู้ดูแลก่อนจะปิดประตูอัดหน้าเขา พลางคิดในใจว่าใครจะชอบสีอะไรก็เรื่องของเขาเพราะเธอชอบสีนี้ เด็กสาวก้มมองสีเล็บเท้าของตัวเองและเห็นเพชรเม็ดเล็กที่ติดไว้เมื่อครู่หลุดหายไป แถมสีที่ทาบนเล็บก็ซีดลงกว่าเดิม ตรงปลายเล็บก็มีรอยถลอกอีก สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความหงุดหงิดให้ปาณิศาเป็นอย่างมาก
พนักงานร้านนั้นกล้าทำกันได้ลงคอนะ หลอกให้ซื้อชัด ๆ เด็กสาวตัดสินใจโทษผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่เธอซื้อมาเพราะถ้าไม่ใช่น้ำยาทาเล็บที่ไร้ประสิทธิภาพ อะไรจะทำให้สีหลุดลอกได้เร็วขนาดนี้เพราะเธอเพิ่งทาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเอง อีกอย่างเธอทำเล็บเองมาหลายปีแล้วไม่มีทางที่จะทำผิดวิธีอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันภาพของตัวอะไรบางอย่างที่แทะเล็มเล็บเธอในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว เด็กสาวเผลอกัดแทะนิ้วโป้งมืออย่างลืมตัวเพราะตอนนี้ปาณิศาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวแล้วจริง ๆ
“แน่จริงก็ออกมาสิย๊ะ! จะเป็นผีสางเทวดาอะไรก็ช่าง อย่าคิดว่าแค่นี้ฉันจะกลัวนะ!” เด็กสาวเดินตรงไปยังหน้าห้องน้ำ มุมเดียวกับที่ตัวประหลาดคืนนั้นหายวับไป ก่อนจะตะโกนดังลั่นท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็น ทันใดนั้นเองปลายมือปลายเท้าของเธอก็เย็นวาบจนขนลุกไปทั้งตัว
แก๊บ ๆ แก๊บ ๆ แก๊บ ๆ แก๊บ ๆ แก๊บ ๆ
เสียงอะไรบางอย่างคล้ายคลึงเสียงกรรไกรตัดเล็บดังขึ้น เด็กสาวก้มลงหมายจะมองมือและเท้าของตนเอง ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นร่างซูบผอมสีน้ำตาลหลายสิบตัวที่กำลังรุมกันห้อมล้อมนิ้วมือนิ้วเท้าของเธอไว้ ก่อนจะปีนป่ายทับกันไปมาเพื่อแย่งชิงพื้นที่ในการกัดแทะเล็บของเด็กสาว น้ำลายที่ไหลมาจากฟันคมถูกแต้มไปทั่วมือและเท้า เปียกชื้นไปตามร่องนิ้วจนเหนียวเหนอะไปหมด ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ปาณิศาไม่อาจควบคุมสติไว้ได้อีกต่อไป
กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!
เสียงกรีดร้องของปาณิศาทำให้ดวงตาสีเหลืองหม่นหลายสิบคู่จ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว เด็กสาวสะบัดมือและเท้าอย่างรุนแรงเพื่อให้ร่างพวกนั้นหลุดออกจากตัวเธอ แรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นทำให้เธอเสียหลักล้มลงกระแทกพื้นแต่เธอก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงแขนขาปัดป้องตัวเองจากร่างพวกนั้น
“โอ๊ย! ฮะ...ออกไป! ฮึกก...ฮืออ...ออกไปนะ! ฮืออ...” น้ำตาหยดใสไหลรินเปรอะเปื้อนแก้ม ตอนนี้สภาพจิตใจที่เคยกล้าแกร่งของปาณิศายอมสยบต่อความน่ากลัวที่เกิดขึ้นแล้ว