เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
**คำเตือน**
อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
.
.
.
ท็อปเพ่งสายตาหันมองรอบข้างหาอะไรบางอย่างที่จะสามารถดึงเล็บให้หลุดออกได้ ทันใดนั้นก็เห็นตะไบเหล็กที่หล่นอยู่ข้างตัวเด็กสาว ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาสร้างความหวาดเสียวให้เขาเป็นอย่างมากทว่าเขาจำเป็นต้องทำ ก่อนจะใช้มือขวาเอื้อมหยิบตะไบเหล็กขณะที่มือซ้ายจับข้อเท้าของเด็กสาวไว้แน่น
ปาณิศาเห็นการกระทำทั้งหมดก็เข้าใจทันทีว่าแฟนหนุ่มกำลังจะทำอะไร เธอดีดตัวขึ้นจากพื้นยกแขนแสนสั่นเทาโอบกอดแขนกำยำของเขาไว้ ท็อปเล็งปลายตะไบเหล็กในมือให้ตรงกับช่องว่างระหว่างเล็บและเนื้อเล็บที่เป็นแผลเหวอะหวะน่ากลัว ทะลุผ่านร่างน้ำตาลพวกนั้น
“เค้าจะใช้ตะไบเหล็กแทงเข้าไปและงัดเล็บออกจากนะ...ที่รักกัดแขนเค้าได้เลยไม่ต้องทนเจ็บ หนึ่ง สอง สาม!”
กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!
เล็บนิ้วโป้งเท้าถูกงัดขึ้นหลังจากสิ้นเสียงนับหนึ่งถึงสาม เด็กสาวส่งเสียงกรีดร้องดังโหยหวน ปากเล็กยังคงอ้ากว้างค้างไว้ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงแล้วก็ตาม ดวงตาเรียวเบิกกว้างเหลือกถลุน มือเล็กจิกเนื้อท่อนแขนของแฟนหนุ่มเต็มแรง ร่างกายกระตุกเกร็งจากความเจ็บปวดที่ได้รับ ทว่าแรงงัดจากตะไบเหล็กไม่อาจทำให้เล็บหลุดออกจากเนื้อตรงโคนนิ้วได้เลย ท็อปจึงจำเป็นต้องใช้มือดึงเล็บให้หลุดออกและทิ้งลงบนพื้น
ชิ้นเล็บที่มีเศษเนื้อติดอยู่และเปื้อนเลือดเหนียวข้นสีแดงกระจัดกระจายไปทั่ว ท็อปเร่งมือดึงเล็บเท้าจนครบสิบนิ้วเพื่อไม่ให้เด็กสาวต้องทนเจ็บนานไปกว่านี้ เด็กสาวดิ้นทุรนทุรายขณะที่ร่างสีน้ำตาลพวกนั้นเริ่มออกจากตัวเด็กสาวและคลานไปกัดกินชิ้นเล็บที่ร่วงลงพื้นนั้นแทน แต่ดึงแค่เล็บเท้าคงยังไม่พอเพราะตอนนี้เล็บมือของเด็กสาวยังคงถูกร่างพวกนั้นกัดกินอยู่
แฟนหนุ่มจับข้อมือเล็กของปาณิศาไว้แน่นและลงมืองัดเล็บมือต่อทันที สติของเด็กสาวเหลือน้อยลงเต็มที ดวงตาเริ่มเหม่อลอยไร้แววตาสดใสเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เลือดที่สูญเสียไประหว่างการถอดเล็บนั้นมากพอที่จะทำให้ร่างกายของเด็กสาวขาวซีด ริมฝีปากสีสดก่อนหน้านี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัดและเผยอออกเล็กน้อยเพื่อพ่นลมหายใจอันรวยริน เด็กสาวไร้เรี่ยวแรงจะเกาะแขนแฟนหนุ่มอีกต่อไป เธอทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ
ท็อปคว้าต้นคอของปาณิศาไว้ได้ทันก่อนจะกระแทกลงกับพื้น ปลายนิ้วมือยังคงสัมผัสได้ถึงชีพจรของเด็กสาวตรงหน้า เขาวางศีรษะเธอลงอย่างเบามือ ก่อนจะหันกลับมาดึงเล็บออกจากนิ้วเรียวด้วยมือหนาที่สั่นเทา อย่าว่าแต่มือเลย...ตอนนี้แม้แต่ร่างกายที่แสนกำยำของเขาก็ยังสั่นสะท้าน น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มรื้นขึ้นมาเอ่อล้นรอบดวงตาเข้มด้วยความกลัว ภาพตรงหน้าพร่ามัว ภายในหัวคิดเพียงแค่ว่าต้องรีบทำสิ่งนี้ให้เสร็จจะได้พาเด็กสาวไปโรงพยาบาล
เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาอย่างลวก ๆ และรวบรวมสติดึงเล็บมือของปาณิศาอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง พื้นที่รอบตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดจากการดิ้นพล่านหนีความเจ็บปวดของเด็กสาว ท็อปทิ้งตะไบเหล็กในมือทันทีที่เล็บทั้งยี่สิบนิ้วถูกถอดออกจนหมด ก่อนจะรีบเข้าไปโอบกอดร่างบางของปาณิศาด้วยความกังวล
“เสร็จแล้วเปรียว...ตั้งสติไว้นะ” ตอนนี้เขาไม่อาจบังคับให้น้ำเสียงหยุดสั่นเครือได้เลย
เด็กสาวที่หมดสติไปรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างหยดลงกระทบหน้าเบา ๆ เธอจึงลืมตาขึ้นด้วยอาการสะลึมสะลือและเห็นภาพใบหน้าของแฟนหนุ่มที่เต็มไปด้วยน้ำตา ความเปียกชื้นที่เธอสัมผัสได้เมื่อครู่คงเป็นน้ำตาของเขาสินะ ร่างกายออกจะใหญ่โตขนาดนั้นมานั่งร้องไห้งอแงแบบนี้ได้ยังไงกัน เด็กสาวนึกยิ้มเยาะแฟนหนุ่มในใจแต่ความจริงแล้วเธอรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่เขายังปลอดภัยดี
“ที่รักมองเค้านะ ที่รักได้ยินเค้าใช่มั้ย” เสียงของแฟนหนุ่มดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้งทว่าเด็กสาวไม่เหลือแรงพอที่จะเปล่งเสียงตอบอะไรกลับไป ตอนนี้เธอทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น ท็อปเมื่อเห็นปฏิกิริยาจากเด็กสาวตรงหน้าก็ใช้สองแขนแข็งแรงช้อนร่างกายเล็กขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวและเดินออกจากห้องนี้ไป ประตูห้องถูกปิดลงอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นร่างสีน้ำตาลพวกนั้นที่รุมกัดกินเล็บที่มีเศษเนื้อและเลือดติดอยู่อย่างที่พวกมันต้องการ
.
.
.
สภาพห้องน่าหวาดกลัว...เกินบรรยาย
ร่องรอยเลือดสีแดงเข้ม...กระเด็นไปทั่ว
เศษชิ้นส่วนเล็บมากมาย...เกลื่อนเต็มพื้น
และร่างของเด็กสาวที่ชักกระตุกเกร็งช่างแสนเวทนา...
.
.
.
...และแล้วค่ำคืนนี้ที่แสนยาวนานสำหรับปาณิศาก็จบลง…
“จบไปอีกหนึ่งเรื่องครับ...คุณบัวเป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทักจากคุณอรัญดังขึ้นปลุกฉันให้หลุดจากภวังค์
“เปล่าค่ะ ฟังเรื่องนี้จบแล้วฉันก็เริ่มคิดตามว่าหอพักนี้แปลกจริงอย่างที่เด็กสองคนนั้นสงสัยกันรึเปล่า” ฉันตอบกลับเสียงเบาและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาชายตรงหน้า
“จะบอกว่าเรื่องเล่าของห้องนี้น่ากลัวจนทำให้คุณบัวคิดมากเลยเหรอครับเนี่ย” คุณอรัญยกยิ้มชอบใจขณะหยอกล้อฉัน
“น่ากลัวนิดหน่อยค่ะ เด็กผู้หญิงที่รักสวยรักงามขนาดนั้นต้องถอดเล็บตัวเองออกเลยนะคะ แถมยังใช้ตะไบเหล็กทิ่มเข้าไปในเนื้อใต้เล็บเพื่องัดเล็บออกอีกแค่นึกภาพตามก็รู้สึกหวาดเสียวปลายนิ้วมือนิ้วเท้าขึ้นมาเลยค่ะ ถ้าเป็นฉันคงจะตายไปตั้งแต่ตอนที่เห็นเล็บตัวเองโดนกัดแล้วค่ะ ฉันไม่ใจเด็ดพอที่ถอดเล็บออกแบบนั้น สงสารแฟนหนุ่มคนนั้นด้วยเขาต้องใจแข็งขนาดไหนถึงถอดเล็บแฟนสาวได้ลง ตอนนั้นเขาคงปวดใจมากแน่ ๆ ค่ะ” จังหวะที่ตอบคุณอรัญ จิตใจของฉันก็รู้สึกหดหู่ตามคำพูดพวกนั้นไปด้วย ครั้งนี้คุณอรัญไม่ตอบอะไรกลับมา เขานั่งนิ่งเหม่อมองไปยังต้นไทรที่อยู่ข้างอาคาร เห็นเขาเงียบไปแบบนั้นฉันเลยถามต่อเพราะอดห่วงเด็กสาวไม่ได้
“หลังจากนั้นน้องเปรียวได้รับการรักษาทันเวลาใช่มั้ยคะ” เด็กสาวที่สูญเสียเลือดตอนถอดเล็บก็ส่วนหนึ่งแต่ความเจ็บปวดที่ได้รับระหว่างนั้นคงเป็นความรู้สึกที่แสนหนักหน่วง
“ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้นครับ” คุณอรัญหันมาตอบพลางคลี่ยิ้มบางให้ฉัน คำตอบของเขาสร้างความสับสนให้ฉันเล็กน้อย อะไรคือหวังให้เป็นแบบนั้น เด็กสาวไปโรงพยาบาลไม่ทันเหรอ แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไรออกไป เขาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“จริงสิผมมีเรื่องจะทักท้วงครับ” ครั้งนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดเล่นเหมือนอย่างเคยพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประสานกัน
“ทักท้วงอะไรกันคะ” เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จากที่สับสนเรื่องก่อนหน้านี้อยู่แล้วก็ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ คิ้วของฉันเลิกขึ้นสูงอย่างอัตโนมัติรอฟังเรื่องที่เขาต้องการจะพูด
“ทำไมก่อนหน้านี้ ผมหมายถึงเรื่องของคุณชาน่ะครับ คุณบัวไม่เห็นจะถามอะไรเลย...เพราะเขาเป็นผู้ชายเหรอครับ” คุณอรัญมองตรงมาที่ฉันราวกับว่าตอนนี้เขาสวมบทบาทเป็นตำรวจและกำลังคาดคั้นคำสารภาพจากฉันที่รับบทเป็นผู้ร้ายเลย นี่เขาคิดว่าฉันเป็นคนเหยียดเพศงั้นเหรอ ฉันคงต้องปรับตัวใหม่เพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดอีก ฉันคิดก่อนจะอธิบายให้คุณอรัญเข้าใจ
“เรื่องเพศไม่เกี่ยวเลยค่ะ สาเหตุที่ฉันไม่อยากถามเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นผลมาจากสิ่งที่เขาเคยทำไว้ในอดีต ต่างจากเรื่องของเด็กสาวทั้งสองคนที่คุณเล่ามา เท่าที่ฉันฟังดูก็ไม่เห็นว่าพวกเธอจะทำอะไรไม่ดีนี่คะ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องราวที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ ฉันแค่เห็นใจในความโชคร้ายของเด็กสาวสองคนนั้นมากกว่าชายวัยทำงานอย่างคุณปรีชาค่ะ”
“โอเคครับ ผมต้องขอโทษด้วยถ้าคำถามเมื่อกี้ทำให้คุณไม่สบายใจ” เขาลดระดับมือที่ประสานกันไว้พลางก้มหัวให้ฉันเล็กน้อยเป็นการขอโทษ
“ถ้าฉันขอถามเรื่องของคุณชาตอนนี้ คุณอรัญจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาใช่มั้ยคะ...” คราวนี้เป็นฉันเองที่จ้องนัยน์ตาสีดำสนิทของชายตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“ลองถามดูครับ” เขาไม่ได้ตอบตกลง เขาเพียงแค่ขยับตัวเอนพิงเก้าอี้และยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะมองตรงมาข้างหน้าเพื่อรอฟังคำถามจากฉัน
“ก็อย่างที่เคยพูดไปนั่นแหละค่ะ ผีตัวนั้นเป็นภรรยาของคุณชาจริง ๆ รึเปล่าคะ ทำไมเพิ่งมาหลอกคุณชาตอนที่เขาย้ายมาอยู่หอพักนี้ล่ะคะ” ฉันยังคงยืนยันคำถามเดิมที่เคยสงสัย
“ไม่ทราบครับ สำหรับเรื่องนี้ผมรู้รายละเอียดมาแค่นั้น คิดว่าคงตอบคำถามทั้งสองข้อนี้ของคุณบัวไม่ได้...มีคำถามอื่นมั้ยครับ” เขาตอบเสียงเรียบนิ่งอีกครั้งจนฉันรู้สึกได้เลยว่าเขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามพวกนี้
“แย่จังที่คุณไม่รู้ข้อมูลในส่วนนี้แต่ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็เป็นแค่เรื่องเล่าหาคำตอบไปก็เท่านั้น” คุณอรัญกลับมาสดใสร่าเริงทันทีเมื่อได้ยินฉันพูดแบบนั้น
“จะให้ผมเล่าเรื่องต่อไปเลยมั้ยครับ” เขาดูกระตือรือร้นที่จะเล่าเรื่องราวห้องต่อไปจนฉันเผลอคิดไปว่าถ้าเรื่องพวกนี้เป็นคำสาปของหอพักและฉันที่ฟังมาเกือบครึ่งทางแล้วกำลังตกอยู่ในอันตรายแน่ ๆ เลย
“อีกหนึ่งคำถามค่ะ” ฉันที่เพิ่งนึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างจากเรื่องของน้องเปรียวติดอยู่ในหัวก็เอ่ยถามอีกข้อ
“ว่ามาเลยครับ”
“น้องเปรียวบอกว่า คุณผู้ดูแลเป็นลุงแก่ ๆ ตรงนี้แหละค่ะที่ติดใจฉันอยู่ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยสนใจเลยว่าในแต่ละเรื่องเล่าใครเป็นผู้ดูแลหอ เลยสงสัยว่าก่อนที่คุณอรัญจะมาเป็นผู้ดูแล...เกิดอะไรขึ้นคะ” ภาพที่ชายตรงหน้าหุบยิ้มลงทันทีเมื่อฉันพูดจบทำเอาเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด นัยน์ตาดำสนิทมองลึกเข้ามาในดวงตาฉัน ก่อนจะกล่าวตอบเสียงเข้ม
“ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่าจะเล่าเรื่องโดยเรียงลำดับตามหมายเลขห้องพัก คำตอบของคำถามที่คุณบัวสงสัยอาจจะอยู่ในเรื่องเล่าของห้องอื่นก็เป็นได้ครับ ฉะนั้นผมอยากจะขอให้คุณบัวตั้งใจฟังและทยอยเก็บชิ้นส่วนกุญแจไปทีละน้อย ฟังครบทุกเรื่องเมื่อไหร่ค่อยมาคลี่คลายข้อสงสัยด้วยตัวเอง คิดว่าแบบนี้น่าจะดีกว่าฟังคำเฉลยจากผมในตอนนี้นะครับ” ครั้งนี้คุณอรัญร่ายยาวที่สุดตั้งแต่ที่เราเคยคุยกันมา คำพูดของเขาคล้ายเจือปนอารมณ์โกรธเคืองทว่าริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มอยู่ พูดจบเขาก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อด้วยแววตาสดใสราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นและนั่นทำให้ฉันเริ่มกลัวและไม่อยากฟังเรื่องเล่าของห้องถัดไป
“ผมเล่าเรื่องต่อไปเลยนะครับ”
.
.
.
ว่าแต่คุณลุงผู้ดูแลเป็นใครกันนะ???