เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
**คำเตือน**
อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
.
.
.
แรงกระแทกนั้นทำให้สาววัยทำงานกระอักเลือดออกมาไม่น้อยและเกือบหมดสติไป ทว่ามีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว ‘ฉันยังไม่อยากตาย’ เธอจึงรวบรวมสติที่มีเพียงน้อยนิดพลิกตัวและใช้ศอกกับท่อนแขนค้ำยันตัวเองขึ้นจากพื้นเล็กน้อยก่อนจะคลานไปหาอาวุธที่อยู่เบื้องหน้า
พรรณนาอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับจากเศษกระจกที่แตกกระจายเกลื่อนพื้น กระจกพวกนั้นทิ่มแทงทะลุเนื้อหนังและสร้างบาดแผลไปทั่วแขนบางของเธอ รอยเลือดเปื้อนเป็นทางตามเส้นทางที่เธอคลานและถึงแม้ว่าเธอจะอยากดึงเศษกระจกพวกนั้นออกไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะตอนนี้ละอองพวกนั้นกลับเข้ามาในร่างกายของเธออีกครั้งแล้ว
มือของพรรณนาเริ่มกลับมาหยิกงอจากการเคลื่อนไหวของละอองสีที่อยู่ในร่างกาย เธอรับรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นแต่ไม่สามารถบังคับร่างกายได้ เธอปล่อยให้ความทรมานนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางตัดพ้อในใจว่าทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้
จนกระทั่งละอองพวกนั้นพุ่งออกมาทางจมูกและปากของเธอพร้อมเลือดมากมายที่กระอักออกมาอีกครั้งพร้อมส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งราวกับว่าตอนนี้อวัยวะภายในของเธอเน่าเปื่อยไม่เหลือชิ้นดี เลือดที่เดิมทีมีเพียงแค่กลิ่นสาบคาวเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นกลิ่นเน่าเหม็นไปแล้ว
กลิ่นนั้นเหม็นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาและพรรณนาไม่อาจทนดมกลิ่นพวกนั้นได้อีกต่อไป พลันสมองก็คิดหาวิธีการว่าต้องทำยังไงจมูกของเธอถึงจะไม่ได้กลิ่นอะไรอีก ตอนนั้นเองที่สายตาเหม่อลอยของเธอเห็นเศษกระจกทิ่มแทงอยู่ทั่วแขนตัวเอง ก่อนจะก้มลงมองเศษกระจกที่แตกกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า เสี้ยววินาทีนั้นก็ได้มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาและพรรณนาก็ตัดสินใจทำตามความคิดนั้น
เธอก้มลงจนปลายจมูกแนบชิดกับเศษกระจกอยู่บนพื้น น้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกครั้งด้วยความกลัว ร่างกายแสนบอบช้ำปวดร้าวและเริ่มเจ็บชาไปทุกส่วน ความคิดที่บอกว่าวิธีการนี้อาจจะได้ผลต่อต้านกับความหวาดหวั่นในจิตใจจนพรรณนาสับสนไปหมด ทว่าท้ายที่สุดแล้วเธอก็ลงมือทำสิ่งที่ต้องการ
พรรณนาออกแรงกดศีรษะเพื่อบดบี้จมูกกับเศษกระจกตรงหน้าอย่างรุนแรงและถูจมูกไปมาบนกระจกนั้นราวกับไร้ซึ่งความเจ็บปวด เธอกัดฟันทนเพื่อไม่ให้มีเสียงกรีดร้องเล็ดลอดออกมา และแล้วความเจ็บปวดที่ได้รับในครั้งแรกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเจ็บชา
หลังจากที่รับรู้ได้ว่าจมูกของเธอไม่มีความรู้สึกใดแล้ว พรรณนาจึงผงกหัวขึ้นพร้อมกับมีเศษกระจกบางส่วนที่ทิ่มแทงอยู่บนเนื้อจมูกติดมาด้วย เธอมองเลือดหนืดที่กำลังไหลยืดนองเต็มพื้นโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไปเพราะสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่ช่วยให้เธอไม่ต้องได้กลิ่นเน่าเหม็นนั้นอีกซึ่งเธอพอใจแล้ว ทว่าเธอคิดผิดเพราะจมูกของเธอยังคงได้กลิ่นเน่าเหม็นจากเลือดของตัวเองที่ไหลออกมา
ตึง! ตึง!!! โครมมม
“อะไรวะเนี่ย” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่เขาพังบานประตูและบุกรุกเข้ามาในห้องโดยพลการ ก่อนจะอุทานเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
.
.
.
สภาพห้องเต็มไปด้วยอาเจียน...กระจายเต็มพื้น
คราบเมือกสีน้ำตาลปนเขียว...เหม็นเน่าไปทั่ว
ร่องรอยเลือดสีแดงข้น...เปื้อนพื้นหลายจุด
และร่างของสาววัยทำงานท่ามกลางเศษกระจกท่วมเลือด...
.
.
.
“นี่คุณ!” ชายคนนั้นตะโกนเรียกทันทีที่เห็นท่อนล่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตรงประตูห้องน้ำ ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปช่วยสาวคนนั้น
พรรณนารับรู้และได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นทว่าเธอไม่มีแรงเหลือพอให้ขยับตัวไปไหนได้อีกแล้วจึงทำได้เพียงนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าใครคนนั้นกำลังดึงแขนเธอขึ้นจากด้านหลังอย่างช้า ๆ และพยุงร่างกายเธอให้ลุกขึ้น
ทว่าตอนนี้สายตาของพรรณนาพร่ามัวเพราะสูญเสียเลือดไปจำนวนมากจนทำให้เธอไม่อาจรู้ได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เธอได้ยินเพียงเสียงทุ้มของเขาเท่านั้นซึ่งบุคคลแรกที่ผุดเข้ามาในความคิดของเธอก็คือคุณผู้ดูแลแต่เธอไม่รู้ว่าใช่เขาจริง ๆ รึเปล่า
เสี้ยววินาทีที่ฝ่าเท้าของเธอสัมผัสกับความเปียกชื้นและความระคายเคืองของพื้นหญ้าก็รู้ได้ทันทีว่าเธอหลุดพ้นออกจากห้องนรกนั้นแล้ว และเมื่อเธอรู้ตัวว่าได้รับการช่วยเหลือแล้วความรู้สึกโล่งใจก็เอ่อล้นขึ้นมาอัดแน่นเต็มอกจนเธอหมดสติไป
...และแล้วค่ำคืนนี้ที่แสนยาวนานสำหรับพรรณนาก็จบลง…
“เรื่องของห้องห้า...ผมขอเล่าแค่นี้นะครับ” จู่ ๆ คุณอรัญก็พูดขึ้น ประโยคนั้นสร้างความงุนงงให้ฉันเป็นอย่างมาก
“อะไรนะคะ ขอเล่าแค่นี้หมายความว่ายังไง” ฉันเผลอถามออกไปเสียงดังเพราะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“จริง ๆ แล้วรายละเอียดของห้องนี้มีอีกนิดหน่อยครับแต่ผมคิดว่าเรื่องหลังจากนี้มีความเชื่อมต่อกับผู้เช่าห้องอื่นด้วย เลยอยากเล่าส่วนที่เหลือผ่านมุมมองเขาแทนครับ” คุณอรัญยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ต่อ นั่นยิ่งทำให้ฉันเริ่มคิดว่าเพราะอะไร ในเมื่อเขาเป็นคนอยากเล่าให้ฉันฟังเองแถมยังเล่ามาถึงขนาดนี้แล้วจะปิดบังเรื่องอะไรกันอีก
ฉันจึงสันนิษฐานไปเองว่าคนที่เข้าไปช่วยเหลือคุณนาคงเป็นหนึ่งในผู้เช่าที่อยู่ในหอนี้และเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่คุณอรัญยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟัง ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่สองห้องเท่านั้นและความคิดนั้นก็ทำให้ฉันยอมตัดจบเรื่องราวของห้องห้าตามนี้
“สงสารคุณนาเหมือนกันนะคะ เธอบี้จมูกตัวเองไปกับเศษกระจกบนพื้น...เธอทำได้ยังไงกัน” ฉันยังขนลุกไม่หายเมื่อจินตนาการถึงภาพนั้น ตอนน้องเปรียวยังมีแฟนหนุ่มคอยช่วยแต่คุณนา...เธอเพียงตัวคนเดียว
“ไม่รู้สิครับ วินาทีชีวิตอะไรก็เกิดขึ้นได้” ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้นและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจ
“ฉันรู้สึกหวาดกลัวแทนพวกเธอเลยค่ะ เริ่มจากน้องเกศ ต่อด้วยน้องเปรียวแล้วก็คุณนา เจ้าที่เจ้าทางของหอพักนี้ไม่ถูกกับผู้หญิงรึเปล่าคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ...จะว่าไปนี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว คุณบัวอยากกลับเข้าข้างในก่อนมั้ยครับ พรุ่งนี้ผมค่อยเล่าให้ฟังต่อ” คำพูดของคุณอรัญทำฉันขมวดคิ้วอีกครั้งพลางคิดว่าเพราะเหตุผลนี้ด้วยรึเปล่าที่ทำให้เขาอยากหยุดเล่าเรื่องต่อไปตั้งแต่จบเรื่องคุณนา
“เอ๊ะ อะไรกันคะ ให้ฉันรอฟังต่อพรุ่งนี้มีหวังคืนนี้นอนไม่หลับแน่เลยค่ะ” แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะฉันอยากรู้เรื่องทั้งหมด ฉันจึงดื้อดึงและโน้มน้าวให้เขาเล่าต่อ
“แต่ถ้าคุณบัวฟังทุกเรื่องจนจบภายในวันนี้ ผมเกรงว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเล่าให้คุณบัวฟังแล้วสิครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มีเรื่องให้คุยกันตั้งร้อยแปดพันเก้า นอกเสียจากว่าคุณอรัญจะไม่มีเวลาว่างมาคุยกับฉัน”
“นั่นสินะครับ ไม่รู้จะได้คุยกันอีกเมื่อไหร่” คำตอบจากเขาให้ความรู้สึกแปลก ๆ อีกแล้วแต่ฉันคงคิดมากไปเอง ฉันจึงเออออห่อหมกและไหลไปตามน้ำ
“ใช่มั้ยล่ะคะเพราะงั้นเล่าให้จบเลยเถอะค่ะ ถึงเรื่องจะยาวก็ไม่เป็นไรฉันนอนดึกได้” ทว่าเขากลับเงียบไปจนฉันเอ่ยคะยั้นคะยออีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้คุณอรัญบอกฉันเองนี่คะว่าให้ฟังเรื่องราวของทุกห้องให้จบก่อนแล้วค่อยคลี่คลายข้อสงสัยที่ตัวเองมี...แต่คุณอรัญกลับไม่เล่าให้จบ แบบนี้ฉันจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ยังไงกัน อีกอย่างเรื่องของห้องนี้ฉันยอมเก็บคำถามที่มีไว้ในใจและไม่ถามคุณอรัญก็เพื่อรอหาคำตอบเองตามที่คุณบอกไว้ ฉะนั้นคุณอรัญจะมาทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ฉันร่ายยาวออกไปหวังว่าจะยื้อให้เขาเล่าต่ออีกหน่อย ทว่าเขาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยและนั่นทำให้ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเรา จนกระทั่งได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของเขาทำลายมัน
“งั้นผมเล่าเรื่องของห้องหกเลยนะครับ”