เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เลือดสาด,ไทย,blood,gore,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้อง(ไม่)ว่างให้เช่า [มี E-book]เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในหอพักที่ฉันเช่าอยู่ค่ะ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้นะคะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
เขาเดินออกจากห้องทันทีที่สำรวจเสร็จและปิดประตูลง ก่อนจะหันมองประตูห้องเจ็ดที่ยังคงเปิดค้างไว้พลางนึกสงสัยว่าทำไมพี่ช่างภาพยังดูห้องไม่เสร็จอีกทั้งที่ในห้องก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายชีวิตคนอื่นเลยเลือกที่จะเดินไปหาคุณผู้ดูแลเพื่อคุยเรื่องรายละเอียดการเช่าที่นี่แทน
“รายละเอียดก็ตามนั้นเลยครับน้องกันต์” คุณผู้ดูแลร่ายกฎอยู่พักใหญ่แต่เด็กหนุ่มรับรู้ได้ว่ากฎสำคัญมีเพียงข้อเดียวคือห้ามคนนอกเข้าออกที่นี่ส่วนกฎข้ออื่นก็เป็นกฎหอพักทั่วไป ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือราคาห้องที่แสนถูกต่างหาก
“ค่าห้องถูกขนาดนี้คุ้มเหรอพี่”
“คุ้มครับ” คุณผู้ดูแลเงยหน้ามองเด็กหนุ่มพร้อมส่งยิ้มให้
“ผมจะเช่าห้องหก” กันต์ยังคงพูดเสียงห้วนใส่คุณผู้ดูแลแต่นั่นไม่ทำให้รอยยิ้มของอีกฝ่ายจางหายไปเลย
“ห้องหกนะครับ งั้นน้องกันต์เซ็นชื่อในเอกสารสัญญาตรงนี้เลยครับ” คุณผู้ดูแลยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งให้เด็กหนุ่มและชี้จุดที่เขาต้องเซ็นพร้อมโปรยยิ้มเป็นมิตร
กันต์หยิบปากกาที่วางอยู่ข้างเอกสารขึ้นและเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษ วินาทีที่อักษรตัวแรกถูกเขียนก็มีสายลมแรงพัดมา เด็กหนุ่มหยุดชะงักมือและเงยหน้ามองคุณผู้ดูแล ตอนนั้นก็มีความคิดต่าง ๆ นานาผุดขึ้นมา ทว่าเขาเลือกที่จะไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ก่อนจะรีบเขียนชื่อต่อให้เสร็จและส่งเอกสารคืน
“น้องชื่อกันต์เฉย ๆ เลยเหรอครับ” คุณผู้ดูแลเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นชื่อของเด็กหนุ่มในเอกสาร
“ใช่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า” เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยท่าทีหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณผู้ดูแลถึงมีคำถามและอยากรู้เรื่องของเขามากขนาดนี้
“เปล่าครับ พี่แค่ไม่นึกว่าชื่อเล่นกับชื่อจริงจะเหมือนกัน” คุณผู้ดูแลที่สัมผัสได้ว่าประโยคเมื่อครู่อาจทำให้เด็กหนุ่มไม่พอใจจึงกล่าวตัดบทแต่โดยดี
“วันนี้ผมย้ายของเข้าเลยได้รึเปล่า” เมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย เด็กหนุ่มก็กลับมาใช้น้ำเสียงปกติ
“ได้เลยครับ นี่กุญแจห้องครับ” คุณผู้ดูแลพยักหน้ารับรู้และยื่นกุญแจ ห้องหมายเลข ๖ ให้กันต์ เด็กหนุ่มรับไว้ก่อนจะหันหลังเดินออกจากหอพักไปพร้อมกับเสียงต้อนรับของคุณผู้ดูแล
“ยินดีต้อนรับนะครับ...น้องกันต์”
เด็กหนุ่มเดินทางกลับหอพักในมหาลัยฯ เพื่อเก็บข้าวของที่มีอยู่เล็กน้อยใส่กระเป๋าเป้ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะพิมพ์บอกเพื่อนสนิทอย่างอินถึงเรื่องย้ายของไปห้องใหม่ กดส่งข้อความไปเพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เด็กหนุ่มเดินมาดูหน้าจอปรากฎว่า ‘อิน’ โทรเข้ามาจึงจำเป็นที่จะต้องรับสาย
“ทำไมย้ายห้องวันนี้ล่ะ” น้ำเสียงของอินฟังดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยคงเพราะต้องคัดตัวหลายครั้ง
“ได้ห้องใหม่แล้วก็อยากย้ายของให้เสร็จเลย”
“หมี่บอกจะไปช่วยเก็บของแต่กูไปไม่ได้นะ กูเหลือคัดตัวอีกรอบ” อีกฝ่ายตอบกลับ ขณะเดียวกันก็มีเสียงหมี่ดังขึ้นมาจากปลายสาย กันต์ที่ไม่อยากให้เพื่อนมาช่วยเขาก็โต้กลับทันที
“บอกไอ้หมี่ให้อยู่เชียร์มึงไปเถอะ กูมีของนิดเดียวเก็บไม่นานหรอก อีกอย่างที่หอใหม่ห้ามคนนอกเข้าออกด้วย” เด็กหนุ่มอ้างกฏของหอพักขึ้นมา
“อาจารย์เรียกตัวแล้ว มึงคุยกับไอ้หมี่พลาง” แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ฟังเลย ก่อนที่คนปลายสายจะเปลี่ยนเป็นหมี่
“ฮัลโหลมึง ไอ้อินมันเดินไปนู้นแล้วอ่ะ มันบอกว่ามึงจะย้ายของวันนี้ทำไมกะทันหันจัง กูไปช่วยเก็บของมั้ย”
“มึงอยู่เชียร์ไอ้อินไปเถอะ มึงไม่อยู่เดี๋ยวมันก็ไม่มีแรง” กันต์ที่รู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงแต่ไม่อยากให้เพื่อนต้องกังวลใจจึงแซวเล่นไป ซึ่งนั่นได้ผลเพราะดูเหมือนว่าหมี่มีเรื่องอื่นให้จัดการแล้ว
“โอ๊ยยย กูจะไปสู้พวกสาว ๆ ที่มาเชียร์มันได้ไงกัน”
“เออกูวางละ”
“ดะ...เดี๋...” เด็กหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็พูดตัดบทและรีบกดวางสายโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันเตรียมใจ ก่อนจะเดินไปเก็บของใส่กระเป๋าเป้ต่อพลางคิดวางแผนว่าหลังจากนี้ต้องทำอะไรอีกบ้าง
“...กันต์...”
“...” ร่างกายของเด็กหนุ่มหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขา ก่อนจะหันซ้ายหันขวาและเงียบฟังพลางคิดว่าตอนนี้ในห้องมีแค่เขาคนเดียวหรือเมื่อครู่นี้เขาจะหลอนไปเอง
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการแปลก ๆ อีกแล้วก็รีบยัดของใส่กระเป๋าและเดินออกจากห้องให้ไวที่สุด ทว่าจังหวะที่กำลังจะล็อคประตูก็เผลอทำกุญแจหลุดมือเลยต้องก้มลงเพื่อเก็บกุญแจ
แครกกกก แครกกกก
เสียงอะไรบางอย่างคล้ายเสียงข่วนประตูดังขึ้นเบา ๆ เด็กหนุ่มหยุดมือที่กำลังจะหยิบกุญแจก่อนจะแนบหูไปกับประตูและเงี่ยหูฟัง
แครกกกก แครกกกก
เสียงอะไร เขาได้แต่คิดสงสัยทว่ากลับเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นและหยิบกุญแจที่หล่นอยู่บนพื้นมาไว้ในกำมือ เพราะเขาคิดว่าเสียงเมื่อครู่ที่ได้ยินนั้นอาจเป็นอาการหลอนที่มาจากความรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เขายังคงคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะบอกให้ลืมมันไปก็ตาม
เด็กหนุ่มนำกุญแจห้องคืนให้อาจารย์ประจำหอพักเสร็จก็เดินทางไปยังหอใหม่ทันที เขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมายและเปิดประตูตรงหน้าเข้าสู่ห้องใหม่ ถอดรองเท้าผ้าใบไว้ข้างประตูและวางกระเป๋าเป้ลงบนเตียง ก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกและตรงดิ่งไปอาบน้ำ ปล่อยให้น้ำจากฝักบัวไหลลงรดศีรษะเพื่อคลายร้อน
สายตาเหม่อมองน้ำที่ค่อย ๆ ไหลไปตามร่องกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องพลางคิดว่าหอพักแห่งนี้ก็ดูเงียบสงบดีแต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างคอยกังวลใจอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้ มือหนายกขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะรีบอาบน้ำให้เสร็จและหยิบผ้าขนหนูผืนหนาพันรอบเอวเหมือนเช่นเคย
สองขายาวก้าวเดินเพียงไม่กี่ครั้งก็พาตัวเองมาถึงเตียง เด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียงนอนหนานุ่มและปล่อยให้น้ำจากเส้นผมหยดลงพื้นรอบตัว ก่อนจะเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่กลางเตียงเพื่อดูเวลาบนหน้าจอ ซึ่งตอนนี้ระบุเลขสิบแปดนาฬิกาสี่สิบสี่นาที
ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นตัวเลขนั้น สมองก็คิดวิเคราะห์ว่าเวลานี้คือช่วงเวลาโพล้เพล้ที่ใคร ๆ เขาเรียกกันรึเปล่า แล้วถ้าเขาล้มตัวลงนอนในตอนนี้จนเผลอหลับไปจะมีผีมาหลอกเขามั้ยนะ คิดไปก็เสียเวลาเปล่าสู้เขาพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยดีกว่า
เมื่อคิดเช่นนั้นกันต์ก็ไม่ปล่อยให้ความกลัวนั้นเอาชนะความง่วงหงาวหาวนอนที่มี เขาเอนตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างและทิ้งศีรษะลงบนหมอนใบใหญ่ ความเปียกชื้นจากเส้นผมเริ่มแผ่ขยายไปตามเนื้อผ้าของปลอกหมอนและเปียกไปทั่ว นั่นสร้างความไม่สบายตัวให้เขาไม่น้อยทว่าใครสน เขาขอแค่หลับลงก็พอ
แครกกกก แครกกกก
เด็กหนุ่มหลับตานอนได้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องพลิกตัวไปมาเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังรบกวน เขายกมือหนาขึ้นปิดป้องใบหูแต่ก็ยังได้ยินเสียงอยู่ จึงสอดมือเข้าไปใต้หมอนและบีบอัดปีกหมอนให้ปิดหูแต่ก็ไม่ช่วยอะไร ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทว่ายิ่งแล้วใหญ่ เสียงนั้นยังคงดังเล็ดลอดมาให้ได้ยินตลอดเวลา กันต์ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงต้องงัดวิธีสุดท้ายมาใช้
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเอื้อมมือคว้ากระเป๋าเป้ให้มาใกล้ตัวก่อนจะควานหาหูฟังที่ปะปนอยู่กับสารพัดของใช้จากห้องเก่าภายในกระเป๋า เมื่อได้หูฟังมาไว้ในมือแล้วก็หยิบโทรศัพท์จากโต๊ะไม้ที่อยู่ข้างเตียง เสียบหูฟังและกดเปิดแอพลิเคชันดนตรี เลือกเพลงโปรดเพลงเดิม เพิ่มระดับเสียงให้ดังกว่าปกติเล็กน้อยและฟังจนเคลิ้มหลับไป
.
.
.
วันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มลืมตาตื่นพร้อมใช้มือแกะแงะสายหูฟังที่พันอยู่รอบลำคอด้วยอาการสะลึมสะลือ ก่อนจะเห็นหน้าจอโทรศัพท์แสดงข้อความจากเพื่อนสนิทที่ถูกส่งมาเมื่อไม่นานนี้ ข้อความแสนสั้นที่มีใจความสำคัญว่า ‘ตื่นและออกมากินข้าว’ เขาจึงเดินไปล้างหน้าล้างตาและอาบน้ำแต่งตัว โดยไม่ลืมที่จะตากผ้าขนหนูผืนเดิมที่ใช้ตั้งแต่เมื่อคืนไว้ตรงระเบียง
กันต์สวมใส่ชุดลำลองธรรมดาแต่เมื่อชุดนั้นอยู่บนตัวเขากลับดูดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มล็อกประตูห้องเรียบร้อยและเดินออกไปหน้าอาคาร ตอนนั้นเองที่สายตาก็เหลือบไปเห็นคุณผู้ดูแลกำลังกวาดเศษใบไม้ที่ปลิดปลิวมาจากต้นไทรพลางนึกในใจหวังให้อีกฝ่ายไม่กล่าวทักทายเขาเพราะเขาไม่อยากคุยด้วยสักเท่าไหร่ แต่แล้วเรื่องเสียงที่ดังรบกวนเขาเมื่อคืนก็แทรกขึ้นมาในความคิด กันต์จึงตัดสินใจเดินตรงไปหาคุณผู้ดูแล
“นี่พี่” เสียงทักทายจากเด็กหนุ่มถูกส่งไปหาชายตรงหน้า
“ครับน้องกันต์” คุณผู้ดูแลขานตอบเสียงทักทายนั้นโดยไม่เงยหน้ามองเจ้าของเสียงเลยแม้แต่น้อย สองมือขาวซีดก็ยังคงกวาดเศษใบไม้อยู่เช่นเดิม
“ที่หอมีผู้เช่าห้องไหนเลี้ยงสัตว์รึเปล่าพี่” แต่คำถามจากเด็กหนุ่มทำให้คุณผู้ดูแลต้องหยุดชะงัก
“มีอะไรรึเปล่าครับ” กันต์ขมวดคิ้วที่ชายตรงหน้าไม่ตอบคำถามแถมยังมาถามเขากลับอีก
“เมื่อคืนผมได้ยินเสียงเหมือนพวกหมาแมวข่วนประตูหรือผนังทั้งคืนจนเกือบนอนไม่หลับเลย น่ารำคาญมาก” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือปนความหงุดหงิดใจ แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปในทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากคุณผู้ดูแล
“น้องกันต์หูแว่วไปเองรึเปล่าครับเพราะตั้งแต่ที่พี่ดูแลหอพักนี้มาไม่มีผู้เช่าคนไหนมีสัตว์เลี้ยงนะครับ”
“...” เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“อีกอย่างเมื่อคืนที่หอพักก็มีแค่น้องกันต์คนเดียวนะครับ คนอื่น ๆ ไม่มีใครอยู่หอกันเลย”
“พี่รู้ได้ไงว่าเมื่อคืนไม่มีใครอยู่ห้องกันเลย บางคนอาจจะกลับมาช่วงดึกก็ได้” ประโยคเมื่อครู่จากคุณผู้ดูแลทำให้เด็กหนุ่มอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ เขาจึงเอ่ยถามออกไปตามสิ่งที่คิด
“...” คราวนี้อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบและไม่ตอบอะไรกลับมา
“จะว่าไปผมยังไม่รู้เลยว่าพี่พักห้องไหน” สิ้นสุดเสียงกันต์ สายลมเย็นก็พัดมาวูบหนึ่ง เด็กหนุ่มจ้องมองชายตรงหน้าและรอฟังคำตอบ จังหวะที่คุณผู้ดูแลกำลังอ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มก็ดังแทรกขึ้นเสียงก่อน
ครืดดด ครืดดด