เปิดประสบการณ์ เปิดใจ เปิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ กับเรื่องเล่าก่อนนอน ที่ไม่สามารถหลับตาลง

เรื่องเล่าก่อนนอน - ตอนที่ 1 เรื่องเล่าบทที่ 1 โดย Violet @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เล่าประสบการณ์,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เรื่องเล่าก่อนนอน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เล่าประสบการณ์,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี

รายละเอียด

เปิดประสบการณ์ เปิดใจ เปิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ กับเรื่องเล่าก่อนนอน ที่ไม่สามารถหลับตาลง

ผู้แต่ง

Violet

เรื่องย่อ

สารบัญ

เรื่องเล่าก่อนนอน-ตอนที่ 1 เรื่องเล่าบทที่ 1,เรื่องเล่าก่อนนอน-ตอนที่ 2 เรื่องเล่าบทที่ 2,เรื่องเล่าก่อนนอน-ตอนที่ 3 เรื่องเล่าบทที่ 3,เรื่องเล่าก่อนนอน-ตอนที่ 4 เรื่องเล่าบทที่ 4

เนื้อหา

ตอนที่ 1 เรื่องเล่าบทที่ 1



ใครๆก็บอกว่า" ดวงตา" เป็นหน้าต่างของหัวใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในบันดาของอวัยวะของร่างกายคงไม่มีใครที่จะปฏิเสธคำนึ้แน่นอนคนเราชอบการมองดูสวยๆงามๆมากกว่าที่จะดูสิ่งที่ไม่สวยใช่ไหม ? การมองเห็นเป็นสิ่งดีแต่ต้องดูว่าการที่เราเห็นเราจะเลือกที่จะมองดูอะไรมากกว่า ซึ่งดีแค่ไหนที่เรามีตาไว้ดูสิ่งสวยๆงามๆ ดีแค่ไหนที่เราได้มองเห็นคนที่เรารัก ดีแค่ไหนที่เราได้เห็นในสิ่งเราต้องการที่อยากได้ ดีแค่ไหนที่เรายังใช้ตาใน การมองเห็นสีต่างๆ และสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรมองอะไรไม่ควรมอง 

 ดวงตาสามารถแยกแยะออกระหว่างความดีและความชั่วได้ อีกทั้งยังสามารถแยกแยะระหว่างสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบได้ อีกทั้งยังสมารถสื่อความรู้สึกต่างๆออกมาได้อย่างชัดเจน เห็นไหมแค่ "ดวงตา" ก็สามารถที่จะสื่อสารอะไรได้ตั้งหลายอย่าง เหมือนที่หลายคนบอก "ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ" ซึ่งเป็นสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการสื่อสาร เห็นไหม ? ไม่มีใครอยาก"ตาบอด" หรือ "ตาที่ไม่สามารถมองได้เห็นอีก" แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนตาบอดไม่ดี หรือคนมองไม่เห็นไม่ดี แค่อยากแสดงให้เห็นถึงคนที่มีดวงตาว่า"ดีแค่ไหนที่ยังมีดวงตาและมองเห็นอยู่" เท่านั้นเอง อยากให้ทุกคนที่อ่านได้เห็นถึงความสำคัญของดวงตาและถนอมสายให้ดียิ่งขึ้น 

  ในสิ่งที่ฉันจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวฉันเอง ฉันใช้คำว่าเล่ามากกว่าเพราะทุกสิ่งที่ฉันเล่า ต้องใช้ภาษาของตัวฉันเอง มันไม่มีคำสวยหรู คำเขียนตามหลักให้ถูกไวยกรณ์เท่าที่ควรเพราะฉันเองอยากเล่าประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้เสริม เติม แต่ง อะไรเลย และยังได้ตอบคำถามหลายๆคนที่สงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? แล้วคนที่ไม่เคยเป็นจะเป็นได้ไหม หรือต้องมีทำวิธีไหนถึงจะเป็น....คุณคง งง (งองูล้านตัว) แล้วว่าฉันกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร เอาล่ะ...ฉันจะเฉลยและเล่าให้ฟังเพื่อให้คุณๆทั้งหลายหายสงสัยได้แล้ว...แต่ว่าคุณพร้อมแล้วหรือยัง ? ถึงคุณไม่พร้อมแต่ฉันพร้อมที่จะเล่าให้ฟังแล้วล่ะ....เตรียมอ่านอย่างตั้งใจและเปิดความอยากรู้ของคุณๆทั้งหลายได้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะคุณสามารถนั่งอ่านที่ไหนก็ได้ ว่างเมื่อไหร่ก็เปิดอ่านได้ แล้วแต่คุณสะดวกเลย แต่ฉันแค่ขอเตือนว่าอ่านแล้วขอให้คุณนอนหลับสบายๆ และสนุกสนานกับเรื่องที่ฉันจะเล่าในเล่มนี้...

 ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรกับอาการที่หลายคนบอกว่า " คนเห็นผี" ใช่! สิ่งที่ฉันจะเล่านี้เป็นเรื่องของการเห็นผี เอ๊ะๆ อย่าเพิ่งวางและปิดหนังสือเล่มนี้ เพราะถ้าคุณปิด หรือไม่อ่านเล่มนี้คุณก็จะไม่ทราบเรื่องราว และคำตอบที่พวกคุณๆสงสัยกัน ทำไมฉันถึงมาเล่าให้คุณๆอ่านน่ะเหรอ ก็แค่อยากให้เป็นการแชร์ประสบการณ์ ความรู้อันน้อยนิด และ คลายสงสัยในการเห็นผีของคนเห็นผีทั้งหลาย พร้อมแล้วนะ เรามาเริ่มกันเลย

 ฉันเห็นหลากหลายรายการที่เกี่ยวข้องกับการตามล่าหาผีว่ามีอยู่จริงไหม?และรายการที่ทำให้คนเห็นผีเป็นที่รู้จักเรียกได้ว่าดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียว ทำให้สังคมรู้ว่ามีคนแบบนี้ก็มีในโลก ฉันคงไม่ต้องบอกว่าเป็นรายการอะไรพวกคุณๆก็รู้อยู่แล้วล่ะ อีกทั้งยังมีอีกหลายรายการที่โด่งดังมากในสื่อต่างๆในการบุกบ้านร้างบ้าง... การทำพิธีกรรมมต่างๆเพื่อที่จะเห็นบ้าง ถ้าพูดถึงสมัยนี้ก็ทำคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อความสนุกสนานของผู้ชม ฉันการันตรีไม่ได้หรอกว่าแต่ละรายการมันจริงแค่ไหน? หรือเป็นการจัดฉากไหม? ฉันก็ตอบไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะตอบคุณๆได้นั่นคือ "ฉันเป็นหนึ่งในคนเห็นผี" คนเห็นผีโดยส่วนมากไม่มีใครอยากเห็นผีหรอก ( จากที่ฉันคิดอ่ะ..นะไม่ได้ บ่งชี้ใครๆและห้ามมาบลูลี่ ) 

จุดกำเนิดดของฉันคงไม่ต้องพูดให้มากความ เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากรู้เรื่องชาติกำเนิดของคนเรา มีแต่คนอยากรู้ว่า คนเห็นผีเห็นได้อย่างไร? และคนทุกคนสามารถจะเห็นได้ไหม? นั่นสินะมันเป็นคำถามที่คนเห็นผีหลายๆคนต้องคอยตอบคำถาม ฉันขอยืมคำของคนเห็นผีที่ดังมากถ้าเอ่ยชื่อใครๆต้องร้อง อ๋อ! มาแทนคำตอบของฉันล่ะกัน และขอบอกเป็นข้อๆเรียบเรียงให้พวกคุณๆได้รับรู้เป็นความรู้แล้วกันนะ 

1.จากเชื้อสายหรือกรรมพันธุ์ที่มีคงสงสัยว่าแล้วกรรมพันธุ์ที่มีมันคืออะไร ตอบได้ง่ายๆ คือญาติ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา หรือ ปู่ ย่า ตา ยาย ต่างๆที่อยู่ใกล้ๆเราไม่ว่าจะเป็นไกล หรือใกล้ ก็ตาม ถ้ามี ฉันเน้นย้ำแล้วนะว่า “ ถ้ามี ” ย่อมมีทางเห็นเกือบ100 เปอร์เซน ย้ำนะ เกือบ100 เปอร์เซน บางคนมีญาติที่เป็นแต่ไม่เห็นก็มี อย่ามาว่าฉันนะเพราะฉันไม่ได้บอกว่า 100 เปอร์เซนนี่ต้องเห็นนะ 

2.การเกือบเสียชีวิต หรือภาษาบ้านๆ ว่า เกือบตาย หรือหมดลมหายใจไปช่วงขณะหนึ่ง แต่ไม่ตาย นั้นเอง อาจจะหวุดหวิดเกือบตายก็ได้ หรือฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตายช่วยไว้ทัน อะไรแบบนั้นก็ได้

3.เวลาการเกิด พวกคุณอาจจะสงสัยเกี่ยวข้องกับเวลาการเกิดด้วยเหรอ อันนี้ก็ตอบไม่ได้นะ มันก็อยู่ที่คนนั้นแหละ.. แต่ว่าเกี่ยวไหม? เกี่ยวกับบางคน ซึ่งบางคนเห็นผี หรือบางคนรู้สึกได้แต่ไม่เห็นก็มี 

4. การลบหลู่ ใช่คุณสงสัยนะถูกแล้ว แต่ฉันไม่แนะนำนะให้ไปลบหลู่แล้วจะเห็น เพราะฉันยังคงเชื่อว่า “ ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ ” เพราะข้อนี้ก็บางคนอีกนั้นแหละที่จะเห็น บางคนอาจไม่สบาย บางคนอาจถึงตายก็ได้ (เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะเล่าให้อ่านนะ เพราะฉันมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อดใจไว้นะ)

5. ความศรัทธา คุณๆเคยได้ยินไหมว่า ศรัทธามากๆกลายเป็นความเชื่อ เชื่อมากๆ เกิดปาฏิหาริย์ ฉันคิดว่าคุณเคยได้ยินคำนี้ ( ฉันก็มีอีกนั้นแหละที่จะเล่าให้ฟังแต่ขอเป็นตอนต่อไปนะ อดใจไว้ แปบหนึ่ง )

6.การปฏิบัติ ข้อนี้ไม่ต้องบอกแล้วมั้ง ! ทุกคนก็น่าจะรู้เพราะที่เห็นที่ได้ยิน ส่วนมากก็ เกจิอาจารย์ทั้งหลาย รวมถึงผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อยู่ในศีล ในธรรม หลายคนและน้อยคนที่่จะทำได้ในข้อนี้ และข้อนี้แหละที่ ทำเอาหลายๆคนท้อและไม่อยากเห็นแล้วก็ได้ (แต่ฉันว่าข้อนี้ดีนะ เป็นการช่วยขัดเกราจิตใจได้เป็นอย่างดี) แล้วข้อสุดท้าย

7. ไม่รู้ว่าเห็นได้อย่างไร?? อ้าวฉันไม่ได้กวนนะ จริงๆบางคนเห็นขึ้นมาเอง ไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนอยู่ดีก็เห็น บางคนคุยกับผียังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ หลายปัจจัยที่ผู้เห็นผีก็ตอบไม่ได้ (ข้อนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็มีเรื่องเล่าอีกนั้นแหละ รับปากหลายเรื่องหวังว่าตัวฉันเองคงไม่ลืมที่จะเล่าให้พวกคุณๆได้อ่านกันหรอกนะ )

ยังมีอีกหลายข้อที่ทำให้เห็นผีได้แต่ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ จึงรวมไว้แค่ 7 ข้อพอ ( ไม่ใช่อะไรหรอกเดี๋ยวไม่มีเรื่องเล่า )ถ้าถามฉันนะในความคิดฉันเชื่อว่าทุกคนสามารถเห็นผีได้มันอยู่ที่คลื่นความถี่ของสมอง ใช่ พวกคุณอ่านถูกแล้ว ผีก็คือคลื่นความถี่ที่เราไม่สามารถเห็นได้ทุกคน ไม่งั้นจะไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถพิสูจน์หลายๆอย่างได้หรอกด้วยทางวิทยาศาสตร์หลายๆรายการที่นำมาพิสูจน์ เช่น คลื่นความร้อน เครื่องพูดโต้ตอบ หรือแม้กระทั้งเครื่อง อินฟาเรด ( ทางวิทยาศาสตร์ก็พยายามหาเหมือนกันว่าผีมีจริงหรือไม่) นี่ฉันเอามาจากรายการล่าผีจากหลายๆสำนักเชียวนะ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันที่ว่า เหมือนร้อยพ่อพันแม่นั้นแหละ ฉันจะสรุปไม่ได้หรอกว่าคนเห็นผีเกิดขึ้นได้อย่างไร? และคนที่อยากเห็นผีจะสามารถเห็นได้ไหม? ฉันเองก็ตอบไม่ได้ ต้องอยู่ที่ตัวของคนเห็นผีเอง สำหรับฉัน……..ฉันเห็นผีตั้งแต่เกิดไม่รู้ตัวเองว่าเห็นได้เพราะอะไร? แต่ที่แน่ๆ ฉันเห็นด้วยตาเนื้อ ( ตาเนื้อคือตาที่เห็นในปัจจุบันที่พวกคุณๆใช้ดูนั้นแหละ อธิบายเผื่อบางคนไม่รู้ ) ฉันอยู่ในโลกทับซ้อนตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กฉันพูดคุยอยู่คนเดียว (ในสายตาพี่น้อง) ซึ่งถามว่าฉันเล่นเหมือนเด็กกทั่วไปไหม…ฉันเล่นเหมือนเด็กทั่วไปเลยตามประสาเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เล่นกับพี่กับเพื่อนเล่นเหมือนกันหมด แต่เอนเอียงไปในทางพูดคุยคนเดียวมากกว่า จนเพื่อนๆและลูกพี่ลูกน้องว่าฉัน “บ้า” แต่พ่อและแม่ และผู้ใหญ่บอกว่าฉันเป็นเป็นคนมีจิตนาการ ตอนเด็กๆฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรคน อะไรผี ฉันก็เล่นตามปกติตามประสาเด็กบ้านนอกเล่นกัน แต่เพื่อนๆมักไม่ค่อยเล่นกับฉัน บอกฉันว่าบ้า ชอบคุยอยู่คนเดียว ฉันก็ไม่สนใจคำพูดพวกนั้นเพราะคิดว่าอย่างน้อยฉันยังมีเพื่อนอีกกลุ่มที่มาเล่นกับฉัน ฉันจะง้อพวกเขาทำไม นั้นแหละเป็นสิ่งแปลกของเพื่อนในวัยเดียวกัน และเป็นเด็กที่มีจิตนาการสำหรับผู้ใหญ่ พอมานึกถึงตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันพิเศษตั้งแต่เด็ก เอาล่ะคุณก็รู้จักฉันมานิดหน่อยแล้วล่ะสิ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าการเห็นผีของฉันให้พวกคุณอ่านอย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนล่ะ

จุดกำเนิดดของฉันคงไม่ต้องพูดให้มากความ เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากรู้เรื่องชาติกำเนิดของคนเรา มีแต่คนอยากรู้ว่า คนเห็นผีเห็นได้อย่างไร? และคนทุกคนสามารถจะเห็นได้ไหม? นั่นสินะมันเป็นคำถามที่คนเห็นผีหลายๆคนต้องคอยตอบคำถาม ฉันขอยืมคำของคนเห็นผีที่ดังมากถ้าเอ่ยชื่อใครๆต้องร้อง อ๋อ! มาแทนคำตอบของฉันล่ะกัน และขอบอกเป็นข้อๆเรียบเรียงให้พวกคุณๆได้รับรู้เป็นความรู้แล้วกันนะ 

1.จากเชื้อสายหรือกรรมพันธุ์ที่มีคงสงสัยว่าแล้วกรรมพันธุ์ที่มีมันคืออะไร ตอบได้ง่ายๆ คือญาติ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา หรือ ปู่ ย่า ตา ยาย ต่างๆที่อยู่ใกล้ๆเราไม่ว่าจะเป็นไกล หรือใกล้ ก็ตาม ถ้ามี ฉันเน้นย้ำแล้วนะว่า “ ถ้ามี ” ย่อมมีทางเห็นเกือบ100 เปอร์เซน ย้ำนะ เกือบ100 เปอร์เซน บางคนมีญาติที่เป็นแต่ไม่เห็นก็มี อย่ามาว่าฉันนะเพราะฉันไม่ได้บอกว่า 100 เปอร์เซนนี่ต้องเห็นนะ 

2.การเกือบเสียชีวิต หรือภาษาบ้านๆ ว่า เกือบตาย หรือหมดลมหายใจไปช่วงขณะหนึ่ง แต่ไม่ตาย นั้นเอง อาจจะหวุดหวิดเกือบตายก็ได้ หรือฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตายช่วยไว้ทัน อะไรแบบนั้นก็ได้

3.เวลาการเกิด พวกคุณอาจจะสงสัยเกี่ยวข้องกับเวลาการเกิดด้วยเหรอ อันนี้ก็ตอบไม่ได้นะ มันก็อยู่ที่คนนั้นแหละ.. แต่ว่าเกี่ยวไหม? เกี่ยวกับบางคน ซึ่งบางคนเห็นผี หรือบางคนรู้สึกได้แต่ไม่เห็นก็มี 

4. การลบหลู่ ใช่คุณสงสัยนะถูกแล้ว แต่ฉันไม่แนะนำนะให้ไปลบหลู่แล้วจะเห็น เพราะฉันยังคงเชื่อว่า “ ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ ” เพราะข้อนี้ก็บางคนอีกนั้นแหละที่จะเห็น บางคนอาจไม่สบาย บางคนอาจถึงตายก็ได้ (เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะเล่าให้อ่านนะ เพราะฉันมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อดใจไว้นะ)

5. ความศรัทธา คุณๆเคยได้ยินไหมว่า ศรัทธามากๆกลายเป็นความเชื่อ เชื่อมากๆ เกิดปาฏิหาริย์ ฉันคิดว่าคุณเคยได้ยินคำนี้ ( ฉันก็มีอีกนั้นแหละที่จะเล่าให้ฟังแต่ขอเป็นตอนต่อไปนะ อดใจไว้ แปบหนึ่ง )

6.การปฏิบัติ ข้อนี้ไม่ต้องบอกแล้วมั้ง ! ทุกคนก็น่าจะรู้เพราะที่เห็นที่ได้ยิน ส่วนมากก็ เกจิอาจารย์ทั้งหลาย รวมถึงผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อยู่ในศีล ในธรรม หลายคนและน้อยคนที่่จะทำได้ในข้อนี้ และข้อนี้แหละที่ ทำเอาหลายๆคนท้อและไม่อยากเห็นแล้วก็ได้ (แต่ฉันว่าข้อนี้ดีนะ เป็นการช่วยขัดเกราจิตใจได้เป็นอย่างดี) แล้วข้อสุดท้าย

7. ไม่รู้ว่าเห็นได้อย่างไร?? อ้าวฉันไม่ได้กวนนะ จริงๆบางคนเห็นขึ้นมาเอง ไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนอยู่ดีก็เห็น บางคนคุยกับผียังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ หลายปัจจัยที่ผู้เห็นผีก็ตอบไม่ได้ (ข้อนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็มีเรื่องเล่าอีกนั้นแหละ รับปากหลายเรื่องหวังว่าตัวฉันเองคงไม่ลืมที่จะเล่าให้พวกคุณๆได้อ่านกันหรอกนะ )

ยังมีอีกหลายข้อที่ทำให้เห็นผีได้แต่ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ จึงรวมไว้แค่ 7 ข้อพอ ( ไม่ใช่อะไรหรอกเดี๋ยวไม่มีเรื่องเล่า )ถ้าถามฉันนะในความคิดฉันเชื่อว่าทุกคนสามารถเห็นผีได้มันอยู่ที่คลื่นความถี่ของสมอง ใช่ พวกคุณอ่านถูกแล้ว ผีก็คือคลื่นความถี่ที่เราไม่สามารถเห็นได้ทุกคน ไม่งั้นจะไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถพิสูจน์หลายๆอย่างได้หรอกด้วยทางวิทยาศาสตร์หลายๆรายการที่นำมาพิสูจน์ เช่น คลื่นความร้อน เครื่องพูดโต้ตอบ หรือแม้กระทั้งเครื่อง อินฟาเรด ( ทางวิทยาศาสตร์ก็พยายามหาเหมือนกันว่าผีมีจริงหรือไม่) นี่ฉันเอามาจากรายการล่าผีจากหลายๆสำนักเชียวนะ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันที่ว่า เหมือนร้อยพ่อพันแม่นั้นแหละ ฉันจะสรุปไม่ได้หรอกว่าคนเห็นผีเกิดขึ้นได้อย่างไร? และคนที่อยากเห็นผีจะสามารถเห็นได้ไหม? ฉันเองก็ตอบไม่ได้ ต้องอยู่ที่ตัวของคนเห็นผีเอง สำหรับฉัน……..ฉันเห็นผีตั้งแต่เกิดไม่รู้ตัวเองว่าเห็นได้เพราะอะไร? แต่ที่แน่ๆ ฉันเห็นด้วยตาเนื้อ ( ตาเนื้อคือตาที่เห็นในปัจจุบันที่พวกคุณๆใช้ดูนั้นแหละ อธิบายเผื่อบางคนไม่รู้ ) ฉันอยู่ในโลกทับซ้อนตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กฉันพูดคุยอยู่คนเดียว (ในสายตาพี่น้อง) ซึ่งถามว่าฉันเล่นเหมือนเด็กกทั่วไปไหม…ฉันเล่นเหมือนเด็กทั่วไปเลยตามประสาเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เล่นกับพี่กับเพื่อนเล่นเหมือนกันหมด แต่เอนเอียงไปในทางพูดคุยคนเดียวมากกว่า จนเพื่อนๆและลูกพี่ลูกน้องว่าฉัน “บ้า” แต่พ่อและแม่ และผู้ใหญ่บอกว่าฉันเป็นเป็นคนมีจิตนาการ ตอนเด็กๆฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรคน อะไรผี ฉันก็เล่นตามปกติตามประสาเด็กบ้านนอกเล่นกัน แต่เพื่อนๆมักไม่ค่อยเล่นกับฉัน บอกฉันว่าบ้า ชอบคุยอยู่คนเดียว ฉันก็ไม่สนใจคำพูดพวกนั้นเพราะคิดว่าอย่างน้อยฉันยังมีเพื่อนอีกกลุ่มที่มาเล่นกับฉัน ฉันจะง้อพวกเขาทำไม นั้นแหละเป็นสิ่งแปลกของเพื่อนในวัยเดียวกัน และเป็นเด็กที่มีจิตนาการสำหรับผู้ใหญ่ พอมานึกถึงตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันพิเศษตั้งแต่เด็ก เอาล่ะคุณก็รู้จักฉันมานิดหน่อยแล้วล่ะสิ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าการเห็นผีของฉันให้พวกคุณอ่านอย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนล่ะ