กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

เบญจอาฆาต - ตอนที่ 6 โดนของ โดย Cherplisorn @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เบญจอาฆาต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

เบญจอาฆาต โดย Cherplisorn @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

ผู้แต่ง

Cherplisorn

เรื่องย่อ

มาวิน ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่กำลังเผชิญกับอาถรรพ์เบญจเพส เวรกรรมที่เคยทำไว้ในอดีตชาติถึงคราวที่ต้องชดใช้ เจ้ากรรมนายเวรกำลังตามทวงแค้น แม้ในยามนอนก็ไม่อาจข่มตาลงได้

     จนได้พบกับพ่อหมอจอม หรือจอมทัพ สัปเหร่อผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เชี่ยวชาญทั้งไสยดำและไสยขาว


      หนึ่งคนกำลังถูกบางอย่างตามรังควาน อีกหนึ่งคนคอยปกป้องเขาจากสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อกรรมที่เคยกระทำเริ่มทำงาน จุดจบที่มันต้องการมีเพียง 'ความตาย'




———————————————-

     📌 สวัสดีรี้ดเดอร์ทุกท่านค่ะ ไรต์เป็นนักเขียนมือใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ของไรต์ และเป็นเรื่องแรกสำหรับแนว ชช 

     หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบและสนุกไปกับผลงานของไรต์นะคะ


    📌 ท้ายนี้ หากรี้ดเดอร์ท่านไหนอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถคอมเม้นท์พูดคุยแนะนำกันได้นะคะ ไรต์จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ 😁


     📌 ฝากติดตามด้วยนะคะ ❤️


———————————————-


             ⚠️ คำเตือน ⚠️


☑️ มีการบรรยายฉากสะเทือนขวัญ


☑️ มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรง


☑️ มีการใช้คำหยาบคายของตัวละคร


นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งและมีการบรรยายเนื้อหารุนแรงในบางช่วงบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ








นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด





สารบัญ

เบญจอาฆาต-ตอนที่ 1 คืนผวา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 2 สัปเหร่อจอม,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 3 เดินทาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 4 ค้างคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 5 ไผ่,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 6 โดนของ,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 7 ดวงตาปริศนา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 8 ห้ามทัก ห้ามขานรับในยามค่ำคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 9 สวนยาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 10 ป่าช้า,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 11 วิ่ง!!!,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 12 คำเตือนจากพ่อหมอ

เนื้อหา

ตอนที่ 6 โดนของ


“พวกคุณเป็นใคร” ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยถาม


“เราเป็นเพื่อนไอ้ไผ่น่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร แล้วเพื่อนผมอยู่ข้างในรึเปล่าครับ” มาวินตอบ สายตามองสำรวจคนตรงหน้าที่ดูยังไงก็ไม่คุ้นหน้าและไม่ใช่ ‘ฝ้าย’ แฟนมันแน่นอน


“ไผ่ไม่สบายอยู่น่ะ กำลังพักผ่อนเชิญพวกคุณช่วยกลับไปก่อน” เธอพูดเสียงแข็งขึ้นอย่างไม่พอใจ


มาวินขมวดคิ้วกำลังจะเอ่ยปาก เต้ก็พูดขึ้นมาก่อน


“มันเป็นอะไร”


“ไม่มีอะไร พวกคุณกลับไปเถอะ”


“คุณบอกว่ามันไม่สบาย งั้นคุณพอจะบอกได้ไหมว่ามันเป็นอะไร พวกเราติดต่อมันไม่ได้ แม่มันก็เป็นห่วง”


“ไม่สบายนิดหน่อย ไว้ไผ่อาการดีขึ้นฉันจะให้เขาติดต่อไปแล้วกัน”


“ไม่สบายนิดหน่อยถึงกับขาดการติดต่อไปเลยเนี่ยนะ แม่มันโทรมาก็ไม่ยอมรับสาย ตกลงมันเป็นอะไรกันแน่” เต้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง


“บอกว่าไม่มีก็คือไม่มี ออกไปได้แล้วไม่งั้นฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุกเพราะพวกคุณเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต”


“หืม?” มาวินเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งยืนจ้องหน้าเธอเขม็ง แบบนี้มีพิรุธชัดๆ เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็วตั้งใจจะผลักประตูเข้าไปหาเพื่อน


“นี่! ฉันบอกให้ออกไปไง!” เธอตวาดเสียงดังพร้อมกับพยายามผลักมาวินออก


มาวินที่ไม่พอใจอยู่ก่อนแล้วเมื่อโดนแบบนั้นจึงผลักเธอกลับคืนจนร่างเธอเซถอยหลังดันประตูเข้าไปด้านใน เผยให้เห็นร่างๆ หนึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางเหม่อลอยไร้สติ มาวินผลักเธอออกอย่างแรงแล้วรีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อน


“ไอ้ไผ่!”


ทุกคนที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตูรีบวิ่งกรูกันเข้ามาดูเพื่อนที่ตอนนี้มีสภาพผอมโซ ใบหน้าทรุดโทรมขอบตาดำคล้ำ


“ทำไมเป็นแบบนี้ มันเป็นอะไรวะ” เต้พูดขึ้นอย่างตกใจที่เห็นสภาพเพื่อนของตัวเอง


“กูว่าพามันไปหาหมอเถอะ” บอสหันไปบอกทุกคนเมื่อเห็นไผ่เอาแต่เหม่อมองเพดาน ท่าทางเหมือนคนอ่อนแรง


“อือ จะพากูไปไหน” เสียงคนที่กำลังโดนหิ้วปีกเอ่ยขึ้นมา


“มึงเป็นอะไรไอ้ไผ่ทำไมเป็นแบบนี้วะ” เต้เอ่ยขึ้น ยังไม่ทันที่ไผ่จะได้ตอบอะไรผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในห้องก็รีบถลาเขามาฉุดดึงเพื่อนของพวกเขา


“พวกแกจะทำอะไร!” เธอตวาดเสียงดังพยายามยื้อแย่งตัวคน


“เราจะพามันไปหาหมอ คุณไม่เห็นเหรอว่าสภาพมันใกล้ตายขนาดนี้ ยังจะมาขวางอีก” มาวินพูด ผู้หญิงคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ เพื่อนเขาป่วยขนาดนี้ยังไม่ยอมพาไปหาหมอแถมยังมาขัดขวางพวกเขาอีก


“ไม่ต้องมายุ่ง!” ผู้หญิงคนนั้นพยายามผลักพวกเขาออก ต่างคนต่างยื้อแย่งกันจนชุลมุนวุ่นวาย


“ถอยไป!” มาวินตวาดเสียงดังแล้วผลักร่างเธอล้มลงไปนอนกองกับพื้น ก่อนจะแบกเพื่อนที่ตอนนี้สภาพราวกับคนป่วยใกล้ตายออกจากห้อง ทุกคนวิ่งตามออกไป นนท์ที่ออกจากห้องคนสุดท้ายก็เอาเชือกที่เห็นอยู่ไม่ไกลมาคล้องประตูห้อง มัดไว้จนแน่นหนาแล้วรีบวิ่งตามลงไป


กำลังจะพ้นจากตัวบ้านไผ่ก็ตะโกนโวยวายขึ้นมาราวกับคนบ้า


“จะพากูไปไหน กูไม่ไป ปล่อยกู!” ไผ่ร้องโวยวายขึ้นมา


“ไม่ไปเหี้ยอะไรสภาพมึงอย่างกับซากศพ” เต้พูดขึ้นก่อนจะช่วยกันจับเพื่อนยัดเข้าไปในรถแล้วรีบบึ่งรถออกไปยังโรงพยาบาลทันที




ระหว่างทางไผ่ก็พยายามดิ้นและโวยวายไม่หยุด


“มึงหุบปากดิ หูกูจะแตกแล้วเนี่ย รถก็ติดจังวะ” บอสพูดจบก็เอามืออุดปากเพื่อน


“หรือมันจะผีเข้าวะมึง กูไม่เคยเห็นคนป่วยมีอาการเหมือนมันสักคน” นนท์ผู้ชื่นชอบเรื่องลี้ลับเป็นชีวิตจิตใจเอ่ยขึ้นมา


“ผีเข้าเหรอ มึงเจอกู!” พูดจบมาวินก็ถอดตะกรุดที่คอตัวเองสวมลงไปที่คอของไผ่


ทันใดนั้นคนที่กำลังดิ้นร้องโวยวายอยู่ก็พลันกรีดร้องเสียงดัง เสียงนั้นฟังดูคล้ายกับเสียงของผู้หญิงจนทุกคนตกตะลึงกันไปตามๆ กัน


“เชี่ย! แม่งโดนผีเข้าจริงๆ เหรอวะ” มาวินร้องขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ต่างคนต่างพูดอะไรไม่ออกเพราะไม่แน่ใจว่าที่เพื่อนพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือพวกเขาคิดกันไปเอง


“พ่อหมอ” อยู่ๆ นนท์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง


มาวินหันไปมองเพื่อนทันที


“มึงว่ามันผีเข้าจริงๆ เหรอวะ” เต้เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น


“กูว่าใช่ ไม่ผีเข้าก็โดนของ มึงคิดดู มันขาดการติดต่อจนพวกเราไปหาที่บ้านแล้วเจอมันอยู่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้แถมผู้หญิงคนนั้นยังทำเหมือนไม่อยากให้พวกเราเจอมันอีก บอกว่ามันป่วยแต่ไม่ยอมให้พวกเราพาไปหาหมอ พอออกจากบ้านมันก็เอาแต่แหกปากโวยวายไม่หยุด แถมสภาพมันโทรมอย่างกับศพเดินได้แบบนี้ไม่ให้กูคิดว่ามันผีเข้าจะให้คิดว่าไงล่ะ”


“มันอาจจะเป็นโรคอะไรที่พวกเราไม่รู้ก็ได้ รอให้หมอตรวจดูก่อนเถอะ” บอสพูดขึ้นมา




ในที่สุดทั้งสี่คนก็ฝ่ารถติดพาเพื่อนมาถึงโรงพยาบาลจนได้แล้วช่วยกันหิ้วปีกเพื่อนที่กำลังร้องโวยวายเข้าไปตรวจ กว่าจะจับเข้าห้องตรวจได้ก็ทำเอาทุกคนเหนื่อยหอบไปตามๆ กัน


ผ่านไปสักพักใหญ่หมอก็เปิดประตูออกมา ผลตรวจบอกแค่ว่ามันอ่อนเพลียร่างกายขาดสารอาหารอย่างหนัก หมอให้น้ำเกลือและให้นอนดูอาการอีกทีถ้าไม่มีอะไรร้ายแรงก็จะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน พูดจบหมอก็เดินไปตรวจคนไข้คนอื่นๆ ต่อ ทุกคนหันมองหน้ากันไปมา


“พวกมึงกลับไปพักกันก่อนเถอะ กูจะอยู่ดูมันเองพรุ่งนี้ค่อยมาผลัดกันเฝ้ามันอีกที” เต้รับอาสาเฝ้าเพื่อนเป็นคนแรก


“เดี๋ยวกูอยู่กับไอ้เต้เอง มึงกับไอ้นนท์ค่อยมาพรุ่งนี้เช้า”


“เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้กูมีนัดถ่ายแบบให้พี่ต่ายคงจะเข้ามาช่วงบ่าย ให้ไอ้นนท์มาก่อนก็แล้วกัน” ทุกคนพยักหน้าเป็นอันตกลงก่อนจะแยกย้ายกันไป






“สวัสดีครับพี่ไม้ วันนี้มาเร็วจังครับ มาถึงก่อนผมอีก” มาวินยกมือไหว้ทักทายตากล้องตามปกติ เขาพอจะรับรู้ได้ว่าอีกคนพยายามเข้าหาเขาด้วยจุดประสงค์อะไร เพียงแต่เขาไม่ได้ชอบผู้ชายจึงวางตัวปกติมาโดยตลอด


“พี่มาทำธุระแถวนี้พอดีน่ะ แล้วนี่เราทานข้าวมาหรือยัง พี่มีขนมมาฝาก” พี่ไม้ยื่นขนมให้เขา


“ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวผมค่อยกินทีหลัง พอดีเพิ่งกินข้าวมายังอิ่มอยู่เลยครับ” มาวินรับมาแล้วยัดลงในกระเป๋าสะพาย


“ครับ ขนมนี่เก็บไว้ได้หลายวันเอาไว้กินวันหลังก็ได้แต่อย่าลืมล่ะ ไม่งั้นพี่เสียใจแย่” ไม้ยิ้มเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าร้าน


“ช่างแต่งหน้ามาพอดีเลย น้องวินเข้าไปแต่งตัวเถอะ”


” ครับ” พูดจบมาวินก็เดินตามพี่ๆ ช่างแต่งหน้าเข้าไปในห้องแต่งตัว


“แหม ยืนคุยอะไรกันคะ กระหนุงกระหนิงเชียว” พี่ช่างแต่งหน้าที่เป็นผู้ชายหัวใจสาวน้อยเอ่ยแซว


มาวินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ย


“คุยกันปกตินี่แหละครับ พอดีพี่เขาเอาขนมมาฝากน่ะ” มาวินตอบ ดูยังไงกระหนุงกระหนิงวะ เขาคิดแล้วหัวเราะในใจ


“ผีเห็นผีค่ะคุณน้อง พี่ดูออก สายตาเค้ามองน้องมาวินหวานเยิ้มเสียขนาดนั้น” ช่างแต่งหน้ายังคงพูดต่อ มาวินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบผู้ชาย มันต้องสาวๆ สวยๆ หน้าอกบึ้มๆ ขยำเต็มไม้เต็มมือ


มาวินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขายิ้มเล็กน้อยเป็นมารยาทเท่านั้น แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยกับช่างทั้งสองคน


แต่งตัวเสร็จมาวินก็เดินออกไปยืนรอทีมงานด้านนอก เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มถ่ายกันทันที


ขณะกำลังจะไปเปลี่ยนชุดก็ได้ยินเสียงไม้เอ่ยขึ้น


“น้องมาวินครับ”


มาวินหันไปตามเสียงเรียก


“เที่ยงแล้วเราไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ พี่เห็นร้านอาหารอยู่ข้างๆ คนเยอะคงจะอร่อยน่าดู”


“เอาไว้วันหลังแล้วกันนะครับ พอดีผมมีธุระต้องรีบไป ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกไปทันที


ไม้มองตามมาวินไปอย่างไม่ละสายตา แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองที่โดนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน แววตาแฝงประกายบางอย่างที่ไม่คาดคิด




มาถึงโรงพยาบาลมาวินก็เดินตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยที่เพื่อนอยู่ เขาเคาะประตูเบาๆ แล้วผลักเข้าไปทันที


“มันเป็นยังไงบ้าง” เขาเอ่ยถามเต้ที่นั่งกินผลไม้อยู่บนโซฟา


เจ้าตัวนิ่งไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


“เมื่อเช้าพยาบาลเข้ามาเช็ดตัวให้มันแล้วถอดตะกรุดออก” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย


“มันแหกปากร้องโวยวายเรียกชื่อผู้หญิงคนหนึ่ง พยายามจะออกไปท่าเดียว กูคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เราเจอ”


“หมอได้ตรวจอะไรเพิ่มเติมไหม” มาวินถามต่อ


“ตรวจแล้ว ผลออกมาเหมือนเดิม” นนท์กล่าว


“กูว่าเราลองพามันไปหาพ่อหมอเถอะว่ะ ที่รู้มาคนที่โดนคุณไสยแล้วแก้ไม่ทันส่วนใหญ่จะไม่รอด กูไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่กูคิดจริงๆ รึเปล่า แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วแก้ไม่ทันกูไม่อยากจะคิดต่อเลย และตอนนี้คนที่จะช่วยได้ที่กูพอจะนึกออกก็มีแค่พ่อหมอคนเดียว”


มาวินขมวดคิ้วแน่น


“ทุกคนเห็นด้วยกันหมดใช่ไหม” เขาหันมองเพื่อนทุกคน


“อืม กูก็ไม่รู้จะว่ายังไงหมอก็หาสาเหตุไม่เจอ ผลตรวจบอกแค่ว่ามันอ่อนเพลียนอกนั้นก็ไม่มีอะไร” บอสพูด


ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน


“งั้นก็ไป” พูดจบก็จัดการเอาตัวเพื่อนออกจากโรงพยาบาล


ไผ่ยังมีอาการขัดขืนปากร้องเรียกหาแต่ผู้หญิงคนนั้น นนท์และมาวินช่วยกันจับยัดเข้าไปในรถแล้วนั่งขนาบข้างทั้งสองฝั่ง เมื่อพร้อมแล้วเต้ก็สตาร์ทรถออกตัวมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางตามที่คุยกันไว้ทันที