กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

เบญจอาฆาต - ตอนที่ 8 ห้ามทัก ห้ามขานรับในยามค่ำคืน โดย Cherplisorn @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เบญจอาฆาต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

ผู้แต่ง

Cherplisorn

เรื่องย่อ

มาวิน ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่กำลังเผชิญกับอาถรรพ์เบญจเพส เวรกรรมที่เคยทำไว้ในอดีตชาติถึงคราวที่ต้องชดใช้ เจ้ากรรมนายเวรกำลังตามทวงแค้น แม้ในยามนอนก็ไม่อาจข่มตาลงได้

     จนได้พบกับพ่อหมอจอม หรือจอมทัพ สัปเหร่อผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เชี่ยวชาญทั้งไสยดำและไสยขาว


      หนึ่งคนกำลังถูกบางอย่างตามรังควาน อีกหนึ่งคนคอยปกป้องเขาจากสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อกรรมที่เคยกระทำเริ่มทำงาน จุดจบที่มันต้องการมีเพียง 'ความตาย'




———————————————-

     📌 สวัสดีรี้ดเดอร์ทุกท่านค่ะ ไรต์เป็นนักเขียนมือใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ของไรต์ และเป็นเรื่องแรกสำหรับแนว ชช 

     หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบและสนุกไปกับผลงานของไรต์นะคะ


    📌 ท้ายนี้ หากรี้ดเดอร์ท่านไหนอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถคอมเม้นท์พูดคุยแนะนำกันได้นะคะ ไรต์จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ 😁


     📌 ฝากติดตามด้วยนะคะ ❤️


———————————————-


             ⚠️ คำเตือน ⚠️


☑️ มีการบรรยายฉากสะเทือนขวัญ


☑️ มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรง


☑️ มีการใช้คำหยาบคายของตัวละคร


นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งและมีการบรรยายเนื้อหารุนแรงในบางช่วงบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ








นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด





สารบัญ

เบญจอาฆาต-ตอนที่ 1 คืนผวา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 2 สัปเหร่อจอม,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 3 เดินทาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 4 ค้างคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 5 ไผ่,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 6 โดนของ,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 7 ดวงตาปริศนา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 8 ห้ามทัก ห้ามขานรับในยามค่ำคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 9 สวนยาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 10 ป่าช้า,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 11 วิ่ง!!!,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 12 คำเตือนจากพ่อหมอ

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ห้ามทัก ห้ามขานรับในยามค่ำคืน


ทั้งสี่คนนั่งคุยกันได้สักพักกล้าก็เดินเข้ามา


“อิ่มกันแล้วใช่ไหมครับ ผมมาเอาจานไปเก็บ”


“ครับ มา เดี๋ยวพวกพี่ช่วย” บอสพูดจบก็เข้าไปช่วยกล้าเก็บจาน


“พวกพี่รีบอาบน้ำเข้านอนนะครับ แล้วก็ตอนกลางคืนได้ยินเสียงอะไรห้ามทักห้ามขานรับ ห้ามออกไปจากห้องเด็ดขาด ที่นี่ไม่มีคนที่พวกพี่รู้จักนอกจากคนที่มาด้วยกัน แล้วก็ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกผมได้ห้องผมอยู่ข้างๆ นี่เอง พวกพี่พักผ่อนกันตามสบายเลยครับ” พูดจบกล้าก็ยกจานออกไป ทุกคนมองหน้ากันไปมาก่อนที่นนท์และบอสจะรีบยกของเดินตามออกไป


“กูอาบน้ำก่อนแล้วกัน” เต้พูดจบก็หยิบผ้าที่กล้าเตรียมไว้ให้เข้าไปอาบน้ำ คนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ทยอยต่อคิวอาบน้ำกันทีละคน




“พวกมึงว่าคืนนี้จะมีอะไรอีกไหมวะ” มาวินเอ่ยถามเพื่อนที่กำลังนอนเรียงรายกันอยู่


“อยู่ในบ้านหมอผีขนาดนี้ถ้ามันกล้ามาหลอกมึงก็เก่งเกินไปแล้ว” นนท์พูดขึ้น


“นอนเหอะ ได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามทักห้ามตอบตามที่กล้าบอกกันล่ะ” เต้พูดก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ


“เปิดไฟไว้ได้ไหมวะ” มาวินหันไปบอกเพื่อน


“มึงจะกลัวอะไรอยู่กันตั้งห้าคน”


‘มึงนับไอ้คนที่นอนสลบเป็นตายนั่นด้วยเหรอวะ’


มาวินนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด เสียงหริ่งหรีดเรไรร้องดังมาเป็นระยะ เขาหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วค่อยๆ หลับตาลง ไม่นานก็หลับสนิทไปตามๆ กัน




กลางดึกมาวินตื่นมาเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ขณะกำลังยืนฉี่อยู่ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากภายนอก เขาสะดุ้งโหยงพลันนึกถึงคำที่กล้ากำชับเอาไว้ รีบทำธุระให้เสร็จแล้ววิ่งพรวดพราดออกจากห้องน้ำตรงไปยังที่นอน หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงหลับตาปี๋


“วิน” น้ำเสียงยานครางเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ


มาวินตาเบิกโพลงขนหัวลุกตั้งขึ้นพร้อมกัน มือกำผ้าห่มแน่น หดขาขึ้นมานอนคุ้ดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มด้วยอาการสั่นเทา เสียงนั้นเหมือนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


‘ชิบหาย! อยู่ในบ้านหมอผีแท้ๆ ยังกล้ามาหลอกกูอีกเหรอวะ’


มาวินคิดอย่างตื่นตระหนก หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบจะหลุดออกมาให้ได้


“มาวิน” เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้งมาวินรีบพนมมือท่องบทสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ สีหน้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ


‘นะโมตัสสะๆๆ แล้วอะไรต่อวะ!’


“ไอ้วิน!” อยู่ๆ เจ้าของชื่อก็โดนถีบเข้าที่กลางแผ่นหลังอย่างจังก่อนที่ผ้าห่มของเขาจะถูกกระชากออก


“เป็นอะไรของมึง กูเรียกตั้งนาน” นนท์ลุกขึ้นมานั่งหน้ายู่บ่นเพื่อนน้ำเสียงงัวเงีย


มาวินหันขวับไปมองคนกระทำทันที


“โถ่ไอ้เหี้ย! กูตกใจหมด” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่มองเพื่อนตาเขียว


ไอ้เวรนี่!


“ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วมึงไม่ปิดไฟห้องน้ำอ่ะ แสงมันแยงตากูเนี่ย” นนท์พูด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นอย่างคนขัดใจ


“ไอ้ห่า เล่นเอาซะกูตกอกตกใจหมดนึกว่าผีที่ไหนมาเรียกกู ไอ้เวร” พูดจบก็ลุกขึ้นไปปิดไฟห้องน้ำแล้วกลับมานอนคลุมโปงด้วยความเร็วแสง เหลือเพียงลูกตาที่โผล่ออกมา


“กี่โมงแล้ววะ”


นนท์เอ่ยถามพลางควานหาโทรศัพท์


“ตี 4 เองเหรอ” พูดจบก็ลุกไปเปิดไฟเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมานอนต่อ


มาวินมองการกระทำของเพื่อน ‘แล้วจะให้กูปิดไฟทำเหี้ยอะไรวะ’


“นอนต่อเหอะ เพิ่งตี 4 เอง” มันพูดจบมันก็หลับไปทันที


มาวินนึกอยากจะถีบเพื่อนสักที เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเพื่อนตาขวาง ก่อนจะสะบัดหน้าใส่ไปหนึ่งทีแล้วนอนหันหลังให้ ไม่นานก็หลับไปเช่นกัน




เสียงไก่ขันดังมาจากด้านนอกเป็นระยะ ปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับอุตุภายใต้อากาศเย็นสบายรู้สึกตัวตื่น มาวินลืมตาขึ้นมาช้าๆ แสงสว่างจากภายนอกส่องผ่านบานหน้าต่างกระจกเข้ามา เขาเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ไปมา


“6 โมงครึ่ง” พึมพำกับตัวเองเสร็จก็หันไปมองเพื่อนที่ยังหลับอุตุอ้าปากหวอน้ำลายไหลยืด


“ทุเรศชิบหาย” พูดจบก็ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจสะบัดหัวไปมา เอามือตบต้นคอตัวเองก่อนจะลุกไปหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป


มาวินนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำเห็นเพื่อนยังหลับต่อก็ใช้เท้าสะกิดไปหลายทีด้วยความรัก


“พวกมึง ตื่น จะ 7 โมงแล้ว” เขาไล่ปลุกทุกคนที่พากันนอนหลับอ้าปากหวอจนแมลงวันน่าจะเข้าไปได้เป็นฝูงแล้ว


“อืออ” เต้งัวเงียเอามือขยี้ตา


“7 โมงแล้วเหรอวะ บ้านพ่อหมอหลับโคตรสบายเลย”


“กูอาบน้ำก่อน” พูดจบนนท์ก็ลุกขึ้นทันที


“ลุกๆ ตื่นได้แล้ว กูหิว” มาวินไล่เพื่อนไปอาบน้ำแล้วหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋ามาใส่ สักพักนนท์ก็ออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปสูดอากาศข้างนอก ปล่อยให้คนที่เหลืออาบน้ำกันต่อ


เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นพ่อหมอจอมนุ่งผ้าขาวม้ายืนจิบกาแฟอยู่ที่ชานบ้าน


“อรุณสวัสดิ์ครับพ่อหมอ” ทั้งสองคนเอ่ยทักเจ้าของบ้าน


จอมทัพหันมองคนที่เอ่ยเรียก


“อืม กาแฟกับน้ำร้อนวางอยู่ตรงนั้น” เขากล่าว มาวินจึงเดินไปชงกาแฟแล้วมานั่งกับจอมทัพ


“แล้ว..กล้าไปไหนครับ” นนท์เอ่ยถาม


“ทำกับข้าวอยู่ในครัว”


นนท์พยักหน้าก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน


“งั้นเดี๋ยวกูไปช่วยกล้าทำอาหาร มึงนั่งคุยกับพ่อหมอไปก่อน” พูดจบก็ลุกออกไปทันที


มาวินมองเพื่อนที่หนีเอาตัวรอดไปคนเดียว ก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้าแล้วเม้มปาก ‘จะให้คุยอะไรอ่ะ คุยเรื่องผีเหรอ’


“เอ่อ ขอบคุณพ่อหมอมากนะครับที่ช่วยเพื่อนผม แล้วไอ้ไผ่มันหายแล้วใช่ไหมครับ”


“อืม ครบ 7 วันก็กลับไปได้” จอมทัพตอบโดยไม่มองหน้า


“แล้วคนที่ทำของใส่มันล่ะครับ”


“ของมันย้อนเข้าตัว ไม่ตายก็เป็นบ้า”


มาวินนิ่งไปครู่หนึ่ง มองดูพ่อหมอหน้าดุที่ยืนดื่มกาแฟนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยหาเรื่องคุย


“เอ่อ แล้ววันนี้พ่อหมอมีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับ บอกมาได้เลย” มาอยู่กินข้าวกินน้ำเฉยๆ ก็เกรงใจ


“ไม่”


“อ่า ครับ”


เขาจบบทสนทนาแค่นั้น จังหวะเดียวกับที่กล้ากำลังถือของเดินเข้ามาพอดี มาวินจึงรีบเดินเข้าไปช่วย ไม่นานทุกคนก็ออกมานั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันปล่อยให้คนป่วยนอนอยู่ในห้องไปก่อน มีเพียงจอมทัพที่แยกไปกินคนเดียวในห้อง


“แล้วนี่เมื่อไหร่มันจะตื่นวะ” นนท์เอ่ยขึ้นมากลางวง


“คงอีกไม่นานครับ เขาอ่อนเพลียมาก กินข้าวเสร็จผมจะไปทำข้าวต้มไว้ให้”




มาวินนั่งคุยกับกล้าหน้าบ้าน ส่วนคนอื่นๆ ก็เข้าไปเฝ้าไผ่ที่ยังไม่ฟื้น ครู่หนึ่งก็เห็นพ่อหมอจอมที่แต่งตัวเหมือนกำลังจะไปทำงานเดินออกมาจากห้อง ด้วยความสงสัยเขาจึงเอ่ยถามเพื่อชวนคุย


“พ่อหมอจะไปทำงานเหรอครับ”


“อืม”


“พ่อหมอทำงานอย่างอื่นด้วยเหรอครับเนี่ย” นึกว่ายึดอาชีพหมอผีเป็นหลัก


“ไปวัด” จอมทัพตอบสั้นๆ


“หือ มีงานอะไรที่วัดเหรอครับ” มาวินเอ่ยถาม


หรือจะมีงานบุญอะไร ก็ดี เขาเองก็อยากทำบุญเหมือนกัน ช่วงนี้ยิ่งดวงไม่ดีอยู่ด้วย


“กูเป็นสัปเหร่อ” จอมทัพตอบนิ่งๆ คนถามถึงกับอึ้งไป


สัปเหร่อสมัยนี้เขาคัดหน้าตากันแล้วเหรอวะ


“อ้อ ครับ”




นั่งคุยกับกล้าอยู่พักใหญ่เขาก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ก็เห็นไผ่กำลังนั่งคุยอยู่กับคนอื่นๆ


“เป็นไงบ้างวะ”


“ดีขึ้นแล้ว” ไผ่ตอบ


“แล้วสรุปมึงกับฝ้ายเลิกกันแล้วเหรอวะ” เต้เอ่ยถาม


“อืม”


“เออๆ เอาเถอะ ช่วงนี้มึงก็อยู่รักษาตัวที่บ้านที่นี่ไปก่อน”


“แล้วงานของมึงล่ะ”


“กูว่าจะพักสักหน่อย อาจจะหาอะไรทำที่มันไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นฝ่ารถติดไปทำงานทุกเช้า”


“ก็ดี ตกงานคนเดียวกูเหงา” มาวินพูดจบก็หัวเราะเบาๆ เรามาอดไปด้วยกันเถอะเพื่อน


“งั้นพวกกูกลับก่อนนะเว้ย พรุ่งนี้ต้องทำงานว่ะ อาทิตย์หน้าจะมารับ” เต้กล่าว


“กูจะอยู่ที่นี่กับมันเอง อีกอย่างกูก็เอาตะกรุดให้มันไปแล้ว ขืนกลับไปมีหวังได้โดนผีตามมาบีบคอกูอีกอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยสุด” มาวินพูดไปก็พยักหน้าไป


“งั้นกูอยู่ด้วย” นนท์อาสาอยู่ดูแลเพื่อนด้วยอีกคน


“จะอยู่ที่นี่มึงขอเจ้าของบ้านเขาหรือยัง” บอสเอ่ยถาม


“พ่อหมอไม่อยู่ แต่คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง”


“แล้วแต่พวกมึงแล้วกัน งั้นพวกกูกลับละ ฝากลาพ่อหมอด้วยนะเว้ย ต้องรีบไปถึงก่อนค่ำ” เต้พูดจบก็เก็บข้าวของของตัวเอง


“เออๆ ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงแล้วโทรมาด้วย” 


“อืม ไปล่ะ” ร่ำลากันเสร็จทั้งสามคนก็เดินออกจากห้อง


“มึงกินข้าวก่อนจะได้มีแรง สภาพอย่างกับศพเดินได้” มาวินยกชามใส่ข้าวต้มที่กล้าเอามาให้ก่อนหน้านี้มาวางตรงหน้าเพื่อน




จอมทัพกลับเข้ามาในตอนค่ำ ทั้งสามคนจึงรีบเดินเข้าไปหา


“พ่อหมอ ขอบคุณมากครับที่ช่วยผม”


“อืม ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”


“ครับ”


“พวกนั้นฝากขอบคุณและฝากลาพ่อหมอด้วยครับ พวกมันต้องรีบกลับไปทำงาน ส่วนพวกผมสองคนขออยู่ดูแลเพื่อนจนกว่าจะกลับนะครับ” มาวินพูดขึ้นมา


“อืม” จอมทัพตอบแค่นั้นก่อนจะมองหน้าคนพูดนิ่งๆ เล่นเอาคนถูกมองถึงกับทำหน้าไม่ถูก


“ตะกรุดไปไหน” น้ำเสียงเรียบๆ ของจอมทัพเอ่ยถาม


“เอ่อ ผมให้เพื่อนไปน่ะครับ”


“ตามมา” พูดจบพ่อหมอหน้าดุก็เดินนำเข้าไปในห้องบูชา ก่อนจะหยิบตะกรุดที่วางอยู่บนพานยื่นให้มาวิน


เจ้าตัวยิ้มแฉ่ง หน้าบานเป็นจานเชิงอวดฟันครบ 32 ซี่ เขาคิดทั้งวันว่าจะเอ่ยขอยังไงดี ว่าก็ว่าเถอะ ตั้งแต่สวมตะกรุดของพ่อหมอเขาก็ไม่โดนผีหลอกอีกเลย สุดยอดเครื่องของขลังจริงๆ


“ขอบคุณครับ” มาวินยื่นมือไปรับแล้วสวมลงไปทันที แล้วยกมือขึ้นมาพนมทำปากขมุบขมิบ


“รักษาไว้ดีๆ”


“แน่นอน ผมจะรักษาตะกรุดเส้นนี้เท่าชีวิตเลยครับ!” เขาทำสีหน้าจริงจังรับปากอย่างหนักแน่น


ยันต์คุ้มภัยระดับ S เชียวนะ! ผีห่าซาตานที่ไหนก็ไม่กล้าเข้าใกล้