กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

เบญจอาฆาต - ตอนที่ 10 ป่าช้า โดย Cherplisorn @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เบญจอาฆาต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

เบญจอาฆาต โดย Cherplisorn @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

ผู้แต่ง

Cherplisorn

เรื่องย่อ

มาวิน ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่กำลังเผชิญกับอาถรรพ์เบญจเพส เวรกรรมที่เคยทำไว้ในอดีตชาติถึงคราวที่ต้องชดใช้ เจ้ากรรมนายเวรกำลังตามทวงแค้น แม้ในยามนอนก็ไม่อาจข่มตาลงได้

     จนได้พบกับพ่อหมอจอม หรือจอมทัพ สัปเหร่อผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เชี่ยวชาญทั้งไสยดำและไสยขาว


      หนึ่งคนกำลังถูกบางอย่างตามรังควาน อีกหนึ่งคนคอยปกป้องเขาจากสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อกรรมที่เคยกระทำเริ่มทำงาน จุดจบที่มันต้องการมีเพียง 'ความตาย'




———————————————-

     📌 สวัสดีรี้ดเดอร์ทุกท่านค่ะ ไรต์เป็นนักเขียนมือใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ของไรต์ และเป็นเรื่องแรกสำหรับแนว ชช 

     หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบและสนุกไปกับผลงานของไรต์นะคะ


    📌 ท้ายนี้ หากรี้ดเดอร์ท่านไหนอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถคอมเม้นท์พูดคุยแนะนำกันได้นะคะ ไรต์จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ 😁


     📌 ฝากติดตามด้วยนะคะ ❤️


———————————————-


             ⚠️ คำเตือน ⚠️


☑️ มีการบรรยายฉากสะเทือนขวัญ


☑️ มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรง


☑️ มีการใช้คำหยาบคายของตัวละคร


นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งและมีการบรรยายเนื้อหารุนแรงในบางช่วงบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ








นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด





สารบัญ

เบญจอาฆาต-ตอนที่ 1 คืนผวา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 2 สัปเหร่อจอม,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 3 เดินทาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 4 ค้างคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 5 ไผ่,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 6 โดนของ,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 7 ดวงตาปริศนา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 8 ห้ามทัก ห้ามขานรับในยามค่ำคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 9 สวนยาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 10 ป่าช้า,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 11 วิ่ง!!!,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 12 คำเตือนจากพ่อหมอ

เนื้อหา

ตอนที่ 10 ป่าช้า


“พ่อหมอ! รอด้วย” นนท์ตะโกนเรียกเสียงดังตามไฟท้ายรถของพ่อหมอที่เห็นอยู่ไกลลิบ


“ไอ้นนท์! มึงหยุดเลย อยากไปมึงไปคนเดียว!” มาวินพูดพลางแกะแขนเพื่อนออก แล้วรีบยึดเกาะเสาบ้านไว้แน่น


“ไม่ ไปไหนไปกัน มึงจะทิ้งให้กูไปคนเดียวจริงๆ เหรอ มึงจะทิ้งเพื่อนเหรอ”


“ก็เพื่อนแม่งจะพากูไปเจอผีอ่ะไอ้เหี้ย” มาวินทำหน้าราวกับจะร้องไห้กอดเสาแน่นจนแทบจะสิงเข้าไป


“มึง พ่อหมอไปกับกล้าแค่สองคน แล้วถ้าเกิดไม่ใช่ไปปราบผีอย่างที่กูคิดแต่เป็นเรื่องอื่นล่ะ มึงบอกว่าพ่อหมอท่าทางรีบร้อนไม่ใช่เหรอวะ เกิดฝ่ายนั้นมีกันหลายคนแล้วพ่อหมอเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง ตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะเว้ย มาอยู่บ้านเขามีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันสิวะ” นนท์ทำสีหน้าจริงจังพยายามพูดโน้มน้าวเพื่อน


‘เหรอวะ ทำไมกูไม่เห็นรู้ว่าจะต้องไปช่วยหมอผีปราบผี’


“แล้วไอ้ไผ่ล่ะ มึงจะปล่อยให้มันอยู่คนเดียวรึไง”


“กูพร้อมแล้ว”


มาวินหันขวับไปตามเสียง เห็นไผ่สะพายกระเป๋าออกมาพร้อมกับไฟฉายในมือก็ถึงกับพูดไม่ออก


“ไอ้ไผ่ มึงไม่สบายไม่นอนพักอ่ะ”


“กูหายแล้ว ไป อย่าลีลา” พูดจบไผ่ก็งัดเพื่อนออกจากเสาแล้วหิ้วปีกออกไปหน้าบ้าน


“พวกมึงก็ไปกันสองคนสิวะ กูอยู่เฝ้าบ้านให้พ่อหมอเอง”


“ไม่ได้ กูบอกแล้ว ไปไหนไปกัน เพื่อนกันจนวันตาย”


กูจะตัดเพื่อนกับมึงตอนนี้เลย


“เออๆ แล้วจะไปกันยังไง อย่าบอกนะว่าจะเดินไป” มาวินรู้จักเพื่อนตัวเองดี ไอ้นนท์ชอบเรื่องลี้ลับ ไอ้ไผ่ชอบความท้าทายทั้งสองคนจึงไปด้วยกันได้ แต่เขาไม่ใช่


ไผ่วิ่งไปยังมุมข้างบ้าน ครู่หนึ่งก็เห็นมันเข็นรถพ่วงข้างออกมาตามด้วยไอ้นนท์ช่วยดันอยู่ท้ายรถแล้วเอ่ยเร่งมาวิน


“เร็วไอ้วิน เดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอก”


“มึงขับเป็นเหรอวะไอ้ไผ่”


“มันก็เหมือนๆ มอเตอร์ไซทั่วไปนั่นแหละ อย่าลืมว่ากูมันคนลูกทุ่ง เลือดอีสานไหลเวียนอยู่ในตัวเต็มเปี่ยม เร็ว” ไผ่เอ่ยเร่งอีกครั้ง มาวินจึงรีบขึ้นไปนั่งด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วรถก็พุ่งตัวออกไปทันที


“เฮ้ยๆๆ!! มึงไหวป่ะเนี่ย กูยังไม่อยากตายนะเว้ย” มาวินตะโกนโหวกเหวกโวยวายเมื่อเพื่อนของเขาเกือบจะพาลงข้างทางหลายครั้ง


“เห็นรถพ่อหมอแล้ว มึงเกาะแน่นๆ” ไผ่ไม่สนใจเพื่อนด้านหลัง เขาแนบลำตัวลงไปกับเบาะบิดคันเร่งมิดไมล์รถพุ่งตัวออกไปจนแทบจะเหาะ


“ไอ้ไผ่! ไอ้เหี้ย!!!” มาวินแหกปากตะโกนไปจนสุดทาง มือกอดเอวเพื่อนไว้แน่นเพราะรถส่ายไปมาแถมมันยังบิดไม่ยั้ง




ไผ่ขับตามไปจนถึงชายป่าเห็นรถพ่อหมอจอดอยู่เลยเข้าไปจอดเทียบข้างๆ แล้วรีบลากแขนมาวินเดินตามหลังกล้าที่เห็นอยู่ไวๆ เข้าไปข้างใน


“พ่อหมอมาทำอะไรที่นี่กลางดึกวะ” มาวินพูดอย่างสงสัย


“ไม่รู้ว่ะ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ” นนท์กล่าว


“เหมือนกูจะเห็นพ่อหมอกับกล้าเดินไปทางนั้น ดูรีบๆ ด้วย” ไผ่พูดขึ้นมาก่อนจะเดินนำทั้งสองคนไป


มาวินเดินอยู่ตรงกลางเกาะแขนเพื่อนคนละข้างไว้แน่น ทั้งสามคนเดินเรื่องหน้ากระดานเข้าไปตามทางที่ไผ่เห็นกล้าเดินเข้าไป




ภายในป่าช้าหน้าหลุมศพของผีตายทั้งกลมที่เพิ่งนำมาฝังเมื่อ 3 วันก่อน ลูกศิษย์หมอผีกำลังรื้อหนามพุทราบนหลุมศพที่หมอผีอ่ำคลายมนต์สะกดออกเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงโยงสายสิญจน์ล้อมรอบหลุมศพเป็นสีเหลี่ยม นำผ้าแปดผืนแขวนไว้แปดทิศ แล้วเข้ามานั่งในวงล้อมสายสิญจน์ที่ทำไว้ บรรยากาศเย็นยะเยือกจนพวกมันต้องรีบยกมือมาลูบขนแขนที่กำลังลุกตั้งขึ้นพร้อมกัน


ชายร่างผอมไว้หนวดขาวยาวเฟื้อย หัวล้านครึ่งศรีษะอายุราว 50 ปีนั่งอยู่กลางวงล้อมสายสิญจน์หันหน้าเข้าหาหลุมศพ เบื้องหน้ามีม้วนสายสิญจน์ ขันน้ำมนต์ที่มีน้ำมนต์อยู่เกือบเต็มขัน มีด ข้าวสารเสก ไม้ตะพด เทียน ขี้ผึ้ง ถ้วยกระเบื้องที่เตรียมไว้รองน้ำมันที่ได้จากศพ


หมอผีอ่ำใช้มีดหมออาคมของตนค่อยๆ งัดฝาโลงทั้ง 8 ทิศ แล้วให้ลูกศิษย์ไปอยู่วงล้อมสายสิญจน์อีกวง เมื่องัดเปิดฝาโลงออกกลิ่นเน่าเหม็นของซากอสุภะที่กำลังขึ้นอืดกระจายตลบไปทั่วอาณาบริเวณ เสี้ยววินาทีนั้นเสียงหวีดร้องแหลมเย็นยะเยือกก็ดังโหยหวนไปทั่วป่าช้า ร่างที่อยู่ในโลงพลันทะลึ่งตัวพรวดขึ้นไปสูงลิบทันทีที่ฝาโลงเปิดออก


หมอผีอ่ำนั่งลงบริกรรมคาถาอยู่หน้าร่างสูงลิ่วนั้นไปเรื่อยๆ จนวิญญาณผีตายทั้งกลมอ่อนกำลังลงแล้วหดตัวลงมานั่งประจัญหน้ากัน เมื่อเห็นว่าผีตรงหน้าสงบลงแล้วจึงตัดด้ายตราสังที่มัดข้อมือออก บอกกล่าวขอเอาน้ำมันพราย แล้วจึงทำเทียนอาคมขนาดยาว 1 ศอกที่จะใช้ลนทันที เสียงสวดบริกรรมคาถาสะกดวิญญาณดังอย่างต่อเนื่อง เสร็จแล้วจึงนำไปลนตรงที่ใต้คางผีตนนั้น ขณะที่กำลังใช้ถ้วยกระเบื้องรองรับน้ำมันที่เพิ่งได้เพียง 3-4 หยดก็โดนขัดขวางจนพิธีแตก




จอมทัพที่มาถึงเห็นหมอผีอ่ำกำลังลนเอาน้ำมันจากผีตายทั้งกลมจึงใช้อาคมขัดขวางแล้วบริกรรมคาถาต่อจนเกิดเป็นเชือกอาคมสีแดงลอยไปรัดร่างวิญญาณตนนั้นที่กำลังจะอาละวาด


“ไอ้จอม!” หมอผีอ่ำตวาดเสียงกร้าวด้วยความโกรธเกรี้ยว ยกมือขึ้นบริกรรมคาถาเรียกฝูงต่อแตนนับร้อยออกมา แล้วสั่งให้พุ่งเข้าทำร้ายจอมทัพ


จอมทัพไม่รอช้า หลับตายกมือพนมขึ้นกลางอกบริกรรมคาถาแล้วเป่าพ่นเข้าใส่ฝูงต่ออาคมจนมอดไหม้สลายหายไปในพริบตา หมอผีอ่ำหยิบควายธนูขึ้นมาแล้วสวดคาถาปลุกเสก โยนออกไปเบื้องหน้า เสียงคำรามของสัตว์อาคมดังก้องไปทั่วป่าช้า


จอมทัพก็นำควายธนูของตนออกมาเช่นกัน เสียงต่อสู้ของสัตว์อาคมดังสะเทือนไปทั่วบริเวณ เหล่าสัมภเวสีในป่าช้าต่างพากันหลีกหนีการต่อสู้ของจอมอาคมทั้งสองออกไปไกลด้วยความรวดเร็ว


“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” หมอผีอ่ำคำรามลั่นด้วยความโกรธจัด เมื่อสัตว์อาคมของตนพ่ายแพ้ เขาตวาดกร้าว


“วันนี้มึงกับกูต้องตายกันไปข้างหนึ่ง เป็นแค่สัปเหร่อกระจอกๆ ริอาจมาขัดขวางพิธีของกูครั้งแล้วครั้งเล่า ไอ้เด็กเวร กูจะสั่งสอนมึงแทนพ่อมึงเอง!” พูดจบก็หยิบหุ่นปั้นรูปคนในย่ามออกมาบริกรรมคาถาโยนไปตรงหน้าอีกครั้ง กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากหุ่นดินปั้นก่อเกิดเป็นดวงวิญญาณมากมายพุ่งเข้าใส่จอมทัพ


จอมทัพหยิบมีดหมออาคมออกมาบริกรรมคาถาแล้วเหวี่ยงเข้าใส่กลุ่มวิญญาณร้ายเหล่านั้น พลังอำนาจของมีดหมออาคมที่ถูกปลุกเสกโดยจอมขมังเวทผู้เป็นอาจารย์และผ่านพิธีกรรมต่างๆ มามากมาย เพียงตวัดมีดออกไปครั้งเดียวพลังอาคมอันเข้มขลังก็ปะทะเข้ากับร่างของเหล่าสัมภเวสีที่เป็นบริวารของหมอผีอ่ำ เพลิงอาคมลุกโชนแผดเผาร่างของพวกมันในทันที เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังโหยหวนก้องไปทั่วป่าช้า ก่อนที่ดวงวิญญาณเหล่านั้นจะสลายหายไป


หมอผีอ่ำที่เห็นว่าบริวารของตนโดนอาคมของจอมทัพจนสลายหายไป โทสะของเขาก็พุ่งสูงขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ พนมมือสวดบริกรรมคาถาปลุกโหงพรายออกมา ทันใดนั้นร่างของมันก็ปรากฏตัวขึ้นและเตรียมพุ่งเข้าใส่จอมทัพตามคำสั่ง


จอมทัพยืนปักหลักอย่างมั่นคง สายตาแน่วแน่มองจ้องไปยังโหงพรายตนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว เขาหลับตาพนมมือขึ้นกลางอกบริกรรมคาถาเรียกเชือกอาคมสีแดงเพลิงออกมา ก่อนจะส่งเชือกอาคมพุ่งเข้าตรึงร่างของโหงพรายตนนั้นได้ทันท่วงทีก่อนที่มันจะเข้าถึงตัว มีดหมอที่อยู่ในมือถูกยกขึ้นมาจรดกลางอก สวดบริกรรมคาถาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทรงพลังแล้วเหวี่ยงมีดเข้าใส่โหงพรายตนนั้นอย่างสุดแรง


เสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดผสมกับความโกรธแค้น ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปยังคนที่ทำร้ายมันอย่างเดือดดาล มันดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางอากาศพร้อมกับแผดเสียงร้องหวีดแหลมดังก้องไปทั่วป่าช้าก่อนที่ร่างของมันจะอันตรธานหายกลับเข้าไปในย่ามของหมอผีอ่ำ




“หยุดเถอะโยมอ่ำ หยุดทำบาปหยุดสร้างเวรสร้างกรรมเสียเถิด” หลวงตามิ่งที่เดินออกมาจากมุมหนึ่งกล่าวขึ้น


หมอผีอ่ำเห็นหลวงตามิ่งเดินเข้ามาจึงหันไปกล่าว


“นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ หลวงตาไม่ต้องมายุ่ง!” หมอผีอ่ำพูดจบก็หันไปชี้หน้าจอมทัพแล้วกล่าวด้วยสีหน้าโกรธจัด


“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” หมอผีอ่ำโกรธจนหน้าดำหน้าแดงยกมือขึ้นชี้หน้าจอมทัพ


เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว


จอมทัพทำเพียงยืนมองด้วยสีหน้าดุดัน ดวงตาคมปลาบจ้องมองตามร่างหมอผีอ่ำที่กำลังวิ่งหนีหายไปในความมืด




“หลวงตา” จอมทัพนั่งลงพนมมือไหว้หลวงตา


“โยมสองคนช่วยอาตมาเอาดินกลบหลุมศพที” หลวงตามิ่งกล่าวจบก็นั่งลงสวดมนต์ให้วิญญาณผีตายทั้งกลมที่ถูกคาถาของจอมทัพตรึงเอาไว้และแผ่เมตตาให้วิญญาณตนนี้


“พักเถอะโยม อาตมาสัญญาว่าจะคอยดูแลไม่ให้ใครเข้ามารบกวนอีก” หลวงตามิ่งกล่าวกับผีตายทั้งกลมที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะค่อยๆ หายไป


“ฝากโยมจอมด้วย อาตมาต้องกลับแล้ว” หลวงตามิ่งกล่าว ก่อนจะหันหลังเดินจากไป


“ครับหลวงตา”


จอมทัพและกล้าจึงช่วยกันเอาดินกลับตามที่หลวงพ่อสั่ง จากนั้นจึงบริกรรมคาถาสะกดและตรึงไว้ แล้วนำหนามพุทรามาเกลี่ยบนหลุมไว้เหมือนเดิม




นนท์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความตะลึง ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น


“ไอ้วิน” นนท์เอ่ยเรียกเพื่อนเบาๆ แต่สายตายังคงมองไปยังจุดที่เกิดเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อครู่ เมื่อไร้เสียงตอบรับจึงเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า พอหันไปดูก็เห็นสภาพเพื่อนลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว


ไอ้ห่านี่กลัวจนสลบไปเลยเหรอวะ


“โถ่ เพื่อนกู” ไผ่และนนท์ช่วยกัพยุงร่างมาวินไปนั่งพิงต้นไม้ มองไปที่จอมทัพและกล้าที่กำลังขุดดินกลบหลุมศพกันอยู่ สักพักใหญ่ทั้งสองคนก็เดินออกมา


“พ่อหมอ! ทางนี้ครับ” นนท์โบกไม้โบกมือตะโกนเรียก ทั้งสองคนหันมาตามเสียงเรียกแล้วเดินเข้ามา