กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

เบญจอาฆาต - ตอนที่ 11 วิ่ง!!! โดย Cherplisorn @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เบญจอาฆาต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,ระทึกขวัญ,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ฟีลกู๊ด,คาถาอาคม,หมอผี,ไสยศาสตร์,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

กรรมจากอดีตเวียนมาบรรจบ ถึงคราวที่ต้องชดใช้ บางสิ่งบางอย่างกำลังตามทวงแค้น สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้

ผู้แต่ง

Cherplisorn

เรื่องย่อ

มาวิน ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่กำลังเผชิญกับอาถรรพ์เบญจเพส เวรกรรมที่เคยทำไว้ในอดีตชาติถึงคราวที่ต้องชดใช้ เจ้ากรรมนายเวรกำลังตามทวงแค้น แม้ในยามนอนก็ไม่อาจข่มตาลงได้

     จนได้พบกับพ่อหมอจอม หรือจอมทัพ สัปเหร่อผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เชี่ยวชาญทั้งไสยดำและไสยขาว


      หนึ่งคนกำลังถูกบางอย่างตามรังควาน อีกหนึ่งคนคอยปกป้องเขาจากสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อกรรมที่เคยกระทำเริ่มทำงาน จุดจบที่มันต้องการมีเพียง 'ความตาย'




———————————————-

     📌 สวัสดีรี้ดเดอร์ทุกท่านค่ะ ไรต์เป็นนักเขียนมือใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ของไรต์ และเป็นเรื่องแรกสำหรับแนว ชช 

     หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบและสนุกไปกับผลงานของไรต์นะคะ


    📌 ท้ายนี้ หากรี้ดเดอร์ท่านไหนอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถคอมเม้นท์พูดคุยแนะนำกันได้นะคะ ไรต์จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ 😁


     📌 ฝากติดตามด้วยนะคะ ❤️


———————————————-


             ⚠️ คำเตือน ⚠️


☑️ มีการบรรยายฉากสะเทือนขวัญ


☑️ มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรง


☑️ มีการใช้คำหยาบคายของตัวละคร


นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งและมีการบรรยายเนื้อหารุนแรงในบางช่วงบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ








นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด





สารบัญ

เบญจอาฆาต-ตอนที่ 1 คืนผวา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 2 สัปเหร่อจอม,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 3 เดินทาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 4 ค้างคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 5 ไผ่,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 6 โดนของ,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 7 ดวงตาปริศนา,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 8 ห้ามทัก ห้ามขานรับในยามค่ำคืน,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 9 สวนยาง,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 10 ป่าช้า,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 11 วิ่ง!!!,เบญจอาฆาต-ตอนที่ 12 คำเตือนจากพ่อหมอ

เนื้อหา

ตอนที่ 11 วิ่ง!!!


“พวกมึงมาทำอะไรกันที่นี่” จอมทัพขมวดคิ้วแล้วมองมาวินที่นอนสลบไสลอยู่


“ผมเห็นพ่อหมอกับกล้ารีบร้อนออกมากลางดึกกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยตามมาดูครับ” นนท์โกหกตาใส เรื่องแบบนี้หาดูง่ายๆ ได้ที่ไหน เหตุการณ์วันนี้เอาไปเล่าได้ยันลูกบวช


“แล้วมันเป็นอะไร” จอมทัพขมวดคิ้วมองคนที่นอนสลบไสลอยู่บนพื้น


“เอ่อ มันกลัวจนสลบไปแล้วครับ” นนท์ยิ้มแหย


จอมทัพถอนหายใจ ‘อยู่ดีไม่ว่าดีจริงๆ’


“แบกมันกลับไป” พูดจบเขาก็เดินออกไป


ไผ่และนนท์จึงช่วยกันแบกร่างคนที่กลัวจนสลบเดินตามหลังไป พอไปถึงรถพ่วงข้างก็วางตัวคนลงแล้วขับรถกลับบ้านทันที


“เอาน้ำมนต์มาให้กู”


กล้าวิ่งไปหยิบขันน้ำมนต์ในห้องบูชามาให้จอมทัพ เขานำน้ำมนต์ไปพรมลงบนตัวมาวินแล้วบริกรรมคาถาเป่าลงไปบนกระหม่อม มาวินเป็นคนจิตอ่อนแถมยังเป็นช่วงเบญจเพส แล้วดันทะลึ่งเข้าไปในป่าช้าอีก


“ไอ้วิน ตื่น ไอ้วิน” ไผ่ตบหน้าเพื่อนเบาๆ เพื่อปลุก


“อืออ เรียกทำไมเนี่ย” มาวินพูดเสียงยานแล้วปัดมือเพื่อนออกก่อนจะตะแคงตัวหนี


“พามันกลับไปนอนในห้องดีๆ” จอมทัพพูดจบก็เดินเข้าห้องไป




วันรุ่งขึ้นมาวินตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ยกมือมือขึ้นมาขยี้ตาแล้วค่อยๆ ลืมตามองไปรอบๆ แล้วหลับตาลงต่อ จู่ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาเขาดีดตัวผึงขึ้นมานั่งตัวสั่น ตาเบิกโพลงเท่าไข่ห่าน


“โอ๊ย!” อยู่ๆ ก็โดนถีบจากด้านหลังอย่างแรง


“มึงถีบกูทำไมเนี่ย!” พูดพลางเอามือลูบเอวป้อยๆ


“กูเห็นมึงนั่งสั่นนึกว่าผีเข้า” ไผ่พูดจบก็ทำท่าขอโทษขอโพยเพื่อน


“ผีเข้าพ่อมึงสิ” มาวินมองเพื่อนตาเขียว


“มึงโอเคใช่ไหมเนี่ย เมื่อคืนสลบไปเลย” นนท์ที่ตื่นขึ้นมาพอดีพูดจบก็หัวเราะ


“ไอ้ห่า ทีหลังมึงไปคนเดียวไม่ต้องชวนกู” เขาอยากจะตัดเพื่อนกับมันจริงๆ


“เอาน่า เปิดประสบการณ์”


“ไม่เอา กูไม่อยากมีประสบการณ์ด้านนี้” มาวินปฏิเสธเสียงแข็ง


“มึงจะอาบน้ำเลยไหม” นนท์เอ่ยถาม


“อือ ว่าแต่เมือคืนกูกลับมาได้ยังไง”


“เหาะมามั้งไอ้เหี้ย เสือกกลัวจบสลบกูกับไอ้ไผ่เลยต้องแบกร่างควายของมึงกลับมาไง”


“สมควร ใครใช้ให้พวกมึงลากกูไปด้วย”


“ใครจะไปรู้ว่ามึงจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองขนาดนี้ ไปๆ ไปอาบน้ำ กูจะได้อาบบ้าง” มาวินมองเพื่อนตาเขียวอีกครั้งก่อนจะลุกไปอาบน้ำ




เมื่อออกมาจากห้องก็เห็นกล้ากำลังยกอาหารขึ้นมาพอดีจึงรีบเข้าไปช่วย


“เย็นนี้กูจะอาบน้ำมนต์ให้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินและตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็อย่าพากันทะลึ่งเข้าไปในป่าช้าอีก” จอมทัพบอกทั้งสองคน มาวินได้ยินว่าเมื่อคืนที่พวกเขาเข้าไปคือป่าช้าก็ตะลึงไปทันที


“หรือมึงไม่รู้ว่าที่ไปเมื่อคืนคือป่าช้า” จอมทัพพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของมาวิน


“ไอ้นนท์มันลากผมไป ถ้ารู้ว่าเป็นป่าช้าให้ตายยังไงก็ไม่ไปหรอก”


“แล้วไปทำไม”


“ผมเห็นพ่อหมอรีบร้อน นึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยตามไป แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” นนท์ยังโกหกตาใสแล้วเอ่ยถามต่อ


“เมื่อคืนมีหมอผีจะเข้ามาเอาน้ำมันพราย”


“หา!” นนท์ถึงกับอึ้งเมื่อได้ยิน


“คราวหน้าคราวหลังอย่าไปไหนมั่วอีก แถวนี้อันตราย”


“ครับ” มาวินรับคำอย่างหนักแน่น พลางทำปากขมุบขมิบ ‘เห็นเขาเป็นคนแบบนั้นรึไง นั่นผีนะ ให้ตายยังไงก็ไม่ไปอีกเด็ดขาด’




สายฝนเทกระหน่ำตั้งแต่ช่วงเย็นทำให้คนในบ้านนอนหลับอย่างสบายโดยเฉพาะมาวินที่กำลังนอนฝันหวาน อยู่ๆ ก็โดนปลุกขึ้นมากลางดึก เขาลืมตาขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่ก่อกวนให้เขาตื่นจากความฝันอันแสนหวานคือเพื่อนตัวดีก็ยกขาถีบสุดแรง แต่นนท์ที่รู้ดีจึงหลบได้อย่างว่องไว


“มึงจะปลุกกูทำไมเนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยไอ้เวร”


“กูจะพามึงไปจับอึ่ง”


“ห่ะ!” มาวินกระพริบตามองเพื่อน


“กูนัดกับกล้าไว้เมื่อตอนเย็นว่าจะออกไปจับอึ่งกัน เลยมาชวนพวกมึงไปด้วย เมนูพิเศษหากินยากเลยนะเว้ย” นนท์ยิ้มหน้าตื่นเต้น


“ดึกขนาดนี้เนี่ยนะ”


“เออ ตอนดึกเนี่ยแหละ มาอยู่มากินบ้านเขาก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ท่านเล่น มึงไม่เคยได้ยินเหรอ”


“แล้วพ่อหมอจะอยากเล่นวัวเล่นควายไปทำไม โตขนาดนั้นแล้ว” มาวินพูดจบก็หลับตาหันหน้าหนีทำท่าจะนอนต่อ


“ไอ้สัด! สุภาษิต” นนท์ตบหัวเพื่อนไปหนึ่งทีแล้วดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น


“ลุก เร็วๆ โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะเว้ย”


“มึงก็ไปกันสองคนสิวะ” มาวินพูดพลางมองไปยังเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้เอาไฟฉายคาดหัวเรียบร้อยแล้ว


“ไม่ กูบอกแล้วว่ากูจะไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว ไปไหนไปกัน” ไผ่พูดพร้อมกับพยายามงัดเพื่อนออกจากที่นอน


ไม่ต้อง มึงไปเลย


“อะไรของมึงวะ เออๆ ลุกแล้ว” เขาบ่นอย่างหัวเสียแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา


“ตี 1” พูดจบก็หันไปมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วถอนหายใจใส่อย่างหงุดหงิด


“ชักช้าเสียเวลา ลุก” พูดจบนนท์ก็ช่วยกันดึงแขนมาวินด้วยอีกคน


“เออๆ” มาวินถอนหายใจ บิดขี้เกียจไปหนึ่งรอบเอามือตบต้นคอเรียกสติแล้วถอนหายใจเบาๆ


เขาลุกขึ้นแล้วเดินตามออกไปอย่างอ้อยอิ่ง เห็นกล้ายืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมกับรถพ่วงข้างที่มีถุงกระสอบหลายใบวางอยู่ มาวินยืนมองของในรถแล้วได้แต่คิดในใจ


‘เอาถุงไปใส่เยอะขนาดนี้กะจะให้กูแบกจนหลังแอ่นเลยมั้ง’


“พร้อมกันแล้วนะครับ” กล้าเอ่ยถาม


“อือ” มาวินตอบน้ำเสียงเนือยๆ


“ป่ะ ขึ้นรถกัน ผมจะพาพวกพี่ไปผจญภัยในยามค่ำคืนอันมืดมิดแห่งนี้”


“พี่พร้อมเสมอ” นนท์พูดแล้วยกมือทำท่ากำหมัด


“จะไปกันได้ยังอ่ะ” มาวินเห็นท่าทางเพื่อนแล้วก็อยากจะถีบให้กระเด็นสักที




มาวินเดินย่องไปตามคันนา บนหัวสวมไฟฉายคาดหัว มือถือถังที่ใส่อึ่งไว้จำนวนหนึ่งเดินตามหลังกล้าไปเรื่อยๆ หันซ้ายหันขวาสายตากวาดมองไปรอบๆ ในความมืด เห็นเพียงแสงไฟสีเหลืองๆ ของชาวบ้านที่กำลังออกหาอึ่งกันอยู่อีกฟากหนึ่ง


เขายืนมองแสงไฟเล็กๆ ริบหรี่ๆ ที่ต่างจากคนอื่นๆ เป็นสีเขียวลักษณะเหมือนกำลังลอยขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งก็ลอยเอื่อยๆ และเหมือนจะค่อยๆ ลอยมาทางพวกเขา


‘ไฟสีเขียวแบบนี้จะมองเห็นเหรอวะ’


เขามองไปยังแสงไฟของชาวบ้านที่อยู่อีกฟากก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าพวกเขากำลังห่างออกไปเรื่อยๆ


“มองอะไรวะ” ไผ่ที่เห็นเพื่อนยืนมองไปอีกทางเอ่ยถาม มาวินพยักเพยิดให้ดูแล้วเอ่ยขึ้นมา


“ไฟเขียวๆ แบบนั้นไม่ปวดตาแย่เหรอวะ”


กล้าที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมามองตามแล้วรีบหันขวับ


“พี่! วิ่งงง!!” พูดจบก็สับเท้าวิ่งหน้าตั้ง ทั้งสามคนที่ยังงงๆ ก็วิ่งตามไปช้าๆ พลางหันไปมองด้านหลังที่มีเพียงแสงสีเขียวนั่น


กล้าหันกลับไปมองคนทั้งสองแล้วเอ่ยเร่ง


“พี่! เร็ว!”


“อะไรวะกล้า วิ่งทำไม” นนท์ที่วิ่งๆ หยุดๆ เอ่ยถามอย่างงุนงง


“ไอ้เขียวๆ ที่พี่เห็นอ่ะ ผีโพงโว้ย!” กล้าวิ่งไปตะโกนไป


มาวินตาเหลือก อีกแล้วเหรอวะ!


ทั้งสามคนทิ้งกระสอบใส่อึ่งอย่างไม่สนใจใยดีแล้ววิ่งสับตีนแตกแซงหน้ากล้าไปไกลลิบ




“เฮ้ยพี่! รอผมด้วย” พูดจบก็เร่งตามไปอย่างสุดฝีเท้า




มาวินที่วิ่งมาถึงรถก่อนใครก็ไม่รอช้า สตาร์ทรถบิดคันเร่งทันทีจนลืมไปว่าตัวเองขับรถพ่วงไม่เป็น จังหวะเดียวกัน กล้า ไผ่และนนท์ก็รีบกระโดดขึ้นรถทันที


“ไอ้วิน! เร็ว! มันตามมาแล้ว!” นนท์ตะโกนเร่งเร้าเพื่อน เมื่อเห็นว่าลูกไฟสีเขียวๆ นั้นกำลังลอยตามมา


“กูรีบสุดแล้วไอ้เหี้ย!”


“เร็วกว่านี้! มันจะตามมาทันแล้วโว้ย!” ไผ่แหกปากเอ่ยเร่งอีกคน


เมื่อมันเข้ามาใกล้ในระยะที่มองเห็นได้ชัด กล้าก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ก่อนจะหลุดปากเอ่ยชื่อที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีออกมา


“ตาเนา!” ชายแก่ที่มักจะไปหาปลาด้วยกันบ่อยๆ เขาตกตะลึงจนลืมส่งเสียงร้อง


มาวินหันไปมอง เห็นชายแก่รูปร่างผอมโซใบหน้าเหี่ยวย่น เบ้าตาลึกโบ๋ แก้มตอบมีแต่หนังหุ้มกระดูก จมูกทั้งสองข้างมีดวงไฟสีเขียวสว่างวาบออกมา กำลังวิ่งหน้าตั้งไล่ตามพวกเขาอยู่ไม่ห่าง


เขาอ้าปากค้าง ขนทุกเส้นลุกซู่ขึ้นพร้อมกัน ทั้งสามคนแหกปากลั่น


“ว๊ากกกก!!!” วินาทีนั้นมาวินก็หลับหูหลับตาบิดมิดไมล์ลำตัวแนบไปกับเบาะเหาะพุ่งทะยานไปข้างหน้าลัดลงไร่มันสำปะหลังที่ขึ้นสูงจนเกือบถึงอกไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก


มอ'ไซพ่วงข้างวิ่งไปตามไร่มันที่ยกร่องสูงกระเด้งกระดอนจนเครื่องในแทบจะกองรวมกัน ก้นกระแทกจนไข่แทบแตก ต้นมันสำปะหลังสะบัดตีกระทบหน้าทั้งสี่คนจนมึนงง


“กล้า ท่องคาถาใส่มันเลย!” นนท์หลับหูหลับตาแหกปากพูดกับกล้าที่หลับตาปี๋ไม่ต่างกัน


“ผะ ผมจำไม่ได้พี่” พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้ เขาตกใจกลัวจนลืมคาถาที่พ่อหมอเคยสอนไปหมดแล้ว ถึงจะเคยเจอผีมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ทุกครั้งจะอยู่กับพ่อหมอตลอด


‘พ่อหมอ! ช่วยด้วยยยย!’ กล้าตะโกนลั่นในใจ


กว่าจะพ้นไร่มันสำปะหลังก็ทำเอาหน้าชาก้นระบมไปหมด แต่ความเร็วของรถก็ยังไม่ลดลงแต่อย่างใด จู่ๆ รถเจ้ากรรมก็กระตุกแล้วเครื่องก็ดับลงทันที


“เหี้ย! รถเป็นอะไรวะ!” มาวินตะโกนลั่น หันหลังกลับไปมองเห็นแสงไฟกำลังไล่ตามมาไม่หยุด เขารีบทิ้งรถแล้วตะโกนลั่นทุ่งอีกรอบ


“ไอ้สัด! วิ่งงงง!!!” เขาออกตัวก่อนใครเพื่อน สับตีนแตกวิ่งหน้าตั้งเร็วยิ่งกว่านักกีฬาทีมชาติจนเห็นรั้วบ้านอยู่ไม่ไกล


เมื่อไปถึงก็กระโดดตัวลอยร่างลอยละลิ่วข้ามรั้วที่สูงกว่าเมตรครึ่ง ทั้งสามคนตกตะลึงจนตาค้างแล้วรีบปีนรั้วตามเข้าไปอย่างทุลักทุเล


“พ่อหมอช่วยด้วย!!” มาวินแหกปากตะโกนลั่นเมื่อเห็นจอมทัพยืนจังก้าอยู่หน้าบ้านก่อนจะล้มฟุบกองอยู่กับพื้นด้วยสภาพหมดแรง ตามมาด้วยกล้า นนท์และไผ่ที่นอนกองกันอยู่หน้าเจ้าของบ้าน


ผีโพงที่ไล่ตามมารับรู้ได้ถึงอาคมอันแรงกล้าบริเวณรอบบ้านของจอมทัพ มันยืนจ้องมองเข้าไปด้วยแววตาดุร้าย