หนูแค่อยากปรุงยาอย่างสงบแค่นั้นเอง...
หญิง-หญิง,แฟนตาซี,ผจญภัย,สงคราม,ตะวันตก,พล๊อตหาเรื่อง,สงคราม,รักวัยรุ่น,แฟนตาซีน,ผจญภัย,ยูริ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยอดนักปรุงยาแห่งป่าเวทมนตร์หนูแค่อยากปรุงยาอย่างสงบแค่นั้นเอง...
เอเรีย เด็กสาวผู้มีพรสวรรค์ในการปรุงยาเวทมนตร์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะนักปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดในอาณาจักร นอกจากความสามารถพิเศษของเธอแล้ว เอเรียยังเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าหญิงลูซาเรีย องค์หญิงรัชทายาทของอาณาจักร "เอเดียฟลอร์" พวกเธอเติบโตขึ้นมาด้วยกัน แบ่งปันความฝันและความลับต่างๆ ในตอนเด็กเอเรียเคยปรุงยารักษาเจ้าหญิงจากโรคร้ายได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แต่ในราชสำนักที่เต็มไปด้วยการเมืองและการหักหลัง เอเรียกลับกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มขุนนางชั่วซึ่งนำโดยชายที่ชื่อ ลอร์ดไวเวิร์น เขาเล็งเห็นในพรสวรรค์และความใกล้ชิดกับเจ้าหญิงซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อแผนการยึดอำนาจของเขา ลอร์ดไวเวิร์นและกลุ่มขุนนางชั่วร่วมกันวางแผนกลั่นแกล้งเอเรียด้วยการใส่ร้ายป้ายสีว่าเธอใช้เวทมนตร์มืดในการปรุงยา จนทำให้เธอถูกขับไล่ออกจากราชสำนักและถูกเนรเทศในที่สุด
ในคืนที่มืดมิด เอเรียต้องหลบหนีออกจากเมืองหลวง โดยมีเพียงข้าวของไม่กี่ชิ้นและสมุนไพรบางส่วนที่เธอเก็บรวบรวมไว้ ด้วยการชี้นำของเจ้าหญิงลูซาเรีย ซึ่งไม่มีอำนาจพอที่จะช่วยเพื่อนรักในครั้งนี้ได้ เธอทำได้เพียงมอบจดหมายอย่างลับๆ ให้แก่เอเรีย จดหมายที่เต็มไปด้วยคำปลอบโยนและกำลังใจ รวมทั้งคำแนะนำให้ไปหาอดีตแม่นมของเธอในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ "เอฟลอร์ไวลด์" ที่ๆ เรื่องราวทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้น
แสงจันทร์กระจ่างส่องผ่านกิ่งไม้ที่พลิ้วไหวจากสายลมอ่อนๆ ในยามค่ำคืน เอเรียก้าวออกมาจากที่ซ่อน มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เธอและพรรคพวกหลบหนีออกมา มือของเธอจับกระชับมีดสั้นที่ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว สายตาคอยระวังภัยรอบด้าน เธอกำลังตามหากระเป๋าอุปกรณ์ทำยาที่ตกหายระหว่างทาง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรักษาคาเรน
ขณะที่เอเรียกำลังค้นหากระเป๋าอุปกรณ์ทำยาที่หายไป เธอก้มลงเก็บขวดยาเวทที่ตกอยู่บนพื้น ทันใดนั้นเอง ดักลาสที่แอบตามเธอมาก็ปรากฏตัวขึ้น เขายืนอยู่ด้านหลังเอเรียและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ไม่คิดเลยว่าจะเจอเจ้าที่นี่… แถมยังอยู่คนเดียว? ข้าดีใจจริงๆ สงสัยวันนี้โชคคงเข้าข้างข้าแล้วสินะ" ดักลาสหัวเราะอย่างสะใจ
เอเรียชะงักและหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นดักลาส เธอก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นศัตรู แต่เธอพยายามเก็บอาการเพื่อหาทางเอาตัวรอด ดักลาสเห็นเธอตกใจเล็กน้อยก็ยิ้มอย่างพอใจ
"ข้าแค่บังเอิญเห็นเจ้าเดินผ่าน… เลยลองตามมาดู เจ้านี่กล้ามากนะที่ออกมาเดินคนเดียวในเวลาแบบนี้ อย่างนี้นี่เอง ที่วังหลวงแตกตื่นกันยกใหญ่ เจ้าคงมีส่วนร่วมด้วยสินะ" เขากวาดตามองรอบๆ เพื่อให้แน่ใจ
"แต่ฉันไม่ดีใจเลยสักนิดที่เจอแก ฉันกำลังยุ่ง รบกวนแกช่วยปล่อยฉันไปก่อนจะได้มั้ย? เอเรียพูดเพื่อเบนความสนใจในขณะที่รักษาระยะห่าง
เขาก้าวเข้ามาใกล้เอเรียมากขึ้น เอเรียรู้ว่าต้องหาทางรับมือเขาให้ได้ ก่อนที่จะกลับไปหาคาเรนและลิเลียน่า เธอกำขวดยาเวทไว้ในมือ เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...!
"ข้าต้องล้างอายที่เจ้าทำกับข้าไว้ก่อนหน้านี้ อย่าคิดว่าจะหนีข้าไปได้ง่ายๆ เอเรีย" ดักลาสพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย เขาชักดาบของเขาออกมาและพุ่งเข้ามาหาเอเรียทันทีโดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัว
เอเรียเบี่ยงตัวหลบและใช้มีดสั้นของเธอสกัดการโจมตีในระยะประชิด ดักลาสมีความได้เปรียบด้านพละกำลังและทักษะการต่อสู้ ขณะที่เอเรียต้องอาศัยความรวดเร็วและไหวพริบในการป้องกันตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่ความรู้ในด้านยาพิษและสมุนไพรของเธอก็เป็นอาวุธที่ร้ายแรงในตัวเอง
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองเป็นไปอย่างดุเดือด ดักลาสโจมตีเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่เอเรียพยายามหลบหลีกและโต้กลับอย่างฉับไว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีพลังเวทมนตร์ แต่เธอก็มีอาวุธสำคัญที่พกติดตัวไว้ตลอดเวลา
ขณะที่ดักลาสพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เอเรียรีบหยิบขวดยาเวทขนาดเล็กจากกระเป๋าของเธอ ขวดนั้นบรรจุสมุนไพรที่ถูกปรุงผสมไว้เป็นพิเศษ แม้ว่าเธอจะใช้เวทมนตร์เองไม่ได้ แต่ยาชนิดนี้สามารถสร้างผลลัพธ์เหมือนเวทมนตร์เมื่อสัมผัสกับเป้าหมาย
เอเรียปาขวดยาใส่ดักลาส ทำให้เขาต้องถอยห่างเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับยาที่แตกกระจายออกมาทันที เขาพยายามปัดเป่าผงสมุนไพรที่เกาะตามตัวออกไป
"ผงนี้มันอะไร! แกทำอะไรเอเรีย" เขาปัดป้องมันด้วยท่าทีร้อนรน
แต่ก็สายเกินไปแล้ว เอเรียใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าหาเขาและแทงมีดสั้นใส่ขาของเขาอย่างแม่นยำ ดักลาสล้มลงด้วยความเจ็บปวด
"อ๊าก~ก... เอเรีย...แกนะแก..." ดักลาสกรีดร้องด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นในขณะที่ดิ้นรนอย่่างเจ็บปวด
"แกประมาทฉันเกินไป ดักลาส" เอเรียพูดด้วยเสียงเรียบขณะมองดูดักลาสที่นอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น "ฉันมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ เพราะงั้นวันนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อนแล้วกัน"
หลังจากที่เธอจัดการกับดักลาสเรียบร้อยแล้ว เอเรียรีบค้นหาและเจอกระเป๋าอุปกรณ์ทำยาของเธอที่ตกอยู่ไม่ไกลนัก เธอหยิบมันขึ้นมาและวิ่งกลับไปยังที่ซ่อนทันที ใจของเธอเต้นระรัว ด้วยความรู้สึกของความสำเร็จที่มาจากการหากระเป๋าเจอและเอาชนะดักลาสได้
เมื่อเธอกลับมาถึงที่ซ่อน คาเรนยังคงนอนบาดเจ็บหนักอยู่ เอเรียรีบเปิดกระเป๋าอุปกรณ์และเริ่มปรุงยารักษาด้วยความรวดเร็วและรอบคอบ ภายในเวลาไม่นาน ยาที่ปรุงเสร็จถูกป้อนให้คาเรนดื่มเข้าไป ร่างกายของคาเรนเริ่มตอบสนอง ยาฟื้นฟูเริ่มทำงานอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของคาเรนเริ่มดีขึ้น และอาการบาดเจ็บเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หลังจากดื่มยารักษาที่เอเรียปรุงขึ้นมาด้วยความตั้งใจ อาการบาดเจ็บของเธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เธอหรี่ตาเล็กน้อยเพราะรู้สึกเวียนหัว แต่พอหันไปเห็นเอเรียที่นั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นความตกใจทันทีเมื่อเห็นรอยแผลและคราบดินที่เกาะตามเนื้อตัวของเอเรีย
"เอเรีย... เธอไปทำอะไรมาทำไมถึงได้เป็นแบบนี้?" คาเรนถามด้วยน้ำเสียงที่ผสมความห่วงใยและความโกรธเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่สามารถซ่อนได้
เอเรียพยายามยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณคาเรน หนูแค่ไปหาของที่ตกหาย แต่หนูสบายดี ไม่ต้องห่วงนะคะ"
คาเรนขยับตัวพิงหมอนและเอื้อมมือไปจับมือเอเรียไว้แน่น "นี่อย่าบอกนะว่าเธอออกไปหากระเป๋าอุปกรณ์นั่นคนเดียว? เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน? ทำไมถึงไปเสี่ยงอันตรายเพียงลำพังแบบนี้? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันจะทำยังไง..."
เอเรียกุมมือของคาเรนไว้และสบตาเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความรัก "หนูทนเห็นคุณคาเรนต้องเจ็บหรือเป็นอะไรไปไม่ได้หรอกนะคะ หนูเลยต้องทำแบบนี้..."
คาเรนมองหน้าเอเรียด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความห่วงใย "เอเรีย...สัญญาณกับฉัน เธออย่าทำแบบนี้อีกนะ ฉันไม่อยากเสียเธอไป เพราะเธอคือคนสำคัญสำหรับฉัน..."
เอเรียพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนหวาน แม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่หัวใจของเธอกลับอุ่นขึ้นด้วยความรักและความห่วงใยที่คาเรนมีให้
"ขอบคุณนะ...เอเรีย" คาเรนพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งพลางดึงตัวเอเรียเข้ามาโอบกอดอย่างนุ่มนวล ขณะที่ลิเลียน่ามองดูด้วยความโล่งใจ
เอเรียยิ้มให้เพื่อนของเธอ แม้จะเหนื่อยล้าจากการต่อสู้และการปรุงยา แต่ความรู้สึกอุ่นใจที่สามารถช่วยชีวิตเพื่อนของเธอได้ก็ทำให้เธอรู้สึกว่ามันคุ้มค่า
"พักผ่อนเถอะนะคะ คุณคาเรน เราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นสำหรับสิ่งที่จะต้องเผชิญในวันข้างหน้า" เอเรียกล่าวอย่างอบอุ่น ขณะที่เธอจัดเตรียมผ้าห่มให้คาเรนและลิเลียน่าเพื่อให้พวกเธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่