เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยังนะ?

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ - 03 ตอนที่ 3 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยังนะ?

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-00 บทนำ,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-01 ตอนที่ 1,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-02 ตอนที่ 2,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-03 ตอนที่ 3,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-04 ตอนที่ 4,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-05 ตอนที่ 5 (จบ)

เนื้อหา

03 ตอนที่ 3

ตอนที่ ๓







ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว แต่เขมฉมายังคงนอนมองกำแพงบังกะโล ไม่กล้าหันไปทางชายหนุ่มซึ่งนอนอยู่อีกเตียงและคงหลับไปแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ...

ก็เพราะหัวใจของเธอเต้นไม่หยุดเลยน่ะสิ

แน่นอนว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากความกลัว แต่เป็นเพราะหัวใจของเธอมันเกเร ไม่รักดีสักเท่าไร อีกฝ่ายเป็นเพียงเพื่อนสนิทก็ยังแอบคิดเกินเลยกับชัชชนเสียได้

ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดกับเธอตั้งแต่ตอนไหนน่ะเหรอ กว่าเธอจะรู้ตัวก็คงเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู้วัยมหาวิทยาลัย เนื่องจากช่วงมัธยมชัชชนอาจจะยังเป็นแค่เด็กหนุ่มตัวสูงหุ่นเก้งก้างผอมบาง ทว่าเพียงแค่เดี๋ยวเดียวอีกฝ่ายก็ตัวใหญ่ขึ้น บ่าก็กว้างขึ้น ร่างกายมีกล้ามเนื้อน่ามอง และเพราะเหตุนี้นั่นเองที่ทำให้มีผู้หญิงหลายคนมาตามจีบ ซึ่งก็ทำให้เธอได้รู้จักกับความหึงหวงเป็นครั้งแรก

แต่เพราะชัชชนไม่เคยมีท่าทางสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ ออกจะเฉยเมยและดูเฉยชาด้วยซ้ำ เธอจึงยังคงเก็บความรู้สึกที่เปลี่ยนไปแล้วของตัวเองได้อย่างแนบเนียน

“นอนได้แล้ว” เขมฉมาสั่งตัวเองในใจ เพราะเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน หากคืนนี้ไม่หลับไม่นอนอีก พรุ่งนี้เธอแย่แน่ๆ

ทว่าสุดท้ายแล้วก็ข่มตาไม่หลับ หญิงสาวจึงค่อยๆ ขยับตัวกลับไปมองชัชชนที่กำลังนอนหลับสนิท ท่าทางคงกำลังฝันดี ส่วนเธอทำยังไงก็นอนไม่หลับ จึงรู้สึกอยากออกไปเดินรับลมที่ชายหาดสักหน่อย

เขมฉมาหยิบเสื้อคาดิแกนมาสวมและค่อยๆ เดินออกจากห้องพักไป หญิงสาวไม่ได้เดินไปไกลจากห้องพักนัก ยังอยู่ในพื้นที่ที่ไฟส่องถึงและหากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เสียงกรี๊ดของเธอคงทำให้นักท่องเที่ยวในบังกะโลหลายๆ หลังตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน

เธอปล่อยให้ลมทะเลเย็นๆ ลูบไล้ใบหน้าที่ร้อนผ่าวให้เย็นลง เพราะเผลอคิดจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย แล้วเผลอคิดภาพตัวเองเดินไปจูบชัชชนที่หลับอยู่ขึ้นมาในหัว เขมฉมายกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติเล็กน้อย

แต่แล้วกลิ่นบุหรี่ก็ทำให้เธอชะงัก ก่อนหันขวับไปทางที่มาของกลิ่น คิ้วของเธอขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ดีนัก

“ไม่ชอบผู้ชายสูบบุหรี่เหรอ งั้นไม่สูบก็ได้” ธราธิปดีดบุหรี่ในมือทิ้งลงบนทรายอย่างไม่ใส่ใจ

เขมฉมามองไปที่บังกะโลและตัดสินใจเดินกลับห้องทันที เพราะไม่อยากพูดคุยกับชายหนุ่มที่นอกจากตัวจะเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ แล้วก็ยังมีกลิ่นเหล้าคลุ้งอีกด้วย

“ยัยไอริพล่ามให้ฟังหมดแล้วว่าไอ้นั่นมันก็แค่เพื่อนของเธอ ไม่ใช่แฟน”

หญิงสาวรู้จักเพื่อนตัวเองดี พอเมาแล้วก็ไม่เคยเก็บความลับอะไรเอาไว้ได้เลย ดังนั้นจึงแปลกใจสักนิดที่ธราธิปรู้แล้วว่าเธอกับชัชชนไม่ได้เป็นแฟนกัน

“ถ้ายัยไอริไม่ได้ชอบฉันแล้ว เธอจะให้ฉันจีบเธอได้หรือยัง” ชายหนุ่มตั้งท่าจะคว้าแขนของอีกฝ่ายที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินหนี

“ยังไงก็ไม่ได้ว่ะ”

ชัชชนที่อยู่ๆ ก็โผล่มา ทำให้เขมฉมาเกือบหยุดฝีเท้าไม่ทันและชนโครมเข้ากับอกกว้าง ใจของหญิงสาวชื้นขึ้นทันที เธอขยับไปยืนด้านหลังของเพื่อนสนิท ใช้เขาเป็นเกราะกำบังที่ช่วยให้อบอุ่นใจ

“มึงมาเสือกอะไรด้วย แฟนเขาก็ไม่ใช่” ธราธิปมองชัชชนอย่างหาเรื่อง

“กูจะใช่แฟนหรือไม่ใช่ มึงก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับขิม” ชัชชนไม่ก้าวถอยหลังหนีแม้แต่ก้าวเดียว เขมฉมาซึ่งเห็นว่าเรื่องราวอาจจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้จึงพยายามดึงแขนชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อจะกลับเข้าห้องพัก

“ชลกลับห้องกันเถอะนะ” แต่ดึงอย่างไร เขาก็ไม่ยอมขยับ

“อย่าคิดว่ากูดูไม่ออก มึงก็แค่หมาหวงก้างแหละวะ”
ธราธิปมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

“กูจะรู้สึกกับขิมยังไง มันหนักหัวมึงตรงไหน เพราะถึงไม่มีกู เขาก็ไม่ชอบมึงหรอก” ชัชชนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน

เขมฉมาถูกบรรยากาศคุกรุ่นด้วยความโกรธและเกลียดขี้หน้ากันของทั้งสองคนทำให้ใจไม่ดี เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องกัน ดังนั้นเมื่อเธอเห็นว่าธราธิปขยับกายและเงื้อมือขึ้น หญิงสาวจึงเอาตัวเองเข้าไปขวางชัชชนเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

ผลัวะ!

“เฮ้ย! ขิม”

หญิงสาวเคยถูกลูกบอลอัดใส่หน้าอยู่บ้าง ตอนเรียนวิชาพละแล้วเล่นวอลเลย์บอลอยู่บ้าง แต่บอกได้เลยว่ามันไม่เคยเจ็บเท่าหมัดขวาตรงที่ซัดเข้าใส่แก้มแบบนี้

ธราธิปยืนช็อกตัวแข็ง ส่วนชัชชนโอบร่างที่ซวนเซของ
เขมฉมาเอาไว้ ชายหนุ่มประคองหญิงสาวถอยห่างออกมาจากคนตรงหน้าทันทีและตรงกลับไปที่ห้องพัก

ชัชชนปล่อยให้เขมฉมานั่งลงยังปลายเตียงนอน ก่อนจะรีบหยิบน้ำเปล่าจากตู้เย็นและผ้าขนหนูมาใช้ประคบจุดที่บวมช้ำเพราะถูกชก

“ขอโทษนะขิม”

“ชลจะมาขอโทษเราทำไม เราสิไม่น่าออกไปเดินเล่นเลย หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “ความจริงไม่มีใครผิดหรอก นอกจากมันคนเดียว ถ้ามันไม่มายุ่งกับขิมก็คงจะไม่เกิดเรื่อง”

เธอพยายามยิ้ม “เจ็บไม่เยอะแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงหาย”

“คงบวมไปหลายวันอยู่” น้ำเสียงของชัชชนเต็มไปด้วยความสงสาร

เมื่อผ้าเริ่มหายเย็น เขาก็เทน้ำเย็นใส่ผ้าและบิดให้หมาดอีกครั้ง แล้วประคบใบหน้าของหญิงสาวด้านที่ถูกหมัดของธราธิปเข้าจังๆ อย่างเบามือ

“กลับไปคราวนี้ เราคงต้องพูดตรงๆ กับยัยไอริแล้วแหละว่าธิปเป็นคนไม่น่าคบเลย” ถึงจะกลัวเพื่อนเสียใจและโกรธตัวเองก็เถอะ เธอได้แต่คิดว่านาทีนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดแล้วล่ะ

“พรุ่งนี้พวกเรานั่งรถกลับกันเองเลยดีกว่า ไม่มีอารมณ์อยากเที่ยวเล่นแล้ว”

เขมฉมาพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วย “แล้วหลังจากนี้เขาจะมายุ่งกับชลไหม”

“ไม่ต้องมาห่วงเราหรอก ห่วงตัวเองก่อนดีไหม” ชัชชนเม้มปากเข้าหากัน “ท่าทางมันคงตามตอแยเธอไม่เลิกแน่ๆ”

“ถ้าเราไม่สนใจ ไม่คุยด้วยอีก เดี๋ยวเขาก็คงหายไปเอง”

แต่ถึงอย่างไร ชายหนุ่มก็อดทั้งหวงและห่วงไม่ได้อยู่ดี “กลับไปแล้วเราจะดูแลขิมเอง ก็ให้มันรู้ไปสิว่าหมาหวงก้างอย่างเรา ไม่ปล่อยให้มันมายุ่งกับเธออีกหรอก”

เขมฉมาอยากเอ่ยปากค้าน เนื่องจากกลัวว่าทั้งสองจะมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ แต่สายตาของเขาที่มองมาด้วยความห่วงใย กลับทำให้เธอพูดไม่ออกเพราะอีกใจหนึ่งก็รู้สึกอุ่นใจหากมีเขาคอยปกป้องดูแล สุดท้ายจึงได้แต่พยักหน้าเบาๆ

*****

ปกติเขมฉมากับชัชชนก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ตอนนี้เขายิ่งมาคอยตามรับตามส่งถึงหน้าตึก เพียงแค่ไม่กี่วันทั้งสองก็ถูกเข้าใจว่าตอนนี้คบหาเป็นแฟนกันแล้วจริงๆ

และหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ไอรดากับเขมฉมาก็ได้เปิดอกคุยกัน แต่ธราธิปกลับบอกเพื่อนของเธอว่า เขาแค่หมั่นไส้ชัชชน ไม่ได้มีสาเหตุมาจากที่ตัวเองคุกคามคนอื่นก่อนและในที่สุดธราธิปก็ยอมเป็นแฟนกับไอรดา

“ไม่ต้องคิดมากนะขิม ปล่อยยัยไอริไปก่อน ช่วงหน้ามืดตามัวเอาช้างมาฉุดก็ฉุดไม่อยู่หรอก” เพื่อนๆ ในกลุ่มก็รับรู้เรื่องราวในวันนั้นด้วย เพราะแผลบวมบนใบหน้านั้นชัดเจนเกินกว่าจะโกหกว่าเกิดจากอุบัติเหตุอย่างอื่น

“แต่ขอให้ตาสว่าง ถอนตัวได้เร็วๆ แล้วกัน เราว่าธิปไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเลย” เขมฉมาเอ่ยกับเพื่อนคนอื่นในกลุ่มด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้ก็เหมือนกับที่คนอื่นว่า เอาช้างมาฉุดก็ห้ามไอรดาให้คบกับธราธิปไม่ได้

“อุ๊ย! แฟนแกมาละ งั้นบายนะ เจอกันพรุ่งนี้” เพื่อนๆ ของหญิงสาวเดินออกห่างเธอไป ก่อนที่ชัชชนจะเดินมาถึงตัวเธอ

เขมฉมาหันไปทางชายหนุ่มที่วันนี้ไม่มีเรียน แต่ก็ยังอุตส่าห์มารับเธอ คอยทำหน้าที่ผู้พิทักษ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“เหนื่อยหรือเปล่าชล ความจริงวันที่เธอไม่มีเรียน เรากลับเองก็ได้นะ”

“เหนื่อยอะไร เราก็นอนอยู่ที่ห้องเฉยๆ แค่ลุกมาขี่รถมารับเธอเอง”

“แต่เขาก็ตกลงคบกับไอริแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วแหละ”

“นั่นยิ่งไว้ใจไม่ได้ เพราะมันยังวนเวียนอยู่ใกล้เธอไง” ชัชชนเลิกคิ้ว “หรือรำคาญ”

“เราจะไปรำคาญเธอได้ยังไงเล่า” เขมฉมาอยากจะบอกว่าจริงๆ เธอมีความสุขจะตายไป “ชลช่วยเราไว้แล้วยังคอยดูแลเป็นอย่างดีอีก”

ชัชชนมองแก้มของเขมฉมายังคงบวมช้ำก็นึกอยากจะซัดธราธิปสักที แต่ก็กลัวว่าถ้าไปหาเรื่องอีกฝ่าย เขมฉมาจะโกรธเขาเอาได้

“งั้นก็ให้เรามารับส่งแบบนี้แหละ”

“ก็ได้จ้า” แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาพลางยกมือขึ้นมาแตะแก้มตัวเองเบา “พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านไปงานวันเกิดแม่ ที่บ้านคงตกใจแย่แน่ๆ”

“ให้เราไปส่งขิมถึงที่บ้านเลยได้ไหม เราอยากไปขอโทษแม่ของขิม ที่เราเป็นต้นเหตุให้เธอถูกชก”

“มันไม่ใช่ความผิดของชลสักหน่อยนะ”

“แต่เราไม่สบายใจนี่ ให้เราได้ไปขอโทษเถอะนะ”

เขมฉมาเห็นสีหน้ามุ่งมั่นและรู้สึกผิดของชัชชนก็ใจอ่อน ดังนั้นจึงพยักหน้าตกลงและนัดหมายกันว่าในวันพรุ่งนี้จะนั่งรถตู้กลับบ้านในช่วงวันหยุดด้วยกัน

*****

รถรับจ้างที่ชัชชนกับเขมฉมาใช้บริการเรียนผ่านแอปฯ จอดลงยังหน้าบ้านของหญิงสาว ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ที่บรรดาป้าๆ และแม่ของเธอลงขันร่วมกันสร้าง เพื่อให้สามารถอยู่ด้วยกันหลายคนโดยไม่รู้สึกอึดอัดคับแคบและทุกคนมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง

เนื่องจากเป็นวันเสาร์ สมาชิกของบ้านหลังนี้จึงหยุดอยู่บ้านกันเกือบครบทุกคน ยกเว้นลูกพี่ลูกน้องอย่างโปรดปรานกับปรายฟ้า ที่ย้ายออกไปอยู่กับคนรักของพวกเขาแล้วทั้งคู่

แต่คนที่ย้ายออกไปแล้วก็ยังคงกลับมานอนที่บ้านนี้กันอยู่บ่อยๆ โปรดปรานซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน จึงหันมามองลูกพี่ลูกน้องของตัวเองกับชายหนุ่มที่เขารู้สึกเหมือนจะเคยเห็น แต่จำไม่ได้ว่าเห็นจากที่ไหน

“แก้มไปโดนอะไรมาน่ะ” โปรดปรานมัวแต่ตกใจจึงไม่ได้รับไหว้จากชัชชน

“เรื่องมันยาว แต่เอาเป็นว่าวันนี้ขิมพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านคนหนึ่งนะคะ”

โปรดปรานหันกลับไปทางชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าอีกครั้ง แล้วยิ้มให้อีกฝ่าย พลางนึกสงสัยในใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกับ
เขมฉมากันแน่ ในขณะที่มองตามแผ่นหลังของทั้งสองคนที่กำลังเดินเข้าบ้านไป

เขมฉมาพาชายหนุ่มไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ส่วนตัวเองเดินไปเรียกมารดาให้มารับแขก เพราะคนที่ชัชชนอยากพบมากที่สุดก็คือจำปานั่นเอง

“เข็มแม่อยู่ไหนเหรอ” เธอเอ่ยถามน้องสาวที่เด็กกว่ากันสองปี แต่สูงเท่ากันพอดีเป๊ะ จึงดูคล้ายกับฝาแฝดกันเลยทีเดียว หากไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

“หลังบ้าน กำลังรื้อแปลงผักอยู่กับป้าจำปี” เข็มชมพูตอบคำถามก่อนจะเอ่ยถามกลับบ้าง “หน้าตัวไปโดนอะไรมาน่ะ”

“เดี๋ยวค่อยเล่าแล้วกันนะ หรือจะมาฟังพร้อมแม่เลยก็ได้”

เขมฉมาเดินผ่านน้องสาวไปยังหลังบ้าน ก็ได้พบกับป้า แม่และน้องสาวคนเล็กอย่างขจรอุษาด้วย ทั้งหมดกำลังช่วยกันรื้อถอนแปลงผักที่ตอนนี้ผักถูกตัดและถอนออกไปกินหมดแล้ว

“หน้าไปทำอะไรมาน่ะลูก” จำปาเห็นหน้าลูกสาวก็ร้องทักทันที พร้อมทั้งลุกขึ้นมาดูใกล้ๆ แก้มที่บวมช้ำของเขมฉมา

คนที่ถูกถามคำถามเดิมๆ มาหลายรอบถอนหายใจ แล้วเอ่ยเสียงเบา “ถูกชกค่ะ”

เมื่อทุกคนมารวมกันที่ห้องนั่งเล่น เขมฉมาจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้คนในครอบครัวฟัง ยกเว้นแค่เรื่องที่เธอขอให้ชัชชนเล่นเป็นแฟนปลอมๆ ของตัวเอง

“วันนี้ผมก็เลยอยากมาขอโทษครับ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ขิมเขาบาดเจ็บ” ชัชชนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะคิดว่าถ้าตัวเองยอมเดินหนีไปกับเขมฉมาเสียตั้งแต่แรก ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“เรื่องนี้คนแย่ๆ ที่น่าจะโดนกระทืบมีคนเดียว ก็ไอ้คนที่ชกลูกน้านี่แหละ ชลไม่ต้องรู้สึกผิดนะลูก” จำปาเอ่ยถึงธราธิปด้วยน้ำเสียงโมโห แล้วน้ำเสียงค่อยอ่อนลงตอนพูดปลอบใจชัชชน

ส่วนเข็มชมพูกับขจรอุษาก็แอบมองตากันไปมา โดยมีโปรดปรานแอบสังเกตเหล่าบรรดาน้องๆ อย่างเงียบๆ เขามองไปที่เขมฉมาอีกครั้ง แล้วรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนมุมปาก

“ยิ้มอะไรน่ะพี่โปรด” ขจรอุษาที่นั่งอยู่ระหว่างพี่สาวและโปรดปราน บังเอิญหันมาเห็นเข้าพอดี

“แฟนยัยขิมเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงเบามาก พอได้ยินกันสองคน

คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับอมยิ้มอย่างมีเลศนัย ดังนั้นโปรดปรานจึงเงียบ ถ้ามีจังหวะเหมาะๆ เข็มชมพูกับขจรอุษาต้องไม่พลาดมาเม้าท์ให้กันฟังอย่างแน่นอน

“ไม่ได้มีธุระ ต้องรีบไปทำอะไรใช่ไหม นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ชลอยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน แล้วค่อยกลับนะ” จำปาเอ่ยชวน

“ครับ” ชัชชนรับคำทันที

จำปาลุกขึ้นเป็นคนแรก คนอื่นๆ ก็ลุกเดินตาม โดยปล่อยให้เขมฉมาอยู่กับเพื่อนของตัวเองเพียงลำพัง เมื่อทุกคนคิดว่าพ้นระยะที่ทั้งสองคนนั้นจะได้ยินก็หันมามองหน้ากันอย่างรู้ทัน

“สองคนนี้ยังไม่คบกันอีกเหรอเนี่ย” จำปาเป็นคนเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก

“นั่นสิแม่ ขิงน่ะเคยบังเอิญเปิดเจอภาพพี่ชลในโฟลเดอร์หนึ่ง มีเป็นพันรูปเลย ถ้าไม่พิเศษจะมีโฟลเดอร์ส่วนตัวแยกจากเพื่อนคนอื่นเลยเหรอ” ลูกสาวคนเล็กอย่างขจรอุษาเปิดเผยความลับที่เธอแอบรู้มานานแล้ว แต่ไม่เคยพูดให้ใครฟังมาก่อน

“ยัยขิมรักเขาข้างเดียวเหรอ” โปรดปรานรู้แล้วว่าชัชชนเป็นคนพิเศษสำหรับเขมฉมาและคาดหวังว่าอีกฝ่ายก็เห็นน้องสาวของตัวเองเป็นคนพิเศษเช่นกัน

“ถ้ารักข้างเดียว ฉันสงสารหลานฉันแย่เลยนะ อุตส่าห์ปกป้องเขาจนหน้าบวม” จำปีสงสารหลานสาวมากจริงๆ

“ไม่รักข้างเดียวหรอก เชื่อฉันเถอะจ้า แค่พวกนี้มัวแต่อืดอาดยืดยาด ไม่ยอมบอกอีกฝ่ายสักทีว่าชอบ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างชอบกัน” จำปาส่ายหัวน้อยๆ พร้อมรอยยิ้ม “แม่ลุ้นจนเหงือกแห้งแล้วแห้งอีกมานานแล้วก็ยังไม่ยอมเป็นแฟนกันสักที”

“ก็เป็นเพื่อนสนิทกันนี่คะ คงกลัวว่าถ้าอีกคนไม่ได้ใจตรงกัน อาจจะทำให้เสียเพื่อน” เข็มชมพูเข้าใจคนทั้งสองและคอยเชียร์อยู่ห่างๆ มานานแล้วเช่นกัน

“จริงๆ แม่ล่ะอยากตะโกนบอกพวกนั้นให้รู้ความในใจของอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ถ้าให้รู้จากปากของอีกฝ่ายเอง มันต้องเป็นโมเมนต์ที่โรแมนติกมากจนไม่มีวันลืมแน่ๆ” จำปากำชับกับทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะงั้น ต้องทำตัวไม่รู้ ไม่ชี้ต่อไปนะ”

เมื่อทุกคนรับปากจำปาแล้ว ก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ก่อนจะกลับมารวมตัวอีกครั้ง ตอนตั้งโต๊ะรับประทานอาหารกลางวัน โดยมีแขกพิเศษเป็นชัชชน