เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยังนะ?

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ - 04 ตอนที่ 4 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยังนะ?

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-00 บทนำ,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-01 ตอนที่ 1,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-02 ตอนที่ 2,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-03 ตอนที่ 3,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-04 ตอนที่ 4,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-05 ตอนที่ 5 (จบ)

เนื้อหา

04 ตอนที่ 4

ตอนที่ ๔







ช่วงเวลาปีสี่ที่ยุ่งกับงานสำคัญที่จะพาให้จบหรือไม่จบ ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย โดยที่ชัชชนกับ
เขมฉมาก็ปล่อยให้เพื่อนทุกคนเข้าใจกันไปว่า พวกเขาเป็นแฟนกันจริงๆ แล้ว เพื่อตัดปัญหาเรื่องธราธิป ทว่าสุดท้ายแล้ว...

“แกนี่มันจริงๆ เลยว่ะ” เพื่อนที่ขับรถไปรับไอรดามาที่หอพักของตัวเองบ่น

ส่วนเขมฉมาที่มาค้างกับเพื่อน เพื่อทำโปรเจคจบด้วยกัน คอยส่งกระดาษทิชชูให้ไอรดา ซึ่งกำลังร้องไห้ไม่หยุด

“อย่าซ้ำเติมเราได้ไหม ก็ใครจะไปรู้ว่าไอ้ธิปมันจะขี้หึงขนาดนี้ เห็นทำเป็นไม่สนใจเราสักเท่าไร พอมีคนมาขอคุยด้วย เราก็เลยใจอ่อนยอมเป็นกิ๊กกับเขา”

“แล้วจะเอายังไงต่อ จะเลิกกับธิปเลยไหม” เขมฉมาถอนหายใจ พลันนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกายเสียจนเกือบตายตอนเมา “ถ้าถามความเห็นเรานะ ผู้ชายแบบนี้ วันหน้าก็ทำร้ายแกอีกแน่ๆ” เพราะครั้งหนึ่งแม่ของเธอก็เคยทนให้สามีทำร้าย แต่เนื่องจากหันมาทำร้ายเธอด้วย จำปาจึงหมดความอดทนลงและลุกขึ้นมาแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อของเธอ

เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ ธราธิปรู้ว่าไอรดานอกใจจึงทะเลาะกันใหญ่โตและมีการลงไม้ลงมือกัน ทำให้ไอรดาโทรเรียกเพื่อนให้ไปรับจากหอพักของชายหนุ่ม

ไอรดาทำท่าท่านิ่งคิดจึงถูกเพื่อนอีกคนขึ้นเสียงโมโหใส่ “นี่ยังคิดไม่ได้อีกเหรอแก แล้วไหนจะโปรเจคจบของแกอีก ไปถึงไหนแล้ว มัวแต่คอยเอาใจมันจนงานการไม่คืบหน้า ถ้ายังเป็นแบบนี้ แกอย่าหวังเลยว่าจะได้ถ่ายรูปวันรับปริญญาด้วยกัน”

เขมฉมานิ่งเงียบ เห็นด้วยกับเพื่อน แต่ไม่อยากพูดซ้ำเติมให้ไอรดาเสียใจหนักไปมากกว่านี้ เพราะส่วนหนึ่งก็นึกสงสาร ใครๆ ต่างก็อยากได้แฟนที่รักและดูแลกันเป็นอย่างดีทั้งนั้น

“ก็ได้ เราจะเลิกกับธิป ไม่เอาแล้ว เราอยากเรียนจบพร้อมพวกแก”

“เออ! ให้จริงอย่างที่พูด ถ้าคราวหน้าโทรหาให้ไปรับที่หอพักมันอีก บอกเลยว่าให้ตายก็ไม่ไป”

“เลิกแล้วก็คงเปลี่ยนไปคบกับคนที่เป็นกิ๊กแบบจริงๆ จังๆ เลยน่ะ เพราะเขาดีมาก”

คำพูดของไอรดาทำเอาเขมฉมากับเพื่อนได้แต่มองหน้ากัน แม้ไม่พูดก็สื่อความคิดถึงกันได้ว่า คนดีๆ ที่ไหนจะมาจีบผู้หญิงที่มีแฟนอยู่แล้ว จะบอกว่าไม่รู้ก็โกหก เพราะไอรดาอวดแฟนตัวเองฉ่ำตั้งแต่วันแรกที่คบกันขนาดนั้น แถมทุกสื่อโซเชียลที่มีก็เปิดเป็นสาธารณะทั้งหมด

แต่จะห้ามตอนนี้ สุดท้ายก็คงไม่เชื่อเหมือนตอนธราธิปนั่นแหละ พวกเธอคงทำได้แค่หน้าที่เพื่อนที่ดี ตอนเพื่อนต้องการที่พึ่งพา

และเนื่องจากคืนนี้ไอรดาจะค้างที่นี่ เขมฉมาจึงต้องกลับหอพักของตัวเอง เพราะว่าหมอนก็มีแค่สองใบ ผ้าห่มก็มีอยู่ผืนเดียว เตียงก็นอนพอแค่สองคน ดังนั้นเธอจึงจะกลับไปนอนหอพักของตัวเอง

“แกไม่ต้องไปส่งเราหรอก เดี๋ยวชลเขาแวะมารับไปกินข้าวต้มปลาหลังมอก่อน แล้วค่อยกลับหอ”

“พอเปิดตัวแล้วก็หวานกันไม่พักเลยนะ”

“ไม่ได้เปิดตัวสักหน่อย ก็แค่...”

“แหม ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย เหลือแค่พาไปเปิดตัวกับที่บ้านแกเองมั้ง” เพื่อนของเขมฉมาเอ่ยแซวด้วยใบหน้าอมยิ้มรู้ทัน

เขมฉมาอดนึกถึงคนในครอบครัวไม่ได้ หลังๆ มานี้เวลากลับบ้าน ทุกคนมองมาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนรู้ แต่กลับไม่พูด ไม่ถาม

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น บ่งบอกว่าชัชชนถึงหน้าหอพักแล้ว เธอจึงบอกลาเพื่อน แล้วเดินออกมาหาชายหนุ่มที่กำลังนั่งก้มหน้าเล่นมือถือรออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์

หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่เพื่อนๆ ต่างมองว่าเป็นแฟนเธอกันไปหมดแล้ว ทั้งที่สถานะจริงๆ ยังเป็นแค่เพื่อนสนิทเหมือนเดิม เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงไม่กล้าบอกว่าชอบเขาออกไปสักที

เธอเอื้อมไปรับหมวกกันน็อกสีชมพูมาจากมือของเขาพลางเอ่ย “มาเร็วจัง ขี่เร็วใช่ไหมเนี่ย”

“ไม่เร็วหรอก แค่พอตกลงกันว่าจะไปกินข้าวต้มมื้อดึกด้วยกัน เราก็ออกมาเลย” เมื่อเขมฉมาขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ชัชชนก็ขี่ไปทางร้านข้าวต้มมื้อดึกเจ้าดัง ที่พวกนักศึกษาชอบไปฝากท้องกันตอนดึกๆ เพราะเปิดยาวจนถึงตีหนึ่งกันเลยทีเดียว

เนื่องจากมากินที่นี่ด้วยกันหลายครั้งแล้ว ทั้งสองจึงแบ่งหน้าที่กัน คนหนึ่งไปสั่งข้าวต้ม อีกคนไปตักน้ำเปล่าฟรีที่ต้องบริการตัวเอง

“เฮ้อ!”

“อากาศหมดปอดแล้วหรือยังน่ะ” ชัชชนเลิกคิ้ว “กลุ้มใจเรื่องเพื่อนอีกแล้วเหรอ”

“อะ...เออ ใช่ๆ” เขมฉมาเออออไปตามความเข้าใจของชายหนุ่ม ทั้งที่เรื่องที่ทำให้กลุ้มจนเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดังกลับเป็นคนที่อยู่ตรงหน้านี่แหละ

“ยังไง เพื่อนเลิกกับไอ้นั่นหรือยัง” ตั้งแต่เธอโดนชก ชัชชนก็เรียกธราธิปว่าไอ้นั่นตลอด

“มีแนวโน้มว่าจะเลิกนะ เพราะถูกธิปเขาบีบคอเอาจนคอแดงไปหมดเลย”

“ถึงกับบีบคอเลยเหรอ แบบนี้ต้องรีบเลิกแล้วแล้วนะ”

“เพื่อนๆ ก็อยากให้ยัยไอริเลิก แต่ก็กลัวใจยัยนี่จริงๆ ว่าจะใจอ่อน” เขมฉมายังไงก็หยุดคิดถึงเรื่องร้ายๆ ในสมัยเด็กไม่ได้เลย “ตอนนี้เราคิดถึงใครรู้ไหม เรากำลังคิดถึงพ่ออยู่ ถ้าตอนนั้นแม่ไม่รีบเลิก บางทีเราอาจจะไม่ได้โต” หญิงสาวพยายามฝืนหัวเราะ

“ตอนนั้นน่ะ เราเสียใจที่ช่วยขิมไม่ได้ แต่ตอนนี้ ขิมไม่ต้องกลัวแล้วนะ เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธออีก”

เขมฉมาน้ำตาคลอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ภาพของคนตรงหน้าเริ่มเบลอๆ จึงต้องรีบยิ้มกว้างออกมา

“ชล เราอยากไปเที่ยวทะเลกับชลอีกจริงๆ นะ แต่คราวนี้ขอไปกันแค่สองคนก็พอ”

“ได้สิ” เขายิ้ม “พร้อมไปกับเธอเสมอ”

“เอาเป็นว่า งานเสร็จและมั่นใจว่าจบแน่ เราไปเที่ยวด้วยกันนะ”

“เออ...แล้วคราวนี้จะนอนห้องเดียวกันไหม”

“คนละห้องสิยะ” เขมฉมาค้อนใส่อีกฝ่ายแก้เขิน

“งั้นขิมเป็นคนเลือกที่พัก แล้วก็เลือกห้องให้เราเลยแล้วกัน เรานอนห้องแบบไหนก็ได้”

“ไปพักสักคืน เช้าค่อยกลับเนอะ”

เขมฉมาตั้งใจแล้ว เธอจะสารภาพในวันที่ไปเที่ยวด้วยกันนี่แหละ เพราะถ้าอกหัก ตอนเช้าจะได้แยกย้ายกันไป ไม่ต้องอยู่ต่อให้อึดอัดใจ

แล้วหลังจากนั้น นอกจากจะตั้งใจกับโปรเจคจบแล้ว หญิงสาวก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการไปเที่ยวกับชัชชนด้วย

*****

ในที่สุดเวลาของการรอคอยก็ใกล้เข้ามาแล้ว ชัชชนจึงมีเรื่องต้องคุยกับผู้เป็นพ่ออย่างชัชพล เพราะเขานั้นอยากขอยืมบางอย่างจากอีกฝ่าย

“พ่อครับ ผมขอยืมรถขับไปเที่ยวได้ไหมครับ”

ชัชพลที่กำลังดื่มกาแฟในตอนเช้าเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้ลูกชายจะขับรถเป็นและมีใบขับขี่แล้ว แต่ไม่เคยขอยืมรถของเขาใช้สำหรับขับไปเที่ยวเลยสักครั้ง

“ไปเที่ยวกับสาวหรือไงถึงอยากได้รถไปขับ” สีหน้าที่เปลี่ยนไปและไม่ยอมสบตากันของลูกชายทำให้ชัชพลหัวเราะออกมาเบาๆ

“ผมจะพาขิมไปเที่ยวทะเลด้วยกันครับ” ในที่สุดชัชชนก็สารภาพออกมาว่าไปกับใคร “อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ผมเลยอยากใช้เวลากับเขาให้มากที่สุด”

“ก็เอาไปสิ จะยืมสักกี่วันก็ได้” ชัชพลอดยิ้มไม่ได้เลย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้คนเป็นลูกชายไม่กล้าสบตากับผู้เป็นพ่อที่เหมือนจะรู้ทุกอย่างอยู่นานแล้วเข้าไปใหญ่

บรรยากาศมื้อเช้าของวันนี้จึงเงียบมากกว่าทุกที เพราะชัชชนไม่กล้าชวนพ่อของตัวเองคุยอะไรอีก ด้วยกลัวว่าจะกลายเป็นพูดเรื่องของเขากับเขมฉมา

ทว่าเมื่อวันนัดของชัชชนกับเขมฉมามาถึง ช่วงเช้าที่ชายหนุ่มจะขับรถไปรับหญิงสาวที่บ้าน เขาก็เห็นข้อความแจ้งเตือนจากแอปธนาคารว่ามีเงินโอนเข้ามา

“พ่อโอนมาทำไมตั้งเยอะครับ”

“อ้าว ก็จะได้เอาไปเที่ยวไง” ชัชพลยกมือขึ้นกอดอก “ต่อไปพ่อจะไม่ให้หรอกนะ เพราะลูกทำงานหาเงินเองได้แล้ว”

“ขอบคุณครับ” ชัชชนยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพ่อ “ถ้าทำงานแล้ว รับรองว่าผมจะไม่ขอพ่ออีกแน่ๆ พ่อเก็บไว้เปย์สาวเถอะ”

“เดี๋ยวเถอะ ไอ้ลูกคนนี้” ชัชพลยกมือขึ้นทำท่าจะเขกหัวลูกชาย แต่ชัชชนที่รู้จังหวะแบบนี้ดี รีบถอยและหนีหายไปพร้อมกับกุญแจรถของผู้เป็นพ่อในมือ

ส่วนอีกด้านนั้น...

เขมฉมาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมครอบครัวของเธออันประกอบไปด้วย ป้าทั้งสาม ผู้เป็นแม่ น้องสาวทั้งสอง และลูกพี่ลูกน้อง โปรดปรานกับปรายฟ้าที่มาพร้อมลูกสาว ซึ่งเป็นหลานตัวน้อยๆ ของเธออย่างน้องปรายฝน จึงกลับมาอยู่บ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

“แต่งตัวก็สวย แต่งหน้าก็เลิศแบบนี้ เดี๋ยวคนมารับก็จำไม่ได้หรอก” ปรายฟ้าที่กำลังอุ้มลูกสาวในอ้อมแขนเอ่ยปากแซว

“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว” เขมฉมาซึ่งวันนี้แต่งตัวพิถีพิถันกว่าทุกวันได้แต่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่พยายามทำให้เหมือนปกติมากที่สุด

“แล้วเมื่อไรจะเลิกเป็นเพื่อนกับพี่ชลเขาสักทีล่ะคะ” เข็มชมพูที่ปกติจะเป็นคนเรียบร้อยพูดน้อยที่สุด วันนี้ก็ยังเอ่ยปากแซวพี่สาว

เขมฉมาไม่รู้ว่าจะเถียงกลับอย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่ค้อนใส่ทุกคนที่เอ่ยปากล้อเลียนเธอกลับไป

“คอจะหักแล้วไหมน่ะ” โปรดปรานเองยังอดแซว

“พี่ชลหล่อขนาดนี้ เดี๋ยวเถอะ ถ้าพี่ขิมไม่เอา ขิงจะลองจีบแล้วนะ” ขจรอุษาพอเห็นคนอื่นรุมพี่สาว ตัวเองก็เอาด้วยจึงเกือบถูกเขมฉมาหยิกเข้าให้ ดีที่หลบมาอยู่หลังมารดาได้ทัน

“เอ้าๆ พอแล้ว มาแล้วโน่นแน่ะ”

สิ้นเสียงของจำปาทุกคนก็หันไปมองรถที่มาจอดรออยู่นอกรั้ว แต่ไม่ทันที่ชัชชนจะได้ลงมาไหว้ผู้ใหญ่ เขมฉมาก็รีบลากกระเป๋าออกไปหาชายหนุ่ม ทำเอาคนด้านหลังได้แต่ยืนมองไกลๆ แล้วหัวเราะกันด้วยความขบขัน

“คิดว่าลูกเธอจะรอดไหมเนี่ย” บานชื่นพี่สาวคนโตสุดหันไปเอ่ยกับแม่ของหลานสาว

“ลูกปาน่ะไม่รู้ แต่พ่อหนุ่มนั่นไม่น่ารอดมือลูกปาหรอกนะ” จำปาหัวเราะด้วยความเอ็นดูลูกสาว คราวนี้คงตั้งใจเต็มที่ว่าจะสารภาพรักแน่ๆ

“จะได้หลานเขยเพิ่มอีกคนแล้วเหรอ” บานเช้าพี่สาวคนรองของจำปายิ้มกับน้องสาว

“คนนี้แหละพี่เช้า ปาฟันธงเลย” จำปาตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ก่อนจะเป็นคนแรกที่เดินกลับเข้าบ้าน แล้วคนอื่นๆ ก็ตามกันมา ในขณะที่รถของชัชชนค่อยๆ หายลับไปจากสายตาของเหล่ากองเชียร์

*****

ชัชชนกับเขมฉมาเลือกเที่ยวทะเลที่อยู่ไม่ไกลนัก ขับรถเพียงสองถึงสามชั่วโมงก็ได้มายืนรับลมที่ริมทะเล หลังจากไปเช็กอินเข้าพักยังโรงแรมที่เขมฉมาจองไว้เรียบร้อยแล้ว

“รู้สึกสดชื่นกว่าครั้งก่อนเยอะเลย”

“นั่นสิ” ชัชชนเห็นด้วยกับเขมฉมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะคราวนี้ไม่มีคนน่ารำคาญมากวนใจด้วยนั่นแหละ มีแต่พวกเขาแค่สองคน

“ลงไปที่น้ำกันดีกว่า” หญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดแม็กซี่เดรสยาวสีขาว เดินนำเขาลงไปยังชายหาด

เมื่อปลายเท้าสัมผัสความเย็นก็ยิ่งรู้สึกว่าได้รับการเยียวยาร่างกายจากความเหนื่อยล้า ซึ่งเกิดจากการเรียน และเมื่อเขมฉมาหันมายิ้มสดใสแข่งกับดวงอาทิตย์ในวันนี้ ชัชชนก็ยิ่งรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบต

“ขิมมีความสุขหรือเปล่า”

“มีความสุขสิ ตอนนี้ใจฟูมาก แถมยังเต้นแรงด้วยนะ”

ชัชชนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรักอย่างไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปแล้ว เป็นตอนนี้เลยดีไหมนะ

“ชล”

“มีอะไร เรียกแล้วทำไมไม่พูด” เขาเลิกคิ้วสูง เพราะคนตรงหน้ายังเอาแต่ยิ้ม

“เรารู้จักกันมากี่ปีแล้วเนี่ย”

“ตั้งแต่ ป.1 ก็...” เขาเริ่มนับนิ้ว “ใกล้จะสิบหกปีเต็มแล้ว”

“เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วเนอะ”

“ไม่หรอก” เขาไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก

“ถ้าตอนนี้เราไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอแล้วล่ะ”

เขาได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อย พลันคิดไปว่า ตัวเองเผลอไปทำอะไรให้หญิงสาวโกรธตอนไหน ทำไมถึงได้อยากจะเลิกเป็นเพื่อนกันขึ้นมา

“สำหรับเรา เราว่าเราเป็นเพื่อนกับชลมานานเกินพอแล้ว ก็เลยอยากเลิกเป็นเพื่อนกับชล แล้วเปลี่ยนมาเป็นแฟนแทนได้ไหม”

ชัชชนกำลังประมวลผลทุกคำพูดของเขมฉมาอย่างช้าๆ ชั่วขณะหนึ่งเขาเสียใจที่หญิงสาวบอกไม่อยากเป็นเพื่อนกันแล้ว วินาทีต่อมาหัวใจก็เริ่มเต้นรัวราวกับกลอง

เขมฉมาจากที่ยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเธอค่อยๆ หุบลง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่นิ่งไป “แต่ถ้าสิ่งที่เราพูด ทำให้ชลตกใจก็ขอโทษด้วยนะ ความจริงจะเป็นเพื่อนกันต่อไปก็ได้ แค่ชลต้องทำเป็นลืมสิ่งที่เราพูดออกไปเมื่อกี้”

“ไม่ได้”

“อ๋อ เราเข้าใจแล้วว่า ชลไม่ได้ใจตรงกัน”

“หมายถึง เราลืมสิ่งที่ขิมพูดออกมาไม่ได้หรอกนะ” ชัชชนขยับเข้าไปใกล้หญิงสาว ฝ่ามือคู่ใหญ่ค่อยๆ โอบประคองแก้มนิ่มเอาไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงจูบอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล ส่วนคนถูกจูบตกใจจนทำอะไรไม่ถูก กว่าจะได้สติก็เป็นตอนที่เขาผละออกไปกระโดดโลดเต้น ไชโยในน้ำทะเลแล้วโน่นแหละ!