เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยังนะ?

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ - 05 ตอนที่ 5 (จบ) โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยังนะ?

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-00 บทนำ,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-01 ตอนที่ 1,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-02 ตอนที่ 2,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-03 ตอนที่ 3,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-04 ตอนที่ 4,โปรดเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ-05 ตอนที่ 5 (จบ)

เนื้อหา

05 ตอนที่ 5 (จบ)

ตอนที่ ๕







เขมฉมากับชัชชนเดินจูงมือกันไปตามชายหาด เป็นการกุมมือกันที่แน่นกว่าที่เคย เพราะไม่ต้องคอยปกปิดความรู้สึกมากล้นที่อยู่ในใจกันอีกต่อไป

“ชลรู้ตัวว่าชอบเราตั้งแต่ตอนไหนเหรอ”

“ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ชอบมาตลอดเลยนะ”

หญิงสาวได้ยินแบบนั้น แก้มนวลก็ขึ้นสีแดงเรื่อ ความรู้สึกเขินอายทำให้ต้องมองไปแต่ที่ทะเล ไม่กล้าหันไปมองคนข้างกาย

“เราอาจจะช้ากว่าหน่อยนะ คงสักราวๆ ม.ปลายนั่นแหละ ลุ้นแทบแย่ว่าพอขึ้นมหา’ลัยแล้วชลจะมีแฟนหรือเปล่า เพราะอยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนอื่นมาชอบเธอเยอะแยะเต็มไปหมด”

“ทำไมขิมไม่เคยแสดงออกว่าหึงบ้างล่ะ พวกเราอาจจะรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเร็วกว่านี้”

“ก็เราไม่ใช่คนขี้หึง แถมยังรู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะไปหึงไง”

อยู่ๆ ชัชชนก็หัวเราะออกมาโดยไม่มีเหตุผล แต่เขมฉมาก็เข้าใจ เพราะเธอเองก็พลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย แค่มีความสุขแล้วอยากหัวเราะก็เท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าใครบานกว่ากัน

“แต่ก่อนจะสารภาพ เราเอาแต่คิดว่า ชลคงปฏิเสธ เราเลยวางแผนจะบอกวันนี้ เพราะหลังจากนี้จะได้แยกย้ายกันไป”

“บอกตามตรง เราก็คิดแบบนั้น แถมยังคิดว่าอาจจะทำใจเจอหน้าขิมไม่ได้แล้วด้วย คงได้ไปสมัครงานอยู่ที่ไกลๆ หรือพยายามหางานที่ได้ไปต่างประเทศแน่ๆ”

“โชคดีที่เราใจตรงกันเนอะชล”

“ถ้าพวกเราตัดสินใจไม่บอก สงสัยคงต้องคลาดกันไปแน่ๆ”

“คู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันมั้ง” เขมฉมาอมยิ้ม

“งั้นคืนนี้เราขนของมานอนห้องเดียวกับขิมได้ไหม”

“ก็บอกว่าไม่ได้ไง” หญิงสาวค้อน “แล้วไหนๆ ก็จองแล้ว ก็ต้องนอนให้คุ้มสิ”

“ถ้าได้ย้ายห้องจะรู้สึกคุ้มกว่า” ชัชชนยิ้มกว้าง “นอนเฉยๆ น่า สัญญา”

“พวกผู้ชายไว้ใจได้จริงเหรอ”

“สบตาเราสิ”

เขมฉมาเห็นแววตาของชัชชนเป็นประกายวิบวับแล้วก็ส่ายหน้า “เชื่อไม่ได้”

“แค่คิดไว้ว่าจะนอนกอดให้ชื่นใจทั้งคืนเอง”

“ใจอ่อน อนุญาตให้ย้ายมานอนห้องเดียวกันก็ได้ แต่ว่าเรามีเรื่องอยากจะขอชลสักเรื่อง”

“ว่ามาได้เลย หลายๆ เรื่องก็ได้”

“เราอยากให้ชลเลิกดื่มได้ไหม แค่เรื่องเดียวที่เราอยากจะขอ ถ้าชลให้เราได้ ชลอยากขอให้เราทำอะไรแลกกัน ก็บอกมาได้เลย”

ชัชชนรู้ดีว่าทำไมเขมฉมาถึงไม่ชอบคนดื่ม เขาจึงพยักหน้าตกลงโดยไม่เสียเวลาคิด “แลกกับเวลาขิมจะไปไหนกับใคร ต้องโทรหรือส่งข้อความมาบอกทุกครั้ง แล้วก็บอกอีกทีตอนกำลังจะกลับได้ไหม”

“ได้สิ ไม่เห็นยาก”

ชายหนุ่มยกมือที่กุมกันขึ้นมาและจูบลงบนหลังมือของหญิงสาว เขมฉมานึกอยากหยุดช่วงเวลาแสนหวานเหล่านี้เอาไว้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะชัชชนช่างน่ารักกับเธอเหลือเกิน น่ารักเสมอมาและน่ารักตลอดไป

*****

ชัชชนรู้สึกเหมือนตัวเองชนะเดิมพัน ดังนั้นความรู้สึกในวันนี้จึงเบิกบานเสียจนแทบหุบยิ้มไม่ได้เลย แถมยังอยากจะบอกกับทุกคนว่าเขมฉมาเป็นแฟนของเขา

“จ้องอยู่ได้ ไม่กินแล้วจะอิ่มเหรอ” เขมฉมาว่าคนที่เอาแต่จ้องเธอจนทำให้ตัวเองเขินอายไม่หยุด “นี่ทำตัวเหมือนเดิมเถอะ”

“ยังไงล่ะ” ชัชชนเลิกคิ้ว

“ปกติไม่ทำตัวแบบนี้นี่”

เขาหัวเราะ “ตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแล้วนี่”

“รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำ แต่ถ้าไม่กินสักที เดี๋ยวก็หมดเวลาบุฟเฟต์หรอก” เธอค้อนเขา “มีเวลาแค่สองชั่วโมงเองนะ”

ชายหนุ่มมองของกินตรงหน้า “จริงๆ มันก็อิ่มจนไม่อยากกินอะไรแล้วล่ะนะ”

“อย่ามาเว่อร์”

“คอเธอมันจะหักแล้วหรือเปล่าน่ะ ค้อนทุกห้านาทีเลย” ชัชชนหัวเราะ “เพิ่งรู้ว่าค้อนเก่งขนาดนี้”

“เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าชลคลั่งรักเราขนาดนี้ จ้องไม่หยุดสักที”

คราวนี้ชัชชนถึงกับต้องเบนสายตาไปทางทะเลแล้วยิ้ม ยอมรับแต่โดยดีว่าเขาคลั่งรักจริงๆ นั่นแหละ ก็แอบชอบมานานขนาดนี้ พอรู้ว่าสมหวังดังใจคิด ก็อดจ้องเขมฉมาเอาไว้ไม่ได้เลย เพราะกลัวว่าตอนนี้อาจจะแค่กำลังฝันกลางวันอยู่

“ชล เราเห็นที่นี่มีเบียร์สดที่เธอชอบด้วยนะ อยากดื่มไหม ให้วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ได้”

“ก็อยากอยู่นะ แต่สัญญาแล้วนี่ เธออย่ามาทำให้เราผิดสัญญาตั้งแต่วันแรกเลยสิ”

“เรายอมให้ดื่มปีละครั้งดีไหม”

ชัชชนยิ้มบาง “เราอยากดื่มนะ แต่ขอเป็นวันที่เราแต่งงานกันดีไหม วันนั้นขอสักวันหนึ่ง”

แก้มของเขมฉมาขึ้นสีแดงเรื่อ “น่าจะอีกนานเลยนะนั่น”

“นานก็รอได้”

“ตกลง วันนั้นดื่มได้เต็มที่เลย” หญิงสาวยิ้มกว้าง ในความเป็นจริง วันนี้เธอเองก็กินได้ไม่มากเหมือนอย่างเคย เพราะมัวแต่เขินอยู่ มื้อนี้จึงนับว่าไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเลย แต่ไม่มีใครระหว่างเขากับเธอรู้สึกเสียดายแม้แต่นิดเดียว

และยิ่งไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่าค่าห้องไปสองห้อง ทว่ากลับมานอนด้วยกันที่ห้องของเขมฉมา ไม่คุ้มเงิน แต่ความรู้สึกแสนหวานที่ได้รับ ซึ่งกลายเป็นความทรงจำอันล้ำค่าในอนาคตนั้น ทำให้รู้สึกคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก

*****

เมื่อเขมฉมากลับถึงบ้านก็ได้รับรอยยิ้มเหมือนรู้ทันจากทุกคนในครอบครัว ทั้งที่เธอยังไม่ได้ประกาศให้โลกรู้อย่างเป็นทางการ แต่อยากบอกให้คนในครอบครัวรู้ก่อนแล้วค่อยเปิดตัวกับคนอื่น

และในมื้อเย็นที่คนในครอบครัว อยู่กันเกือบพร้อมหน้าพร้อมตา ขาดไปก็แต่ปรายฟ้าที่พาลูกสาวไปเที่ยวกับครอบครัวของสามี ส่วนโปรดปราน น่าจะน้องสาวของเธอสักคนโทรไปตามมาอย่างแน่นอน

“ทุกคนคะ ตอนนี้ขิมคบกับชลแล้วนะคะ”

สมาชิกที่นั่งร่วมโต๊ะกันมองหน้ากันไปมาแล้วก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับปรบมือไปด้วย ทำเอาคนเพิ่งมีแฟนค้อนใส่ทุกคนรัวๆ

“แหมกว่าจะเป็นแฟนกันได้ แม่ล่ะลุ้นมาตั้งหลายปี”

“อะไรคะแม่ แม่รู้เหรอ” เขมฉมาตาโต

“ก็รู้สิ พ่อของแฟนลูกก็รู้เหมือนกัน” จำปาส่ายหัวเบาๆ “ปิดกันซะมิดมากเลยจ้า”

อยู่ๆ ใบหน้าของเขมฉมาก็ร้อนผ่าว ทั้งที่เตรียมใจมาแล้วว่าต้องถูกแซวและล้อแน่ๆ แต่พอคิดถึงอดีตว่าคนรอบตัวแทบจะรู้กันหมด มีแค่เธอกับชัชชนที่ยังไม่รู้ใจกันเสียทีก็ยิ่งเขิน

“อิจฉาเลยอะ ขิงจะหาแฟนน่ารักๆ ได้แบบพี่ชลบ้างไหมน้า” ขจรอุษาที่เพิ่งอยู่ปีหนึ่งได้แต่บ่น “เรียนมาตั้งปีแล้ว ยังไม่เจอผู้ชายแจ่มๆ ในมหา’ลัยของขิงเลย”

“ตั้งสเปกไว้สูงลิบเลยล่ะสิ” จำปาว่าลูกสาว

“แหมแม่ จะมีแฟนทั้งทีก็ต้องแจ่มๆ ไหม”

“จ้าลูกสาวคนสวยของแม่”

“ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาไถพี่แล้วนะ ให้แฟนเปย์แทนพี่แล้วกัน” โปรดปรานเอ่ยยิ้มๆ

“ถ้าหางานทำได้แล้วก็ไม่ไถคนอื่นแล้วค่ะ” เมื่อนึกถึงเรื่องงาน เขมฉมาก็มีอีกเรื่องที่จะต้องคุยกับคนในครอบครัว “แม่คะ ถ้าขิมหางานทำได้แล้ว ขิมขอ...”

“จะขอไปอยู่กับแฟนใช่ไหมล่ะ แม่อนุญาต”

“ขิมยังพูดไม่จบเลย”

“แม่เข้าใจ พวกลูกๆ ก็เหมือนลูกนกที่บินได้แล้วนั่นแหละ รังมันแคบไป ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่จริงไหมล่ะ”

“ขิมสัญญาค่ะว่าจะกลับบ้านบ่อยๆ ไม่หายไปทีละนานๆ แบบพี่โปรดหรอก”

“อ้าว! นั่งเงียบอยู่ดีๆ โดนแซะซะอย่างนั้นแหละ”

เขมฉมาหัวเราะโปรดปราน คนอื่นๆ เองก็พลอยหัวเราะกันไปด้วย ความเข้าอกเข้าใจกันในครอบครัวของหญิงสาวเป็นสิ่งที่มีค่าเหลือเกิน ดังนั้นเธอจึงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำตัวให้แม่และคนอื่นๆ ผิดหวังในตัวเธออย่างแน่นอน

*****

ห้องเช่าเล็กๆ ของคอนโดแห่งหนึ่ง ตอนนี้ยิ่งดูคับแคบไปถนัดตา เพราะนอกจากมารดาของเขมฉมากับน้องๆ แล้ว โปรดปรานกับปรายฟ้าก็มาช่วยขนของขึ้นมาส่งจนถึงห้อง

“ขอบคุณนะคะ” เขมฉมาเอ่ยกับทุกคนในครอบครัว บรรยากาศแบบนี้ทำให้หวนนึกถึงวันแรกๆ ที่ต้องไปพักที่หอพักนักศึกษา

แน่นอนว่านอกจากจะมาส่งและช่วยขนของแล้ว ครอบครัวของเธอก็ซื้อของมาทำชาบูกินเองด้วย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ให้กับคนที่เริ่มยืนด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว

ในขณะที่กำลังวุ่นวายเตรียมของทำชาบู ชัชชนกับบิดาก็มาพร้อมกับข้าวของไม่มากนัก ไม่เหมือนกับหญิงสาวที่เหมือนกับจะย้ายบ้าน

ชัชชนยกมือไหว้ทุกคนที่อาวุโสกว่าและยิ้มให้กับน้องสาวทั้งสองคนของเขมฉมา เช่นเดียวกับที่หญิงสาวเองก็พาน้องๆ ยกมือไหว้ชัชพล บิดาของแฟนหนุ่มและชักชวนให้มากินชาบูด้วยกัน

ชัชพลเห็นความวุ่นวายของครอบครัวแฟนของลูกชายก็ยิ้มด้วยควมเอ็นดู ได้แต่คิดว่าในอนาคตชัชชนคงไม่เหงาอย่างแน่นอน

เขากับจำปานั่งลงยังโซฟา แล้วปล่อยให้พวกเด็กๆ ลวกผักและหมูใส่ชาม ก่อนราดน้ำจิ้มสุกี้มาให้เขานั่งกินกับจำปา

“ลุ้นมาเป็นสิบปีในที่สุดก็มีวันนี้สักทีนะ”

“นั่นสิครับ” ชัชพลยิ้มบาง เอ็นดูทั้งลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้

“ต่อไปก็ลุ้นว่าเมื่อไรจะแต่งงานกัน”

“คราวนี้น่าจะไม่นานหรอกครับ พี่ปารอรับขันหมากได้เลยครับ” ชัชพลเรียกจำปาว่าพี่ เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่าอยู่หลายปี

จำปาหัวเราะ “พี่จะคอยจ้า”

และเมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกันแล้ว อีกทั้งยังช่วยกันล้างจานทำความสะอาดเรียบร้อย จำปาก็ชวนทุกคนกลับ ปล่อยให้
ชัชชนกับเขมฉมาได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังเสียที

“สีชมพูหรือสีฟ้าดี” เขมฉมาหยิบเดรสที่เธอเตรียมไว้ สำหรับใส่ไปทำงานวันแรกออกให้แฟนหนุ่มเลือก

“ชมพูสิ เธอเหมาะกับสีนี้ที่สุดแล้ว” และเขาก็รู้ว่าแฟนของตัวเองชอบสีนี้มากที่สุด

เขมฉมายิ้มกว้าง รู้สึกมีความสุขแบบสุดที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มงานเป็นวันแรกแล้ว หลังจากที่แฟนหนุ่มของตัวเองเริ่มต้นทำงานไปก่อนได้สองเดือนแล้ว

หลังจากทั้งสองคนลงมือจัดข้าวของอีกเล็กน้อย และอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็อยู่ในชุดนอนคู่รักสีชมพูที่เขมฉมาอยากให้ใส่คู่กันทุกคืน

“ใส่ชุดนี้แล้วเขินไหม”

“ไม่เขิน จะเขินทำไม ก็มีแค่ขิมคนเดียวที่ได้เห็น” ชัชชนโอบรอบเอวของเขมฉมาแล้วดึงมากอด เขากอดเธอแน่นเต็มรัก

“รออีกนิดนะ” เขมฉมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเขินๆ “เราอยากให้ชลเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบยี่สิบสามปีของเรา”

ชายหนุ่มดึงตัวออกมาจากหญิงสาว เพื่อมองใบหน้าที่กำลังแดงเรื่อและยิ้มอย่างมีความสุข “เรารอขิมได้เสมอ แต่กว่าจะถึงวันนั้น ขอจูบแบบไม่อั้นนะ”

“ถ้าแค่จูบ เท่าไรก็ได้”

สิ้นเสียงพูด ริมฝีปากร้อนผ่าวของชัชชนก็ประทับลงบนริมฝีปากอิ่มนุ่มนวล เขมฉมาเผยอริมฝีปากของตัวเองขึ้นรับการบุกรุกที่เข้ามาทักทายปลายลิ้นของเธอด้วยความเต็มใจ

หญิงสาวปล่อยใจให้หลงอยู่ในห้วงของความสุขจากรสจูบอันน่ามหัศจรรย์ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้เลย นี่หรือเธอกำลังจะพ่ายแพ้ต่อความเขินอายที่ตัวเองมี ยอมจำนนให้กับความเย้ายวนวาบหวาม

ชัชชันรีบผละตัวออกออกทันที เมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วอย่างมีความสุขออกมาจากริมฝีปากของแฟนสาว เพราะถ้ามากไปกว่านี้ พระอิฐพระปูนคงหนีไปจากเขาแน่ๆ

“ชล”

“หือ...”

“ไม่รอแล้วได้ไหม”

“ได้ เอ๊ะ...ขิมว่าไงนะ”

“อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง เราอยากได้ของขวัญล่วงหน้า”

ชายหนุ่มขยับยิ้มกว้าง ก่อนจะประทับจุมพิตหนักๆ ลงบนหน้าผากมนของคนที่กำลังหน้าแดงและมีท่าทางเขินอาย

แน่นอนว่าสำหรับเขา เขมฉมาต้องการแบบไหน เขาก็พร้อมจะโอนอ่อนผ่อนตามเธอเสมอ และสิ่งที่เธอเสนอขึ้นมาก็เหมือนกับบอกให้แมวกินปลาเลย ไม่ต้องรอแล้ว แมวที่ไหนจะมารออีกล่ะ ตอนนี้จะกี่สิบพระอิฐพระปูนก็รั้งเขาไม่ไว้อยู่หรอก

ค่ำคืนแรกของความสัมพันธ์อันแสนหวาน จึงกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมได้ลง

เขารักเธอ

และเธอก็รักเขามากเช่นกัน

เสียงกระซิบบอกรักกันดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเงียบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจของคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างกัน



:: จบ ::