เสือสมิง สัตว์ร้ายยามราตรีที่ชาวบ้านต่างหวาดกลัว มันออกอาละวาดเข่นฆ่าผู้คนไม่เว้นแต่ละวันจนพรานเชิด พรานผู้มีฝีมือเก่งกาจด้านคาถาอาคมปราบมันจนสิ้นใจได้ เรื่องราวไม่ได้จบลงเท่านั้น เจ้าสัตว์ร้ายยังมีลูกอีกตัวหนึ่งเวลาพ้นผ่านมานานนับ๒๐ปี ความแค้นสุมอกสมิงผู้ลูกทำให้มันลอบเข้าเรือนพรานเชิดและฉกตัวลูกชายคนเล็กของพรานเชิดออกไปจากเรือน
ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,ทะลุมิติ,ต่างโลก,ไสยศาสตร์,เสือสมิง,ชาย-หญิง,ชายรักชาย,ชาย-ชาย,นิยายเกย์,นิยายรัก,นิยายบีแอล,นิยาย18+,แฟนตาซี,นิยายวาย,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พิษสมิงพรายเสือสมิง สัตว์ร้ายยามราตรีที่ชาวบ้านต่างหวาดกลัว มันออกอาละวาดเข่นฆ่าผู้คนไม่เว้นแต่ละวันจนพรานเชิด พรานผู้มีฝีมือเก่งกาจด้านคาถาอาคมปราบมันจนสิ้นใจได้ เรื่องราวไม่ได้จบลงเท่านั้น เจ้าสัตว์ร้ายยังมีลูกอีกตัวหนึ่งเวลาพ้นผ่านมานานนับ๒๐ปี ความแค้นสุมอกสมิงผู้ลูกทำให้มันลอบเข้าเรือนพรานเชิดและฉกตัวลูกชายคนเล็กของพรานเชิดออกไปจากเรือน
เสียงโหวกเหวกโวยวายในตอนเช้ามืด บ่าวไพร่บนเรือนหน้าตาตื่นเมื่อพบว่าลูกของพรานเชิดหายไป
“พี่เชิด พี่เชิดจ๊ะ เห็นพ่อแก้วบ้างไหม”
“ลูกหายหรือ”
“จ้ะ แสงเดือนบอกว่าไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืน คิดว่ามานอนกับฉัน”
พรานเชิดหน้าตาตื่น ร่างกายที่สภาพตามสังขารตอนนี้รีบวิ่งไปที่ลำธารหลังเรือน ตาชายชราเบิกกว้าง รอยเท้าเสือใหญ่เกือบเท่ากระด้งฟัดข้าว พรานเชิดหงายตึง
“พี่เชิด เป็นอะไรจ๊ะ”
แม่สารภีรีบเข้ามาประคองสามี ที่หงายหลังลงกับพื้นพร้อมกับแสงเดือนที่เข้ามาช่วยอีกแรง
“แม่สารภี พวกมันกลับมาแล้ว”
“ใครจ๊ะพี่”
พรานเชิดมีสีหน้าวิตกกังวล คงเพราะเวรกรรมของตนที่ฆ่าพญาสมิงเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้พวกมันกลับมาล้างแค้น
“เสือสมิง เสือสมิงเอาแก้วตาไปแล้ว”
พรานเชิดร้องไห้โฮ ถึงใครจะว่าเขาเป็นเนืองๆว่ารักลูกไม่เท่ากัน ไม่รักหรือห่วงใยแก้วตาเท่าแสงเดือนที่พอเป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัวได้ แก้วตาขี้โรค ปวกเปียก ชอบเก็บตัวห่างจากผู้คน ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทั้งบาง ว่าพรานเชิดเกลียดลูกขี้โรคจึงปล่อยให้ลูกถูกเสือกิน
เจ้าคนงามขยับกายอิงแอบพรมขนสัตว์สีดำสนิท ไออุ่นจากพรมนิ่มทำให้กายบางรู้สึกสบายตัวแก้มนวลขาวถูไถด้วยความเคยชิน แก้วตาเป็นคนขี้อ้อน มักจะอ้อนแม่สารภีบ่อยๆ
“พี่ขาล(อ่านว่า ขาน แปลว่าเสือ)”
“มีอะไร”
“พี่เอาลูกไอ้พรานระยำนั่นมาถึงที่ ทำไมไม่จัดการมันเลย คนเช่นมันคงฆ่าได้ไม่ยาก”
“กูมีทางที่ดีกว่าฆ่าลูกมัน ยังไงลูกมันก็ไม่ได้รู้อะไรด้วย ถึงอย่างไรกูจะฆ่าไอ้เชิดให้ได้”
สมิงร้ายปรายตามอง กายงามงอนอ้อนแอ้นที่หลับอยู่บนพรมสีดำ โจงกระเบนสีชมพูกลีบบัว แผ่นอกเปลือยเปล่าโชว์ยอดถันเล็ก
“กูจะทำให้มันท้อง ให้ไอ้พรานเชิดมันอกแตกตาย ที่มันมีหลานเป็นสายเลือดสมิง”
“มึงแน่ใจรึ ไอ้ขาล”
ชายตัวสูงในชุดสีขาว หนวดเครายาวถึงเอว ผมสีขาวทั้งหัว ถือไม้ตะพดเดินเข้ามา สมิงร้ายทั้งสองนั่งลงก้มกราบผู้มาใหม่
“ท่านครูศารทูล(สา-ระ-ทูน)”
“มึงทำเช่นนั้นกับมันไม่ได้ดอก”
“ทำไมล่ะขอรับ”
“มันเป็นคู่ของมึง มึงนั่นแหละจะหลงรักมันเอง ไอ้สมิงโง่”
ศารทูลว่าพลางหัวเราะในลำคอ ดวงตาสมิงแก่จ้องมองใบหน้างามงอนยามหลับไหล ดวงสัมพันธ์มัดเข้าที่ต้นแขนของทั้งคู่เป็นแสงสีขาวเท่าเส้นด้าย ล้อมที่ต้นแขน
ด้านพรานเชิดที่กำลังร้อนรน สารภีเองก็เป็นลมล้มพับไปมีเพียงแสงเดือนที่ช่วยหายาหอมมาให้ทั้งพ่อและแม่
“ไม่มีวิธีเลยหรือจ๊ะพ่อ”
“พ่อวางมือนานแล้ว แสงเดือน”
“พรานคนอื่นๆก็มีนี่จ๊ะ ให้พวกมันไปจับก็ได้”
“จับไม่ได้หรอกลูก มันไม่ใช่เสือธรรมดา มันเป็นเสือสมิง”
พรานเชิดเดินเข้าไปในห้องพระ ชายแก่จ้องมองหัวเสือที่แขวนอยู่ข้างผนังเรือน
“เพราะกูหรือ ที่สร้างเวรสร้างกรรมกับมึง”
“วันนี้ลูกกูโดนพวกของมึงเอาไปแล้ว”
“กูจะปล่อยมึง ช่วยกูหน่อยเถอะ”
พรานเชิดยกหัวพญาพาฬวางลงบนโต๊ะพิธี มือเหี่ยวย่นหยิบสร้อยประคำคล้องคอก่อนจะเริ่มร่ายคาถา
“พยัคโฆ พยัคฆา สิงเสหรา สัพเพ พานา สิงเสหรา กูจะปลดปล่อยพญา พาฬ โอม สิงเสหรา กูจะปลดปล่อยพญาพาฬ”
พลันแสงสีขาวสว่างวาบสาดส่องทั่วไปหมด ร่างกายกำยำ ที่มีอักขระที่แผงอก ใบหน้าดุร้ายที่พรานเชิดจดจำมันได้ดี
“ไม่เจอแค่เพียงครู่ มึงแก่ขนาดนี้เชียวเรอะ ไอ้พรานขี้ครอก”
“ท่านพญาสมิง โปรดช่วยฉันด้วยเถิด”
พรานเชิดก้มลงกราบแทบเท้า พญาสมิงที่แม้เป็นเพียงดวงวิญญาณก็ยังดูดุร้ายไม่ต่างจากตอนมีชีวิต
“กูเป็นเพียงวิญญาณไปแล้ว กูจะช่วยสิ่งใดมึงได้”
“ท่านได้โปรดบอกพวกของท่าน คืนลูกให้ฉันเถอะ”
“นานขนาดนี้ ลูกมึงไม่กลายเป็นผีเช่นกูแล้วรึ”
สมิงร้ายขำในลำคอ พลางมองหน้าพรานเชิดที่กำลังร้องไห้โฮ มันนั่งยองลงตรงหน้าพลางใช้มือกระชากหัวพรานเชิดให้เงยขึ้น
“ลูกมึงไม่ตายดอก ไอ้พรานระยำ มันเป็นคู่กับลูกกู มึงรอเลี้ยงเลือดเนื้อเชื้อไขสมิงที่มึงเกลียดนักเถิด”
มันพูดจบแล้วพลันร่างของมันก็สลายไปกับอากาศ พรานเชิดยกมือขึ้นปาดน้ำตา ดวงใจชายแก่แม้ไม่ดีขึ้นมากแต่ก็ดีใจที่รู้ว่าอย่างน้อยลูกของมันยังไม่ตาย
เจ้าคนงามหลังจากหลับไปนาน กายบางก็ขยับหันซ้ายหันขวา ดวงตากลมโตมองไปทั่วเรือนไม้สักที่ดูเหมือนทำความสะอาดด้วยของราคาแพง เพราะแผ่นไม้ทุกแผ่นขึ้นเงาสวยทุกแผ่น
“มะ มีใครอยู่ไหมจ้ะ”
แก้วตาก้มมองกายขาวของตนที่พบว่านุ่งผ้าโจงกระเบนสีชมพูกลีบบัว ไม่ใช่ผ้าซิ่นที่แม่มอบให้ ทั้งยังมีผ้าผืนบางที่วางข้างเตียง มือน้อยหยิบขึ้นมาปกปิดยอดถันเล็ก อย่างนึกอายเพราะตนถูกใครไม่รู้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้
“ตื่นแล้วรึ พ่อชายงามของข้า”
ชายหนุ่มร่างกายกำยำ นุ่งผ้าโสร่งสีดำทั้งยังถือไม้ตะพดค้ำพื้นกระดานไว้ ดวงตาสีทองสาดมองคนในชุดสวย
“เอ็งเหมาะกับสีนี้เสียจริง พ่อแก้ว”
“หิวแล้วกระมัง”
“เอ็งอยากกินอะไรเล่า พ่อแก้วคนงาม”
“ท่านรู้ชื่อแก้วได้ยังไงจ๊ะ”
“ข้าเดาเอา ว่าคนงามหยดย้อยเช่นเอ็งคงชื่อแก้ว”
ด้วยความซื่อ เจ้าคนงามไม่ได้ถามอะไรกลับไป ดวงตาใสยังคงมองชายตรงหน้า
“ท่านชื่ออะไรหรือจ้ะ”
“ไว้เอ็งเป็นเมียข้าเมื่อใด ข้าจะบอก”
คนงามทำหน้าตกใจกับคำพูดของชายตรงหน้าแก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ คนงามหลุบตาต่ำลงพลางจิกเนื้อต้นขาเบาๆ
“ข้าชื่อ ขาล จำเอาไว้ครวญครางยามอยู่ใต้ร่างข้าด้วยเถิด”