เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเราเพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง
โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ
เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ
‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก
นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง
‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ
Warning
- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)
- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)
- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ
หมายเหตุ
- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด
- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ
- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ
- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ
- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก
ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น
**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ
อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30
ผมพาพี่ชายกลับมาที่วังของผม ตอนนี้ดึกแล้วจึงไม่มีใครรู้ว่าผมพาพี่ชายเข้ามา ลินคอล์นอุ้มผมมาที่ห้องนอนที่ผมนั้นนอนอยู่เป็นประจำก่อนที่จะปล่อยผมลงบนเตียงขนาดเล็ก ท่ามกลางความเงียบงันเราสองคนจ้องหน้ากันอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งลินคอล์นเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“พี่กลับห้องของพี่แล้วนะ ขอบใจเทรย์เวอร์ทีหลังไม่ต้องลำบากออกมาหาพี่เช่นนี้ก็ได้ บางทีการที่พี่หายไปทุกอย่างอาจจะดีกว่านี้” ลินคอล์นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าแฝงเร้นด้วยการตัดพ้อ พลางก้มหน้าไม่สบตาผมเลยแม้แต่น้อย
ผมดึงรั้งพี่ชายไว้แสดงท่าทีดื้อด้านไม่ให้เจ้าตัวกลับไปที่วังของตนเอง กลับไปก็นั่งร้องไห้อยู่มุมมืดของห้องคนเดียวสู้อยู่ร้องไห้ให้ผมฟังทั้งคืนคงจะดีเสียกว่า นึกแล้วอึดอัดชะมัดผมอยากจะพูดได้เร็วๆแล้ว ถ้าพูดได้เมื่อไหร่คนพวกนั้นเจอผมแน่
“เทรย์เวอร์...พี่ต้องกลับนะ ถ้ามาดามมิราน่ามาเห็นจะดุเทรย์เวอร์เอาได้นะรู้หรือไม่” ลินคอล์นพูดคล้ายจะตักเตือนผม แต่กระนั้นผมก็ไม่สนใจมาดามน่ะรักผมที่สุดในโลกแล้ว เขาไม่มีทางดุผมด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะจะบอกให้
มาดามมิราน่านั้นถึงแม้จะไม่มีบทบาทมากในเนื้อหาหลักของนิยาย แต่เวลาคุณนักเขียนกล่าวถึงช่วงของลินคอล์นมาดามมิราน่าก็จะโผล่มาเสมอเรียกว่าเขาค่อนข้างมีบทบาทสำคัญเทียบเท่ากับฟินน์เลย มาดามน่ะรักผมและลินคอล์นมาก
ด้วยความที่เทรย์เวอร์ในต้นฉบับนั้นสนิทกับลินคอล์นมากทั้งสองเล่นด้วยกันบ่อยๆ มาดามนั้นจากที่ต้องดูแลเด็กคนเดียวกลายเป็นว่าต้องดูแลเด็กทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ท่านจึงรักลินคอล์นเทียบเท่ากับผม ลินคอล์นเองก็รักมาดามมากในต้นฉบับ
ขนาดตอนที่เป็นทรราชลงมือสังหารคนในวังมากมาย มาดามเป็นคนเดียวที่ลินคอล์นปล่อยไปให้ออกไปใช้ชีวิตที่อื่นแล้วหลังจากนั้นเรื่องราวของมาดามก็ไม่กล่าวถึงอีก ถึงมาดามจะมีบทบาทน้อยแต่ความรักที่มาดามมอบให้แก่ลินคอล์นในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นนั้นก็ทำให้ในบางช่วงเวลาของลินคอล์นนั้นมีความสุข
ดังนั้นคุณพี่ชายอย่ากังวลไปเลยมาดามน่ะไม่มีวันทำร้ายผมและพี่ชายหรอก
ลินคอล์นทนความดื้อด้านของผมไม่ไหวจึงยินยอมอุ้มผมออกมาจากเตียงเด็ก ก่อนที่จะไปวางลงบนเตียงใหญ่จากนั้นเจ้าของเรือนผมสีชมพูดอกคามิเลียทิ้งตัวลงมานอนด้านข้าง กอดผมไว้ในอ้อมอกเสมือนจิตนาการว่าผมนั้นคือตุ๊กตา
ผมอมมือเงยหน้ามองพี่ชายตัวเองเงียบๆ พอได้อยู่ใกล้แบบนี้แล้วทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของพี่ชายอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นแค่เด็กสิบขวบแท้ๆทว่าขอบตาเริ่มดำคล้ำ ริมฝีปากแห้งผาก โดยรวมแล้วทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
ขนาดลินคอล์นที่เป็นลูกของสนมยังต้องพยายามอย่างหนักถึงเพียงนี้ แล้วผมล่ะพอเริ่มโตขึ้นองค์จักรพรรดิจะต้องมอบความหวังและความกดดันมาให้อย่างแน่นอน เพราะผมคือว่าที่องค์รัชทายาทในอนาคต แค่คิดก็รู้สึกขี้เกียจแล้วแฮะ
“คิดอะไรอยู่” เสียงเล็กของพี่ชายทำผมสะดุ้ง ยามเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้งก็พบว่าพี่ชายของผมนั้นไม่ได้หลับ “เป็นเด็กเป็นเล็กนอนได้แล้ว โตขึ้นแล้วอย่ามาโหยหาการนอนเอาทีหลังนะ เฮ้อ พี่อิจฉาเทรย์เวอร์จังอยากกลับไปเป็นเด็กเล็กจังเลย”
ลินคอล์นว่าแบบนั้นพลางหลับตาลงเอนเอียงศีรษะเข้ามาใกล้ สักพักเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเหลือเพียงเสียงของลมหายใจจากคนตัวโตเท่านั้นที่ผมได้ยิน อีกฝ่ายอยากกลับไปเป็นเด็กเล็กเช่นผมส่วนผมนั้นอยากรีบโตเพื่อที่จะได้ทำให้พี่ชายหลุดพ้นจากขุมนรกอันนี้เสียที
แต่ผมไม่แปลกใจหรอก ไม่ว่าใครๆก็จะต้องมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างแหละในตอนที่ผมยังไม่ได้เป็นประธานบริษัทผมก็เคยคิดแบบลินคอล์นนะเพราะมันเหนื่อยมากๆ จนกระทั่งผมประสบความสำเร็จผมจึงคิดได้ว่าเป็นผู้ใหญ่นี่แหละดีแล้ว
เรามีความคิดเป็นของตนเอง สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร อีกทั้งไม่มีใครสามารถมาบงการชีวิตเราได้อีก ผมว่านี่คือข้อดีของการเป็นผู้ใหญ่นะถึงแม้ว่าระหว่างทางมันจะเหนื่อยจนท้อไปบ้างก็ตาม
ผมไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหนกว่าตัวผมได้รู้ตัวอีกทีก็คือเช้าแล้ว เสียงของมาดามปลุกให้ผมตื่นครั้นลืมตาขึ้นมาก็พบว่าลินคอล์นนั้นกำลังนั่งอ่านอะไรสักอย่างอยู่ด้านข้างผม ส่วนมาดามนั้นคอยยืนมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง
“ตื่นแล้วหรือ เห็นมั้ยพี่บอกแล้วว่าอย่านอนดึก ตื่นสายไม่ดีเลยนะช่างเป็นเด็กที่เอาแต่นอนเสียจริงเลย” ลินคอล์นเหน็บแนมผม ไอ้พี่ชายนี่ตื่นมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเชียวนะ ไหนวะคนไหนเมื่อคืนที่ร้องไห้ให้เด็กอายุไม่ถึงขวบเช่นผมเห็นน่ะ
“องค์ชายหนึ่งเพคะ ให้หม่อมฉันบอกสาวใช้ไปเตรียมยามารักษาดีหรือไม่เพคะ หากปล่อยไว้นานจะอักเสบเอาได้นะเพคะ วันนี้องค์ชายต้องไปเข้าพบฝ่าบาทด้วยนี่เพคะ” มาดามเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าลินคอล์นนั้นกลับยังคงนั่งนิ่งเฉยเมยราวกับว่าไม่ได้ยิน
เจ้าของเรือนผมสีชมพูถอนหายใจ “แผลแค่นี้มันไม่ตายหรอกมาดามปล่อยมันไปเถอะ อีกอย่างต่อให้เราโดนตบตีแค่ไหนฝ่าบาทก็หาได้สนใจใยดีไม่” ประโยคที่เปล่งออกมาจากปากของเขาคล้ายกับว่าไม่สนใจ แต่ผมรู้ดีว่าพี่ชายคนนี้กำลังตัดพ้ออยู่
“โถ่องค์ชายเพคะ หากพระองค์จะตรัสเช่นนั้น...” มาดามหยุดประโยคคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนดึงสายตามามองที่ผม “องค์ชายสองต้องเสียใจมากอย่างแน่นอนเพคะหากได้เห็นแผลบนพระปรางของพระองค์ องค์ชายอยากให้พระอนุชาเสียใจหรือเพคะ”
ผมที่กำลังพยายามดึงตัวเองขึ้นมานั่งก็มึนงงกับคำพูดของมาดามทว่าเพียงพริบตาเดียวผมก็เข้าใจได้ว่ามาดามกำลังต้องการสื่ออะไร พี่ชายคนนี้กำลังดื้อด้านที่จะไม่ทำแผลสินะ ทันทีที่ผมนั่งผมก็เริ่มเบะขึ้นมาประจวบเหมาะกับลินคอล์นเหลือบตามามองผมพอดี
“ดะ...เดี๋ยวสิ เทรย์เวอร์ทำไมถึงทำหน้าเช่นนั้นล่ะ อย่าร้องเลยนะ พี่ขอโทษ...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ รออะไรกันล่ะไปนำยามาทาที่หน้าของเราสิ!” ลินคอล์นออกคำสั่งทันควัน สาวใช้ตะลีตะลานออกไปนำยาตามรับสั่ง ส่วนมาดามนั้นยืนยิ้มกริ่มมองมาที่ผมผู้ถูกพี่ชายโอบอุ้ม ดูเหมือนว่ามาดามจะภูมิใจในตัวผมมาก
ผ่านไปไม่นานใบหน้าของลินคอล์นก็ได้รับการรักษา พอรักษาเสร็จพี่ชายของผมก็จะต้องไปแล้วเพราะต้องไปเข้าพบองค์จักรพรรดิ ซึ่งพี่ชายของผมนั้นจะเข้าพบหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ สาเหตุที่ต้องเข้าไปพบก็เพราะเป็นประสงค์หรือความต้องการของพระสนมนั่นเอง
ในนิยายจะมีเนื้อหากล่าวถึงการเข้าพบของลินคอล์นอยู่ เนื้อหามันไม่ได้มีอะไรมากเท่าไหร่หรอกครับเพราะลินคอล์นเข้าไปพบเพื่อพูดคุยเรื่องการเรียนก็เท่านั้นไม่มีการคุยถามไถ่เกี่ยวกับสารทุกข์สุกดิบใดๆทั้งสิ้นหรือคำพูดที่แสดงถึงความใกล้ชิดของพ่อกับลูกชายคนโต
“มาดามคะ พระปรางขององค์ชายหนึ่งคงจะโดนพระสนมทำมาอีกเช่นเคยใช่หรือไม่คะ เหตุใดพระสนมถึงทำเช่นนั้นกับองค์ชายหนึ่งตลอด ดิฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆค่ะ” พี่สาวใช้ท่านหนึ่งถามมาดามด้วยความสงสัยขณะที่เธอกำลังเก็บเสื้อผ้าของผมที่สวมแล้วเพื่อนำไปซัก
มาดามมิราน่าหันขวับก่อนกล่าวตักเตือน “ระวังปากหน่อยสิแอนนี่ เราไม่ควรจะกล่าวถึงพระสนมเช่นนั้น หากเรื่องนี้ถึงหูฝ่าบาทจะมีปัญหาเอานะเข้าใจหรือไม่” แอนนี่ที่ได้ยินเช่นนั้นหุบปากฉับอย่างรวดเร็วพยักหน้าเข้าใจแล้วรีบนำชุดของผมออกไปทันที
นั่นสินะ ถึงองค์จักรพรรดิจะไม่ได้รักพระสนมเลยแม้แต่น้อยทว่าการเอ่ยถึงคนที่ตำแหน่งสูงกว่าด้วยคำพูดเช่นนี้เขาก็คงจะไม่ยอม เห็นว่าพ่อของผมคนนี้เขาจริงจังเรื่องมารยาท หน้าตาและตำแหน่งทางสังคมมากเลยนี่นา ไม่งั้นคงไม่แต่งตั้งพระสนมดัลซิเนียเข้ามาหรอก
ส่วนมาดามผมว่าคงอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำพูดไม่ได้เพราะเจ้าตัวนั้นรู้ดีกว่าใคร ไม่สิต้องพูดว่าใครๆต่างก็รู้ว่าพระสนมนั้นปฏิบัติต่อองค์ชายหนึ่งเช่นไรต่างหาก ไม่งั้นเหล่าคนรับใช้ฝั่งลินคอล์นจะปล่อยปละละเลยและรังแกลินคอล์นกันเหรอ
เพราะเห็นว่าพ่อแม่ไม่สนใจจึงคิดว่าจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไรก็ได้ ขนาดมาดามเคยแอบไปตักเตือนก็ยังคงจะทำต่อ ผมรู้ผมเห็นแต่ผมแค่พูดไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ไว้ถ้าผมพูดได้เริ่มจัดการอะไรได้ด้วยตัวเอง คนพวกนั้นผมจะเขี่ยออกไปจากวังให้หมด
ถ้าคนพวกนั้นยังอยู่พี่ชายผมก็มีแต่สุขภาพจิตจะแย่ลงเท่านั้น ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและเจียมฐานันดรของตนเองเอาเสียเลย ผมอาจจะต้องคิดแผนกำจัดเจ้าคนรับใช้นิสัยแย่เหล่านั้นออกไปจากลินคอล์นซะแล้วล่ะ แต่ไว้ค่อยคิดละกันตอนนี้ผมหิวข้าวละขอกินก่อน
“องค์ชายเพคะนี่ข้าวเช้าของพระองค์เพคะ ทานเยอะๆเพื่อที่จะได้เติบโตมาปกป้ององค์ชายหนึ่งนะเพคะ องค์ชายหนึ่งทรงไม่เหลือผู้ใดเคียงข้างพระองค์เลยตอนนี้ เหลือเพียงองค์ชายนะเพคะที่สามารถเคียงข้างองค์ชายหนึ่งได้” มาดามเอ่ยอย่างอ่อนโยนพลางวางอาหารที่แสนจะน่าทานลงตรงหน้าผม
มือเล็กและบอบบางของผมนั้นหมับเข้าที่อาหารอย่างรวดเร็วจากนั้นก็พยักหน้าแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจ มาดามไม่ต้องห่วงหรอกครับยังไงซะพอผมโตขึ้นก็จะไม่มีใครมารังแกพี่ชายของผมได้แล้ว จะว่าไปมันก็น่าเศร้าเหมือนกันทั้งต้นฉบับและตอนนี้ลินคอล์นก็ตัวคนเดียวเสมอ หากไม่มีผมเขาคงจะแย่กว่านี้
มนุษย์เราต่างต้องการที่พึ่งยามจิตใจห่อเหี่ยวหรือพบกับทางตันกันทั้งนั้นแม้ว่าจะเป็นเด็กก็ตาม รวมถึงจัวลินคอล์นเองก็เช่นกัน ยิ่งเขายังอายุเพียงแค่สิบขวบนั้นเขายิ่งต้องการคนชี้ทางและคอยเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ขนาดคนที่เข้มแข็งเขายังมีมุมอ่อนแอเลย นับประสาอะไรกับเด็กล่ะ
หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จผมก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงของตนเองไปเรื่อยเปื่อยพลางคิดถึงเรื่องของแร็คน่าร์ นอกจากพี่ชายที่แสนจะน่าสงสารคนนี้แล้วยังเหลือนายเอกสุดที่รักที่ผมนั้นจะต้องไปช่วยออกมาจากเจ้าพระเอกนิสัยนิสัยเฮ็งซวยนั่น
ตอนนี้แร็คน่าร์เพิ่งห้าขวบเองผมยังพอเบาใจได้หน่อย ถึงแม้ตามเนื้อหาของนิยายแล้วแร็คน่าร์ผู้ย้อนเวลากลับมากำลังเตรียมแผนเพื่อพิชิตใจครอบครัวของตนเองใหม่อยู่ก็เถอะ ผมเชื่อว่าเธอทำได้นะผมเอาใจช่วยเธอ
ระหว่างนั้นมาดามก็เดินเข้ามาหาผมก่อนที่จะเรียกสาวใช้ให้เข้ามาจับแต่งตัวอย่างเร่งด่วน “ขอประทานอภัยเพคะองค์ชาย แต่เพิ่งมีรับสั่งจากฝ่าบาทว่าต้องแต่งตัวพระองค์ให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวออกไปด้านนอกเพคะ”
“??” ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาทจะพาองค์ชายไปที่มหาวิหารเพคะเพื่อเข้าพิธีการประกาศนาม นี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์จะได้มีโอกาสพบปะประชาชนด้วยนะเพคะ” มาดามมิราน่าว่าขณะที่กำลังไล่สวมเสื้อให้ผมอยู่ พิธีการประกาศนามของมหาวิหารอย่างนั้นเหรอ
เอาจริงเท่าที่ผมรู้มามันควรทำตั้งแต่ผมเกิดได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้วนี่นา สงสัยองค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อเพิ่งจะได้สติว่าควรทำทั้งๆที่ผ่านมาได้สิบเดือนแล้ว แถมชื่อไม่จำเป็นต้องให้พระสันตะปาปาตั้งให้แล้วมั้งเพราะได้พี่ชายตั้งให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ในใจจะแอบบ่นผู้เป็นบิดาแผ่วเบาแต่ผมก็ดีใจที่จะได้ออกนอกพระราชวังอันแสนโอ่อ่านี่บ้าง ผมอยากเห็นโลกภายนอกผมอยากรู้นักว่าเมืองหลวงของจักรวรรดิเนธิลอร์เป็นยังไงกันแน่ สวยงามตามที่นิยายนั้นบรรยายไว้จริงรึเปล่า
เห็นว่าพิธีนี้จะได้อาร์คบิชอปที่มีพลังในการทำนายคำพยากรณ์มาช่วยอวยพรให้ด้วยนี่นา หวังว่าจะเป็นคำอวยพรที่ดีนะเพราะในต้นฉบับมีกล่าวไว้อยู่ว่าตอนที่ลินคอล์นเข้าพิธีการประกาศนามนั้นอาร์คบิชอปหน้าซีดเป็นไก่ต้มจนแทบจะนึกคำอวยพรไม่ออกเลยทีเดียว
ในช่วงขณะนั้นที่หน้าต่างบานใหญ่ยังคงเปิดอ้าเอาไว้ สายลมอ่อนอันแสนอบอุ่นจากต้นวสันต์ฤดูโชยพัดผ่านผ้าม่านราคาแพงเข้ามากระทบเข้าที่ผิวของผมแผ่วเบา พ่วงด้วยเสียงคล้ายกับระฆังที่สั่นไหวในวันวิวาห์เปล่งออกมาแฝงเร้นแนบไปกับสายลม
‘แร็คน่าร์...ผมมาหาแล้วนะ รอผมนานรึเปล่า ในที่สุดพวกเราก็จะได้เจอกันเสียทีนะ’ โทนเสียงนุ่มให้ความรู้สึกละมุนละไมเสมือนว่ากำลังโอบล้อมกายของเด็กหนุ่มตัวน้อยยามได้ยิน ดังสะท้อนกึกก้องพร้อมกับภาพฉายที่เบลอจนยากจะคาดเดาได้ว่าเป็นใคร
แต่กระนั้นสีผมและสีตาของชายหนุ่มก็ยังโดดเด่นน่าจับจ้องรวมถึงสัมผัส ทั้งๆที่ไม่ได้เห็นก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนผู้นั้นที่ยืนท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจีได้ครอบครองใบหน้าหล่อคมคายจนหาได้มีใครเปรียบเทียบไม่ อีกทั้งบรรยากาศที่แสนจะหอมหวานทำเอาคนที่กำลังฝันนั้นไม่อยากจะตื่น
“เฮือก!! นาย!?” เสียงแหลมเล็กเอ่ยขึ้นพ่วงด้วยการเด้งตัวขึ้นมา มือยังคงค้างท่าทางของตนเองบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเจ้าตัวกำลังจะยื่นมือเล็กทั้งสองข้างเข้าไปจับฝ่ามือของชายหนุ่มในความฝัน เขาสูดหายใจเข้าปรับสติของตนเองสักพักแล้วค่อยเริ่มรู้ตัวว่ามันไม่ใช่ความจริง
เด็กหนุ่มตัวน้อยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความระมัดระวังมุ่งตรงไปที่กระจกอีกครั้งเพื่อส่องรูปร่างของตนเอง รูปร่างเล็กและผอมเพรียว ริมฝีปากแห้งผาก นัยน์ตาสีดำขลับประดุจเม็ดนิลหายาก ครอบครองเรือนผมสีผมอันเป็นธรรมชาติ
เขายกมือเล็กขึ้นมาสัมผัสที่ใบหน้าของตนเองซึ่งตอนนี้กำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ ลูบไล้ขึ้นลงอย่างเชื่องช้าประหนึ่งว่ากำลังปลอบจิตใจตนเองให้สงบลง เป็นเวลาหกเดือนกว่าแล้วที่แร็คน่าร์นั้นได้ย้อนเวลากลับมาในช่วงวัยเด็กอีกครั้ง
หลังจากที่ถูกเอลเลียตฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมและทารุณในคุกใต้ดินของคฤหาสน์เขา ตอนแรกแร็คน่าร์คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้แก้ไขสิ่งที่ตนเองทำลงไปแล้ว ทว่าใครเล่าไปจะรู้ว่าพระเจ้าได้มอบโอกาสอันแสนพิเศษให้แก่เขา ย้อนเวลากลับมาเพื่อแก้ไขอดีตของตนเองอีกครั้ง
เขายอมรับว่าดีใจมากที่ได้รับโอกาสนี้อีกครั้ง จึงเลือกที่จะพยายามปรับปรุงตนเองรวมถึงครอบครัวเพื่อให้มันดีขึ้นและไม่ให้เป็นเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาหกเดือนหลังจากที่ได้โอกาสย้อนเวลากลับมาแร็คน่าร์ในวัยห้าปีจึงพยายามอย่างหนักเพื่อวางแผนจัดการปรับเปลี่ยนครอบครัวของตนเอง
ทุกอย่างดูเหมือนกำลังเริ่มต้นจะไปได้ด้วยดี แต่กระนั้นสิ่งที่แปลกไปก็คือทุกครั้งที่แร็คน่าร์นั้นหัวถึงหมอนเขาได้ฝันถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง เท่าที่แร็คน่าร์พอจะคาดเดาได้นั้นเขาสูงกว่าแร็คน่าร์มาก คำพูดและวาจาที่เอื้อนเอ่ยออกมาช่างไพเราะเสนาะหูน่าฟัง
แม้ใบหน้าหรือร่างกายทั้งตัวของเขาจะถูกเบลอไว้ สีตาและสีผมของเขากลับยังคงโดดเด่นจนแร็คน่าร์จำได้ไม่มีทางลืม เรือนผมสีแดงดั่งเปลวเพลิงอาบย้อมไปด้วยแสงสุริยันยามบ่าย นัยน์ตาสีเหลืองอำพันอร่ามสะท้อนรูปร่างของแร็คน่าร์ซึ่งมันดูอ่อนโยนมาก
แร็คน่าร์พยายามนึกให้ตายก็นึกไม่ออกว่าคือใคร ทั้งๆที่น่าจะรู้จักแท้ๆแต่ทำไมถึงนึกไม่ออกกันนะ ที่สำคัญชายหนุ่มคนนั้นเขารู้จักชื่อของแร็คน่าร์ด้วย คำพูดและรูปประโยคต่างๆนั้นช่างดูประหลาด อย่างกับเขาเป็นฝ่ายที่จะต้องมาหาแร็คน่าร์มากกว่า ไม่ใช่แร็คน่าร์ที่จะต้องไปหาเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณชายน้อยคะ ถึงเวลาทานอาหารเช้าแล้วนะคะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพ่วงด้วยคำพูดของสาวใช้ประจำตัว แร็คน่าร์ดึงสติของตนเองทันควันลืมเรื่องที่ตนเองเพิ่งนึกไปเมื่อครู่ออกไปจากหัวทั้งหมด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาสนใจเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้น่ะคือ...
“อื้อ คุณพ่อคุณแม่ล่ะมาทานข้าวเช้ากับผมด้วยรึเปล่า?” การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาวัยเด็กของตนเองให้ดีขึ้นต่างหาก!!
ผมถูกโอบอุ้มด้วยมาดามที่นั่งในรถม้ามาพร้อมกับองค์จักรพรรดิผู้เป็นบิดาของตนเองส่วนลินคอล์นนั้นนั่งกับสาวใช้ของตนเองในรถม้าอีกคัน พระสนมเองก็เช่นกัน ระหว่างทางที่นั่งผมเหลือบมององค์จักรพรรดิเป็นบางครั้งเนื่องจากการแต่งตัวของเขานั้นค่อนข้างเป็นทางการและอลังการอยู่บ้าง ไม่คิดว่าเลยพิธีนี้จะเป็นพิธีที่สำคัญ
ยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่าการแต่งตัวของคนในยุคสมัยแบบนี้มันทำให้ผมแอบอึดอัดบ้างทั้งๆที่นี่เพิ่งผ่านฤดูหนาวมา โดยเฉพาะชุดที่ผู้เป็นพ่อของผมสวมใส่อยู่ตอนนี้ ผมไม่อยากนึกเลยว่าในอนาคตวันที่ผมจะต้องนั่งบัลลังก์ต่อจากชายตรงหน้านี้ผมจะสามารถชินกับชุดเหล่านี้ได้รึเปล่า
ไม่แน่ผมอาจจะชินก็ได้มั้ง
ใช้เวลาไม่นานรถม้าก็เดินทางมาถึงมหาวิหารอันยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่อีกหัวเมืองหนึ่งไกลออกมาจากเมืองหลวงเล็กน้อย ซึ่งสถานที่แห่งนี้ครอบครองพื้นที่ไปแล้วสามในสี่ส่วน มหาวิหารของจักรวรรดิเนธิลอร์นั้นยิ่งใหญ่และสวยงดงามตระการตามากจนผมพูดไม่ออก
แค่ทางเดินเข้าก็กว้างพอที่จะสามารถจุคนได้ถึงหนึ่งพันคน ระหว่างทางเดินเข้ามีรูปปั้นเทพมากมายตั้งตระหง่านอยู่ระนาบข้างจนกระทั่งสุดทางเดินนั้น มีรูปปั้นเทพีองค์หนึ่งที่ใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของจุดสูงสุดที่มหาวิหารสร้างได้
“เทรย์เวอร์...นั่นคือเทพีเอเลโอโนราเป็นเทพีแห่งแสงสว่าง เทพีผู้นำแสงสว่างมาสู่จักรวรรดิและมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เหล่านักบวชของศาสนจักรเอาไว้ปกปักษ์รักษาจักรวรรดิแห่งนี้เอาไว้” คุณพ่อผู้เป็นจักรพรรดิเล่าให้ฟังขณะอุ้มผม โดยที่ด้านหลังนั้นมีลินคอล์นเดินตามไม่ห่าง พี่แกไม่สนคำสั่งพ่อของตนเองเลยสักนิดว่าให้รักษาระยะห่าง
“อื้อ แอ้!” ผมพยักหน้า
“อันที่จริงก็ใช่ว่าจะมีแค่เหล่านักบวชของศาสนจักรเท่านั้นที่ได้รับพลังศักดิ์สิทธ์ ราชนิกุลทั้งหลายก็มีโอกาสได้เช่นเดียวกันแต่มันมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าได้มอบพรแก่ราชวงศ์แห่งเนธิลอร์ไปแล้ว” ท่านเล่าต่อ
เพียงครู่เดียวก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา “น้อยมากแต่ก็พอมีอยู่อย่างเช่นองค์จักรพรรดิที่สิบแห่งเนธิลอร์ หรือจะเป็นแกรนด์ดยุกดาร์เวนผู้เป็นอาขององค์จักรพรรดิที่สิบห้า บางทีช่วงไหนที่ราชวงศ์อ่อนแอก็จะมีใครสักคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์”
“ลินคอล์นเราอนุญาตให้เธอแทรกบทสนทนาของเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เป็นถึงองค์ชายหนึ่งแต่กระนั้นกลับไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลยนะ” องค์จักรพรรดิหรี่ตามองลงไปที่เด็กอายุสิบขวบที่แสดงสีหน้าเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้านกับคำติเตียนของผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ลูกเพียงแค่อยากจะเสริมให้เทรย์เวอร์ฟังเผื่อในบางครั้งจะได้รับข้อมูลที่น้อยเกินไป เนื่องจากน้องชายของลูกนั้นชอบฟังการเล่าของลูกจึงอยากจะเสริมไปบ้างพ่ะย่ะค่ะ หากฟังแต่ฝ่าบาทเล่าให้ฟังเกรงว่าเทรย์เวอร์คงจะหลับก่อนเข้าพิธี” คำพูดของลินคอล์นทำมาดามและฟินน์ขำเล็กๆ
ผมที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้เหมือนกันที่จะหัวเราะร่าออกมาจนทั้งสองหันมาสนใจ ยังไงซะถึงจะเหน็บแนมกันไปบ้าง ทว่าผมก็อยากให้ทั้งสองได้รักใคร่กลมเกลียวกันมากกว่าเกลียดกัน หากผมสามารถเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองให้กลับมาดีได้ผมก็จะทำ
บรรยากาศวันนี้ดูดีขึ้นมาเสียซะดื้อๆ องค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อทำสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยพยายามเก็บสีหน้าแต่กระนั้นผมก็ดูออก ส่วนทางด้านลินคอล์นนั้นเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อเดินลอยหน้าลอยตาเคียงข้างผมที่ถูกองค์จักรพรรดิอุ้มเข้ามหาวิหารแสนโอ่อ่าไป
ครั้นมาถึงก็มีเหล่านักบวชมากมายออกมายืนต้อนรับด้วยท่าทีที่นอบน้อม ผมค่อนข้างตกใจเล็กน้อยเนื่องจากไม่เคยออกมาข้างนอกเลยพอเจอคนเยอะก็รู้สึกประหม่านิดหน่อยจนเผลอไปดึงโบว์ที่ผูกไว้บนชุดของผู้เป็นบิดาหลุดออกมา
ท่ามกลางสายตามากมายมีเสียงหนึ่งหลุดเล็ดลอดออกมาเป็นคนแรก “อุ๊บส์ ส่วนนั้นติดยากที่สุดเสียด้วยน้องชายเรานี่ช่างซุกซนจริงเชียว”
ลินคอล์นขบขันพลางยกมือปิดปากแสดงท่าทีเสแสร้งว่ากำลังพยายามกลั้นขำสุดขีด จักรพรรดิผู้ครอบครองใบหน้าหล่อและเยาว์วัยหลุบตามองลงมาที่ผมด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยพลางถอนหายใจ ทำเอาผมนั้นรีบยัดมือมหาประลัยของตนเองเข้าปาก อมไว้ซะเทรย์เวอร์ อม!!
สุดท้ายก็ได้มาดามมิราน่าเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลา หากไม่ได้มาดามเกรงว่ามันอาจจะเริ่มเละเทะไปมากกว่านี้เพราะเด็กมือบอนเช่นผม จัดการเสร็จสรรพเหล่านักบวชก็นำทางพาทุกคนเข้าไปในสถานที่อันศักดิ์สิทธิผ่านประตูสีขาวขนาดใหญ่
ข้างนอกยังขนาดนี้ข้างในจะขนาดไหนกันนะ
_____