เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา - Chapter 6 พิธีประกาศนาม โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

รายละเอียด

เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

ผู้แต่ง

เจ้านายสาเกกอดองุ่น

เรื่องย่อ

โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ 

 

เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

 

 

 

‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก

นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง

‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Warning

- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)

- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)

- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ

 

 

 

 

หมายเหตุ

- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด

- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ

- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ

- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ

- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก

ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น

 

 

 

**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ

อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี 

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30

สารบัญ

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Prologue นายเอกผู้อาภัพ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 1 เกิดใหม่เป็นองค์ชาย,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 2 ถูกกีดกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 3 อากาศหนาว,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 4 ความสัมพันธ์,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 5 คนในฝัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 6 พิธีประกาศนาม,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 7 ไว้เจอกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 8 รับโทษ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 9 การเจรจา,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 11 สิ่งที่ควรได้รับ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 14 คำสัญญา

เนื้อหา

Chapter 6 พิธีประกาศนาม

ภายในมหาวิหารหรือโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์นั้นช่างโอ่อ่าและสวยงาม สีขาวนวลของผนังโบสถ์เข้ากับแสงแดดเวลาสายที่สาดส่องผ่านกระจกเข้ามา มีเสาหินอ่อนคอรินเทียนเรียงรายกันมากมายประดับด้วยทองคำระยิบระยับ เมื่อเงยหนาขึ้นไปมองด้านบนก็จะพบกับภาพวาดของเทพแห่งแสงผู้ปกปักษ์รักษาจักรวรรดิแห่งนี้

ที่พื้นปูพรมสีฟ้าตัดกับลวดลายสีขาวขนาดใหญ่ทอดยาวไปถึงสุดปลายทางเดินด้านหน้า ผมตื่นเต้นและค่อนข้างให้ความสนใจกับสถาปัตยกรรมของโบสถ์แห่งนี้มาก เหมาะสมกับตำแหน่งมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ที่สวยที่สุดในจักรวรรดิที่ใครๆต่างก็อยากจะมา

“มาดามเราฝากเทรย์เวอร์ไว้ที่มาดามนะ” ผู้กุมอำนาจสูงสุดในจักรวรรดิส่งตัวผมให้แก่มาดามมิราน่าก่อนที่จะหันไปพูดกับเหล่านักบวช “พาเราไปพบพระสันตะปาปาหน่อย เรามีเรื่องที่จะต้องแจ้งก่อนที่พิธีการจะเริ่มขึ้น”

เขาหันไปพูดกับนักบวชที่นำทางมาท่านหนึ่งก่อนที่ทั้งหมดจะพยักหน้าเข้าใจและนำทางพ่อของผมไปอีกทาง ส่วนนักบวชที่เหลือก็พาผมกับคนอื่นๆไปที่ห้องรับรองก่อนซึ่งภายในห้องรับรองนั้นจะมีอาร์คบิชอปรออยู่ เพื่อพูดคุยเรื่องพิธีการกำลังจะเริ่มขึ้น

ตัวผม มาดามและลินคอล์นนั้นนั่งตรงข้ามท่านอาร์คบิชอป ชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางใจดีมองมายังผมด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู คนตรงหน้าผมนี้คือคนที่สามารถดูหรือคาดเดาได้ว่าในอนาคตของผมนั้นจะเป็นคนแบบไหนและส่งผลดีต่อจักรวรรดิรึเปล่า

“เราได้ข่าวว่าฝ่าบาทไปเข้าพบพระสันตะปาปา แสดงว่ามีเรื่องด่วนหากให้เราคาดเดานั้นคงเป็นเพราะองค์ชายสองมีชื่อแล้วใช่หรือไม่” ท่านอาร์คบิชอปพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ผมที่ได้ยินดังนั้นก็คิดได้ นั่นสินะ ช้าไปตั้งสิบเดือนยังไงผมก็จะต้องมีชื่อก่อนอยู่แล้ว

“ค่ะ ท่านอาร์คบิชอป องค์ชายหนึ่งทรงตั้งชื่อให้แก่องค์ชายสองเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ” มาดามตอบชายผู้สวมชุดนักบวชสีขาวตรงหน้าอย่างนอบน้อม “มันคงจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่คะท่านอาร์คบิชอป ดิฉันหวังว่าพระสันตะปาปาจะเข้าใจ”

จากนั้นลินคอล์นก็พูดขึ้นมา “ที่เราตั้งให้ก็เพราะว่ามันเลยเวลามานานมากแล้ว ท่านพ่อนั้นวันๆจมอยู่แต่กับความเศร้าหลังจากที่องค์จักรพรรดินีสิ้นเสด็จสวรรคตไป ทำให้ละเลยน้องชายของเรามานานถึงเพียงนี้ ‘เทรย์เวอร์’ นี่คือชื่อที่เราตั้งให้”

“ตั้งชื่อได้ฉลาดหลากแหลมสมกับเป็นองค์ชายหนึ่งเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงได้เห็นพระพักตร์ขององค์ชายสองนั้นก็รับรู้ได้เลยว่าจะต้องเป็นชื่อนี้อย่างแน่นอน” ท่านอาร์คบิชอปยิ้ม หลังจากนั้นไม่นานพ่อของผมก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง

นั่นเลยทำให้ได้รับรู้ว่าที่ฝ่าบาทผู้เป็นบิดาไปเข้าพบพระสันตะปาปานั้นก็เพื่อเข้าไปแจ้งเรื่องที่ผมนั้นมีชื่อแล้ว ซึ่งพระสันตะปาปาไม่มีปัญหาและเข้าใจเนื่องจากเข้าพิธีช้าไปถึงเจ็ดเดือนยังไงซะองค์ชายเช่นผมก็จะต้องมีชื่อรองรับไว้ก่อน

เมื่อองค์จักรพรรดิเข้ามาอยู่ในห้องรับรองแล้วมาดามก็เปลี่ยนตำแหน่งของตนเองและโยกย้ายผมไปอยู่กับพ่อของตนเอง ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องของพิธีการ ส่วนพระสนมที่มาด้วยไปไหนน่ะเหรอ? แน่นอนว่าเจ้าหล่อนได้เข้าไปอยู่ในห้องโถงอันเป็นสถานที่จัดพิธีการเรียบร้อยแล้ว

พูดคุยและเตรียมตัวเสร็จสรรพท่านอาร์คบิชอปก็ให้นักบวชท่านอื่นนำทางผมกับคนอื่นๆไปที่ห้องโถงใหญ่ หน้าห้องโถงมีรูปปั้นจัดตั้งตระหง่านอยู่ทั้งสองฝั่งของประตู พร้อมด้วยธงสีแดงขนาดใหญ่ห้อยอยู่เหนือรูปปั้นทั้งสอง ซึ่งตรงกลางธงนั้นเป็นรูปราชสีห์เงยหน้ามองดวงตะวันอันเป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิ

“องค์จักรพรรดิ และองค์ชายทั้งสองเสด็จ!”

ประตูบานใหญ่ได้ถูกเปิดออกพร้อมเสียงของทหารที่คอยดูแลพิธีการตะโกนดังลั่นว่าในตอนนี้ราชนิกุลได้เดินทางมาถึงในพิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขุนนางมากหน้าหลายตาที่นั่งอยู่ต่างพากันลุกขึ้นแล้วถวายบังคมเพื่อทำความเคารพ

แน่นอนว่าระหว่างการถวายความเคารพนั้นผมได้เห็นสายตาขุนนางมากมายเหลือบมองขึ้นมาจับจ้องที่ผมและลินคอล์นผู้เป็นพี่ชายเป็นพักๆ พร้อมกับซุบซิบกันเล็กน้อยถึงผมจะไม่ได้ยินแต่ผมก็พอจะคาดเดาได้บ้างว่าหัวข้อการพูดคุยของพวกเขาไปในทิศทางไหน

พี่ชายผม มาดามและคนอื่นๆไปนั่งประจำที่ของตนเองพร้อมกับคำพูดขององค์จักรพรรดิผู้เป็นบิดาได้ดังขึ้น “ทุกคนนั่งลงได้ เราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้พิธีประกาศนามเลื่อนมาเป็นเวลาสิบเดือน ซึ่งในตอนนี้เราและบุตรชายของเราพร้อมเป็นที่จะร่วมพิธีแล้ว”

คุณพ่อของผมยื่นตัวผมไปให้พระสันตะปาปาที่ยืนอยู่สูงกว่า แล้วย้ายตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้หรูสำหรับจักรพรรดิเท่านั้น ตัวผมถูกอุ้มด้วยพระสันตะปาปานักบวชที่ครองตำแหน่งสูงสุดในศาสนจักร โดยที่ท่านอาร์คบิชอปยืนอยู่ด้านหลังคอยจับตาดูแล

ผมถูกพระสันตะปาปานำน้ำจากอ่างหรูขนาดเล็กตรงหน้าขึ้นมาลูบชะโลมตามส่วนหัวและใบหน้าของผมอย่างเบามือ ระหว่างนั้นสายตาของพระสันตะปาปาก็มองมาที่ผมแววตาที่มองลงมาดูเป็นคนใจดีมาก อีกทั้งผมยังได้ยินเสียงพึมพำแผ่วเบาออกมาจากปากของพระองค์

‘ถึงเวลาแล้วสินะ ชายผู้เปลี่ยนแปลงโชคชะตา’

ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่มันคงจะเป็นลางดีละมั้ง เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากจะเติบโตมาเพื่อทำร้ายใคร สิ่งที่ผมต้องการทำในโลกใบใหม่ของผมนี้มีเพียงสองอย่างคือทำให้จักรวรรดินี้มั่งคั่งและมากไปด้วยอำนาจ กับทำให้พี่ชายกับนายเอกสุดที่รักของผมนั้นมีความสุข

“นามขององค์ชายลำดับที่สองของจักรวรรดิเนธิลอร์ ‘เทรย์เวอร์’ ว่าที่องค์จักรพรรดิในอนาคตผู้เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา มีอำนาจ และหัวสมัยใหม่ องค์ชายเทรย์เวอร์แห่งราชวงศ์ดาร์นีย์!” พระสันตะปาปากล่าวชื่อของผมตามด้วยเสียงปรบมือดังลั่นไปถ้วนทั่วทั้งห้องโถง

ทุกคนต่างมีสีหน้าที่ปีติยินดีกับชื่อของผมแต่จะมีอยู่ขุนนางอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่พึงพอใจนั่นก็คือเหล่าขุนนางจากตระกูลทานส์ของพระสนมดัลซิเนียนั่นเอง ที่พวกเขาไม่พึงพอใจนั้นเป็นเพราะตอนที่ลินคอล์นเกิดพระสันตะปาปาไม่ได้กล่าวว่าลินคอล์นจะเป็นว่าที่องค์จักรพรรดิคนถัดไปต่างจากผม

ผมไม่สนใจพวกเขาหรอกเพราะลินคอล์นเองยังปรบมือให้ผมเลย ผมยิ้มร่าออกมาก่อนที่จะโบกมือให้ลินคอล์นจากนั้นตัวผมก็ถูกย้ายไปอยู่ในอ้อมแขนของท่านอาร์คบิชอป ท่านนักบวชตำแหน่งสูงท่านนี้นำผมไปนั่งบนเบาะรองนั่งขนาดใหญ่หน้ารูปปั้นเทพี

สักพักท่านก็แต้มจุดสีทองลงบนหน้าผมหนึ่งจุด ผมเงยหน้าขึ้นไปมองรูปปั้นเทพีที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆก็มีแสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นมือซ้ายของรูปปั้นเทพีมันส่องสว่างวาบจนทำให้ทุกคนในห้องโถงไม่สามารถลืมตาได้เป็นเวลาเกือบสามสิบวินาที

ยามแสงสว่างลดลงทุกคนในห้องโถงต่างพากันตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นและเริ่มซุบซิบกันยกใหญ่ราวกับว่าเพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์นี้ครั้งแรกซึ่งผมเองก็มึนงงไม่ต่างกัน สุดท้ายก็กระจ่างเพราะคำพูดของท่านอาร์คบิชอป

“เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่ได้มาถึง โชคชะตาเกิดการผันแปรอีกครั้ง พระอาทิตย์จะไม่มีวันตกดิน ความแข็งแกร่งจะคงทนไม่มีผู้ใดมาล้มล้างได้ องค์ชายลำดับสองผู้นี้จะนำความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งมาสู่จักรวรรดิ” เสียงพูดของอาร์คบิชอปนั้นหนักแน่นรวมถึงเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

ทุกคนในห้องโถงฮือฮาเนื่องจากแต่ละประโยคที่ถูกกล่าวออกมานั้นดวงสีฟ้าดั่งน้ำทะเลกำลังเรืองแสงขึ้น นั่นหมายความว่าคำพยากรณ์ที่ทำนายอนาคตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ครั้นท่านพูดจบดวงตาก็อ่อนแสงลงแล้วอุ้มผมมาให้องค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อ จบที่เสียงปรบมือและคำกล่าวสรรเสริญดั่งลั่นไปทั่วทั้งห้องโถง

จากนั้นคุณพ่อของผมก็อุ้มไปที่ด้านหลังรูปปั้นก่อนที่จะมีนักบวชมาเปิดประตูขนาดใหญ่ให้ เมื่อประตูเปิดออกก็พบกับประชาชนที่อยู่ด้านล่างเต็มไปหมด ผมช็อกและตกใจที่มีคนมารอพิธีประกาศนามของผมมากถึงเพียงนี้

ลินคอล์นที่เดินมายืนด้านข้างลอบยิ้มเล็กน้อย “ทำตัวให้ชินไว้เทรย์เวอร์ พอน้องโตขึ้นน้องก็จะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ”

ผมส่งยิ้มให้ทันทีที่ประโยคนั้นพูดจบ ถึงจะบอกว่าให้ผมทำใจให้ชินก็เถอะนะ แต่พิธีประกาศนามของจักรวรรดินี้ยิ่งใหญ่มาก ผู้คนจะพากันมาอัดแน่นที่เมืองนี้เพื่อฟังคำทำนายและชื่อของราชนิกุลที่ถือกำเนิดขึ้นมา รวมถึงนักข่าวด้วย

“นี่คือบุตรชายคนที่สองของเรากับภรรยาอันเป็นที่รัก นามของเขาก็คือ เทรย์เวอร์ ฮาร์ค ดาร์นีย์ ต่อจากนี้เขาคือองค์ชายอีกคนของจักรวรรดิ เราหวังว่าทุกท่านจะเอ็นดูบุตรชายคนนี้ของเรา” องค์จักรพรรดิป่าวประกาศพร้อมกับคำพยากรณ์ของท่านอาร์คบิชอปที่ถูกแพร่ออกไป

เสียงของประชาชนด้านล่างดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง ผมทอดสายตามองลงไปด้านล่างระยะห่างระหว่างผมกับประชาชนนั้นไม่สูงมากนัก ทำให้ผมได้เห็นแววตาของใครหลายคนที่มองมาที่ผม มันเปี่ยมไปด้วยความหวังและความดีใจ

ราวกับว่าทุกคนกำลังคาดหวังกับผมคนนี้ว่าในอนาคตจะเป็นได้อย่างคำทำนายว่าไว้รึเปล่า

เสร็จสิ้นการพบปะประชาชนทุกคนก็เตรียมตัวที่จะกลับ ทว่าเมื่อประตูทางเข้าของมหาวิหารเปิดขึ้นก็มีนักข่าวมาดักรอเพื่อสอบถามกันไม่หยุดหย่อนจนผมตกใจกว่าเดิม ตอนแรกยังเห็นอยู่อีกฝั่งแฝงตัวอยู่กับฝูงชนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาที่หน้ามหาวิหารได้ไวถึงเพียงนี้

คำถามถูกส่งมาจากปากนักข่าวไม่หยุดหย่อนไม่วายพยายามเบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อได้เห็นใบหน้าของผมให้ชัดขึ้น แม้ว่าจะมีเหล่าทหารองครักษ์คอยคุ้มกันเพื่อไม่ให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้ก็ตาม ไม่อยากจะเชื่อเลยพวกนักข่าวนี่ไม่ว่าจะโลกไหนก็ไม่เปลี่ยนไปกันเลยสักนิด!

“ฝ่าบาท ทรงคิดอย่างไรกับการที่องค์ชายสองได้รับความนิยมมากกว่าองค์ชายหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเสียงเรียกของประชาชนยังมีมากถึงเพียงนี้ฝั่งองค์ชายหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลทานส์ของพระสนมจะไม่มีปัญหาหรือพ่ะย่ะค่ะ” ผมหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถามนี้จากปากของนักข่าวท่านหนึ่ง

นี่มันคำถามเสี่ยงตายชัดๆสมกับเป็นนักข่าวถามตรงและไม่เกรงใจแม้ว่าตรงหน้าของเขาจะเป็นจักรพรรดิก็ตาม คำถามนี้มันค่อนข้างเสี่ยงอยู่พอสมควรมันอาจจะไม่มีผลต่อประชาชนหรอกเพราะเขารู้ดีว่าใครคือว่าที่องค์รัชทายาท แต่ที่จะมีปัญหาคือเหล่าขุนนางต่างหาก

อย่างที่ผมเคยบอกไปตัวผมกับลินคอล์นนั้นเปรียบเสมือนหมากเกมกระดานของเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงทั้งหลาย ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและลินคอล์นจะมีผลต่อพวกเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความนิยมของประชาชน การแสดงออกของจักรพรรดิว่ารักลูกคนไหนมากกว่ารวมถึงความสามารถ

ด้วยเหตุนี้หากคำตอบของคุณพ่อเอนเอียงไปทางผมมากกว่าละก็เหล่าชนชั้นสูงที่สนับสนุนลินคอล์นจะต้องไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตระกูลของพระสนมที่สนับสนุนองค์ชายหนึ่งอย่างเต็มกำลัง ไม่อยากคิดต่อแล้วปวดหัวชะมัด

องค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อของผมนั้นคลี่ยิ้ม “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เพราะเราจะเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองเมื่อเวลานั้นมาถึง เวลานี้ความนิยมของเทรย์เวอร์ค่อนข้างมากในอนาคตอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีใครคาดเดาได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาแข่งขันให้เด็กทั้งสองเขาได้ใช้วัยเด็กของพวกเขาได้เต็มที่เถิด”

จบการตอบคำถามคุณพ่อก็พาผมขึ้นรถม้าทันทีพร้อมกับคำพูดฝากเหล่านักข่าวหากมีเรื่องจะถามอะไรให้ทำเรื่องเข้าเฝ้าแทนก่อนที่รถม้าจะเริ่มออกตัวเดินทางกลับวังหลวง ผมคิดว่าเขาค่อนข้างตอบอ้อมอยู่นะไม่เจาะจงฝั่งไหนมากเกินไป อารมณ์แบบว่าเขาเป็นคนตัดสินใจเองขุนนางและประชาชนไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากขนาดนั้น

“ตอบคำถามไม่สมกับเป็นฝ่าบาทเลยนะพ่ะย่ะค่ะ อันที่จริงฝ่าบาทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบเช่นนั้นเลยเพราะในวันนี้ทุกอย่างก็กระจ่างชัดแล้วว่าเทรย์เวอร์เหมาะสมแค่ไหน” ลินคอล์นในวัยสิบขวบเอ่ยขึ้นพลางกอดอก

“เธอคิดว่าตระกูลแม่ของเธอเขาจะยอมรับกันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?” องค์จักรพรรดิแค่นหัวเราะ “หากยอมรับกันง่ายจริงพวกเขาควรหยุดตั้งแต่จักรพรรดินีตั้งครรภ์แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร เพราะตามกฎหมายของจักรวรรดิต่อให้บุตรที่เกิดจากจักรพรรดินีจะเป็นชายหรือหญิงก็มีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นบัลลังก์”

ลินคอล์นได้ยินดังนั้นก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายพลางผินหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง “ต่อให้พวกเขาจะกดดันลูกอย่างไร ลูกก็ไม่ได้หวังบัลลังก์ทองนั่นตั้งแต่แรกอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่ทำในทุกๆวันเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อให้เทรย์เวอร์ขยันเท่านั้นยามเขาเติบโตขึ้น”

เป็นครั้งแรกที่ลินคอล์นบอกสิ่งที่อยู่ในใจของตนเองออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ นี่คือความจริงอันน่าตกใจที่แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็คาดไม่ถึง เพราะโดยปกติแล้วเด็กที่เกิดคนละแม่มักจะแก่งแย่งชิงกันเพื่อเป็นที่รักของผู้เป็นพ่อและอำนาจ

แต่ผมกับลินคอล์นพวกเราไม่เป็นแบบนั้น

ไม่นานพวกเราก็เดินทางกลับมาถึงที่พระราชวัง องค์จักรพรรดิผู้เป็นบิดาได้ฝากผมไว้กับมาดามอีกครั้งเนื่องจากต้องไปรับการเข้าเฝ้าของนักข่าวที่เรียงรายกันเข้ามาเพื่อถามไถ่เอาไปทำข่าว แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วแฮะ ถึงในชาติก่อนของผมจะพบปะนักข่าวมากมายแต่ก็ใช่ว่าจะชอบสักหน่อย

นักข่าวบางคนนิสัยก็ดีทว่าบางคนกลับไม่ใช่แบบนั้น พอตอบคำถามไม่ถูกใจหรืออ้อมเกินไปก็กุข่าวขึ้นมาเพื่อโจมตี ผมเองก็เจอบ่อยในอดีตนั่นเลยทำให้ผมที่มาเกิดใหม่ในเวลานี้ไม่ค่อยปลื้มใจเท่าไหร่ที่ได้เห็นนักข่าวอีกครั้ง

“หากไร้นักข่าวก็ไร้ข่าวสาร ชาวบ้านตาดำๆที่ไม่มีโอกาสได้เข้าเมืองหลวงก็ไม่อาจรับรู้ข้อมูลหรือเรื่องราวที่สำคัญ ดังนั้นการมีอยู่ของนักข่าวจึงสำคัญและราชวงศ์ต้องรับมือกับมันให้ได้” ลินคอล์นพูดขึ้นราวกับว่าอ่านเสียงในใจผมได้

“แต่กระนั้นข่าวเหล่านั้นก็เป็นดาบสองคมนะเพคะ องค์ชายทั้งสองพระองค์เองในอนาคตก็จะต้องพึงระวังในการตอบคำถามของนักข่าว” มาดามว่าตอบพร้อมกับมองไปที่ลินคอล์น “โดยเฉพาะองค์ชายหนึ่งนะเพคะ ต้องระวังให้มากๆเพราะบางสำนักข่าวมักจะเขียนข่าวเหน็บแนมพระองค์บ่อยครั้ง”

ลินคอล์นถอนบายลมหายใจออกมาเป็นครั้งที่สอง “ช่างมันเถิดมาดาม คนที่เกลียดต่อให้พิสูจน์หรือพยายามเท่าใดก็เปล่าประโยชน์ สิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสนใจในตอนนี้คือเทรย์เวอร์ต่างหาก เด็กวัยสิบเอ็ดเดือนที่มีสิทธิ์โดนเขียนข่าวเสียหาย” พี่ชายผมสีชมพูดอกคามิเลียว่าแบบนั้นพลางทอดสายตามองออกไปที่ด้านนอกพระราชวัง

ชีวิตของพวกเราสองคนก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ผมคิด

“ชีวิตของเราและเทรย์เวอร์มันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ” ลินคอล์นเอ่ยเสียงแผ่วขณะที่กอดอก ส่วนผมนั้นตกใจที่ตัวพี่ชายของผมนั้นพูดออกมาเหมือนกับที่ผมคิด “แต่มาดามอย่าห่วงไปเลย เราจะเป็นคนปกป้องเทรย์เวอร์เอง”

มาดามที่ได้ยินเช่นนั้นก็คลี่ยิ้มพร้อมกับดวงตาที่แสนจะอ่อนโยน “เข้าไปข้างในกันเถิดเพคะ หลังเปลี่ยนฉลองพระองค์เสร็จจะเสด็จทอดพระเนตรดอกไม้ที่สวนก็ย่อมได้นะเพคะ” พี่ชายผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่จะเดินจูงมือมาดามเข้าไปด้านใน

พิธีการประกาศนามผ่านไปได้ด้วยดีหลังจากนั้นเจ็ดวันข่าวเกี่ยวกับผมและลินคอล์นก็ถูกกระจายออกไปรวมถึงคำทำนายของท่านอาร์คบิชอป ยิ่งทำให้อิทธิพลของผมนั้นแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง ความคาดหวังที่ผมนั้นจะต้องแบกรับเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

และแน่นอนว่าคำทำนายของท่านอาร์คบิชอปกับการประกาศนามของผมที่ถูกตีพิมพ์โดยสำนักข่าวที่ทั้งดังรวมถึงมีอิทธิพลนั้นย่อมไปไกลจนถึงจักรวรรดิอื่นที่อยู่ใกล้เคียง ผมเองก็ไม่รู้ไปไกลแค่ไหนนะ เนื่องจากสำนักข่าวนี้ที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิเนธิลอร์เป็นสำนักข่าวที่มีชื่อเสียงที่สุดและเชื่อถือได้มากที่สุด

“คุณชายคะ หนังสือพิมพ์มาส่งแล้วค่ะ อยากให้ดิฉันอ่านให้ฟังเหมือนที่ทำทุกวันมั้ยคะ ดูเหมือนข่าวครั้งนี้น่าสนใจมากค่ะ” เสียงสาวใช้ดังเจื้อยแจ้วพร้อมกับการเปิดประตูจนบุคคลที่ถูกเรียกต้องหันไปมอง เด็กหนุ่มผู้ครอบครองเรือนผมสีดำขลับเงยหน้าจากของกินพลางกะพริบตาถี่ๆ

จากนั้นเขาก็ยิ้ม “ได้สิ อ่านให้ผมฟังได้เลย เนื้อหาของข่าวมันเกี่ยวกับอะไรหรือ?” คุณชายน้อยผู้สูงส่งถาม ในด้านของสาวใช้นั้นไม่รอช้ารีบกรูเข้าไปหานายของตนเองและอ่านหัวข้อข่าวให้ฟัง ซึ่งเป็นข่าวที่มีเนื้อหาน่าสนใจมากเลยทีเดียว

“เกี่ยวกับพิธีประกาศนามองค์ชายลำดับที่สองแห่งจักรวรรดิเนธิลอร์ค่ะคุณชาย” เธอแย้มยิ้มด้วยความตื่นเต้น “ทั้งหน้าตาและสีผมเหมือนองค์จักรพรรดิราวกับถอดแบบออกมาเลยค่ะ และดูเหมือนว่าองค์ชายลำดับสองคนนี้จะสำคัญมาก”

เธออ่านเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ให้ผู้เป็นนายฟัง และเขานั้นก็นั่งฟังอยู่อย่างสงบเสงี่ยมพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีตไปด้วย ดูเหมือนว่าช่วงห้าขวบเขาจะจำอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่นักทำให้ไม่คุ้นเคยว่าข่าวการประกาศนามขององค์ชายลำดับที่สองจะสำคัญถึงเพียงนั้น

“ขอบคุณมากนะเมแกน วางหนังสือพิมพ์ไว้ตรงนี้ได้เลยนะเดี๋ยวผมขอทานของว่างต่ออีกสักหน่อย” เจ้าตัวว่าแบบนั้นก่อนที่ส่งยิ้มอันแสนอ่อนโยนให้แก่สาวใช้

“ค่ะ คุณหนูแร็คน่าร์ขอบคุณจริงๆนะคะที่ให้ดิฉันได้ฝึกอ่านและเขียนทุกวัน” เธอกล่าวขอบคุณด้วยความยินดียิ่ง ส่วนทางด้าน ‘แร็คน่าร์’ นั้นก็พยักหน้าตอบรับคำขอบคุณอย่างมีมารยาท นี่คือสิ่งแรกที่แร็คน่าร์ได้เริ่มทำและเปลี่ยนแปลงมันได้

ในอดีตสาวใช้ตระกูลของแร็คน่าร์นั้นถูกกดขี่อย่างหนักแม้กระทั่งการอ่านเขียนก็ไม่มีโอกาสได้ทำทั้งๆที่กฎหมายของจักรวรรดิโซลาสต้าได้บอกไว้แล้วว่าข้ารับใช้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้อ่านและเขียน ด้วยเหตุนี้การย้อนเวลากลับมาของแร็คน่าร์สิ่งที่ควรทำเป็นสิ่งแรกคือปัญหาด้านนี้

แร็คน่าร์ทำได้สำเร็จเพราะความพยายามอย่างหนักของตนเอง เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและเพื่อไม่ให้ตระกูลของตนเองนั้นแปดเปื้อนไปด้วยมลทินไปมากกว่านี้ ที่สำคัญคือการรักษาตระกูลของตนเองให้คงอยู่ไว้

“เทรย์เวอร์ ฮาร์ค ดาร์นีย์งั้นหรือ...น้องชายของเจ้าองค์ชายลินคอล์นนั่นสินะ ผมแดงดั่งเปลวเพลิงและนัยน์ตาสีอำพันงดงาม แต่ก็คงไม่ใช่คนในฝันของเราหรอก นี่เด็กสิบแปดเดือนส่วนคนในฝันเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกอย่างใช่ว่าโลกนี้จะมีคนผมแดงตาสีอำพันแค่ราชวงศ์ดาร์นีย์สักหน่อย” แร็คน่าร์ขำขันเล็กน้อย

หลังจากนั้นก็วางหนังสือผมลงบนโต๊ะริมหน้าต่างก่อนที่จะเดินออกจากห้องของตนเองไปเพื่อเตรียมตัวเรียน ยามประตูปิดตัวลงสายลมจากวสันต์ฤดูก็โชยพัดเข้ามาตรงหน้าต่างที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ หนังสือพิมพ์เล่มนั้นปลิวออกไปตามสายลมและหายวับไปโดยไม่รู้ว่าไปตกที่ไหน

บรรทัดสุดท้ายของหน้าหนังสือพิมพ์กล่าวว่า ‘เทรย์เวอร์ ฮาร์ค ดาร์นีย์ ได้ปรากฎตัว ผู้เป็นองค์ชายลำดับสองของราชวงศ์ดาร์นีย์แห่งจักวรรดิเนธิลอร์ ราชวงศ์เดียวในโลกที่มีผมสีแดงดั่งเปลวเพลิงและนัยน์ตาสีเหลืองอำพันหายากที่จะพบได้ที่อื่น’

 ดูเหมือนว่าสาวใช้และแร็คน่าร์จะลืมให้ความสนใจจุดนี้ไปโดยปริยาย...

 

 

 _____